อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ – บทที่ 55 หยวนเป่า ก็คือสิ่งมีคำที่ซ่อนอยู่

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่55 หยวนเป่า ก็คือสิ่งมีคำที่ซ่อนอยู่

ฉินซื่อเสวียเองก็คาดไม่ถึงว่า จะเจอโม่เยว่กับหยุนหว่านหนิงที่นี่

โดยเฉพาะหยุนหว่านหนิง

นางสะดุ้งอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว ฉากแบบนี้ นางเคยเห็นมาเยอะแล้ว แผนการกลยุทธ์ทุกอย่างก็ล้วนอยู่ในกำมือของนางทุกครั้ง?

“ที่แท้เป็นอ๋องหมิงกับพระชายาหมิงนี่เอง”

นางเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่าเรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้นในจวนอ๋องหมิงเมื่อสองสามวันก่อนนั้น ไม่เคยเกิดขึ้นเลย “ไม่เจอกันนานเลย”

คำนี้พูดให้กับหยุนหว่านหนิง

แต่ดวงตาคู่นั้น ก็จ้องตรงไปที่โม่เยว่

ช่างเป็นดอกบัวขาวที่ไม่มีใครเทียบได้จริงๆเลย! (ดอกบัวขาว=ผู้หญิงที่ภายนอกดูใสซื่อบริสุทธิ์ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ มีพฤติกรรมที่ไม่ดี)

หยุนหว่านหนิงแอบหมดคำพูดในใจ แต่สีหน้าก็ยังคงนิ่งสงบเหมือนเดิม “พระชายาหยิง ไม่พบกันมานาน สบายดีหรือไม่”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ โม่เฟยเฟยก็ทนไม่ไหวแล้ว

นางปกป้องฉินซื่อเสวียจนติดเป็นนิสัยแล้ว ต่อให้จะสามารถพิสูจน์ได้ว่านางถูกฉินซื่อเสวียวางแผนทำร้าย แต่แต่นางก็ไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อหล่อนได้เร็วขนาดนี้

ดังนั้น จึงรีบช่วยนาง “หยุนหว่านหนิง เจ้าพูดจายังไงกันแน่?”

“สบายดีหรือไม่? พี่สะใภ้สามทำอะไรเจ้า?”

ทันทีที่พูดออกมา สีหน้าของโม่เยว่ก็เย็นลง นางก็รู้ตัวทันที และหันมองหยุนหว่านหนิงโดยสัญชาตญาณ

นางเหมือนยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้ม “องค์หญิงเก้าตื่นตระหนกเช่นนี้ทำไม?ข้าเพียงแค่ทักทายพระชายาหยิงเท่านั้น เพราะไม่ได้เห็นนางมาเป็นสักพักแล้ว”

สิ่งที่ฉินซื่อเสวียถนัดที่สุด ก็คือการประชดประชัน และผฝงความหมายอื่นอยู่ในคำพูด

วิธีนี้ หยุนหว่านหนิงเรียนรู้และใช้มันในขณะนี้เลย!

ฉินซื่อเสวียได้ยินคำนี้ ก็เข้าใจในทันที

นังสารเลวนี้ กำลังพูดเป็นนัยเรื่องที่นางโดนโม่หุยเฟิงกักขัง!

ราวกับว่านางไม่เคยถูกกักขังเลย

ฉินซื่อเสวียแอบคิดแค้นในใจ แต่สายตากลับมองไปยังโม่เยว่ด้วยความคับข้องใจ “ข้าเพียงแค่กล่าวทักทายกับพระชายาหมิงด้วยความหวังใจเท่านั้น แต่กลับเหมือนเป็นข้าที่ผิดไปสักงั้น”

โม่เยว่ไม่สนใจนาง

“พระชายาหยิง ข้าก็กล่าวทักทายกับเจ้าเช่นกันนี่นา”

หยุนหว่านหนิงทำหน้าไร้เดียงสา “หรือว่าเจ้าเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า?”

ฉินซื่อเสวีย:“……”

“เปล่า”

นางยิ้มอย่างเขินอาย รอยยิ้มเหมือนฝืนยิ้มเล็กน้อย แล้วเดินไปนั่งลงข้างโม่เฟยเฟยโดยตรง “เฟยเฟย ข้าได้ยินมาว่าช่วงนี้ท่านไม่สบาย ดีขึ้นหน่อยหรือยัง?”

“เดิมทีข้าควรมาเยี่ยมท่านนานแล้ว แต่ท่านก็รู้ว่า ร่างกายของข้า……”

นางพูดอึกๆ อักๆ

หางตาเหลือบมองหยุนหว่านหนิงเหมือนตั้งใจและเหมือนไม่ได้ตั้งใจ “สาเหตุของโรคนี้ก็เกรงว่าคงหายดีขึ้นไม่ได้แล้ว!”

“โดยเฉพาะในฤดูหนาว ร่างกายยิ่งอ่อนแอ ดังนั้นจึงพักฟื้นอยู่ในจวนอ๋องหยิงมาโดยตลอด และไม่สามารถเข้าวังมาเยี่ยมท่านได้ ท่านคงไม่โกรธพี่สะใภ้สามสินะ?”

หยุนหว่านหนิงไม่เคยเห็นคนหน้าด้านแบบนี้มาก่อน

เมื่อหลายปีก่อนหลังจากที่ฉินซื่อเสวียถูกนาง “ใส่ร้าย” ก็ทำให้ได้โรคติดตัวมา

หลายปีผ่านมา ก็ไม่เห็นมีท่าทีที่จะดีขึ้นเลย

เรื่องนี้ ทุกคนต่างก็รู้ดี

โม่เฟยเฟยก็ยิ่งร้องขอความเป็นธรรมให้นางมาหลายครั้ง

ตอนนี้ ฉินซื่อเสวียก็พูดถึงเรื่องนี้ขึ้น “โดยบังเอิญ” แต่โม่เฟยเฟยกลับไม่ได้ดุว่าหยุนหว่านหนิงเป็นอันดับแรก เพียงแค่ถามอย่างไม่ค่อยปกติว่า “แล้วเจ้าได้เชิญหมอหลวงมาตรวจดูหรือยัง?”

ยังไงนางก็ดีกับฉินซื่อเสวียมาหลายปี จะให้นางปฏิบัติต่อหล่อนอย่างเย็นชาทันที ก็เหมือนจะทำไม่ได้

ขณะพูด โม่เฟยเฟยก็ขยับไปด้านข้างด้วยความหวาดระแวง

เหมือนกับว่า ต้องการออกห่างจากฉินซื่อเสวีย

แต่นางเป็นคนที่เสแสร้งไม่เก่ง

พอขยับ ดวงตาของฉินซื่อเสวียก็ทรุดลงเล็กน้อย

“ตรวจแล้ว บอกว่าต้องพักฟื้นรักษาดีๆ”

ฉินซื่อเสวียปกปิดอารมณ์ไว้อย่างดี พูดอย่างอ่อนโยนว่า “วันนี้เป็นวันฉลองพระชันษาของเต๋อเฟย ท่านจะไปอวยพรวันประสูติที่ตำหนักหย่งโซ่วให้เต๋อเฟยหรือไม่?”

หากต้องการทราบว่านางสนมในวังใครเป็นผู้ที่ได้รับความโปรดปราน เพียงแค่ดูว่าอาศัยอยู่ในตำหนักไหนก็รู้แล้ว

ฮองเฮาจ้าวอาศัยอยู่ในตำหนักคงหนิง เต๋อเฟยที่โปรดปรานที่สุดอาศัยอยู่ในตำหนักหย่งโซ่ว

ว่ากันว่า ในตำหนักหย่งโซ่วนั้นเหลืองอร่ามแวววาว เตียงแกะสลักจากหยก เย็นสบายในฤดูร้อนและอบอุ่นในฤดูหนาว

แถมภายในยังหรูหรามากอีกด้วย

เนื่องจากโม่จงหรานโปรดปรานเพียงเต๋อเฟยเพียงผู้เดียวมาเป็นเวลาหลายปี จึงทำให้เหล่าขุนนางชั้นสูงไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง และทุกๆสามหรือห้าวัน ก็จะยื่นคำร้องให้ “ฝ่าบาทโปรดพระราชทานพระเมตตาอย่างทั่วถึง” และ “ปลดอำนาจของเต๋อเฟย”

แถมกระทั่งมีคน เสนอแนะออกมาโดยตรงว่าให้หน้าฮองเฮาหน่อย……

แต่โม่จงหรานก็ทำเป็นไม่ได้ยิน

ใครให้เต๋อเฟย เป็นคนที่เขารักที่สุดล่ะ?

หลังจากอุบัติเหตุเมื่อสี่ปีก่อน โม่เฟยเฟยก็ไม่เคยก้าวออกจากตำหนักเว่ยหยางแม้แต่ก้าวเดียวเลย

ต่อให้เป็นวันฉลองพระชันษาของเต๋อเฟย ก็ไม่ยกเว้น

หลังจากฟังฉินซื่อเสวียพูดเช่นนี้แล้ว นางก็ลังเลเล็กน้อย “ข้า……”

“ไป”

โม่เยว่ถนอมคำพูดเหมือนดั่งทอง

“ข้าจะไป”

โม่เฟยเฟยกล้าโกรธและไม่กล้าพูด และพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาว่า “พี่เจ็ดกับหยุน……พี่สะใภ้เจ็ด มาที่นี่เพื่อรอให้ข้าไปอวยพรวันประสูติเสด็จแม่พร้อมกัน”

ภายใต้การจ้องมองที่กดดันของโม่เยว่ นางรู้อะไรควรไม่ควร นำ “หยุนหว่านหนิง” สามคำที่กำลังจะพูดออกมากลืนกลับเข้าไป

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็มีความโหดเหี้ยมแวบผ่านจากตาของฉินซื่อเสวียอย่างรวดเร็ว

“จริงหรือ?งั้นข้ามาได้บังเอิญยิ่งนัก”

นางปรับบรรยากาศเก่งมาก “สี่ปีมานี้ท่านไม่เคยออกจากตำหนักเว่ยหยางเลย วันนี้เสด็จแม่เห็นท่านแล้ว คงดีใจเป็นอย่างยิ่งแน่! เสด็จแม่กับเสด็จพ่อก็คงจะโล่งออกโล่งใจลงแล้ว”

ประโยคนี้ฟังผ่านๆไม่มีอะไรผิดปกติ

แต่หยุนหว่านหนิงรู้ว่า ฉินซื่อเสวียกำลังสร้างเรื่อง

นางเตือนโม่เฟยเฟยอย่างสงบเยือกเย็นว่า ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมาที่หล่อนเป็นเช่นนี้ก็เพราะหยุนหว่านหนิง

ใครจะไปรู้ โม่เฟยเฟยเป็นคนใจง่าย

ฟังนัยยะนอกเหนือคำพูดของนางไม่ออก!

ภายใต้สายตาที่กดขี่ของโม่เยว่ นางจะกล้าไปวิเคราะห์นัยยะนอกเหนือคำพูดของฉินซื่อเสวียได้อย่างไร?

นางตอบตามคำพูดของหล่อน “อืม รอข้าแต่งตัวหน่อย ข้าจะไปที่ตำหนักหย่งโซ่วเลย พวกเจ้า พวกเจ้านั่งจิบชาก่อนเถอะ!”

หลังจากพูดจบ โม่เฟยเฟยก็วิ่งหนีเข้าไปในห้องนอนเหมือนดั่งลมกระโชกแรง

ทิ้งสถานการณ์ที่อึมครึมนี้ให้กับโม่เยว่และอีกทั้งสองคน

อย่างไรก็ตาม หยุนหว่านหนิงเป็นคนไม่กลัวสถานการณ์ที่อึมครึมอยู่แล้ว

ขอแค่นางไม่รู้สึกอึดอัด คนที่อึดอัดก็คืนคนอื่น!

บนใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หาเรื่องพูดคุยกับฉินซื่อเสวีย “ไม่ได้เจอกันมาสี่ปี ได้ยินมาว่าพระชายาหยิงมีลูกสาวสองคนแล้ว เป็นโชคลาภจริงๆเลย!”

คำพูดเหล่านี้เข้าหูของฉินซื่อเสวีย ก็เปลี่ยนไปเป็นอีกแบบ

นังสารเลวนี้ กำลังเยาะเย้ยว่านางคลอดเป็นแต่ลูกสาว คลอดลูกชายไม่เป็นรึ? !

โม่หุยเฟิงอยากได้ลูกชาย

นางให้กำเนิดลูกสาวสองคนติดต่อกัน ดังนั้นเขาจึงผิดหวัง และเร่งรีบที่จะแต่งเมียน้อยเพื่อที่จะได้ให้กำเนิดลูกชายแก่เขา

“ขอให้เป็นไปตามคำอวยพรของเจ้า”

ฉินซื่อเสวียยกถ้วยน้ำชาขึ้นเพื่อปกปิดความอับอายบนใบหน้าของตัวเอง

“ลูกสาวนะสิดี! อยู่กับลูกสาวถึงจะได้เสวยสุข”

หากอยู่ในศตวรรษที่ 21 ลูกสาวถึงจะเป็นที่รักของทุกคน คนที่มีลูกก็เลี้ยงเหมือนเลี้ยงวัว ขอแค่ลูกชายปลอดภัย แข็งแรงก็ดีแล้ว เลี้ยงลูกชายแบบจนๆ เลี้ยงลูกสาวแบบรวยๆ!

หยุนหว่านหนิงถอนหายใจ “ต้องคลอดลูกสาวหลายคน ถึงจะเรียกว่าได้เสวยสุข!”

ชาในปากของฉินซื่อเสวียเกลือบจะพุ่งออกมา!

คลอดหลายคน? !

นี่มีเพียงแค่สองคนเท่านั้น โม่หุยเฟิงก็โมโหมากแล้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะว่านางเป็นบุตรีภรรยาหลวงของจวนเซี่ยง ตำแหน่งพระชายาหยิงนี้ก็รักษาไว้ไม่ได้แล้วสินะ? !

อีนังสารเลวนี้ กำลังสาปแช่งนางหรือ? !

ลูกสาว ลูกสาว หยุดพูดหัวข้อนี้ได้หรือยัง !

หัวเราะเยาะนางให้กำเนิดแต่ลูกสาว หยุนหว่านหนิงกลับไม่เห็นให้กำเนิดอะไรเลย มีสิทธิ์อะไรมาหัวเราะเยาะนาง? !

ฉินซื่อเสวียด่าอยู่ในใจ

แต่นางไม่รู้ว่า หยุนหว่านหนิงนั้นยังมีสิ่งมีคำซ่อนอยู่เอาไว้ในมือ

หยุนเสี่ยวหยวน ก็คือสิ่งมีคำที่ซ่อนอยู่!

ฉินซื่อเสวียโกรธและแอบคิดแค้นในใจ กัดฟันด้วยความแค้นแล้วเปลี่ยนหัวข้อเรื่อง “ใช่แล้วพระชายาหมิง เจ้าได้เตรียมของขวัญวันประสูติอะไรให้เสด็จแม่?”

ของขวัญวันประสูติ?

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยุนหว่านหนิงก็วางถ้วยน้ำชาในมือลงทันที “ไอ๊หยา!”

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

Status: Ongoing
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ เป็นเรื่องราวความรักเกี่ยวกับการเดินทางที่ยากลำบากของตัวเอกชายและหญิง รู้จักกัน ตกหลุมรัก ผ่านเหตุการณ์และความยากลำบากมากมาย แต่สุดท้ายก็กลับมารวมกัน?คืนวันข้ามภพ ณห้องหอ หยุนหว่านหนิงถูกชายชั่วโม่เยว่เนรเทศออกมาจากวังหลัง ถูกจองจำสี่ปีเต็มๆ! เดิมคิดว่า สี่ปีมานี้นางอยู่อย่างยากลำบาก ต้องกลายเป็นยายแก่ขี้เหร่เป็นแน่! แต่หุ่นเธอช่างอรชรอ้อนแอ้นเต่งตึงเสน่ห์บาดใจ ผิวขาวราวกับหิมะ ใช้เงินมือเติบ ข้างกายยังมีเจ้าก้อนแป้งที่หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ…… โม่เยว่นัยน์ตาร้อนเผ่า “เจ้าเอาเงินมาจากที่ใด!แล้วลูกมาจากไหน?!” เจ้าก้อนแป้งถลึงตามองเขา:“ไปให้ไกลจากท่านแม่ข้า!” หลังจากสืบรู้เรื่องเมื่อปีนั้นแล้ว โม่เยว่สีหน้าจริงใจ:“เมียจ๋า ข้าผิดไปแล้ว!ลูกชาย พ่อผิดไปแล้ว!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท