อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ ตอนที่ 63 ไกล่เกลี่ยไม่ได้ความ ใช้นางให้เป็นประโยชน์
ฝูงชนชมการแสดงอย่างอยากรู้อยากเห็น
ตอนนี้กลายเป็นแบบนี้เสียแล้ว ฮองเฮาจ้าวกล่าวหยุดยั้ง “ก็แค่น้ำป่ายฮัวขวดหนึ่ง! หลักฐานอะไรยืนยันไม่ได้ ข้าเห็นว่าเรื่องคืนนี้ คงเป็นแค่ความเข้าใจผิด”
“พวกเจ้าสองคนล้วนเป็นสะใภ้ตระกูลเดียวกัน มีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ต้องรักใคร่ปรองดอง”
นางมองหยุนหว่านหนิงด้วยสีหน้าไม่แยแส
สายตาข่มขู่ ฉายแววชัดเจน “เรื่องนี้ได้จบแล้ว วันนี้เป็นวันเกิดของเต๋อเฟยไม่ต้องพูดถึงเรื่องไม่มีความสุขเหล่านี้อีก”
“พวกเจ้าลุกขึ้นมาเถอะ!”
ท่าทางฮองเฮาจ้าวเช่นนี้ ไกล่เกลี่ยไม่ได้ความ
เห็นได้ชัดว่า จงใจเข้าข้างฉินซื่อเสวีย!
ดูแม่สามีคนอื่น!
ท่าทีเย่อหยิ่งขนาดนี้ ปกป้องลูกสะไภ้ของตัวเอง!
แล้วดูแม่สามีของตัวเอง…… เต๋อเฟยขมวดคิ้วมองหยุนหว่านหนิงเห็นได้ชัดว่าเพราะคืนนี้นาง “รังแก” ฉินซื่อเสวียอีกแล้ว เลยไม่มีความสุข
ความสัมพันธ์ระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้ช่างยากเย็นเหลือเกิน!
หยุนหว่านหนิงสบถในใจ
โม่จงหรานก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ฮองเฮากล่าวถูก ทั้งสองลุกขึ้นเถอะ!”
“งานเลี้ยงในพระราชวังดำเนินต่อไป!”
ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องของผู้คน ถ้าหากหยุนหว่านหนิงกับฉินซื่อเสวียก่อเรื่องน่าเกลียด จะเป็นการสร้างความอับอายให้กับราชวงศ์
แต่ว่า เขามองดวงตาของหยุนหว่านหนิงกลับเต็มไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้งหลายส่วน
หยุนหว่านหนิงเปะปากอย่างเงียบ ๆ และลุกขึ้นยืน
นางเป็นพวกรู้ความว่าตอนไหนควรพอ
วันนี้จะปล่อยนังดอกบัวขาวที่ไม่มีใครเทียบนี้ไปก่อน ตราบใดที่ใบหน้าที่แท้จริงของนางถูกเปิดเผย ให้ผู้คนรู้ว่านางไม่ใช่นางฟ้าตัวน้อยที่ไร้พิษภัย เรื่องอื่น ๆ จะค่อย ๆ ว่ากันทีหลัง
เรื่องนางกับฉินซื่อเสวียยังเยอะอยู่!
ไม่รีบร้อน!
แต่ว่า ฉินซื่อเสวียยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างหน้าบึ้ง
เห็นนางไม่ลุก โม่หุยเฟิงกัดฟันตะโกนอย่างโกรธเคือง “เจ้าคุกเข่าทำอะไรอีก ยังไม่ลุกขึ้นมา”
“ท่านอ๋องขาของข้าชา!”
ฉินซื่อเสวียมองนางอย่างไม่พอใจ “ตอนพระชายาหมิงกระโดดลงน้ำไปช่วยข้านั้น ข้ารู้สึกว่าขากับเท้าปวดเหมือนมีอะไรแทง เหมือนถูกอะไรกัด!”
นางเริ่มก่อเรื่องอีกแล้ว
“ข้า ข้าไม่ได้จะบอกว่าพระชายาหมิงทำร้ายข้า……”
นางดูเหมือนหาข้อแก้ตัวอย่างกังวล
ยิ่งลังเลที่จะพูดอย่างนี้ พยายามปิดบัง ผู้คนยิ่งสงสัยว่าต้องเป็นหยุนหว่านหนิงรังแกนาง!
คราวนี้ หยุนหว่านหนิงไม่ทันได้เปิดปาก โม่เยว่พูดอย่างไม่พอใจว่า “พูดถึงเรื่องนี้ พี่สะใภ้ยังไม่ทันได้ขอบคุณ ที่หนิงเอ๋อร์กระโดดลงน้ำเพื่อช่วยเจ้า!”
ฉินซื่อเสวีย “……”
ที่นางต้องการจะสื่อ ไม่ใช่หมายความอย่างนี้!
“ใช่แล้ว พระชายาหยิงย่อมต้องขอบคุณข้า”
หยุนหว่านหนิงยืนอยู่ที่เดิม ดวงตาใสคู่นั้น กะพริบอย่างไร้เดียงสา
ฉินซื่อเสวีย “……”
โม่จงหรานพยักหน้าอย่างครุ่นคิด “อากาศหนาวจัดเช่นนี้ หว่านหนิงก็เป็นกุลสตรี การตัดสินใจฉับพลันกระโดดลงน้ำเพื่อช่วยเจ้า เป็นเรื่องที่น่ายกย่อง!”
“เด็ก ๆ! ตกรางวัล!”
เขาตกให้รางวัลกับหยุนหว่านหนิงฮองเฮาจ้าวเป็นปกติย่อมต้องแสดงออกมาบ้าง
นางยิ้มอย่างผิดธรรมชาติตกรางวัลหยุนหว่านหนิงด้วยสร้อยข้อมือคู่หนึ่ง
หยุนหว่านหนิงรับด้วยรอยยิ้มกว้าง
นางไม่ขาดสร้อยข้อมือ เงินก็ไม่ขาด เมื่อมีของถูกไม่รีบคว้าไว้ก็โง่เต็มทีแล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้น ก็เป็นการยืนยันว่าเป็นนางช่วยฉินซื่อเสวีย!
ฮ่องเต้และฮองเฮาตกรางวัลแล้ว เต๋อเฟยไร้ซึ่งทางเลือก ได้แต่ตกรางวัล นางก็ตกรางวัลน้ำป่ายฮัวขวดหนึ่งอีกครั้ง……
สีหน้าโม่หุยเฟิงน่าเกลียดมาก!
ฉินซื่อเสวียเห็นว่าไม่สามารถหลบหนีได้ ได้แต่กัดฟันค้อมตัวแล้วประสานมือไว้ที่เอวให้หยุนหว่านหนิง “ขอบคุณพระชายาหมิงที่ช่วยเหลือ”
“ความเมตตานี้ ข้าจะจำสลักใจ”
ความแค้นในคืนนี้ นางจะจำสลักใจ ไม่มีวันลืมเลือน!
“พระชายาหยิงรู้ตอบแทนบุญคุณก็ดีแล้ว!”
หยุนหว่านหนิงยิ้มเยาะเย้ย “จำไว้เอาไว้ในคราวหน้า อย่าไปริมน้ำดึกดื่น อย่าจู่ๆ ก็กระโดดลงน้ำ”
“หน้าหนาวนี้ น้ำเย็นยะเยือกมากนะ!”
ใบหน้า ฉินซื่อเสวียบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ!
แต่ทำได้เพียงกัดฟันตอบโต้!
หยุนหว่านหนิงเดินกลับไปข้างกายโม่เยว่
เห็น ฉินซื่อเสวียยังแข็งทื่ออยู่ที่เดิม โม่หุยเฟิงตำหนิด้วยเสียงเบา “ยังขายหน้าไม่พอหรือไร”
“เจ้าตามข้าออกมา!”
เขาหันกายออกไป
สายตานั้น น่าหวาดกลัวมาก
ฉินซื่อเสวียรู้ว่า คืนนี้เกรงว่านางจะหนีไม่พ้นในคืนนี้……นางเหลือบตามองหยุนหว่านหนิงอย่างขมขื่น แล้วก้มหน้าเดินตามโม่หุยเฟิงออกจากตำหนักไท่เหอ
เพิ่งออกจากประตูตำหนัก โม่หุยเฟิงหันกลับและตบหน้านางอย่างแรง!
“นังคนชั้นต่ำทำขายหน้าผู้คน!”
เขาไม่อาจระงับความโกรธในใจได้!
ตอนที่อยู่ในตำหนัก ก็ไว้หน้าฉินซื่อเสวียมากแล้ว!
“ข้ายังไม่ตายนะ! เจ้าอดใจรอไม่ไหวขนาดนี้ ที่จะสวมหมวกเขียว2ให้ข้าหรือไร?!”
“ไม่ใช่เพคะ ท่านอ๋องไม่ใช่นะเพคะ……”
ฉินซื่อเสวียไม่กล้าส่งเสียงร้องไห้ออกมา
กลัวว่าถ้าใครได้ยิน แล้วจะเสียหน้าไปมากกว่านี้
ตอนนี้ทั้งสองคนยืนอยู่หลังพุ่มไม้ เห็นสีหน้าโม่หุยเฟิงเขียวคล้ำ นางไม่สนใจความปวดแสบปวดร้อน คุกเข่าลงทันที “ท่านอ๋อง ข้าถูกปรักปรำ”
“ถูกปรักปรำ?”
โม่หุยเฟิงมองนางอย่างดูแคลน
ท่าทางดุร้ายนั้น ราวกับว่านางจะถูกกลืนทั้งเป็น!
“ขนาดหยุนหว่านหนิงผู้นี้ไม่มีสมอง เจ้ายังรับมือไม่ได้ ถืออะไรมาเป็นพระชายาของข้า !”
คำพูดเหล่านี้ รุนแรงมาก
ฉินซื่อเสวียตกตะลึง
นางมอง โม่หุยเฟิงอย่างเลื่อนลอย หยาดน้ำจากดวงตาเม็ดแล้วเม็ดเล่าร่วงไหลลงมา “ท่านอ๋อง!ข้าก็ไม่รู้ว่า นังคนชั้นต่ำหยุนหว่านหนิงดูเหมือนเป็นคนละคนได้อย่างไร!”
เดิมที ความโกรธของโม่หุยเฟิงไม่ใช่ว่านางที่เกือบจะให้หมวกสีเขียวแก่เขา
กลับเป็น……
นางรับมือหยุนหว่านหนิงไม่ได้?!
ฉินซื่อเสวียไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร เธอจึงได้แต่สะอื้นไห้ “ข้าไม่ได้รับความเป็นธรรม!”
“ไม่ได้รับความเป็นธรรม? ใครไม่รู้บ้างว่าหยุนหว่านหนิงเป็นคนโง่ไม่มีสมอง! แต่ดูเจ้าคืนนี้ นางเหมือนไม่มีสมองตรงไหนกัน”
โม่หุยเฟิงก็กัดฟันด้วยความโกรธ
ลองนึกย้อนถึงช่วงนี้
ด้วยความช่วยเหลือของหยุนหว่านหนิง โม่เยว่ก็เปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกดิน……
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาจะกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่พ่ายแพ้ของโม่เยว่!
ดูเหมือนว่า นังคนชั้นต่ำนี้จะเก็บไว้ไม่ได้จริง ๆ !
“ร้อง ร้อง รู้จักแต่ร้องไห้!”
โม่หุยเฟิงถูกนางร้องไห้จนรู้สึกว้าวุ่นใจ อดไม่ได้ที่จะตวาดด้วยความโกรธ “เจ้าอย่าคิดว่า ข้าไม่รู้ว่าในใจเจ้าคิดอะไรอยู่!”
เห็นเขาไม่ได้คาดโทษนาง ฉินซื่อเสวียถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ท่านอ๋อง ข้าเพียงอยากแบ่งเบาความทุกข์เพื่อท่านอ๋องเท่านั้น!”
นางใคร่คิดในหัวอย่างรวดเร็ว สะอื้นตอบ “ตอนนี้พลังของอ๋องหมิงเพิ่มขึ้น ข้าเกรงว่าท่านอ๋องจะ…”
“ข้ายังสู้โม่เยว่อะไรไม่ได้กัน!”
โม่หุยเฟิงมองนางอย่างหงุดหงิด
ถึงกระนั้น เขาก็มีแผนอยู่ในใจ
เมื่อนึกย้อนไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน ตอนฉินซื่อเสวียกับโม่เยว่มีสัญญาหมั้นหมายอยู่ ท่าทางที่โม่เยว่ปฏิบัติต่อนาง ถือได้ว่ามีความสำคัญ หากนางสามารถดึงหัวใจของ โม่เยว่กลับคืนมาได้……
ด้วยวิธีนี้ ไม่เพียงแต่สืบข่าวของค่ายเสินจีแทนเขาได้เท่านั้น
ยังยุแหย่ความสัมพันธ์ระหว่างสามีและภรรยาของหยุนหว่านหนิงกับ โม่เยว่ได้!
เมื่อทั้งสองขัดแย้งกัน การที่จะเอาชนะพวกเขา ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดาย!
คิดถึงตรงนี้ โม่หุยเฟิงรู้สึกเพียงว่าตัวเองนั้นเป็นอัจฉริยะ!
แสงแวบวาบผ่านดวงตาของเขา ก้มหน้ามองลงฉินซื่อเสวีย “เจ้ายินยอมทำอะไรเพื่อข้าจริง ๆ หรือ”
เพียงได้ยินคำนี้ ดวงใจของฉินซื่อเสวียจมดิ่งลงไป
อย่างไรก็ตาม นางมีความรักอย่างลึกซึ้งต่อโม่หุยเฟิง
แม้ว่าจะถูกเขาใช้ ก็ถือยังมีประโยชน์สำหรับเขา ก็กีกว่าในใจเขามีเพียงหยุนติงหลานเท่านั้นที่ดี ตราบใดที่ โม่หุยเฟิงขึ้นครองราชย์แล้ว ตำแหน่งฮองเฮาเป็นของนาง ฉินซื่อเสวียก็เพียงพอแล้ว!
นางพยักหน้าด้วยท่าทางหนักแน่น “ข้ายินยอมที่จะบุกน้ำลุยไฟเพื่อท่านอ๋อง!”
“ดีมาก”
โม่หุยเฟิงยิ้มด้วยความพึงพอใจ รอยยิ้มมีความอำมหิตเล็กน้อย “ถ้าเช่นนั้น เจ้าไปทำอะไรสักอย่างแทนข้า…”
(1) ภูผาสูงธาราไกล ระยะทางที่แสนไกล
(2) สวมหมวกเขียว หมายถึง ภรรยามีการคบชู้ หรือภรรยานอกใจ