อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 88 คุกเข่าก้มกราบ
เดิมหยุนธิงหลานก็นั่งอยู่ข้างเตียงอยู่แล้ว
ตอนที่ผู้ชันสูตรศพยื่นชามมาให้ สีหน้าของนางก็แข็งทื่อแล้ว
ใครจะไปคิดหยุนธิงธิงที่อยู่ด้านหลัง จู่ๆ ก็ลุกขึ้นมานั่ง….นางตกใจจนกรีดร้องขึ้นมา พร้อมวิ่งไปหาหยุนเจิ้นซง พร้อมร้องพูดขึ้นว่า “อ้าก…ศพกระตุก”
หยุนเจิ้นซงก็ตกใจไม่น้อย
เมื่อกี้หมอผู้ชันสูตรศพต่างตรวจดูแล้ว หยุนธิงธิงขาดใจแล้วจริงๆ
ตอนนี้ จู่ๆนางก็ฟื้นขึ้นมา
ยังลุกขึ้นมานั่ง……
เหมือนเป็นศพกระตุกจริงๆ
หยุนธิงธิงแลดูค่อนข้างงง แต่หยุนธิงหลานกับหยุนเจิ้นซง ยังมีคนอื่นต่างตกใจไม่น้อย มีเพียงหยุนหว่านหนิงที่นั่งอยู่ข้างหน้าต่างด้วยสีหน้าเรียบเฉย
สถานการณ์ตอนนี้ นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
หยุนหว่านหนิงส่งสายตาให้นาง เป็นการบอกให้นางไม่ต้องพูดอะไร
หยุนธิงธิงพยักหัวอย่างเงียบๆ
เวลานี้ หยุนหว่านหนิงซื้อชามในมือไว้ พร้อมฟังผู้ชันสูตรศพพูดตอบว่า “ในตู้มีชามลายครามขอบทองเหมือนกันหลายสิบใบ”
“แต่มีเพียงใบนี้ ข้าน้อยเห็นว่าสีค่อนข้างเข้ม”
“เห็นได้ชัดว่าเคยผ่านการแช่ยาพิษ จนสารพิษสะสมอยู่บนชาม”
หยุนหว่านหนิงถือชามไว้ พร้อมพูดขึ้นมาอย่างครุ่นคิดว่า “ชามใบนี้ สีเข้มจริงๆ”
คิดอยู่สักครู่ แล้วนางก็พูดสั่งผู้ชันสูตรศพว่า “ใช้น้ำร้อนต้ม เพื่อดูความพิเศษของชามใบนี้”
ผู้ชันสูตรศพถือชามออกไป
หยุนหว่านหนิงมองดูหยุนธิงธิงแวบหนึ่ง แล้วถามขึ้นว่า “น้องสาม ยมบาลรู้ว่าเจ้าถูกใส่ร้าย ยังไม่ได้แก้แค้น จึงปล่อยเจ้ากลับมา?”
หยุนธิงธิงพยักหัว
“เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นยังไง มีเพียงเจ้าคนเดียวที่รู้ดีที่สุด”
หยุนหว่านหนิงมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าเล่ามา เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
หยุนธิงหลานไม่กล้าหันไปมองหยุนธิงธิง
รู้สึกเพียงว่า สายตาที่นางหันมามอง….ราวกับยาพิษ แววตาที่เกลียดแค้นทำให้นางหวาดกลัว
หยุนเจิ้นซงคิดเพียงว่า หยุนธิงหลานขี้กลัว
ดังนั้นจึงตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนขวัญหนีดีฝ่อ
ที่ไหนได้ เป็นเพราะนางรู้สึกผิดต่างหาก
นางปกป้องหยุนธิงหลานไปด้วย พร้อมพูดกับหยุนธิงธิงไปด้วยว่า “ใช่ ธิงธิง เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เจ้าบอกพ่อมา พ่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเจ้า”
“พ่อ”
สายตาหยุนธิงธิงค่อยฉายแววมุ่งมั่น ค่อยๆหันไปมองหยุนเจิ้นซง
เมื่อพูดเสียงก็ดังอย่างแหบแห้ง แตกต่างจากเสียงอันไพเราะเหมือนอย่างปกติ
“เมื่อคืนทำไมท่านไม่มาหาข้า ลูกแทบจะถูกคนทำร้ายจนตายแล้ว ทำไมท่านถึงไม่ยอมมาดูข้าเป็นครั้งสุดท้าย”
หยุนธิงธิงร้องไห้
เมื่อกี้ที่ได้สบตากับหยุนหว่านหนิง นางก็รู้และเข้าใจขึ้นมาทันที
ได้ยินนางพูดเช่นนี้ หยุนธิงธิงก็เริ่มแสดงละครอย่างให้ความร่วมมือ
“ข้า…..”
หยุนเจิ้นซงหน้าซีด สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด แล้วก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
“ข้าไม่เป็นที่รักของพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก พี่รองก็กลั่นแกล้งข้า ทั้งที่เป็นลูกสาวของพ่อกับแม่เหมือนกัน แล้วทำไมพวกท่านถึงรักแต่เพียงนางคนเดียว คอยปกป้องเข้าข้างนางทุกอย่าง”
“ครั้งนี้นางทำร้ายข้าจนตาย ท่านพ่อก็ยังจะปกป้องนางหรือ?”
เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ ราวกับสายฟ้าฟาด
หยุนเจิ้นซงนิ่งอึ้งทันที
หยุนธิงหลานก็พูดอะไรไม่ออกอยู่เนิ่นนาน เพียงพึมพำด้วยริมฝีปากสั่นเทาว่า “น้องสาม ข้า…ข้า….”
“พี่รองไม่ต้องปฏิเสธ ตอนนี้ข้าถูกเจ้าทำร้ายจนตายแล้ว”
หยุนธิงธิงยื่นมือมาอย่างกะทันหัน หยุนธิงหลานตกใจจนกรีดร้องขึ้นมา พร้อมหลบอยู่ในอ้อมอกหยุนเจิ้นซง
“ยมบาลบอกว่า ข้าถูกคนทำร้ายจนตาย คนที่ถูกทำร้ายจนตายไปยังตำหนักยมบาล ล้วนถูกปล่อยกลับมาแก้แค้นแล้วค่อยกลับไปเกิดใหม่”
เจ้าเด็กคนนี้ฉลาดหลักแหลมไม่น้อย
นางพูดออกมาอย่างเป็นเรื่องเป็นราวว่า “ข้าถูกเจ้าวางยาพิษทำร้ายจนตาย”
“ยมบาลบอกว่า ข้าต้องการปฏิบัติต่อบุคคลนั้นในลักษณะเดียวกัน ค่อยยอมให้ข้าข้ามแม่น้ำแห่งการลืมเลือน”
ได้ยินแบบนี้ หยุนหว่านหนิงไอเบาๆหนึ่งที พร้อมยกถ้วยชาขึ้นมา
นางอยากเตือนหยุนธิงธิง แสดงละครอย่าให้เกินเหตุไป ซึ่งจะไม่เป็นผลดี
รู้ว่านางเตือน หยุนธิงธิงรีบหยุดน้ำตา จ้องมองนางยังเกลียดแค้น พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่รอง เจ้ายอมคุกเข่าก้มกราบขอโทษข้า”
“ข้าจะอภัยให้เจ้า ไม่ตามล้างแค้นเจ้า”
ได้ยินแบบนี้ หยุนธิงหลานลังเล
นางเห็นว่าตนเองสูงส่งกว่าหยุนธิงธิง ยังเป็นพี่สาวของนาง…..
ให้นางคุกเข่าก้มกราบนาง เป็นไปได้หรือ?
แต่หยุนธิงธิง “กลับมาจากนรก” รู้ซึ้งถึงสถานการณ์เป็นอย่างดี หากต้องการตามล้างแค้นนาง นางคงมีชีวิตถึงเพียงแค่วันนี้แน่
หยุนธิงหลานครุ่นคิดอยู่ในใจ แล้วก็คุกเข่าลง
นางร้องห่มร้องไห้ พร้อมพูดขึ้นว่า “น้องสาว ล้วนเป็นความผิดของข้าเอง”
“เจ้าอภัยให้พี่ด้วยเถอะ พี่ไม่กล้าทำอีกแล้ว พี่จะเผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้เจ้าเยอะๆ จุดประทีปอันเป็นนิรันดร์ให้กับเจ้า เจ้าปล่อยข้าไปเถอะ”
ภาพนี้ทำให้หยุนเจิ้นซง ตกตะลึงจนพูดไม่ออก
เรื่องนี้ยังไม่สรุปอะไรเลย หยุนธิงหลานก็ยอมรับผิดแล้ว
ที่แท้ก็เป็นฝีมือของนางจริงๆ?
นี่เป็นไปได้อย่างไร?
“นี่เป็นไปได้อย่างไร?”
ร่างกายหยุนเจิ้นซงโซเซ แทบล้มกองบนพื้น
เขามองดูหยุนธิงหลานที่ร้องห่มร้องไห้อย่างไม่อยากเชื่อ พร้อมถามขึ้นอย่างโกรธโมโหว่า “หลานเอ๋อร์ นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ธิงธิง เป็นน้องสาวแท้ๆของเจ้านะ”
“พ่อ นี่จะโทษข้าไม่ได้”
หยุนธิงหลานกอดขาของเขาไว้ พร้อมร้องไห้พูดขึ้นว่า “ธิงธิงรู้ความลับของข้ามากเกินไป เพื่อความปลอดภัยของตนเอง ข้าจำเป็นต้องกำจัดนาง”
จนถึงขนาดนี้แล้ว นางยังไม่สำนึกผิด
“ธิงธิงเป็นน้องสาวแท้ๆของเจ้านะ เจ้าลงมือได้อย่างไร?”
หยุนเจิ้นซงโกรธจัด ดวงตาทั้งคู่แฝงไปด้วยเลือด นัยน์ตาแดงก่ำอย่างน่ากลัว
“พ่อ ข้าก็ไม่มีทางเลือก”
หยุนธิงหลานพูดออกมาว่า “ข้าอยู่กับอ๋องหยิงมาหลายปีแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังไม่สามารถได้เข้าไปในจวนอ๋องหยิงได้อย่างถูกต้อง เรื่องนี้ข้าวางแผนมานานมากแล้ว”
“แต่น้องสามรู้เรื่องแล้ว หากนางไปบอกคนอื่น….”
“ข้าก็จบสิ้นทุกอย่างแล้วท่านพ่อ”
สำหรับเขา หยุนธิงหลานกับหยุนธิงธิงล้วนเป็นเนื้อในฝ่ามือกับหลังมือ
มีเพียงหยุนหว่านหนิงเป็นเหมือนอย่างเล็บมือหยุนเจิ้นซง มีหรือไม่มีก็ได้ ทอดทิ้งได้ทุกเมื่อ
หยุนเจิ้นซงน้ำตาไหล ยกมือขึ้นมากลับฟาดตีไม่ลง
มองดูหยุนธิงหลานร้องห่มร้องไห้ เขาพูดขึ้นอย่างสะอึกสะอื้นว่า “ทำไมเจ้าถึงได้โหดเหี้ยมอำมหิตขนาดนี้? ทำร้ายน้องสาวแท้ๆของเจ้าได้ลงคอ”
หยุนธิงหลานร้องไห้อย่างเดียว
หยุนหว่านหนิงนั่งมองดูละครอยู่ด้านข้าง
นางครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ตลอด
หยุนธิงหลานกับหยุนธิงธิง ล้วนเป็นลูกนางเฉิน
แต่ลักษณะท่าทีของนางที่มีต่อสองพี่น้อง แตกต่างกันมากเกินไปไหม…..
หากหยุนเจิ้นซงลำเอียงก็ช่างเถอะ เพราะกับนางก็ไม่เป็นที่รัก แต่นางเฉินที่เป็นแม่คนหนึ่ง คนเป็นแม่จะไร้ความรู้สึกได้อย่างไร ปฏิบัติต่อลูกสาวสองคนอย่างแตกต่างขนาดนี้?
หยุนธิงหลานกับนางเฉินหน้าตาคล้ายกัน
แต่หยุนธิงธิง…..
ไม่รู้ว่ายังเติบโตไม่เต็มที่หรือเกิดอะไรขึ้น รูปร่างหน้าตาไม่เหมือนนางเฉินเลย
หากจะบอกว่านางหน้าตาเหมือนหยุนเจิ้นซง ไม่เหมือนนางเฉินก็ช่างเถอะ แต่ในใจหยุนหว่านหนิง กลับสงสัยอย่างอื่น
บางทีหยุนธิงธิง ไม่ใช่ลูกนางเฉิน
นางวางถ้วยน้ำชา พร้อมพูดสั่งด้วยเสียงเย็นชาว่า “ไปพานางเฉินเข้ามา ข้ามีเรื่องจะถามนาง”