อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 110 ไปช่วยปกป้องภรรยาของเจ้า
ในขณะเดียวกัน ข่าวที่หยุนหว่านหนิงถูกจางหมัวมัวพาตัวมายังตำหนักคุนหนิง รู้ไปถึงห้องทรงพระอักษรกับตำหนักหย่งโซ่วแล้ว
ในห้องทรงพระอักษร โม่จงหรานกับโม่เยว่กำลังคุยงานกัน
เห็นสีหน้าเขาเรียบเฉย โม่จงหรานวางงานในมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “เยว่เอ๋อร์ พระชายาของเจ้าคนนี้…ฮ่าๆ ข้าว่าน่าสนใจ”
มือโม่เยว่หยุดนิ่ง ไม่พูดไม่จา
“เจ้าว่าใครให้ท้ายนาง ถึงกล้าไปก่อเรื่องในโรงหมอหลวง?”
“ลูกไม่ทราบ”
แล้วโม่เยว่ค่อยเงยหน้าขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “นางไม่ได้น่าสนใจ ร่างกายแข็งแรงตาสีตาสา”
ไม่อย่างนั้นทำไมถึงมักหาเรื่องให้กับเขา?
“เจ้าพูดได้อย่างจี้ถูกใจดำ”
โม่จงหรานหัวเราะขึ้นมาอย่างเบิกบาน
พวกเขารู้เพียงว่าหยุนหว่านหนิงไปก่อเรื่องที่โรงหมอหลวง ไม่รู้ว่านางไปเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเต๋อเฟย
“แต่…..”
โม่จงหรานเปลี่ยนเสียงพูดขึ้นว่า “ตกอยู่ในมือของฮองเฮา คอยดูว่าวันนี้นางจะโชคดี สามารถหลุดออกมาจากเงื้อมมือของฮองเฮาอย่างปลอดภัยไหม”
เป็นสามีภรรยากับฮองเฮาจ้าวมายี่สิบกว่าปี
เขาจึงรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้มีนิสัยเป็นยังไง
ภายนอกนางดูเป็นกุลสตรีใจกว้าง แต่ความจริงแล้วนั้นโหดเหี้ยมอำมหิต
ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ฮองเฮาจ้าวพูดต่อหน้าเขาอยู่บ่อยครั้งว่า หยุนหว่านหนิงไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่คู่ควรที่จะเป็นลูกสะใภ้ของราชวงศ์
วันนี้ตกอยู่ในมือของฮองเฮาจ้าว หยุนหว่านหนิงเปรียบดั่งเนื้อเข้าปากเสือ
เสือตัวนี้ จ้องจะทำร้ายนางที่เป็นเนื้อมาตั้งนานแล้ว
“ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับลูก”
บนใบหน้าโม่เยว่ไม่แสดงให้เห็นถึงความเป็นกังวล พร้อมพูดขึ้นว่า “นางไปยุ่งกับเสด็จแม่เอง ก็ควรที่จะยอมรับด้วยตนเอง ลูกเป็นผู้ชาย ไม่ควรที่จะให้ท้ายนางอยู่ตลอด”
คำตอบนี้ฟังยังไงก็ไม่เห็นถึงความใส่ใจเลย?
โม่จงหรานเลิกคิ้ว
แล้วก็ในเวลานี้ ซูปิงซาน โน้มตัวเข้ามาพูดขึ้นว่า ฮองเฮารับสั่งให้โบยตีพระชายาหมิง
“อ๋า?”
โม่จงหรานยิ่งเลิกคิ้วสูง พร้อมพูดขึ้นว่า “เยว่เอ๋อร์ ยังไม่รีบไปช่วยปกป้องภรรยาของเจ้า?”
……
ตำหนักหย่งโซ่ว หลี่หมัวมัวกำลังนั่งหาวอยู่หน้าประตูตำหนัก
เซี่ยอี่วเล่าข่าวที่รู้มาให้นางรู้ หลี่หมัวมัวหายง่วงขึ้นมาทันที รีบวิ่งเข้ามาในตำหนักอย่างร้อนใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “เหนียงเหนียง เหนียงเหนียง เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
“เกิดอะไรขึ้น? ข้าจะตายแล้วหรือ?”
เต๋อเฟยถูกนางปลุกให้ตื่น ปวดหัวแทบระเบิด พร้อมขมวดคิ้วมองดูนาง
“เหนียงเหนียง พระชายาหมิงถูกฮองเฮาเหนียงเหนียงเรียกตัวไปยังตำหนักคุนหนิงแล้ว บอกว่านางไปก่อเรื่องที่โรงหมอหลวง ต้องโทษถูกโบยยี่สิบที”
“อะไรนะ?”
เต๋อเฟยตกใจจนลุกขึ้นมานั่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “หยุนหว่านหนิงคนนี้ ยังพูดว่ากลัวข้าออกไปก่อเรื่องไม่ให้ค่ะออกไปไหน ที่ไหนได้ เพียงพริบตาเดียวก็ถูกฮองเฮาพาตัวไปแล้ว”
“เจ้าคนชอบก่อเรื่อง ยังต้องให้ข้าไปช่วยนาง?”
คิดถึงเมื่อกี้หยุนหว่านหนิงสั่งสอนนางเหมือนอย่างสั่งสอนลูกชาย เต๋อเฟยก็โกรธโมโหขึ้นมา
“ยังไม่รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้า?”
ไม่ว่ายังไง หยุนหว่านหนิงก็เป็นลูกสะใภ้ของนาง
วันนี้ก็เพื่อช่วยนาง ถึงได้ไปหาเรื่องโรงหมอหลวง
หากฮองเฮาจ้าวโบยตีหยุนหว่านหนิงจริงๆ ไม่เท่ากับเป็นการตบหน้านางหรือ?
เต๋อเฟยโกรธเคือง เหงือกจึงยิ่งปวดรุนแรงขึ้น
หลี่หมัวมัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นางอย่างรีบร้อน เพิ่งแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย จู่ๆเต๋อเฟยกลับหัวเราะขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ช่างเถอะ ข้าไม่ไปแล้ว”
“เหนียงเหนียง พระชายาตกอยู่ในมือฮองเฮานะ”
หลี่หมัวมัวมองดูนางอย่างตกตะลึง พร้อมพูดขึ้นว่า “หากถูกโบยจนตายไป…..เหนียงเหนียงจะบอกท่านอ๋องยังไง?”
“อีกอย่าง เห็นได้ชัดว่าฮองเฮาเหนียงเหนียงอาศัยเหนียงเหนียงเบ่งอำนาจกับท่าน”
หมอหลวงหลิวกล้าจ่ายยาผิดให้กับเต๋อเฟย ยังไงก็ต้องมีคนสั่ง
หยุนหว่านหนิงไปเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเต๋อเฟย กลับตกอยู่ในมือฮองเฮาจ้าว…..
หากเต๋อเฟยไม่ช่วย
อย่างแรก จะถูกประณามว่าใจร้ายไร้ความปรานี ไม่รู้จักบุญคุณความดี
อย่างที่สอง จะถูกฮองเฮาจ้าวอาศัยหยุนหว่านหนิงมาทำให้เสียหน้า?
เห็นหลี่หมัวมัวตกตะลึง เต๋อเฟยหัวเราะเย้ย พร้อมพูดขึ้นว่า “ร้อนใจทำไม? นังเด็กคนนั้นปากคอเราะร้าย หัวสมองไวยิ่งกว่าใคร ข้าไม่เชื่อว่าวันนี้ฮองเฮาจะสามารถได้โบยตีนาง”
เลวร้ายแค่ไหน เบื้องหลังหยุนหว่านหนิงก็ยังมีโม่จงหราน
ยังไงฮองเฮาจ้าวก็ไม่กล้าโบยตี
“ยิ่งไปกว่านั้น ที่ข้าล้มป่วยก็เป็นเพราะนังเด็กคนนั้น ตอนนี้ให้นางถูกโบยตี จะได้จดจำไว้”
เต๋อเฟยกอดอกอย่างยินดีในความทุกข์ร้อนของคนอื่น พร้อมพูดขึ้นว่า “ต่อหน้าข้าที่เป็นแม่สามีคนนี้ นางไม่มีสัมมาคารวะไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง วันนี้ให้ฮองเฮาสั่งสอนนาง นางจะได้รู้ว่าอะไรคือความร้ายกาจ”
ดูสิว่าต่อไป นางยังจะกล้าเหิมเกริมต่อหน้าข้าไหม
เต๋อเฟยหัวเราะ หลี่หมัวมัวกลับสีหน้าเศร้าจนแทบร้องไห้ พร้อมพูดขึ้นว่า “เหนียงเหนียง แบบนี้ไม่ดีมั้ง?”
“หากพระชายารู้ จะต้องพูดว่าเหนียงเหนียง ท่านไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ….”
หลายคำสุดท้าย หลี่หมัวมัวพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำมาก
เต๋อเฟยเหลือบมองดูนาง ตกอยู่ในภวังค์ขัดแย้ง ไม่รู้ว่าควรที่จะไปตำหนักคุนหนิง ไปช่วยหยุนหว่านหนิงดีไหม
แล้วก็เป็นเหมือนอย่างที่นางคาดเดา เวลานี้หยุนหว่านหนิงถูกคนของฮองเฮาจ้าวหิ้วตัวไป….ไม่ใช่ ถูกจับนอนบนเก้าอี้ แม่นมตัวท้วมสูงสองคนถือไม้โบยตียืนอยู่ด้านข้าง รอคำสั่งฮองเฮาจ้าว
แต่สีหน้าหยุนหว่านหนิง ไม่หวาดกลัวเลยสักนิด ยิ่งไม่ร้องขอ
ฮองเฮาจ้าวมองดูความนิ่งเฉยของนาง แล้วเดินเข้ามาใกล้อย่างสนใจ พร้อมถามขึ้นว่า “หยุนหว่านหนิง เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?”
“หรือเจ้ากำลังคิดว่า ฮ่องเต้กับเจ้าเจ็ด หรือเต๋อเฟยจะมาช่วยเข้าเมื่อไหร่?”
“เสด็จแม่ ไม่ใช่”
หยุนหว่านหนิงเงยหน้าขึ้นมา มือทั้งคู่เท้าคาง ไม่เหมือนคนที่กำลังจะถูกโบยตี เหมือนกำลังนอนฟุบอยู่บนเก้าอี้แล้วอาบแดดอยู่อย่างเกียจคร้าน
“ลูกสะใภ้เพียงแค่คิดกำลังว่า…..”
แล้วนางก็หัวเราะขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่รู้ว่าเดี๋ยวตอนที่ถูกโบยตี จะร้องเสียงดังแล้วจะไม่ค่อยเจ็บ หรือจะเก็บแรงไว้เดี๋ยวไปส่งเสด็จพ่อ”
ฮองเฮาจ้าว “……”
เห็นสีหน้าที่จริงจังของนาง นางขมวดคิ้วขึ้น พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้ากระทำผิดใหญ่หลวง ในฐานะที่ข้าเป็นฮองเฮาดูแลวังหลัง และก็เป็นพระมารดาของสามีเจ้าของเจ้า ทำโทษสั่งสอนเจ้าเป็นเรื่องที่สมควร”
นังสารเลวคนนี้ กล้าพูดกับนางอย่างเปิดเผยว่าจะไปฟ้องฮ่องเต้?
ไร้เหตุผลสิ้นดี
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะคอยดู เดี๋ยวเจ้าจะเอาแรงที่ไหนไปฟ้อง”
นางหัวเราะเย้ย พร้อมสั่งแม่นมว่า “ตี”
แม่นมรีบยกไม้ขึ้นมา ฮองเฮาจ้าวกลับห้ามอย่างกะทันหันว่า “เดี๋ยวก่อน”
“หยุนหว่านหนิง ข้าให้โอกาสเจ้าไม่ถูกโบยตี”
โอกาสไม่ถูกโบยตี?
หยุนหว่านหนิงแสดงออกถึงความสนใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จแม่ลองว่ามา?”
“เจ้าเป็นคนน่าสนใจ ปกติข้าเป็นคนชอบคนว่าง่าย น่าสนใจ หากต่อไปเจ้าไปมาตำหนักคุนหนิงบ่อย ๆ พูดคุยเป็นเพื่อนข้า วันนี้ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป”
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้ว เหมือนกำลังครุ่นคิด
ฮองเฮาจ้าวก็ไม่เร่งรีบ รอคอยคำตอบของนางอยู่อย่างใจเย็น
ทุกคนต่างก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ฮองเฮาจ้าวหมายความว่ายังไง หยุนหว่านหนิงเดารู้ได้อย่างรวดเร็ว
นางเงยหน้าขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า “เสด็จแม่กำลังอยากจะโน้มน้าวคนของคู่แข่งหรือ?”
“โน้มน้าวคนของคู่แข่ง?”
“ก็คือ….ให้ข้าสนิทสนมกับท่าน หักหลังเสด็จแม่เต๋อเฟย? แบบนี้ไม่ดีมั้ง? ที่จริงเสด็จแม่ดีกับข้าไม่น้อย”
คิดไม่ถึงว่า หยุนหว่านหนิงจะคนตรงขนาดนี้ สีหน้าฮองเฮาจ้าวเคร่งขรึม แลดูค่อนข้างโกรธโมโห พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้ากล้าคาดเดาความคิดของข้าไปเรื่อย ใจร้ายข้าหรือ? โบยตี”
โอกาสนี้ นางไม่ให้แล้ว
แม่นมยกไม้ในมือขึ้นมาด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม
ในขณะที่ไม้กำลังจะฟาดตีลงไป ตรงหน้าประตูก็มีเสียงดังขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า “หยุด”