อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ – บทที่ 71 ถกเถียง เต๋อเฟยโมโหยิ่งนัก

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 71 ถกเถียง เต๋อเฟยโมโหยิ่งนัก

หยุนหว่านหนิงค่อนข้างที่จะปราดเปรื่อง สามารถจับประโยคสำคัญตอนหนึ่งได้จากคำของเต๋อเฟยเมื่อครู่

เหตุใดโม่เยว่จึงต้องรั้งคนของเต๋อเฟยเอาไว้?

เขาคิดจะปกป้องนางจริงหรือ?

มิใช่แน่ เป็นไปมิได้หรอก……ระหว่างนางและชายผู้นั้น เรียกได้ว่ามีความสัมพันธ์กันโดยใช้เงินในการซื้อสถานะสามีภรรยาจอมปลอมเท่านั้น!

เมื่อพบว่านางดูตกตะลึงชะงักไป เต๋อเฟยจึงขมวดคิ้วเขาเล็กน้อย “หยุนหว่านหนิง?”

“หยุนหว่านหนิง!!”

นางตบลงไปบนโต๊ะและเรียกด้วยน้ำเสียงดุดันโมโห

หยุนหว่านหนิงจึงได้สติกลับคืนมา “หา เสด็จแม่เรียกลูกหรือเพคะ?”

“เจ้าทำอะไรอยู่กัน กำลังด่าข้าอยู่ในใจใช่หรือไม่?!”

เต๋อเฟยร้องขึ้นเสียงแหลม

“ลูกกล้าหรือเพคะเสด็จแม่?”

หยุนหว่านหนิงยิ้มขึ้นแหะๆ “อ้อจริงสิเพคะเสด็จแม่ เมื่อมิกี่วันก่อนในงานเลี้ยงวันเกิดของเสด็จแม่ จะโทษลูกก็มิได้นะเพคะ เป็นพระชายาอ๋องหยิงที่มาหาเรื่องลูกเอง”

“ถึงอย่างไร บัดนี้ลูกก็เป็นสะใภ้ของเสด็จแม่นะเพคะ!”

“หากมีคนเห็นว่าลูกถูกพระชายาอ๋องหยิงกดขี่ข่มเหงแต่มิกล้าลงมือกลับ……”

นางเบ้ริมฝีปากทำหน้าตาดูห่อเหี่ยวน้อยเนื้อต่ำใจ “นั่นมิเท่ากับเป็นการตบพระพักตร์ของเสด็จแม่หรือเพคะ!?”

ประโยคนี้ดูเหมือนจะมีเหตุมีผลพอควร

ในสายตาของคนอื่น หยุนหว่านหนิงจึงจะเป็นสะใภ้ที่ถูกต้องของนาง ฉินซื่อเสวียเป็นสะใภ้ของฮองเฮาจ้าว

คิดมิถึงว่าเจ้าหนูคนนี้จะเอ่ยเหตุผลอันมีน้ำหนักเช่นนี้ออกมาได้ ดูเหมือนเต๋อเฟยจะประเมินนางต่ำเกินไป

แม้จะมิอยากยอมรับเท่าไหร่นัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าประโยคนั้นของนางมีเหตุมีผล

เต๋อเฟยส่งเสียงหึๆ ออกมา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าเองก็มิควรที่จะทำให้เรื่องราวนี้ไปถึงฮ่องเต้ งานเลี้ยงในคืนนั้น ขุนนางบู๊บุ๋นนับร้อยล้วนเดินทางมาร่วมงาน ขายหน้าตระกูลราชวงศ์ของเรายิ่งนัก!”

“เสด็จแม่เพคะ เข้าใจลูกผิดไปนะเพคะ!”

หยุนหว่านหนิงสูดจมูกขึ้น ดวงตาของมีเมฆหมอกบางๆ คลุมเครือ

นางมองไปด้วยน้ำตาคลอเบ้า แววตานั้นอ่อนช้อย บอบบางน่าสงสาร

“เสด็จแม่เพคะ ในคืนนั้นเห็นได้ชัดว่าพระชายาอ๋องหยิงต้องการก่อเรื่องให้ใหญ่โต นางกระโดดลงไปในน้ำด้วยตนเอง แต่กลับกล่าวหาว่าลูกเป็นคนทำ แต่ลูกใจดีเข้าไปช่วยเหลือนาง……กลับถูกนางแว้งกัดเสียได้”

หยุนหว่านหนิงยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา “เรื่องนี้เมื่อรับรู้ไปถึงหูของเสด็จพ่อ ลูกเองก็มิรู้จะทำเช่นไร”

“หากมิใช่เพราะท่านอ๋องเอ่ยวาจาแทนลูก คาดว่าลูกคงอยากที่จะคัดค้าน ต่อให้กระโดดล้างน้ำในแม่น้ำฮวงโหก็มิอาจชำระสะอาดสะอ้านได้!”

เมื่อกล่าวจบ น้ำเสียงของนางก็ดูสะอึกสะอื้น ราวกับมิสามารถเอ่ยประโยคได้ออกมาได้

เรื่องราวในคืนนั้น ที่จริงเต๋อเฟยเองก็พอจะเข้าใจว่าเกิดเรื่องใดขึ้น

โม่เยว่มิชื่นชอบหยุนหว่านหนิงแต่ไหนแต่ไรมา

แต่เขาเป็นคนที่มีคุณธรรมความดี

บุตรชายของตนมีนิสัยเช่นไร เต๋อเฟยรู้ดีกว่าผู้ใด

แต่ในค่ำคืนนั้น ในเมื่อโม่เยว่เข้ามาปกป้องหยุนหว่านหนิงเอาไว้ นั้นเห็นได้ชัดว่าฉินซื่อเสวียตั้งใจจะหาเรื่อง เหตุผลนี้เต๋อเฟยล้วนเข้าใจ แต่ในอกนั้นมีความรู้สึกโมโหอยู่ หากมิได้ระบายออกไปคงจะอึดอัดใจตาย

เรื่องในงานเลี้ยงคืนนั้น นางมองมิเห็นความผิดของหยุนหว่านหนิง

ดังนั้น กัดฟันพูด“เจ้าเข้าวังมาหลายรอบ ทำไมเจ้ามิเดินทางมาคารวะข้า”

“ข้านับว่าเป็นมารดาของสวามีเจ้า เจ้ามิเดินทางมาคารวะข้าก็มิเท่าไหร่ แต่เมื่อมายังมามือเปล่า ดูซื่อเสวียสิ นางเดินทางมาเป็นประจำ ทั้งยังนำเครื่องดื่มบำรุงร่างกายที่นางปรุงเองมาให้ข้า”

เมื่อหาเหตุผลได้ เต๋อเฟยจะปล่อยนางไปได้อย่างไร

นางบีบบังคับว่า “สะใภ้ที่ไหนเป็นเยี่ยงเจ้ากัน?”

“แม่สามีที่ไหนเป็นเยี่ยงท่านกัน!?”

หยุนหว่านหนิงรีบถกเถียงทันใด

“ เจ้าว่าเยี่ยงไรนะ?”

เต๋อเฟยโมโหเดือดดาลเสียจนแทบเป็นลมล้มพับ

นางเบิกตาจ้องเขม็งไปทางหยุนหว่านหนิง “เจ้ากล้าที่จะต่อคำกับข้าหรือ ข้าในฐานะแม่สามีเป็นอย่างไรกัน? เจ้ากล้าเอ่ยประโยคเดือดแค้นเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร!”

“เสด็จแม่กำลังลำเอียง!”

หยุนหว่านหนิงยืดคอเถียงด้วยความสะอึกสะอื้น

“เจ้าว่าอย่างไรนะ เจ้าลองกล่าวอีกครั้งให้ข้าฟังสิ ดูว่าข้าจะตบปากเจ้าหรือไม่!”

นางเอื้อมมือออกมาทำท่าทางจะตบปากหยุนหว่านหนิง

นางจะมิปล่อยและอ่อนข้อให้เต๋อเฟยแน่

ดังนั้นหยุนหว่านหนิงจึงได้รีบลุกขึ้นยืนแล้วถอยออกไปหลายก้าว “ลูกกล่าวสิ่งใดผิดไปหรือ มารดาสวามีของฉินซื่อเสวียคือฮองเฮาต่างหาก!”

“และฮองเฮาทรงรักเอ็นดูสะใภ้ทั้งสองของนางยิ่งนัก!”

“เสด็จแม่ แล้วท่านเล่า ท่านราวกับเห็นศัตรูผู้อาฆาต และอยากจะกำจัดฆ่าให้ตาย”

เมื่อถึงจุดนี้ หยุนหว่านหนิงก็มิอาจทำตามอย่างนอบน้อมได้อีกต่อไป

เพราะถึงอย่างไร สุดท้ายที่สุดแล้วโม่เยว่ก็จะมาจัดการกับเรื่องที่นางก่อไว้

บัดนี้นางนับว่ากุมโม่เยว่เอาไว้ได้อยู่หมัด

ชายผู้นี้ เขาต้องการจะพิสูจน์ตนเองเสมอมา และต้องการที่จะให้โม่จงหรานยอมรับในตัวเขา

ตราบใดที่นางยังมีประโยชน์สำหรับเขา เขาก็จะมิปล่อยให้นางถูกเต๋อเฟยกำจัดทิ้งไปอย่างแน่นอน……ดังนั้นหยุนหว่านหนิงจึงกล้าที่จะทำให้เต๋อเฟยขุ่นเคืองใจ

หลายเดือนนี้ เต๋อเฟยก็ลงโทษนางด้วยฐานะแม่สามี

หยุนหว่านหนิงอดทนมามากพอแล้ว

โม่เฟยเฟยถูกฉินซื่อเสวียหลอกลวงก็ยังมิเท่าไร เพราะถึงอย่างไรก็เป็นเพียงแค่องค์หญิงตัวน้อย ซึ่งยังมิรู้อีโหน่อีเหน่

แต่เต๋อเฟยปีนี้อายุปาเข้าไปกว่าสี่สิบแล้ว นางอยู่ในวังหลังมาเนิ่นนานหลายปี มีฐานะอันสูงส่ง กลับมิอาจมองเห็นธาตุแท้ของฉินซื่อเสวียได้?!

ในวันนี้นางจะทำให้หัวใจของเต๋อเฟยต้องแหลกสลาย และเปิดโปงหน้ากากอันบางเบาของฉินซื่อเสวียนั่นให้ได้

“เจ้าว่าไง?”

เมื่อพบว่านางกล้าที่จะต่อปากต่อคำ อีกทั้งยังกล้าหลบหน้า ราวกับกำลังเล่นซ่อนหากันอยู่ ประกอบกับฟังประโยคนั้นของนางที่ดูไร้เหตุไร้ผล นางจึงได้เอ่ยภาษาพื้นบ้านออกไปอย่างลืมตัว

ได้ยินมาว่าพื้นเพของเต๋อเฟยอยู่ทางเหนือ

ฮ่องเต้นำตัวนางกลับมาหลวงเมื่อครั้นที่เสด็จออกไปจับกุมผู้มิภักดี

และในตอนนั้น โม่จงหรานเป็นเพียงแค่อ๋อง

ดูเหมือนเต๋อเฟยจะเป็นคนค่อนข้างขี้อ้อน บางครั้งนางก็แข็งแกร่ง บางครั้งก็อ่อนแอ……อารมณ์และนิสัยของนางเปลี่ยนแปลงไปน่าสนใจนัก ดังนั้นจึงได้รับความใคร่จากโม่จงหรานมาเป็นเวลาหลายปี

ส่วนหยุนหว่านหนิงเป็นคนเสฉวนโดยกำเนิด

ก่อนที่นางจะย้อนเวลากลับไป นางก็เป็นคนเสฉวนอยู่แล้ว เมื่อนางย้อนเวลาอดีตกลับไป ตระกูลของนางก็อยู่ที่เมืองสู่

จากนั้นเดินทางมาตั้งรกรากปักฐานที่เมืองหลวง

ด้วยเหตุนี้เอง ในสายเลือดของนางจึงเต็มไปด้วยความเร่าร้อนดุดัน

“ลูกกล่าวสิ่งใดผิดหรือ เสด็จแม่ชื่นชอบพระชายาอ๋องหยิง ดังนั้นจึงมิชอบลูก และมักจะหาเรื่องจับผิดลูกตลอดเวลา”

หยุนหว่านหนิงเดินข้ามเตาผิงไปแล้วเผชิญหน้ากับเต๋อเฟยตัวต่อตัว “มิว่าลูกทำเรื่องใดก็ตามแต่ เสด็จแม่ล้วนกล่าวว่ามิชื่นชอบ เพราะเสด็จแม่ท่านชื่นชอบเพียงแค่ฉินซื่อเสวีย!”

“เอ๊ะ……นางคนนี้ วันนี้ข้าจะตีเจ้าให้หลังลาย!”

เต๋อเฟยถูกนางกระตุ้นจนโมโห

สองสะใภ้แม่ย่าวิ่งไล่ตามกันไปและเปิดศึกผลัดกันคนละประโยค

หลี่หมัวมัวมองไปเห็นทั้งสองวิ่งไล่ตามกันไป เร่งรีบเสียจนกระทืบเท้าปึงปัง มิรู้ว่าจะเข้าไปห้ามใครดี

นางจึงทำได้เพียงตามหลังสองคนนั้นไป กล่าวว่า “โอ้ยตายแล้ว พระชายาอ๋อง ทรงเงียบปากเกิดเพคะ ดูเข้าสิ เหนียงเหนียงโมโหเพียงใดแล้ว!”

“นางหาเรื่องโมโหของนางเอง มิเกี่ยวอันใดกับข้าเลย”

หยุนหว่านหนิงกระโดดจากเก้าอี้ข้ามไป

หลี่หมัวมัว “……เหนียงเหนียงเพคะ อย่าได้ไล่ตามไปเลย รีบพักผ่อนดื่มน้ำสักหน่อยเถิดเพคะ ระวังจะเหนื่อยเสียจนทำร้ายร่างกายตน”

“ข้าโมโหเพราะแม่นางคนนี้เสียจนแทบคลั่ง จะมีเวลาที่ไหนมาสนใจร่างกายของตนอีกเล่า!”

เต๋อเฟยโมโหกระทืบเท้าปึงปัง “เจ้าจะไสหัวออกไปหรือจะช่วยข้าจับนาง?”

นางพับแขนเสื้อขึ้น ทำท่าทีจะตีหยุนหว่านหนิงให้ได้มิหยุดหย่อน

เมื่อเห็นดังนั้น หลี่หมัวมัวยิ่งรู้สึกหนักใจ

ฝ่ายหนึ่งเป็นเจ้านายของตน อีกฝ่ายหนึ่ง……เป็นหยุนหว่านหนิงที่ให้สุราเอ้อร์กัวโถวแก่นาง

ได้รับผลประโยชน์จากเขา ก็จะต้องทำตามที่เขาสั่ง

หลี่หมัวมัวยืนอยู่ด้านข้าง นางทำอะไรมิถูก

ในตำหนักหย่งโซ่วโหวกเหวกโวยวาย บรรดานางไหนล้วนพากันหลบหลีกมิกล้าโผล่หน้า ทันใดนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นจากทางประตูด้วยความตกใจว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

Status: Ongoing
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ เป็นเรื่องราวความรักเกี่ยวกับการเดินทางที่ยากลำบากของตัวเอกชายและหญิง รู้จักกัน ตกหลุมรัก ผ่านเหตุการณ์และความยากลำบากมากมาย แต่สุดท้ายก็กลับมารวมกัน?คืนวันข้ามภพ ณห้องหอ หยุนหว่านหนิงถูกชายชั่วโม่เยว่เนรเทศออกมาจากวังหลัง ถูกจองจำสี่ปีเต็มๆ! เดิมคิดว่า สี่ปีมานี้นางอยู่อย่างยากลำบาก ต้องกลายเป็นยายแก่ขี้เหร่เป็นแน่! แต่หุ่นเธอช่างอรชรอ้อนแอ้นเต่งตึงเสน่ห์บาดใจ ผิวขาวราวกับหิมะ ใช้เงินมือเติบ ข้างกายยังมีเจ้าก้อนแป้งที่หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ…… โม่เยว่นัยน์ตาร้อนเผ่า “เจ้าเอาเงินมาจากที่ใด!แล้วลูกมาจากไหน?!” เจ้าก้อนแป้งถลึงตามองเขา:“ไปให้ไกลจากท่านแม่ข้า!” หลังจากสืบรู้เรื่องเมื่อปีนั้นแล้ว โม่เยว่สีหน้าจริงใจ:“เมียจ๋า ข้าผิดไปแล้ว!ลูกชาย พ่อผิดไปแล้ว!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท