อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ – บทที่ 175 พระชายาหมิงได้โปรดออมมือ

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 175 พระชายาหมิงได้โปรดออมมือ

ด้านขวามือหยุนหว่านหนิงเป็นป่าดอกเหมย

ฤดูกาลนี้ ใบไม้ต้นดอกไม้ไม่หนาทึบ ดอกกำลังบานสะพรั่ง เมื่อเทียบกับต้นไม้เขียวขจีอื่น ๆ ภายในป่าเหมย มองเข้าไปแล้วก็เหมือนโล่ง

ใบหน้าซุนตายิ่งเจ็บปวดจนชาไปหมดแล้ว

ถูกหยุนหว่านหนิงกระชากไปยังด้านหลังป่าดอกเหมย แล้วก็ถูกโยนลงบนพื้น

“เจ้า เจ้าคิดจะทำอะไร?”

อาจเป็นเพราะลักษณะท่าทีหยุนหว่านหนิงเยือกเย็น บอกจะลงมือก็ลงมืออย่างโหดเหี้ยม ซุนตายิ่งตกใจแย่แล้ว

เวลานี้ นางไม่กล้าเหิมเกริมอีกแล้ว

นางมองดูหยุนหว่านหนิงอย่างหวาดกลัว ร่างกายเดินถอยหลัง พร้อมพูดขึ้นว่า “หากฮ่องเต้รู้ว่าเจ้าทำกับข้าเช่นนี้ จะต้องไม่ปล่อยเจ้าแน่”

“พอดีเลย เมื่อกี้ข้าไปยังห้องทรงพระอักษร ยังไม่ได้เจอกับเสด็จพ่อ”

หยุนหว่านหนิงเห็นนางอยากหนี ก็ไม่ได้ห้าม

เสียงนางบีบนิ้วมือตนเองดังขึ้น พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่แน่ว่าข้าตัดแขนของเจ้าข้างหนึ่ง หรือหักขาของเจ้า…..”

“เรื่องก็จะไปถึงเสด็จพ่อ”

คำพูดอันน่าตกใจของนาง ทำให้ซุนตายิ่งตกใจอย่างประสบความสำเร็จ

“เจ้า เจ้า…..”

นางเหมือนกับเห็นผี มองดูหยุนหว่านหนิงอย่างตกตะลึงตาค้าง

“หากเจ้าไม่มีแขนไม่มีขา เสด็จพ่อคงจะเอ็นดูเจ้ามากกว่านี้?”

หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้วหัวเราะ

และเวลานี้ พวกนางกำนัลของซุนตายิ่ง อยากจะตามเข้ามา….แต่ก็กลัวทำให้พระชายาหมิงโกรธ

อยากไปฟ้องฮ่องเต้ ก็กลัวจะทำให้พระชายาหมิงยิ่งโมโห

พวกนางช่วยซุนตายิ่งไม่ได้ แล้วก็ไม่กล้าไปฟ้อง

คิดไปคิดมา แล้วก็ทำได้เพียงยืนร้อนใจอยู่ที่เดิม

แล้วเสียงของหยุนหว่านหนิง ก็ดังมาจากในป่าดอกเหมยว่า “พวกเจ้า รีบไปฟ้องเสด็จพ่อที่ห้องทรงพระอักษร บอกว่านายหญิงของพวกเจ้า ถูกข้าตีขาหักแล้ว”

ซุนตายิ่ง “……”

พวกนางกำนัล “…….”

โดยปกติแล้ว ใครก็ล้วนกลัวเรื่องแบบนี้รู้ไปถึงฮ่องเต้ไม่ใช่หรือ?

พระชายาหมิงคนนี้กลับดี กล้าสั่งให้พวกนางไปฟ้อง แล้วยังสอนพวกนางว่าควรพูดยังไง?

แน่นอนว่าคนที่ได้รับความโปรดปรานนั้น ไม่มีอะไรต้องกลัวจริงๆ

ฮ่องเต้รักและเอ็นดูพระชายาหมิงอย่างมาก ดังนั้นจึงกล้าลงมือกระทำอย่างไม่เกรงกลัวขนาดนี้…..นายหญิงของตนเองไปหาเรื่องพระชายาหมิง มีเพียงดนหาที่ตาย

ซุนตายิ่งยิ่งคิดไม่ถึงว่า หยุนหว่านหนิงจะกล้าเหิมเกริมขนาดนี้

นางมองดูนางอย่างหวาดกลัว พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้า เจ้าตีขาของข้าหักไม่ได้”

“ทำไมจะทำไม่ได้?”

หยุนหว่านหนิงถามกลับว่า “เจ้าออกมาพร้อมนางกำนัลมากมายขนาดนี้ จนเจ้าไม่ต้องเดินเองแล้ว ใช้เสลี่ยงยกเจ้าก็พอ”

“ดูการแต่งตัวของเจ้า ไม่เหมือนคนที่เป็นกุ้ยเหรินคนหนึ่งจะมีใช่ไหม?”

“เจ้าอาศัยความโปรดปรานที่เสด็จพ่อมีต่อเจ้าไม่ใช่หรือ? ข้าตีขาของเจ้าหัก เสด็จพ่อจะได้ยิ่งรักและก็เอ็นดูเจ้าไง?”

ฟังดูแล้ว วันนี้นางจะตีขาของนางหักจริงๆ

เรื่องนี้ ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว

เห็นหยุนหว่านหนิงโน้มตัว เก็บท่อนไม้บนพื้น ซุนตายิ่งค่อยรู้สึกกลัวขึ้นมา

นางพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นเทาว่า “พระชายาหมิง เจ้า เจ้าปล่อยข้า ข้าสำนึกผิดแล้ว ต่อไปจะไม่กล้าเหิมเกริมต่อหน้าท่านอีก ท่านปล่อยข้าไปเถอะ”

“ปล่อยเจ้าไป? เมื่อกี้เจ้ายังพูดจาหยาบคายต่อหน้าข้าไม่ใช่หรือ บอกว่าข้าควรที่จะเรียกเจ้าว่าซุนเหนียงเหนียง?”

หยุนหว่านหนิงมองดูนางอย่างน่าขำ พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไม? ซุนเหนียงเหนียง กลัวแล้วหรือ?”

“เจ้าว่า ข้าทุบขาซ้ายของเจ้าหักดี หรือทุบขาขวาของเจ้าหักดีกว่า?”

อย่างอื่นไม่ว่า ซุนตายิ่งคนนี้หน้าตาไม่เลวจริงๆ

รูปร่างนี้ อกนูนก้นงอน ขาทั้งคู่ก็เรียวยาว….

เป็นหญิงงามที่ยากจะพบเห็นจริงๆ

นางยังสาวเมื่อเทียบกับพวกฮองเฮาจ้าว เต๋อเฟย ยังเต็มไปด้วยพลังความสดใสของวัยสาว สำหรับผู้ชาย ผู้หญิงแบบนี้ถือได้ว่าเป็นระดับชั้นเลิศ

ไม่น่าแปลก ที่โม่จงหรานโปรดปรานนาง

หยุนหว่านหนิงถือท่อนไม้พร้อมพูดขึ้นอย่างครุ่นคิดว่า “เสด็จพ่อชอบเล่นขาข้างซ้ายหรือขาข้างขวาของเจ้า?”

ขาคู่นี้ นางมองดูแล้วยังชอบเลย

“หากชอบเล่นขาซ้าย ข้าก็จะทุบขาขวาของเจ้า เหลือทางเลือกให้เจ้าหนึ่งทาง ต่อไปจะได้ไม่เป็นที่ถูกลืม”

นางหัวเราะเย้ย พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

ดูซิว่านางมี ‘น้ำใจ’ ขนาดไหน

แต่คำพูดนี้ซุนตายิ่งฟังแล้ว ใบหน้าเรียวเล็กของนางนิ่งอึ้งทันที

นี่ นี่เป็นคำพูดอะไรกัน

นางอยากแกล้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจ กลับได้ยินหยุนหว่านหนิงพูดขึ้นอีกว่า “หากเจ้าไม่เลือก ข้าก็จะทุบให้หักทั้งสองข้าง เจ้าจะได้ไม่ก่อเรื่องสร้างปัญหาในวังหลัง อาศัยอำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงคนอื่นไปทั่ว”

ได้ยินแบบนี้ ซุนตายิ่งกลัวแล้ว

“พระชายาหมิง ขอร้องท่านปล่อยข้าไปเถอะ ข้าสำนึกผิดแล้ว”

นางเพียงคิดว่าเป็นที่โปรดปรานของโม่จงหรานแล้ว ก็สามารถที่จะไม่เห็นใครอยู่ในสายตา

ไม่คิดเลยว่าวันนี้ จะได้เจอหยุนหว่านหนิงที่โหดเหี้ยมคนหนึ่ง

เดิมหยุนหว่านหนิงก็ไม่ใช่คนพูดจารุนแรง จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต แต่เพื่อโม่เฟยเฟย นางอยากฆ่าซุนตายิ่ง นังคนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงคนนี้ให้ตายไปเลย

“ในเมื่อเจ้าไม่เลือก งั้นขาคู่นี้ก็ไม่อยากได้แล้วใช่ไหม?”

หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้ว ค่อยๆยกท่อนไม้ในมือขึ้นมา

และในเวลานี้ ด้านนอกป่าดอกเหมยก็มีเสียงดังขึ้นว่า “พระชายาหมิง ได้โปรดออมมือ”

คนที่มาคือเหลียงเสี่ยวกงกงของห้องทรงพระอักษร

เขาหายใจแรง แสดงว่ารีบเดินทางมาอย่างไว

เข้ามาในป่าดอกเหมยแล้ว บนใบหน้ายังเต็มไปด้วยเหงื่อ

“พระชายาหมิง ได้โปรดออมมือ”

เหลียงเสี่ยวกงกงมองดูซุนตายิ่งที่สภาพย่ำแย่ แล้วรีบพูดกับหยุนหว่านหนิงว่า “พระชายาหมิง ฮ่องเต้ให้ข้าน้อยมาเชิญท่านไป”

เมื่อกี้หลังจากที่หยุนหว่านหนิงพูดสั่ง พวกนางกำนัลก็รีบไปฟ้องที่ห้องทรงพระอักษรแล้ว

ดังนั้น โม่จงหรานจึงสั่งให้เหลียงเสี่ยวกงกงรีบมา

โชคดีที่หยุนหว่านหนิงยังไม่ลงมือ

พวกนางกำนัลวิ่งเข้ามา พร้อมรีบพยุงซุนตายิ่งขึ้นมา

ตอนนี้นางตกใจอย่างมากแล้วจริงๆ คราบน้ำตาบนใบหน้ายังไม่แห้ง….หยุนหว่านหนิงเพียงกวาดสายตามองดูเหลียงเสี่ยวกงกง แล้วก็พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ข้าไม่ไปแล้ว”

เมื่อกี้นางอุตส่าห์ไปหาโม่จงหราน แม้แต่ประตูห้องทรงพระอักษรก็เข้าไปไม่ได้

ตอนนี้มาเชิญนาง นางไม่อยากไปแล้ว

มองดูท่าทีเย่อหยิ่งของหยุนหว่านหนิง สีหน้าซุนตายิ่งแปลกประหลาด

พระชายาหมิงคนนี้ เป็นใครมาจากไหนกันแน่?

ภายในวังนี้ ยังไม่มีคนกล้าปฏิบัติเช่นนี้ต่อฮ่องเต้มั้ง?

เหลียงเสี่ยวกงกงกลับเห็นเป็นเรื่องปกติ เพียงเอื้อมมือขึ้นมาปาดเหงื่อ พร้อมพูดขึ้นด้วยสีหน้าลำบากใจว่า “พระชายาหมิง ท่านอย่าทำให้ข้าน้อย ที่เป็นเพียงคนมาแจ้งต้องลำบากใจเลย”

“มิใช่ข้าไม่ได้สร้างความลำบากใจให้กับเจ้า เสด็จพ่อต่างหากที่สร้างความลำบากใจให้เจ้า เจ้าไปร้องกับเสด็จพ่อโน่น”

“ข้าน้อยไม่กล้า”

เหลียงเสี่ยวกงกงยิ้มแย้ม

บนหลังมือซุนตายิ่ง ถูกกิ่งต้นดอกเหมยบาด เวลานี้นางหลบอยู่ด้านหลังนางกำนัล พร้อมค่อยๆสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

หยุนหว่านหนิงเงยมองดู…..

สบกับสายตาล้อเลียนของนาง ร่างกายซุนตายิ่งนิ่งอึ้ง พร้อมกัมหน้าก้มตา

“ซุนตายิ่ง”

ได้ยินหยุนหว่านหนิงหัวเราะเย้ย พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าคิดว่าชื่อซุนตายิ่งของเจ้า ไม่ค่อยลื่นปาก”

“วันนี้เจ้าล้มลุกสามครั้ง ต่อไปข้าจะเรียกเจ้าว่าซุนซันฝู?”(ซุนซันฝู:ล้มลงและถูกประคองขึ้นมา)

ซุนซันฝู “……”

กล้าตั้งฉายาให้กับผู้หญิงของฮ่องเต้ พระชายาหมิงคนนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ

เห็นซุนซันฝูเงียบ หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไม เจ้าไม่ชอบชื่อนี้หรือ? ยังอยากให้ข้าเรียกเจ้าว่าซุนเหนียงเหนียง?”

ซุนซันฝูหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ชื่อนี้ ข้า ข้าชอบมาก ขอบพระทัยพระชายาหมิงที่ประทานชื่อ”

ซุนตายิ่งที่เมื่อกี้ยังเย่อหยิ่งโอหัง เชิ่ดหน้าใส่หยุนหว่านหนิง ตอนนี้ไม่กล้าเหิมเกริมแล้ว

เหลียงเสี่ยวกงกงแอบหัวเราะ

ซุนตายิ่งคนนี้หาเรื่องใส่ตนจริงๆ

มีใครไม่รู้บ้างว่า ฮ่องเต้ยังทำอะไรพระชายาหมิงไม่ได้ นางกลับยังกล้ามีเรื่องกับคนนี้?

“เจ้าหัวเราะอะไร?”

หยุนหว่านหนิงถามขึ้นมาอย่างไม่สะทกสะท้าน เหลียงเสี่ยวกงกงตกใจจนรีบหุบยิ้ม พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายาหมิง ข้าน้อยขอร้อง เชิญท่านไปยังห้องทรงพระอักษรด้วยเถอะ”

หยุนหว่านหนิงเอามือไขว้หลังเดินออกไปแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ไป”

เดินไปหลายก้าว แล้วนางก็ย้อนกลับมา พร้อมพูดขึ้นว่า “นอกเสียจาก…..”

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

Status: Ongoing
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ เป็นเรื่องราวความรักเกี่ยวกับการเดินทางที่ยากลำบากของตัวเอกชายและหญิง รู้จักกัน ตกหลุมรัก ผ่านเหตุการณ์และความยากลำบากมากมาย แต่สุดท้ายก็กลับมารวมกัน?คืนวันข้ามภพ ณห้องหอ หยุนหว่านหนิงถูกชายชั่วโม่เยว่เนรเทศออกมาจากวังหลัง ถูกจองจำสี่ปีเต็มๆ! เดิมคิดว่า สี่ปีมานี้นางอยู่อย่างยากลำบาก ต้องกลายเป็นยายแก่ขี้เหร่เป็นแน่! แต่หุ่นเธอช่างอรชรอ้อนแอ้นเต่งตึงเสน่ห์บาดใจ ผิวขาวราวกับหิมะ ใช้เงินมือเติบ ข้างกายยังมีเจ้าก้อนแป้งที่หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ…… โม่เยว่นัยน์ตาร้อนเผ่า “เจ้าเอาเงินมาจากที่ใด!แล้วลูกมาจากไหน?!” เจ้าก้อนแป้งถลึงตามองเขา:“ไปให้ไกลจากท่านแม่ข้า!” หลังจากสืบรู้เรื่องเมื่อปีนั้นแล้ว โม่เยว่สีหน้าจริงใจ:“เมียจ๋า ข้าผิดไปแล้ว!ลูกชาย พ่อผิดไปแล้ว!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท