บทที่ 529 อีคิวไม่พอแต่ไอคิวสูง
ใบหน้าสูงส่งเย็นชาของชายหนุ่มอยู่ในระยะห่างที่ลมหายใจรดกัน ริมฝีปากบางที่เย็นเล็กน้อยประกบลงบนริมฝีปากเธอ อากาศเย็นถูกเขายึดครองไปในพริบตา…
ทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาเพียงหนึ่งวินาทีเท่านั้น
ตอนที่เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกตัวว่าตัวเองถูกยึดครองริมฝีปาก ทั่วทั้งร่างอึ้งงัน ท่ามกลางความมืด ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างเพราะความตื่นตกใจ
หัวใจเต้นแรงอยู่ในอกอย่างไม่อาจควบคุมได้
ดวงตาของซือเยี่ยหานก็มองอยู่เช่นเดียวกัน หน้าผากเขาสัมผัสกับหน้าผากเธอเบาๆ ลมหายใจอุ่นร้อนสอดประสานกับความวาบหวาบของเธอ สายตาตรึงเธอเอาไว้แน่น
เยี่ยหวันหวั่นสบดวงตาลึกล้ำของชายหนุ่ม เสียงหัวใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ อย่างประหลาด รู้สึกอยากจะหนีไปจากสถานการณ์ที่เหนือการควบคุมเช่นนี้ กดเสียงเบาเอ่ยว่า “เอ่อ…ที่รัก…คุณ…มีไหวพริบมากเลย…”
อีคิวไม่พอแล้วยังไง? คนเขาสามารถใช้ไอคิวมาปะทะได้ไหมเล่า!
ซือเยี่ยหานมองหญิงสาววินาทีหนึ่ง ไม่พูดสิ่งใด วินาทีถัดมาก็ก้มตัวลงอีกครั้ง…
ครั้งนี้ ไม่ใช่ทำหน้าที่ฉาบฉวยอย่างช่วยซ่อนตัวเธออีกแล้ว แต่เป็นการเปิดปากของเธอออก จุมพิตอย่างหนักหน่วง รุกล้ำเข้ายึดครอง…
บนที่นั่งแถวหน้า เฉียวเข่อซินมองคู่รักที่กำลังจูบกันอย่างดูดดื่มโดยไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพลลางยักไหล่ สื่อว่าไม่เห็นจะเป็นเรื่องแปลก…
ทางด้านหานเซี่ยนอวี่ ขณะมองทั้งสองคน นอกจากจะเก้อเขินเล็กน้อยแล้ว ก้นบึ้งดวงตาผุดความสงสัยรางๆ ที่ไม่อาจสังเกตเห็นได้…
เมื่อกี้เห็นไวๆ ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้คุ้นตาเป็นพิเศษ เหมือนจะเป็นเพื่อนคนนั้นของเยี่ยไป๋?
เพราะบุคลิกเพื่อนคนนั้นของเยี่ยไป๋โดดเด่นมากเกินไป ฉะนั้นต่อให้แค่เห็นไวๆ เพียงแวบเดียว เขาก็รู้สึกว่าตัวเองน่าจะมองไม่ผิด
ผู้หญิงข้างกายเขานั้นถูกชายหนุ่มบังไว้อย่างมิดชิด ด้วยความวุ่นวายจึงไม่ทันมองให้ชัด…
เฮ้อ ก่อนหน้านี้เขาเกือบจะเข้าใจผิดเรื่องความสัมพันธ์ของอีกฝ่ายกับเยี่ยไป๋ มาดูตอนนี้ รสนิยมทางเพศของเขาคงไม่มีอะไรต้องสงสัยอีกแล้ว
เพียงแต่เขายังอยากรู้จริงๆ คนที่ทำให้ผู้ชายเย็นชาถือตัวแบบนั้นเร่าร้อนได้ขนาดนี้ จนถึงขนาดควบคุมตัวเองไม่ได้เหมือนคู่รักอื่นๆ ในสถานที่แบบโรงหนัง จะเป็นผู้หญิงแบบไหนกัน?
คู่รักกำลังสวีทกันหวานหยด ต่อให้หานเซี่ยนอวี่อยากรู้ก็ย่อมไม่คิดจะไปจ้องดู มองอยู่เพียงไม่นานก็กระแอมเบาๆ แล้วขยับตัวหันกลับไปอย่างรวดเร็ว
จูบของซือเยี่ยหานยังคงดำเนินต่อไป เยี่ยหวันหวั่นถูกกอดไว้ด้านหนึ่ง รู้สึกเพียงว่าอากาศในปอดน้อยลงไปทุกที รู้สึกเหมือนจะเป็นลมเพราะสมองขาดอากาศ
เหลือบเห็นว่าเฉียวเข่อซินและหานเซี่ยนอวี่ที่อยู่ด้านหน้าเหมือนหันกลับไปแล้ว หน้าอกของเยี่ยหวันหวั่นกระเพื่อมขึ้นลง กะพริบตา ถดตัวถอยหลังเล็กน้อย “คือว่า…พอแล้ว…”
ลมหายใจของซือเยี่ยหานถอยออกไปแล้ว เพียงแต่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของหญิงสาวไม่ไปไหน ดวงตาท่ามกลางความมืดเหมือนมีแสงไฟกำลังเต้นเร่า มีความก้าวร้าวรุกราน
เยี่ยหวันหวั่นกะพริบตา กลืนน้ำลายด้วยความตระหนกอย่างไร้สาเหตุ
ซือเยี่ยหานยกมือขึ้น นิ้วมือเรียวยาวสัมผัสริมฝีปากที่บวมแดงเล็กน้อยเบาๆ จากนั้นไล้ไปยังข้างลำตัว จนถึงมือเล็กๆ ของเธอ แล้วนิ้วทั้งสิบก็สอดประสานเข้าด้วยกัน จากนั้นโน้มตัวลงไปอีกครั้ง จูบเบาๆ ที่ริมฝีปากหญิงสาว…
จุมพิตครั้งแล้วครั้งเล่าจรดลงมาเบาๆ พอให้จั๊กจี้ แต่กลับทำให้เธอใจเต้นรัวยิ่งกว่าความแข็งกร้าวเมื่อครู่เสียอีก…
เยี่ยหวันหวั่นชื่นชมด้วยใจจริงว่า แม้คนบางคนจะขาดพรสวรรค์ แต่ความสามารถในการเรียนรู้นี่รวดเร็วมากจริงๆ
……………………………………………………….
บทที่ 530 เดทอาทิตย์ละครั้ง
ตั้งแต่เสนอตัวช่วยเธอต่อแถว มาจนถึงจูบนี้…
เสียดายที่ก่อนหน้านี้เธอรังเกียจนิสัยใจคอของเขา…
แม้ว่าจูบนี้จะจบลงแล้ว ซือเยี่ยหานเกี่ยวนิ้วมือของเธอไว้ตลอดไม่ยอมปล่อย
ส่วนเนื้อหาต่อไปของหนัง เยี่ยหวันหวั่นดูไม่รู้เรื่องอีกแล้ว
อืม ในที่สุดก็รู้สึกเหมือนนัดเดทขึ้นมานิดหน่อยแล้ว…
ไม่ง่ายเลย…
หลังจากหนังจบลง เยี่ยหวันหวั่นรอจนแน่ใจว่าเฉียงเข่อซินกับหานเซี่ยนอวี่เดินออกไปแล้ว ถึงเดินออกจากโรงฉายภาพยนตร์พร้อมกับซือเยี่ยหาน
ด้านนอกห้างสรรพสินค้า สวี่อี้เตรียมตัวรออยู่ด้านหน้าโรงภาพยนตร์ก่อนแล้ว
เงยหน้าขึ้นดูนาฬิกาข้อมือ เห็นชี้บอกเวลาหนังจบก็มองไปทางประตู และก็เห็นร่างคุ้นเคยทั้งสองอย่างที่คิด
รอจนทั้งสองเดินเข้ามาใกล้ สวี่อี้ไม่เพียงเบิกตากว้าง เขายังสังเกตเห็นอย่างฉับไวว่าเจ้านายของเขากำลังจับจูงมือเยี่ยหวันหวั่น
สวี่อี้แทบไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเอง ถ้าหากพูดถึงกิจกรรมแนบชิดอย่างอื่นเขาจะไม่แปลกใจเท่านี้ แต่ว่าสิ่งที่ทดสอบความฉลาดทางอารมณ์อย่างการจูงมือ สำหรับเจ้านายของเขาเป็นเรื่องมหัศจรรย์พันลึกมาก!
นอนกลางวัน กินข้าว ดูหนัง จูงมือ…
จู่ๆ เขาก็พบว่าเจ้านายของเขาเหมือนจะเป็นปุถุชน คล้ายคนธรรมดาเข้าไปทุกที
คุณหนูหวันหวั่น…เก่งมากจริงๆ…
จนกระทั่งทั้งสองเดินมาถึงรถ สวี่อวี้ถึงได้สติ รีบดึงประตูรถเปิดออก
หลังจากขึ้นรถแล้ว ซือเยี่ยหานก็กลับเข้าสู่โหมดสูงส่งเย็นชาเหมือนที่ผ่านมาอีกครั้ง
เยี่ยหวันหวั่นโน้มเข้าไปหาด้วยสีหน้าประจบเอาใจ “เป็นไงบ้างคะ? ออกมาเดินเล่นสักหน่อย รู้สึกว่าอารมณ์ดีขึ้นเยอะเลยใช่ไหม คุณน่ะอยู่ติดบ้านมากเกินไป น่าจะออกมาเดินเล่นบ่อยๆ หน่อย!”
เยี่ยหวันหวั่นคิดๆ แล้วจึงเอ่ยต่อว่า “ไม่อย่างนั้นต่อไปพวกเราออกมาอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งดีไหมคะ?”
ซือเยี่ยหานได้ยินดังนั้น ตอบด้วยสีหน้านิ่งๆ ว่า “ได้สิ”
ด้านหน้า สวี่อี้ที่กำลังขับรถมองท่าทางสื่อว่า ‘ฉันนิ่งมาก’ ‘ฉันไม่เฝ้ารอมันเลยสักนิด’ ของเจ้านายตัวเอง ได้แต่หมดคำจะพูด
เอาเถอะ เขาจะเชื่อสักหน่อยแล้วกัน
เวลานี้เอง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา เป็นโทรศัพท์ของเยี่ยหวันหวั่น
เยี่ยหวันหวั่นเห็นชื่อคนโทรเข้ามา สีหน้าพลันเปลี่ยนไป
“แย่แล้ว…หานเซี่ยนอวี่โทรมา…ทำไมถึงโทรมาหาฉันตอนนี้ล่ะ? คงไม่ใช่ว่าเมื่อกี้รู้อะไรเข้าหรอกนะ?” เยี่ยหวันหวั่นร้อนตัว
ซือเยี่ยหานเหลือบมองหญิงสาวทีหนึ่ง “ตามทฤษฎีแล้ว ไม่มีทางหรอก”
เยี่ยหวันหวั่นไร้ซึ่งคำจะพูด
ขอถามหน่อย ‘ทฤษฎี’ ที่ว่านี้มาจากไหนเหรอ?
โทรศัพท์ดังอยู่นาน ถ้ายังไม่รับจะกลายเป็นว่ายิ่งปกปิดก็ยิ่งเห็นชัด เยี่ยหวันหวั่นจึงจำต้องยอมรับสาย กดเสียงต่ำ เปลี่ยนเป็นเสียงผู้ชาย เอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “ฮัลโหล? เซี่ยนอวี่ ทำไมถึงโทรมาหาฉันเวลานี้ มีอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่มีอะไรหรอก แค่จะถามคุณหน่อยว่าอยากไปงานประกาศรางวัลจินหลานไหม?” เซี่ยนอวี่ถาม
“หือ งานประกาศรางวัลจินหลาน?” เยี่ยหวันหวั่นอึ้งไปนิด จากนั้นเอ่ยว่า “งานนี้ฉันไปไม่ได้อยู่แล้ว!”
“พี่ซินช่วยหาบัตรเข้างานให้คุณได้ใบหนึ่ง ถ้าว่างก็ไปด้วยกันเถอะ!” หานเซี่ยนอวี่กล่าว
เยี่ยหวันหวั่นค่อนข้างประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าเฉียวเข่อซินจะเชิญคนไร้ตัวตนอย่างเธอ “เรื่องนี้…จะดูไม่ค่อยเหมาะสมหรือเปล่า?”
“มีอะไรไม่เหมาะสม คุณไปด้วยกันเถอะ ยังไงบัตรเข้างานก็จัดการไว้เรียบร้อยแล้ว วันนี้ตอนที่ผมกับพี่ซินไปดู ‘ตำนานจิ้งซู’ เขายังพูดถึงคุณอยู่เลย ผมว่าหนังเรื่องนี้ใช้ได้ ไม่แน่ว่าคำทำนายของคุณอาจจะเป็นจริงก็ได้นะ!” หานเซี่ยนอวี่พูดติดตลก
เยี่ยหวันหวั่นหัวเราะเบาๆ “ฉันก็แค่เมาแล้วพูดอะไรเรื่อยเปื่อยเท่านั้น ช่วยขอโทษพี่ซินแทนฉันด้วยนะ หวังว่าเขาจะไม่ถือสา…”
หานเซี่ยนอวี่หัวเราะ “สบายใจเถอะ พี่ซินไม่ได้ถือสา จริงสิ คุณรู้ไหมว่าตอนผมไปดูหนังวันนี้ ผมเจอใครเข้า?”
…………………………………………………..