อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ – บทที่ 40 ขอให้โม่เยว่ช่วย

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 40 ขอให้โม่เยว่ช่วย

นิสัยอารมณ์ร้อนนี้ เหมือนกับโม่เยว่ไม่มีผิดจริงๆ……

แต่ว่า ตอนนี้โม่เยว่ดีขึ้นมาหน่อยแล้ว ดูแล้วโม่เฟยเฟยก็พอจะสูสีกับนิสัยของโม่หุยเฟิงอยู่

หยุนหว่านหนิงส่ายหน้าอย่างจนใจ “องค์หญิงเก้า ท่านจะฟังที่ข้าพูดจบก่อนไม่ได้หรือ?”

“ข้าไม่มีอะไรจะพูด! หยุนหว่านหนิง สี่ปีก่อนข้าก็สาบานแล้วว่า หากได้เจอเจ้าอีกครั้ง จะสับเจ้าเป็นหมื่นๆชิ้นอย่างแน่นอน!”

โม่เฟยเฟยจ้องมองนางอย่างดุดัน โกรธจนเส้นเลือดบนหน้าผากปูดออกมา

ในสี่ปีนี้ เพราะโม่เยว่กักบริเวณหยุนหว่านหนิงเอาไว้

มิเช่นนั้น โม่เฟยเฟยจะสับนางเป็นหมื่นๆชิ้นจริงๆ

เห็นนางโกรธสุดขีด กลัวว่านางจะโกรธจนเสียสุขภาพ มู่ลี่รีบร้อนพูดแทนหยุนหว่านหนิง “องค์หญิงอย่าโกรธไปเลย! เมื่อครู่ท่านถูกไฟโกรธจู่โจมหัวใจเฉียบพลัน พระชายาหมิงเป็นคนช่วยท่านเอาไว้”

“และก็เป็นนางที่เป็นคนทำให้ข้าโกรธจนหมดสติ!”

สีหน้าท่าทางของโม่เฟยเฟยเคร่งขรึมขึ้นมากะทันหัน ตะโกนไปทางมู่ลี่ “เจ้าคนกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา ตบปาก!”

มู่ลี่ก้มหน้าลงอย่างน้อยใจ เริ่มตบปากตัวเอง

หยุนหว่านหนิงทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว

“องค์หญิงเก้า”

นางขมวดคิ้ว “ท่านมีอะไรก็ใส่มาที่ข้าก็พอ ไม่จำเป็นต้องทำให้มู่ลี่ลำบากใจ เมื่อครู่ตอนที่ท่านหมดสติไป สาวใช้ทั้งหลายของท่านล้วนเป็นห่วงอย่างมาก”

คิดไม่ถึงว่านางจะพูดแทนนาง มู่ลี่มองดูนางด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยครู่หนึ่ง

แต่การกระทำในมือไม่ได้หยุดลง ยังคงตบปากด้วยเสียงอันดังต่อไป

“ข้าสั่งสอนสาวใช้ เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย?! เจ้าไม่ต้องมายุ่ง!”

สายตาของโม่เฟยเฟย ราวกับจะกินคน “หยุนหว่านหนิง ถ้าหากเจ้ารู้ว่าอะไรควรไม่ควรทางที่ดีที่สุดก็รีบไสหัวออกไปทันที! เจ้าต้องรู้ว่า มู่ลี่ถูกลงโทษเพราะเจ้า!”

“ไสหัวออกไป!”

เห็นว่าหากนางยังไม่ไป โม่เฟยเฟยก็จะยืนกรานลงโทษมู่ลี่ต่อไป……

ภายใต้ความจำใจ หยุนหว่านหนิงก็ได้แต่ออกจากตำหนักเว่ยหยางไป

วันนี้พบหน้า ก็จบลงด้วยความพ่ายแพ้อีกครั้ง

คิดไปคิดมา หยุนหว่านหนิงรู้สึกว่าทำเช่นนี้ต่อไปก็ไม่ใช่หนทาง

โม่เฟยเฟยเกลียดนาง แทบอยากจะฆ่านางให้ตาย

ดังนั้น นางมาสิบครั้งเกรงว่าจุดจบก็คงเหมือนกัน ดูท่า คงต้องหาผู้ช่วยสักคนแล้ว อย่างน้อยก็ทำให้โม่เฟยเฟยสามารถฟังนางพูดอย่างสงบได้

หยุนหว่านหนิงกลับมาที่จวนอ๋องอย่างหนักอกหนักใจ

เพิ่งจะเข้าประตู ก็ชนกับโม่เยว่ที่กำลังจะออกไปพอดี

“วิญญาณออกจากร่างหรืออย่างไร?”

หลังจากที่ถูกนางชน เดิมทีโม่เยว่อยากจะโกรธ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นนางความโกรธก็ลดลงไปไม่น้อย

ตอนที่ชนกันเมื่อครู่นี้ หน้าอกของเขายังเจ็บเลย ไม่รู้ว่าหัวของนางเจ็บหรือเปล่า

“เจ้ากำลังจะไปไหน?”

หยุนหว่านหนิงมองเขาครู่หนึ่ง ตอบไม่ตรงคำถาม “เวลาก็ไม่เช้าแล้ว ยังจะออกไปข้างนอกอีกหรือ?”

สีหน้าท่าทางของโม่เยว่เคร่งขรึมเล็กน้อย “อืม ค่ายเสิ่นจีเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย ข้าจะไปดูหน่อย ได้ยินว่าวันนี้เจ้าเข้าวังไปอีกแล้ว มีเรื่องอะไรใช่ไหม?”

คนที่สามารถทำให้โม่เฟยเฟยฟังนางพูดได้อย่างสงบ โม่เยว่ก็คือคนที่เหมาะสมคนนั้นไม่ใช่หรือ? !

หยุนหว่านหนิงดีใจมากในทันที คว้าข้อมือของเขามาจับไว้โดยสัญชาตญาณ “ท่านอ๋อง ข้ามีเรื่องจะขอร้องท่าน”

“ขอร้องข้า?”

เรื่องนี้แปลกใหม่อยู่

ช่วงที่ผ่านมานี้ ผู้หญิงคนนี้จะทำอะไร มักจะ “ออกคำสั่ง” กับเขาโดยตรง

เคยขอร้องเขาที่ไหน?

โม่เยว่นึกขำในใจ ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ปล่อยให้นางดึงเขาเดินไปทางห้องโถงใหญ่ “หากว่าตอนนี้ท่านอ๋องไม่รีบร้อนออกไป ก็ฟังข้าพูดก่อนเถอะ”

เรื่องของเขา ก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร

โม่เยว่เดินตามนางเข้าไปในห้องโถงใหญ่

ในตอนนี้ หากไม่ใช่เพราะหยุนหว่านหนิงมีความในใจ ต้องสามารถรู้สึกได้ว่า ท่าทีที่เขามีต่อนาง ดูเหมือนจะไม่ได้มีเจตนาอันเป็นศัตรูเหมือนในอดีตแล้ว

“พูดมาเถอะ มีเรื่องอะไร?”

เขานั่งลงตรงข้ามนาง

หยุนหว่านหนิงกระบิดกระบวนเล็กน้อย

“คืออย่างนี้ ตอนนั้นสมองข้าถูกลาเตะมาเลยโง่เง่าไป อยากจะทำร้ายองค์หญิงเก้าไม่ใช่หรือ?”

นางก็รู้ว่านางสมองถูกลาเตะมาเลยโง่เง่าหรือ?

“เจ้าสามารถรู้ถึงข้อนี้ได้ แสดงให้เห็นว่ายังพอมีทางเยียวยาอยู่”

สายตาของโม่เยว่เย็นยะเยือก น้ำเสียงก็เย็นยะเยือก

หยุนหว่านหนิง: “……”

เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะให้เจ้าเย็นยะเยือกทันที? !

“ท่านอ๋อง ข้ากำลังพูดเรื่องจริงจัง! ก่อนหน้านี้ข้าให้หรูยี่ไปจับตัวโหยวเอ้อมาใช่ไหม? โหยวเอ้อคนนั้นก็คือไอ้สารเลวที่ข้าจ้างมาทำร้ายองค์หญิงเก้า”

เรื่องนี้ โม่เยว่รู้

เขาจ้องมองนางอย่างเคร่งขรึม “แล้วอย่างไรล่ะ?”

พูดถึงเรื่องนี้ มากน้อยหยุนหว่านหนิงก็รู้สึกร้อนตัวอยู่บ้าง

นางยิ้มออกมาอย่างอึดอัด “ตอนนี้ข้ากลับตัวกลับใจแล้ว อยากจะให้องค์หญิงเก้ายกโทษให้ไม่ใช่หรือ?”

ที่แท้ นางจับตัวโหยวเอ้อก็เพื่อเหตุผลนี้

สองวันนี้เข้าวังไป คิดว่าก็น่าจะเป็นเพราะเรื่องนี้

“ใครจะรู้ว่า ให้ตายอย่างไรองค์หญิงเก้าก็ไม่ยอมพบข้า!”

หยุนหว่านหนิงถอนหายใจเบาๆเฮือกหนึ่ง พยุงแก้มเอาไว้ไม่รู้จะทำอย่างไรดี “ในอดีตข้าก็คือคนสารเลวที่คนเห็นคนเกลียดคนหนึ่ง! ข้าก็รู้ตัวว่าผิดแล้ว ว่ากันว่ากลับตัวกลับใจย่อมมีทางออกไม่ใช่หรือ?”

“ข้าก็แค่อยากกลับตัวกลับใจ ทำไมมันถึงยากเย็นขนาดนี้ล่ะ?”

นางค่อนข้างรู้จักข้อบกพร่องของตัวเองดีนี่ รู้ว่านางในอดีตคนเห็นคนเกลียด

โม่เยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“เจ้าทำร้ายเฟยเฟยไปไม่น้อย หากข้าเป็นเฟยเฟย ก็ไม่อยากพบเจ้า”

น้ำเสียงของเขายังคงเย็นยะเยือก

“ข้าก็รู้ตัวว่าผิดไปแล้ว ท่านไม่ต้องเอามีดมาแทงบนหัวใจข้าจะได้ไหม?”

หยุนหว่านหนิงกลอกตามองไป “เรื่องในตอนนั้นยังมีความลับซ่อนอยู่! เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะข้า แต่คนที่จะทำร้ายองค์หญิงเก้าความจริงแล้วไม่ใช่ข้า”

ความเป็นมาของเรื่องราว โม่เยว่ได้ยินกับหูตัวเองนานแล้ว

เขามองดูนางอย่างลึกซึ้งครู่หนึ่ง “เจ้าอยากจะพบเฟยเฟยจริงหรือ?”

“แน่นอนอยู่แล้ว! ถึงแม้วันนี้ข้าจะได้พบนางแล้ว แต่ก็ถูกนางใช้น้ำสาดตั้งแต่หัวจรดเท้า ข้าไม่ได้ทำการตอบโต้ใดๆเลย ท่าทีจริงใจมากพอแล้วใช่ไหม?”

หยุนหว่านหนิงรีบพยักหน้า

โม่เยว่ถึงได้มองพิจารณานางโดยละเอียดครู่หนึ่ง

ตอนนี้ท่าทางนางแบบนี้ ดูทุลักทุเลเล็กน้อยจริงๆ

ถึงแม้จะผ่านการจัดการแล้ว แต่ผมก็ยังคงยุ่งเหยิงอยู่เล็กน้อย

“ทำไมเจ้าต้องอธิบายกับนางด้วย?”

น้ำเสียงของโม่เยว่ ฟังไม่ออกว่ายินดีหรือโกรธ แต่คลุมเครือไม่ชัดเจนดูเหมือนจะมีความหมายลึกซึ้งอย่างอื่น

“อย่างไรนางก็เป็นน้องสาวสามีของข้า! ตอนนี้สถานการณ์ของข้าก็ยากลำบากมากพอแล้ว ไม่อยากเป็นศัตรูกับใครอีก โดยเฉพาะกับนาง……ถึงแม้ว่าจะเพื่อท่าน ข้าก็ต้องอยู่กับองค์หญิงเก้าอย่างสงบสุขถึงจะถูก”

คำพูดพวกนี้ หยุนหว่านหนิงพูดได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก

ดูเหมือนจะเห็นโม่เยว่ เป็นสามีจริงๆ

“ข้าช่วยเจ้าแล้ว มีผลประโยชน์อะไร?”

“อ้าปากก็พูดถึงแต่เรื่องผลประโยชน์! ทำไมท่านถึงเป็นคนเลือกปฏิบัติเช่นนี้?”

หยุนหว่านหนิงกลอกตามองบน “ท่านอย่าลืมนะ ดีร้ายอย่างไรท่านก็เป็นถึงท่านอ๋องหมิง! มุ่งเน้นไปที่ผลประโยชน์ตัวเองเป็นหลักเช่นนี้จะดีจริงๆหรือ?”

“เช่นนั้นเจ้าจะให้ข้าช่วยเจ้าอย่างไร?”

“ง่ายมาก! พรุ่งนี้เราเข้าวังไปพร้อมกัน หากองค์หญิงเก้าไม่ยอมฟังที่ข้าพูด ท่านก็อุดปากของนางไปโดยตรงก็พอ! ข้าจะโยนโหยวเอ้อไปตรงหน้านาง รอให้โหยวเอ้ออธิบายด้วยตัวเอง!”

ขณะที่พูดไป ภาพฉากนี้ก็แวบเข้ามาในหัวของนาง

ความรู้สึกของภาพฉากนั้น ทรงพลังมาก!

หยุนหว่านหนิงยิ้มออกมาอย่างได้ใจ “ท่านก็แค่ต้องทำตัวเครื่องมือที่ไร้อารมณ์ความรู้สึกก็พอ!”

หากโม่เฟยเฟยเห็นว่าโม่เยว่มากับนาง อย่างน้อยก็น่าจะใว้หน้าเล็กน้อยใช่ไหม?

นางตบไปที่ไหล่ของโม่เยว่ “ดังนั้นพรุ่งนี้ ไม่ว่าอย่างไรท่านต้องยืนอยู่ข้างข้าให้ได้! มิเช่นนั้นความเข้าใจผิดระหว่างข้ากับองค์หญิงเก้า เกรงว่าจะไม่สามารถคลี่คลายได้แล้ว!”

เขาหมดคำจะพูด

“หยุนหว่านหนิง เจ้าอย่าลืมว่า เจ้ากำลังขอร้องข้าทำงานให้อยู่!”

“เราสองสามีภรรยา ขอร้องไม่ขอร้องอะไรกันล่ะ!”

หยุนหว่านหนิงหัวเราะแฮะๆ คาดไม่ถึงว่าถูกโม่เยว่คว้ามือเล็กเอาไว้ “งั้นหรือ? สองสามีภรรยาหรือ?”

“จนถึงตอนนี้ เจ้ายังไปไม่ทำตามหน้าที่ในฐานะคนเป็นภรรยาเลยนะ……”

เขาลุกยืนขึ้นมา โอบหยุนหว่านหนิงเข้าไปในอ้อมแขนตามสถานการณ์ บรรยากาศเปลี่ยนเป็นความคลุมเคลือไม่ชัดเจนในทันใด

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

Status: Ongoing
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ เป็นเรื่องราวความรักเกี่ยวกับการเดินทางที่ยากลำบากของตัวเอกชายและหญิง รู้จักกัน ตกหลุมรัก ผ่านเหตุการณ์และความยากลำบากมากมาย แต่สุดท้ายก็กลับมารวมกัน?คืนวันข้ามภพ ณห้องหอ หยุนหว่านหนิงถูกชายชั่วโม่เยว่เนรเทศออกมาจากวังหลัง ถูกจองจำสี่ปีเต็มๆ! เดิมคิดว่า สี่ปีมานี้นางอยู่อย่างยากลำบาก ต้องกลายเป็นยายแก่ขี้เหร่เป็นแน่! แต่หุ่นเธอช่างอรชรอ้อนแอ้นเต่งตึงเสน่ห์บาดใจ ผิวขาวราวกับหิมะ ใช้เงินมือเติบ ข้างกายยังมีเจ้าก้อนแป้งที่หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ…… โม่เยว่นัยน์ตาร้อนเผ่า “เจ้าเอาเงินมาจากที่ใด!แล้วลูกมาจากไหน?!” เจ้าก้อนแป้งถลึงตามองเขา:“ไปให้ไกลจากท่านแม่ข้า!” หลังจากสืบรู้เรื่องเมื่อปีนั้นแล้ว โม่เยว่สีหน้าจริงใจ:“เมียจ๋า ข้าผิดไปแล้ว!ลูกชาย พ่อผิดไปแล้ว!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท