อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 45 ท่านลุง ท่านรองกู้
“มิใช่”
หยุนหว่านหนิงรับถ้วยยาไปอธิบายว่า “ข้าได้กลิ่นยานี้ออกจะคัดจมูกไปเสียหน่อย ไม่รู้ว่าท่านลุงเป็นอะไรกันแน่ เลยไม่อยากให้เขาดื่มยานี้เท่านั้นเอง”
สำหรับคำพูดของเธอ กู้ป๋อจ้งย่อมไม่มีทางสงสัยอยู่แล้ว
เขาพยักหน้า จูงมือหยวนเป่าเข้าห้องไป
กู้ป๋อจ้งกำลังถามท่านหมอหลายท่านเกี่ยวกับอาการของกู้หมิง
หยุนหว่านหนิงเดินเข้าไปใกล้เตียง เตรียมจะจับชีพจรให้กู้หมิง
ท่านลุงผู้นี้เธอได้เจอน้อยครั้งมาก
อันที่จริงกู้ป๋อจ้งมีลูกชายสองคนลูกสาวหนึ่งคน
ท่านใหญ่กู้ท่านลุงใหญ่ของหยุนหว่านหนิงเกิดเหตุทำให้เสียชีวิตตอนอายุหนึ่งขวบ เรื่องนี้มีคนรู้ไม่มาก เลยคิดกันว่า กู้ป๋อจ้งมีแค่ลูกชายและลูกสาวอย่างละคน
ก็คือท่านแม่ของหยุนหว่านหนิงและกู้หมิง
แต่คนเก่าคนแก่ของตระกูลกู้ ล้วนเรียกขานกู้หมิงว่าคุณชายรอง
ต่อมา เมื่อท่านแม่ของหยุนหว่านหนิงป่วยตาย กู้ป๋อจ้งต้องโศกเศร้าจากการที่ลูกสาวตายก่อนพ่อแล้ว ทั้งยัง
เรียกได้ว่า ส่งศพลูกชายสูงสาวอย่างละหนึ่ง นับตั้งแต่นั้นมานิสัยเขาก็แปลกไป
กู้หมิงเป็นลูกหลงของกู้ป๋อจ้ง ร่างกายอ่อนแอตั้งแต่เด็ก อายุมากกว่าหยุนหว่านหนิงแค่เจ็ดแปดปีเท่านั้นเอง
หลายปีมานี้เขานอนป่วย ไม่ได้แต่งงานมีลูก
คนของตระกูลกู้หน้าตาดีอยู่แล้ว
เพราะว่าป่วยมาหลายปี กู้หมิงสีหน้าซีดเผือด ดูแล้วอ่อนแอกว่าคนธรรมดานัก
ผิวยิ่งซีดขาว ยิ่งทำให้ริมฝีปากดูแดงมากกว่าเดิม
ว่ากันว่า หลานจะเหมือนลุง หยุนหว่านหนิงและกู้หมิง หน้าตาดูคล้ายกันอยู่หลายส่วน
เธอยื่นนิ้วมือออกมาวางลงบนจุดชีพจรของกู้หมิง
ข้างหูพลันได้ยินเสียงท่านหมอหลายคนว่า “นายท่านกู้ โรคของท่านรองกู้เกิดอาการหนักขึ้นมา พวกเราปรึกษากันแล้ว ต่างไร้หนทางรักษาแล้ว”
“ใช่ไง! ถึงจะบอกว่า ทุกปีตอนเข้าฤดูใบไม้ร่วง ท่านรองกู้จะอาการหนักขึ้น แต่ปีนี้กลับดูหนักเป็นพิเศษ!”
“ท่านรองกู้อาการสาหัสนัก น่ากลัวจะ…”
ไม่รอดฤดูหนาวนี้
ท่านหมอหลายคนพร้อมใจกันปิดปากเงียบ พวกเขามองกู้ป๋อจ้งอย่างคล้ายจะพูดอะไร
ความสงสารในดวงตาพวกเขา กู้ป๋อจ้งเข้าใจ
มือของเขาที่กอดหยวนเป่าไว้กำลังสั่นสะท้าน
เขากู้ป๋อจ้งชีวิตนี้ไม่มีบุญเรื่องลูกหลานจริงรึ?!
ตระกูลกู้ของเขา จะสิ้นลูกสิ้นหลานจริงรึ?!
ตอนแรกลูกชายคนโตเสียไปก่อน จากนั้นลูกสาวเสียไปอีก ต่อมาภรรยาก็เสียไป ชีวิตนี้เขาไม่ต้องการอะไรเลย ไม่ขออำนาจลาภยศอะไร ขอแค่ให้ลูกชายคนเล็กสามารถมีชีวิตรอดอยู่อย่างปลอดภัยได้
ขอแค่กู้หมิงหายดี ก็จะสามารถสืบทอดลูกหลานให้ตระกูลกู้ได้
หลายปีมานี้ กู้ป๋อจ้งดูแลกู้หมิงด้วยตัวเอง เชิญท่านหมอ หมอหลวงมากมายมาคอยดูแลรักษาเขา
แต่ใครจะรู้ว่า สุดท้ายกู้หมิงยังไม่ถึงสามสิบปี ก็จะลงไปอยู่รวมกับพวกฮูหยินที่ปรโลกแล้ว?!
เหลือคนแก่อย่างเขาคนเดียว จะมีความหมายอะไร?!
กู้ป๋อจ้งริมฝีปากสั่นสะท้าน ไม่พูดอะไร
ถึงนิสัยเขาจะแปลกประหลาด แต่ไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่นอย่างในตอนนี้มาก่อน
หยวนเป่ารู้สึกถึงอาการสั่นสะท้านของเขา รีบยื่นน้ำตาลในมือให้เขา “ตาทวดกินน้ำตาลแล้ว มันหวาน ก็จะดีขึ้นแล้วล่ะ!”
“มีท่านแม่ข้าอยู่ ต้องรักษาท่านลุงเฒ่าได้แน่!”
เสียงปลอบโยนเสียงเล็ก ทำให้คนหวั่นไหวได้ที่สุดแล้ว
กู้ป๋อจ้งฝืนยิ้มออกมา “หยวนเป่ากินเถอะ”
ท่านหมอหลายคนเห็นหยวนเป่าแล้ว แค่รู้สึกว่าเด็กคนนี้หน้าตาดีนัก!
และยังรู้เรื่องเข้าอกเข้าใจ…พ่อแม่ของเขาสอนมาดีมากไปแล้วกระมัง?!
ไม่สิ เมื่อครู่เด็กผู้นี้เรียกนายท่านกู้ว่าตาทวด?!
แบบนี้ เขาก็เป็นลูกของพระชายาหมิงรึ?!
ทุกคนมิใช่ไม่รู้ว่า กู้ป๋อจ้งเป็นท่านตาของพระชายาหมิงหยุนหว่านหนิง แต่ใครต่างก็ไม่คาดคิดว่า พระชายาหมิงที่โดนกักบริเวณสี่ปีจนเหมือนตายไปแล้วจะพลิกสถานการณ์ได้รับการโปรดปรานขึ้นมาได้อีก
ยิ่งคิดไม่ถึงว่า ลูกของนางจะโตถึงขนาดนี้แล้ว?!
เด็กคนนี้เป็นลูกของนางกับอ๋องหมิงรึ?
ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสอดรู้สอดเห็น
กู้ป๋อจ้งหายใจเข้าปอดลึก ฝากความหวังไว้ที่ตัวหยุนหว่านหนิง
สอนหยวนเป่าในจวนอ๋องมานานขนาดนี้ เขาไม่ใช่ไม่รู้ว่าหยุนหว่านหนิงเป็นหมอ
แต่กู้หมิงป่วยมานานขนาดนี้ น่ากลัวต่อให้มีหมอเทวดาก็คง…
เขาไม่กล้าคิดต่อไป กู้ป๋อจ้งพึ่งหันกลับมา หยวนเป่าในอ้อมกอดก็ยื่นมือมาเช็ดน้ำตาที่หางตาเขาให้แล้ว “ตาทวด อย่าร้องไห้ไปเลย”
“ได้ เด็กดี”
เขาทนไม่ไหวกอดหยุนเสี่ยวหยวนในอ้อมกอดแน่น
หยุนหว่านหนิงตรวจละเอียดมาก
เพราะนอนป่วยมาหลายปี กู้หมิงผอมไปหน่อย
เธอจับชีพจรมือซ้ายใหเขาแล้ว ก็เปลี่ยนเป็นมือขวา
ท่านหมอหลายคนต่างยืนดูอยู่ข้างๆอย่างแปลกใจ พวกเขาไม่เคยรู้เลยว่าพระชายาหมิงรู้วิชาแพทย์ด้วย
ผ่านไปอยู่นาน ได้ยินแต่เพียงเสียงกู้ป๋อจ้งที่ถามขึ้นอย่างกังวลว่า “หนิงเอ๋อร์ ท่านลุงเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
หยุนหว่านหนิงส่ายหัว
เห็นประกายแสงแห่งความหวังในดวงตากู้ป๋อจ้งหายไป ดูท่าคงเข้าใจว่าเธอหมดทางช่วยแล้ว ดังนั้นเธอเลยรีบอธิบายว่า “ท่านตาอย่ากังวลไปเลย”
เธอมองหมอหลายคนที่ยืดคอยาวมองเธอ
“ทุกท่าน ลำบากทุกท่านแล้ว! ขอเชิญกลับไปก่อนเถอะ ที่นี่ยกให้ข้าละกัน”
เธอผงกหัวอย่างสุภาพ
กู้ป๋อจ้งคิ้วขมวดมุ่น ไม่นานก็คลายลง ส่งสัญญาณให้คนรับใช้นำท่านหมอออกไป และจ่ายเงินค่ารักษา
หยุนหว่านหนิงหลับตาลง อธิษฐานในใจว่า ข้าต้องการเครื่องช่วยฟัง
ลืมตาอีกครั้ง ในช่องว่างของห้วงเวลาก็ปรากฏเครื่องช่วยฟังขึ้นมา
เธอถอนหายใจโล่งอก บอกกับกู้ป๋อจ้งว่า “ท่านตา ข้าต้องตรวจท่านลุงให้ละเอียด ท่านพาหยวนเป่าออกไปเดินเล่นก่อน เชื่อข้า ข้าจะไม่ให้ท่านลุงเป็นอะไรแน่”
ออกไปเดินเล่นก็ดี
กู้ป๋อจ้งพาหยวนเป่าออกไป
หยุนหว่านหนิงแค่กลัวว่า หากพวกเขาเห็นเธอหยิบเครื่องมือทางการแพทย์ออกมาจากในช่องว่างของห้วงเวลาแล้วจะตกใจเท่านั้นเอง
เธอสั่งความสาวใช้ให้ปิดประตูแล้วออกไป
ในห้องเหลือแค่เธอกับกู้หมิงสองคน
เธอหยิบเครื่องช่วยฟังออกมา ฟังช่วงปอดของกู้หมิงอย่างตั้งใจ
จู่ๆก็อาเจียนเป็นเลือด สลบไปเลย?
เทียบกับคนธรรมดาแล้ว หัวใจของเขาเต้นช้าและอ่อนแรงกว่าหน่อย ผสานกับปัญหาที่สะท้อนได้จากชีพจรแล้ว รวมกับอาการป่วยหลายปีมานี้ของกู้หมิง….
หยุนหว่านหนิงพอคาดเดาได้หลายอย่าง
ปัญหานี้น่าจะเป็นด้านบนหัวใจ
เป็นไปได้อย่างมากกว่าจะเป็น กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
ส่วนเรื่องจู่ๆก็กระอักเลือด เมื่อครู่เธอตรวจแล้ว น่าจะเป็นเพราะกินยาทำร้ายกระเพาะมาหลายปี
เมื่อครู่ยาชามนั้นที่สาใช้ยกมา ฤทธิ์ยาแรงมาก
ว่ากันว่ายาต้องมีผลข้างเคียงเสมอ กู้หมิงกินยามานานหลายปี ยาอะไรก็กินมาหมดแล้ว แบบนี้ดูท่าต่อให้เป็นกระเพาะแกร่งดุจเพชร ก็โดนทะลุทะลวงหมดแล้ว
หยุนหว่านหนิงเองก็แค่คาดเดา กู้หมิงจะเป็นกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจริงไหม เธอยังไม่แน่ใจ
เพราะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบใกล้เคียงกับอาการเขามากที่สุด อีกทั้งยังเป็นกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเรื้อรัง ดังนั้นเลยอยู่ในสภาพเจ็บป่วยมานานหลายปี
เหล่าท่านหมอไม่ได้ฟังเครื่องช่วยฟัง ไม่อาจวิเคราะห์ได้
ตอนนี้เธอต้องให้แน่ใจว่า เป็นกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจริงไหม
และทำไมถึงเป็นกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบนี่ จะเป็นพิษหรือว่า….
ถ้าเป็นพิษ เป็นไปได้อย่างมากว่า จะโดนพิษ
เพียงแต่ที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด หลายอย่างไม่สะดวก เธอขมวดคิ้วแน่น กลัวจะวิเคราะห์อาการป่วยท่านลุงผิด ได้แต่ขอความช่วยเหลือจากช่องว่างของห้วงเวลา
ถ้ายาที่ปรากฏในช่องว่างของห้วงเวลาคือยาที่ใช้รักษากล้ามเนื้อหัวใจอักเสบพอดี แบบนี้ก็สามารถแน่ใจการคาดเดาของเธอได้
ถ้าไม่ใช่ ก็ไม่ใช่
เธอพึ่งจะหลับตา ช่องว่างของห้วงเวลาก็ตอบรับ
พอดูยาที่ช่องว่างของห้วงเวลาให้มาชัดๆ หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้วแน่น “เวลาสำคัญ ล้อข้าเล่นรึ?!”
เธอคว้ายาขึ้นมาดูพลางขมวดคิ้ว
ยานี่มัน….