อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ – บทที่ 113 โมเยว่ หรือเจ้าไม่สู้ใช่หรือไม่

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 113 โมเยว่ หรือเจ้าไม่สู้ใช่หรือไม่

นับตั้งแต่ตอนที่หยุนหว่านหนิงส่งเสียงหัวเราะดัง “ฮิ ๆ” ออกมานั้น ในใจของโม่เยว่ก็เริ่มมีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างผุดขึ้นมาแล้ว

ในสมองของผู้หญิงคนนี้คิดอะไรอยู่ เขาไม่เคยคาดเดามันได้เลย

การเคลื่อนไหวในก้าวต่อ ๆ ไปของนาง ล้วนเป็นเรื่องที่ชวนให้ผู้คนรู้สึกเหนือคาดได้อยู่เสมอ!

จนกระทั่งริมฝีปากอุ่นร้อนของนาง กดลงบนริมฝีปากที่ค่อนข้างเย็นเยือกของเขาหนัก ๆ โม่เยว่ถึงค่อยมีสติรู้ตัวคล้ายสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากความฝัน เห็นดวงตาที่ปิดสนิทเพราะความประหม่าของนาง กระทั่งขนตาและเปลือกตาก็ยังสั่นระริกด้วยน้อย ๆ…..

เฮอะ! ทั้งที่ประหม่าขนาดนี้ยังจะแสร้งทำเป็นสงบนิ่งอีกรึ

นี่ก็เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่โม่เยว่ได้เจอกับผู้หญิงที่ขวัญกล้าเทียมฟ้า ทั้งยังหน้าด้านไร้ยางอายได้ขนาดนี้

และยังถูกคนบังคับจูบเป็นครั้งแรกด้วย

ใบหูของเขาร้อนผ่าว แต่เมื่อเห็นท่าทางประหม่าของหยุนหว่านหนิง ในใจของเขาก็อดนึกอยากจะแกล้งหยอกเย้านางเล่นไม่ได้

เขาเอียงหน้าไปเล็กน้อย แล้วพูดว่า “หยุนหว่านหนิง นี่เจ้ากำลังทำอะไรอยู่น่ะ?”

เสียงของโม่เยว่แฝงความแหบพร่าอยู่หลายส่วน ฟังแล้วให้ความรู้สึกเซ็กซี่เร้าใจ

“ข้าจะแต๊ะอั๋งลวนลามเจ้า เอาเปรียบเจ้า ปิดปากเสีย ๆ ของเจ้า”

หยุนหว่านหนิงเงยหน้าขึ้น สองแก้มแดงปลั่งไปหมด ราวกับพอกทาด้วยแป้งสีแดงชาดจนหนาเกินพอดี

นางก้มหน้าลงอย่างดื้อรั้น ฝังใบหน้าลงบนลำคอของเขา

มองดูลูกกระเดือกที่เซ็กซี่โหนกนูนนั่นสิ….

คล้ายมีเสียงระเบิดดัง “บึ้ม” ขึ้นมาในหัวเสียงหนึ่ง โม่เยว่รู้สึกเหมือนว่ามีกระแสไฟฟ้าสายหนึ่งแล่นปราดจากใต้ฝ่าเท้าขึ้นไปบนยอดกระหม่อมก็ไม่ปาน!

ผู้หญิงคนนี้ นางรู้ตัวหรือไม่ว่านางกำลังทำอะไรอยู่?!

ช่างขวัญกล้าเทียมฟ้าอะไรขนาดนี้!

“หยุนหว่านหนิง ข้าให้โอกาสเจ้าเพียงครั้งเดียวนะ รีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้”

โม่เยว่ผลักนางออกไป น้ำเสียงเจือความแหบพร่า

หยุนหว่านหนิงเอียงหน้าไปมองเขาอย่างละเอียด มองเห็นในดวงตาของเขาฉายแววมืดทะมึนขึ้นมาสายหนึ่ง…. ทันใดนั้นนางก็ส่งเสียงหัวเราะดัง “คิกๆๆ”ออกมา แล้วพูดว่า “โม่เยว่ หรือเจ้ากลัว?”

“โม่เยว่ หรือเจ้าไม่สู้ใช่หรือไม่?”

โม่เยว่: “…..”

สำหรับผู้ชายคนหนึ่ง เรื่องที่ทำลายศักดิ์ศรีที่สุด ก็คือการถูกผู้หญิงถามว่าไม่สู้แล้วรึนี่แหล่ะ!

“นี่เจ้ารนหาที่เองนะ”

โม่เยว่แค่นเสียงเย็นชา ค่อย ๆ ยื่นแขนออกไปโอบรอบเอวบอบบางคอดกิ่วของนาง…..ขณะที่กำลังจะพลิกตัวกดนางลงไปบนเก้าอี้ ที่หน้าประตูก็ปรากฏเสียงเหมือนระเบิดปะทุขึ้นดังสนั่น” อ๊า…..”

“อ๊า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ!”

หยุนหว่านหนิงกับโม่เยว่ ถูกเสียงกรีดร้องก้องตะโกนเสียงนี้ปลุกจนตื่นจากภวังค์ทันที

นางรีบหันหลังกลับไปดู ก็เห็นแค่หยวนเป่าวิ่งอุ้ยอ้ายเข้ามาถึงข้างในแล้ว “ท่านแม่ นี่พวกท่านกำลังทำอะไรกัน?!”

“ในโถงหลักที่มีผู้คนสัญจรไปมาไม่ขาดแบบนี้ ทำไมไม่กลับไปที่ห้องของตัวเอง?!”

“ทำเอาดวงตาคนโสดอย่างข้าแทบบอดแล้ว! พวกท่านหัดรู้จักคำนึงถึงความรู้สึกของคนอื่นบ้างจะได้ไหม?”

หยุนหว่านหนิง: “….”

โม่เยว่: “….”

พวกเขาถึงกับถูกเจ้าเด็กแสบนี่รังเกียจเข้าแล้ว?

หรูเยียนรีบวิ่งตามเข้ามา จึงเห็นว่าบรรยากาศในห้องโถงหลักดูมีอะไรที่ไม่ค่อยจะถูกต้องนัก

เสื้อผ้าของท่านอ๋องกับพระชายาดูยุ่งเหยิงไม่เรียบร้อย ใบหน้าดวงตาแดงระเรื่อ ในดวงตายังมีอารมณ์….เสน่หา ที่ยังไม่สลายหายไปลอยกรุ่น หยวนเป่ายืนยกมือปิดตาอยู่ตรงหน้าพวกเขา

หรูเยียนแอบพูดในใจประโยคหนึ่งว่า แย่แล้ว!

นี่คุณชายน้อยไปรบกวนเรื่องดี ๆ ของท่านอ๋องกับพระชายาเข้าแล้วสิ!

คิดได้ดังนั้น นางจึงสับเท้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว อุ้มหยวนเป่าขึ้นมาแล้ววิ่งทะยานออกไปทันที

เหลือเพียงหยุนหว่านหนิงกับโม่เยว่สองคน ยืนมองหน้าประสานสายตากันไปมา บรรยากาศดูกระอักกระอ่วนขึ้นมาหลายส่วน

โม่เยว่ไม่มีความคิดที่จะแกล้งหยอกเย้านางเหมือนเมื่อครู่แล้ว ส่วนหยุนหว่านหนิงก็ไม่มีความคิดสกปรกที่จะแต๊ะอั๋งลวนลามเขาต่อแล้ว

สุดท้ายก็เป็นโม่เยว่ที่กระแอมขึ้นมาเบา ๆ แล้วลุกขึ้นยืน จัด ๆ เสื้อผ้าให้เป็นระเบียบ “ที่ค่ายเสินจียังมีเรื่องที่ต้องจัดการ ข้าจะไปดูสักหน่อย”

“โอ้! ได้”

หยุนหว่านหนิงก็จัดชุดกระโปรงของนางให้เป็นระเบียนด้วย บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนดูแปลกพิกล รอจนโม่เยว่ออกไปแล้ว นางค่อยถอนหายใจออกมายาว ๆ ด้วยความโล่งอก

เมื่อครู่นี้นางเพิ่งจะทำอะไรลงไปน่ะ?

ทำเรื่องน่าขายหน้าจนสะท้านสะเทือนไปถึงไหนต่อไหนแล้ว!

ก็ไม่รู้ว่าหยวนเป่าจะคิดยังไง….

หยุนหว่านหนิงรู้สึกแค่ว่า ตัวเองไม่มีหน้าจะไปพบเจอใครแล้ว จึงซ่อนตัวอยู่ในห้องโถงหลัก จนกระทั่งพลบค่ำค่อยกลับไปที่เรือนชิงหยิ่ง

ทันทีที่เข้าประตูไป ก็ถูกหยวนเป่าจูงมือแล้วดึงไปที่มุมกำแพงเพื่อ “ยกความผิดขึ้นมากล่าวตำหนิต่อหน้าเป็นข้อ ๆ”

“ท่านแม่ ท่านเป็นผู้หญิงนะ! ก่อนหน้านี้ท่านเคยบอกข้าว่า เทพธิดาจะไม่เป็นฝ่ายรุกเข้าหาผู้ชาย ด้วยการเอาตัวเองเข้าไปอิงแอบแนบชิด ซุกซบในอ้อมกอดของผู้ชายเด็ดขาด! แล้ววันนี้ที่ท่านทำมันคืออะไร?”

หยวนเป่าเหมือนผู้ใหญ่ตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเลยทีเดียว กอดอกพลางจ้องมองนางตาเขม็ง

อาจเป็นเพราะการที่ต้องแหงนมองนางแบบนี้ มันทำให้เขาเหนื่อยนิดหน่อย

เขาจึงโบก ๆ มือ “แม่คุกเข่าลง”

หยุนหว่านหนิงทำตามอย่างเชื่อฟัง คุกเข่าลงตรงหน้าเขาอย่างไม่มีบิดพริ้ว

“แม่ทำให้ข้าขายหน้าคนอื่นเขาหมดแล้ว!”

หยวนเป่าใช้นิ้วชี้อ้วนกลมของเขาจิ้ม ๆ ที่หน้าผากของนาง “แม่ต้องหัดใจเย็นให้มากกว่านี้ ต้องรอให้เขาเป็นฝ่ายมาไล่ตามท่านเอง พวกที่เอาตัวใส่พานไปถวายให้ถึงหน้าประตูน่ะ ใคร ๆ เขาก็ไม่เห็นค่าหรอก!”

หยุนหว่านหนิง: “….”

นี่ก็ฟังดูมีเหตุผลอยู่ ใครสอนหลักการพวกนี้ให้เขาเนี่ย?!

เมื่อเห็นนางมีสีหน้าจนใจเหมือนทำอะไรไม่ถูก จู่ ๆ หยวนเป่าก็หัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง “ท่านแม่ ข้าแกล้งหยอกท่านเล่นหรอก!”

เขากอดใบหน้าของหยุนหว่านหนิงไว้ “ถ้าแม่คืนดีกับเขาได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่สุดแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้น หัวใจของข้าดวงนี้คงแทบแตกสลายเพราะพวกท่านแล้ว!”

หยุนหว่านหนิงยิ่งรู้สึกจนใจทำอะไรไม่ถูก

อายุยังไม่ถึงสามขวบครึ่งเลย เด็กคนนี้อายุยังไม่ถึงสามขวบครึ่งเลยด้วยซ้ำ!

ทำไมถึงได้ดูโตเป็นผู้ใหญ่ ทั้งยังมั่นคงหนักแน่นเหมือนผู้ชายอายุสามสิบเลยล่ะ!

นางซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหล “ฮือ ๆ ๆ ลูกชายของแม่…”

“อย่าร้องไห้อีกเลยนะ! แม่วางใจเถอะ เขาเอาเปรียบแม่วันนี้ก็ถือว่าเป็นคนของแม่แล้ว ถ้าจากนี้ไปเขายังกล้ารังแกแม่อีกล่ะก็ ข้าสัญญาเลยว่าจะช่วยแม่ซัดเขาให้น่วมเอง!”

หยวนเป่าโบกกำปั้นเล็ก ๆ ของเขาซึ่งไม่ได้มีความน่าเกรงขามใด ๆ ไปมา

ความรู้สึกที่มีลูกชายคอยสนับสนุน เป็นอะไรที่ดีมากจริง ๆ!

แม้ว่าหยวนเป่าจะยังเด็ก แต่ไม่ว่าอะไรเขาก็ล้วนเข้าใจดี

เมื่อไม่กี่วันก่อน เขายังบอกหยุนหว่านหนิงว่า ตัวเขารู้ว่าเต๋อเฟยคือท่านย่าของเขา แล้วก็รู้ด้วยว่าโม่เยว่คือพ่อของเขา….

ถ้าถามเขาว่าทำไมเขาถึงรู้ นอกจากคำพูดซุบซิบนินทาที่มาจากปากของพวกแม่นมจางแล้ว หยวนเป่ายังถึงกับบอกออกมาเองเลยว่า เขาสามารถรับรู้ได้ด้วยตัวเอง

นี่คงเป็นความมหัศจรรย์ของการเชื่อมต่อกันทางสายเลือดสินะ

กระทั่งเด็กเล็ก ๆ อย่างหยวนเป่าก็ยังสามารถรับรู้ได้แท้ แถมเป็นหมูโง่ ๆ ที่ไม่มีสติรู้คิดอีกด้วย!

หยุนหว่านหนิงแค่นเสียงเย้ยหยันเบา ๆ แล้วลุกขึ้นยืน

เพิ่งจะลุกขึ้นได้หรูยี่ก็เข้ามารายงานแล้ว บอกว่าท่านอ๋องส่งเขามาเพื่อส่งข้อความ “เจ้านายถามพระชายาว่า จิ้งจอกเฒ่าฉินตงหลินนั่นมีแผนการร้ายบางอย่าง ป้ายคำสั่งนี้พระชายาวางแผนว่าจะจัดการอย่างไร?”

“นี่เป็นเรื่องของเขา จะมาถามข้าทำไม?”

หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้วมุ่น

เดิมทีคิดว่าหรูยี่คงมีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบไปทำ หลังจากได้ยินคำพูดนี้ก็ออกไปทันที

ผ่านไปไม่นานก็พุ่งกลับเข้ามาอีกครั้ง “เจ้านายบอกว่าเป็นพระชายาที่เสนอให้พระชายาหยิงขโมยป้ายคำสั่งมา จึงปล่อยให้พระชายาเป็นคนจัดการ”

กล้าใช้เขาเป็นกระบอกเสียงเลยหรือเนี่ย?

หยุนหว่านหนิงถึงกับพูดไม่ออก “ไปถามเจ้านายของเจ้าแล้วกันว่าจะทำอย่างไร”

หรูยี่รีบทะยานออกไปอีกครั้ง

เมื่อกลับเข้ามาอีกครั้ง ก็หอบหายใจแฮ่ก ๆ ไปด้วย “เจ้านายบอกว่าทุกอย่างล้วนยกให้พระชายาจัดการได้เลย”

“แม่งเอ๊ย!”

หยุนหว่านหนิงเริ่มจะบันดาลโทสะ

ไป ๆ มา ๆ ก็เป็นคำพูดประโยคเดิม โม่เยว่คนนี้เป็นเครื่องทวนภาษาหรือยังไง?!

“ถ้ามีเรื่องอะไรก็ให้เขามาพูดเอง ให้เจ้ามาส่งข้อความไร้สาระอะไรอยู่ได้? ไสหัวออกไปซะ”

“รับทราบ ข้าน้อยจะรีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้”

หรูยี่กลิ้งหลุน ๆ ไสหัวออกไปตามคำสั่งทันที

สุดท้ายแล้วโม่เยว่ก็ไม่ได้ย่างเท้าเข้าประตูเรือนชิงหยิ่ง แค่สั่งให้หรูโม่มาแจ้งความต้องการของเขาในตอนกลางคืน ทั้งยังแอบข่มขู่หยุนหว่านหนิงด้วย ว่าให้นางคอยระวังความปลอดภัยของ: “โก่วต้านกับหยวนเป่า” ให้ดี

หยุนหว่านหนิงโกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แทบจะอดใจไม่ไหวอยากบุกเข้าไปรื้อทำลายเรือนทิงจู่ของเขาให้พังราบเป็นหน้ากลอง!

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น นางก็ตามเขาเข้าไปในวัง

ยังคงแยกกันออกเป็นสองกลุ่ม โม่เยว่ไปประชุมราชการเช้าที่ตำหนักฉินเจิ้ง ส่วนนางไปเยี่ยมเต๋อเฟยที่ตำหนักหย่งโซ่ว

หลังจากจบประชุมเช้า หยุนหว่านหนิงก็ไปที่ห้องทรงพระอักษรเพื่อตรวจชีพจรให้โม่จงหราน

หลังจากตรวจชีพจรแล้ว นางก็หยิบป้ายคำสั่งออกมาจากอกเสื้อ เริ่มแสดงละครต่อหน้าโม่จงหราน…. “เสด็จพ่อ พระชายาหยิงมีเจตนาร้าย นางตั้งใจจะฆ่าท่านอ๋องของข้าเพคะ!”

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

Status: Ongoing
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ เป็นเรื่องราวความรักเกี่ยวกับการเดินทางที่ยากลำบากของตัวเอกชายและหญิง รู้จักกัน ตกหลุมรัก ผ่านเหตุการณ์และความยากลำบากมากมาย แต่สุดท้ายก็กลับมารวมกัน?คืนวันข้ามภพ ณห้องหอ หยุนหว่านหนิงถูกชายชั่วโม่เยว่เนรเทศออกมาจากวังหลัง ถูกจองจำสี่ปีเต็มๆ! เดิมคิดว่า สี่ปีมานี้นางอยู่อย่างยากลำบาก ต้องกลายเป็นยายแก่ขี้เหร่เป็นแน่! แต่หุ่นเธอช่างอรชรอ้อนแอ้นเต่งตึงเสน่ห์บาดใจ ผิวขาวราวกับหิมะ ใช้เงินมือเติบ ข้างกายยังมีเจ้าก้อนแป้งที่หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ…… โม่เยว่นัยน์ตาร้อนเผ่า “เจ้าเอาเงินมาจากที่ใด!แล้วลูกมาจากไหน?!” เจ้าก้อนแป้งถลึงตามองเขา:“ไปให้ไกลจากท่านแม่ข้า!” หลังจากสืบรู้เรื่องเมื่อปีนั้นแล้ว โม่เยว่สีหน้าจริงใจ:“เมียจ๋า ข้าผิดไปแล้ว!ลูกชาย พ่อผิดไปแล้ว!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท