“ฝ่าบาท ฝ่าบาท…”
ซุนตายิ่งกัดริมฝีปากล่างแน่น คำพูดต่อจากนั้นคล้ายยากจะเอ่ย
ภายใต้สายตาหงุดหงิดมากขึ้นของฮองเฮาจ้าว นางจึงสะอื้นเอ่ยเสียงเบา “เหนียงเหนียง หม่อมฉันยังไม่เคยได้ถวายตัวเพคะ!”
“อะไรนะ!”
ฮองเฮาจ้าวตกตะลึง!
เนื่องจากตกตะลึงเกินไป ถ้วยน้ำชาในมือนางจึงตก…ตกบนศีรษะของซุนตายิ่งพอดี
นางร้องเจ็บเสียงหนึ่ง ถ้วยชาตกแตกละเอียดอยู่บนพื้น
น้ำชากระเซ็นทั่ว ชุ่มกระโปรงของซุนตายิ่ง
ดีที่น้ำชาอุ่น มิเช่นนั้นน่ากลัวว่าจะลวกใบหน้านาง!
แม้จะเป็นเช่นนั้น ซุนตายิ่งก็ยังร้องตกอกตกใจ กุมศีรษะเปียกลุกขึ้นยืน “เหนียงเหนียง…”
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ”
ฮองเฮาจ้าวจ้องนางด้วยสายตาอึมครึม
สมกับที่เป็นฮองเฮา ไม่นานก็ตั้งสติได้
“หม่อมฉันบอกว่า ว่า…”
เมื่อเห็นสีหน้าฮองเฮาจ้าวมืดมน ซุนตายิ่งก็กลัวจนสั่นเทา เอ่ยเสียงสั่นเครือ “หม่อมฉันเข้าวังนานเพียงนี้แล้ว หม่อมฉันยังไม่เคยได้ถวายตัวต่อฝ่าบาทเลยเพคะ!”
“เป็นไปได้อย่างไร!”
ฮองเฮาจ้าวกัดฟัน “ช่วงก่อน เจ้ามิใช่อยู่ที่ตำหนักฉินเจิ้งทุกวันหรือ!”
“แล้วฝ่าบาทก็บรรทมที่ตำหนักซีเยว่หลายต่อหลายครั้งนี่!”
เพราะเช่นนี้ ในวังจึงเล่าลือว่าซุนตายิ่งแทนที่เต๋อเฟยเหนียงเหนียงแล้ว กลายเป็นสนมที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด
แม้แต่ฮองเฮาจ้าวก็คิดเช่นนี้
แต่ตอนนี้ซุนตายิ่งกลับบอกนางว่ายังไม่เคยได้ถวายตัวให้ฮ่องเต้!
มิน่าล่ะ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ท้อง!
“ถ้าเจ้ายังไม่เคยถวายตัวให้ฝ่าบาท แล้วเจ้าเอาอะไรมาเบ่งบารมีอยู่ในวังหลัง! เวลาที่ฝ่าบาททรงประทับอยู่กับเจ้า ทรงทำอะไรเล่า!”
ถ้อยคำนี้ ฮองเฮาจ้าวยังคล้ายกับเค้นออกมาจากร่องฟัน
“ฝ่าบาท ทรง…”
ซุนตายิ่งหักใจ หลับตาร้องไห้ “ฝ่าบาททรงให้หม่อมฉันนอนพื้นเพคะ!”
ฮองเฮาจ้าว “…!!!”
จางหมัวมัวก็ทึ่งเหมือนกัน มองฮองเฮาจ้าวอย่างระมัดระวัง “เหนียงเหนียง นี่ฝ่าบาททรงหมายความว่าอะไรเพคะ”
“หรือว่า ยังคงมีพระทัยรักมั่นกับเต๋อเฟยเหนียงเหนียง”
ฮองเฮาจ้าวได้สติหลังจากตะลึง “ข้าจะรู้ได้อย่างไร”
“ข้าประมาทนังแพศยาเต๋อเฟยนั่นแล้ว! ต่อให้มีปากเสียงกับฝ่าบาท ทำสงครามเย็นขนาดนี้ แต่ฝ่าบาทกลับไม่ทรงยอมแตะต้องหญิงอื่น?!”
นางหัวเราะเย็น “เมื่อก่อนฝ่าบาททรงมีน้ำพระทัยเหลือหลาย สนมวังหลังต่างได้รับความโปรดปราน”
“ข้ากลับคิดไม่ถึงเลย ฝ่าบาททรงมีพระชนมายุแล้ว แต่กลับยังมีพระทัยมั่น”
เพื่อเต๋อเฟย ถึงกับไม่แตะผู้หญิงคนอื่นของเขา?!
หากไม่ใช่เพราะนางอายุมากรูปโฉมถดถอย ถูกโม่จงหรานแหนงหน่าย ทั้งยังเป็นประมุขหกตำหนัก…
นางก็อยากลองดูสิว่า โม่จงหรานจะไม่ยอมแตะผู้หญิงอื่นจริงหรือไม่!
แต่นางเป็นฮองเฮา นางจะทำเรื่องเสื่อมเสียเช่นนี้ไม่ได้
ซุนตายิ่งกลับเอาแต่ร้องไห้
“ร้องไห้มีประโยชน์อะไร”
ฮองเฮาจ้าวมองนางแบบแค้นที่ไม่เป็นดั่งหวัง “เทียบกับเอาแต่ร้องไห้ ไม่สู้คิดหาวิธี จะทำอย่างไรถึงจะถวายตัวกับฝ่าบาทได้ดีกว่า!”
“เจ้ายังสาว การรีบตั้งครรภ์สักคนต่างหากถึงจะเป็นเรื่องสำคัญ”
“ฝ่าบาททรงเลยวัยกลางคนไปแล้ว ถ้าเจ้าตั้งครรภ์ ก็ถือว่ามีบุตรยามแก่! ฝ่าบาทต้องโปรดปรานมากขึ้นแน่”
นางออกความคิดให้ซุนตายิ่ง
ทีแรกยังคิดว่า ซุนตายิ่งดีชั่วนับว่าเป็นไพ่เหนือชั้น
เพราะพอเข้าวังมาก็ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท เข้าแทนที่เต๋อเฟยในพระทัยฝ่าบาท…
ไหนเลยจะรู้ กลับเป็นขยะชั้นต่ำเสียได้!
จนถึงตอนนี้ ยังต้องนอนพื้น?!
ถ้ารู้ออกไป น่ากลัวว่าจะถูกคนหัวเราะเยาะจนฟันหัก!
“แต่เหนียงเหนียง ฝ่าบาทไม่แตะหม่อมฉันนี่เพคะ! หม่อมฉันพยายามมาหลายครั้ง แต่ฝ่าบาทก็ยังไม่มีพระอารมณ์”
ไหนเลยจะแค่ไม่มีอารมณ์
โม่จงหรานไม่รู้สึกสนใจนางเลยต่างหาก!
ทุกวันพอตกกลางคืน เขาก็ดึงผ้าห่มทิ้งตัวลงนอน ไม่มองนางสักนิด
บางครั้นซุนตายิ่งแอบปีนขึ้นเตียง ยังถูกโม่จงหรานไล่ลงไปอีกด้วย
กลางคืนยังสั่งให้นางหันหน้าไปทางประตู หันหลังให้เตียง ห้ามนางมองเขา…
ซุนตายิ่งน้อยเนื้อต่ำใจยิ่งนัก “เหนียงเหนียง หม่อมฉันหมดหนทางแล้วจริงๆ เพคะ เหนียงเหนียงทรงโปรดสงสารหม่อมฉัน ทรงสอนหม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ!”
ฮองเฮาจ้าวถอนหายใจยาว
เรื่องมาถึงขึ้นนี้ ก็ได้แต่พยายามดูสักตั้งแล้ว
นางมองนางด้วยความหมายลึกซึ้ง “เจ้ารู้หรือไม่ บนโลกใบนี้ แม้ชายหญิงจะไม่มีใจ แต่ก็มีอารมณ์ได้”
คำพูดนี้ลึกซึ้ง ซุนตายิ่งที่เป็นเจ้าโง่หมายเลขหนึ่งไม่เข้าใจ!
นางส่ายหน้าอย่างงุนงง “หม่อมฉันไม่เข้าใจเพคะ”
ฮองเฮาจ้าว “…”
สอน! ไม่! ได้!
“ฝ่าบาทไม่เพียงไม่ปรารถนาในตัวเจ้า กระทั่งว่าถึงบนเตียงแล้วก็ยังไม่ประสงค์มีพระอารมณ์ ผู้ชายน่ะนะ ล้วนเป็นสัตว์ที่ใช้ท่อนล่างคิด”
นางสูดลมหายใจลึกทีหนึ่ง กดอารมณ์ร้อนในใจ
แถลงไขให้เจ้าโง่หมายเลขหนึ่งด้วยความอดทน “เจ้าทั้งสาวทั้งสวย ดูแล้วก็เหมือนรอบรู้เรื่องบนเตียงนี่”
แม้ซุนตายิ่งยังบริสุทธิ์
แต่ก่อนที่นางจะเข้าวัง บิดามารดาของนางคาดหวังกับนางไว้มาก หวังว่านางจะมัด…ตัวของฮ่องเต้แน่นๆ ได้
พระทัยของฝ่าบาทอยู่กับเต๋อเฟย เรื่องนี้ต่างเป็นที่รู้กันดี
มัดใจไม่ได้ เช่นนั้นก็ได้แต่มัดตัว
ดังนั้นมารดาของนางจึงยัดตำราและภาพวาดที่ทำให้คนต้องหูแดงหน้าแดงให้นางมากมาย ทั้งก่อนจะเข้าวัง มารดาของนางยังอบรมนางหลายต่อหลายครั้ง ว่าต้องปรนนิบัติผู้ชายอย่างไร…
เมื่อได้ยินฮองเฮาจ้าวกล่าวเช่นนี้ นางก็ก้มหน้าลงด้วยความขวยเขิน เสียงเบาอย่างกับยุง “เพคะ”
ความดูถูกปราดผ่านดวงตาฮองเฮาจ้าวด้วยความเร็ว
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ เจ้าก็รีบใช้วิชาที่เจ้าร่ำเรียนมาทั้งหมด ทำให้ฝ่าบาททรงหลงใหลเจ้าสิ”
ฮองเฮาจ้าวเอ่ย “ตอนนี้เจ้าขึ้นแท่นบรรทมของฝ่าบาทไม่ได้ ก็ต้องคิดหาวิธี ให้พระองค์เข้าหาเจ้าก่อน!”
ซุนตายิ่งลำบากใจ “นี่เป็นไปไม่ได้เพคะ ฝ่าบาทต้องมิทรงยินดีแน่”
ฮองเฮาจ้าว “…”
“ข้ารู้! ข้าถึงได้บอกให้เจ้าคิดวิธีอย่างไรเล่า!”
อารมณ์กัดเขี้ยวเคี้ยวฟันเด่นชัดมาก
ซุนตายิ่งหดหัวสั่นพั่บๆ “หม่อมฉันโง่เขลา…”
“ข้าว่าเจ้าก็โง่จริงนั่นแหละ!”
ฮองเฮาจ้าวโกรธจัดจนหัวเราะ “เจ้าให้บิดาเจ้าหายาปลุกกำหนัดชายหญิงจากนอกวังก็ได้! ถึงตอนนั้นฝ่าบาทไม่มีใจให้เจ้า แต่ก็มีอารมณ์!”
“เข้าใจแล้วหรือยัง!”
นางบอกชัดเจนแล้ว ในที่สุดซุนตายิ่งก็เข้าใจสักที
นางรับคำอย่างพลันกระจ่าง “หม่อมฉันจะส่งคนออกนอกวัง บอกท่านพ่อเดี๋ยวนี้แหละเพคะ!”
ซุนตายิ่งออกไปด้วยความยินดีปรีดา
คิดไม่ถึงเลย หากฮองเฮาจ้าวรู้จักคิดแผนการอย่างนี้ได้จริงๆ เหตุใดหลายปีนี้นางจึงสู้ ‘เจ้าโง่’ เต๋อเฟยไม่ได้
จะว่าไป ตัวฮองเฮาจ้าวเองก็คือเจ้าโง่คนหนึ่งเหมือนกัน!
เจ้าโง่หมายเลขสองออกความคิดให้เจ้าโง่หมายเลขหนึ่ง ช่างน่าตั้งตารอคอยนัก
เจ้าโง่สองคนร่วมมือกัน จะได้ลูกไม้อะไรออกมากันแน่!
เป็นดังคาด ซุนตายิ่งไม่ทำให้ฮองเฮาจ้าว ‘ผิดหวัง’
ไม่นานก็ฝากบิดานางหา ‘ยาลับ’ มาได้จากนอกวัง
วันนี้พอเช้ามา ซุนตายิ่งก็แต่งตัวดังบุปผาบานไปห้องทรงพระอักษร…ฮองเฮาจ้าวเป็นผู้ออกความคิดให้นาง บอกว่าบุรุษตื่นเช้าจะมีอารมณ์ได้ง่าย
ตอนนี้ฟ้าเพิ่งสาง อีกครึ่งชั่วยามก็ควรประชุมเช้าแล้ว
ซุนตายิ่งเคาะประตูห้องทรงพระอักษรด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม…