หยุนหว่านหนิงส่ายหัว “วันนี้ข้าไม่ได้เข้าวัง ไม่รู้เรื่องนี้”
“เสด็จพ่อโยนซุนตายิ่งกลับไปที่ตำหนักเย็นต่อ! แต่บ่ายวันนี้ ก็สั่งให้คนตีนางตายโดยตรงเลย! ”
โม่เฟยเฟยกล่าวอย่างลึกลับ
“ซุนตายิ่งตายแล้ว?!”
หยุนหว่านหนิงตกตะลึงไปเล็กน้อย
ความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทุกครั้งที่นางเข้าไปในวังก็คือ “ซุนซันฝู”” แต่ซุนตายิ่งนี้ยังไม่ทันได้หยิ่งผยองกี่เดือน ก็ตายไปเช่นนี้แล้ว?!
นางยังไม่มีโอกาสเรียกนาง “ซุนเหนียงเหนียง” คำหนึ่งเลย
“อืม”
โม่เฟยเฟยพยักหน้า “เมื่อคืนนี้ข้าคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันผิดปกติ”
“ดังนั้นข้าจึงจงใจหลอกซุนตายิ่ง ข้าบอกว่าเจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่รู้คนที่อยู่เบื้องหลังเจ้าคือเสด็จแม่(ฮองเฮาจ้าว,พวกท่านอ๋องกับองค์หญิงล้วนต้องเรียกฮองเฮาว่า เสด็จแม่)! เจ้าถือว่ามีเสด็จแม่ค่อยสนับสนุน จึงกล้าวางอำนาจบาตรใหญ่ในวังนี้”
“จากนั้นล่ะ?”
หยุนหว่านหนิงอยากรู้อยากเห็น
โม่เฟยเฟยกางมือออก “แน่นอนว่านางไม่ยอมรับ!”
“ข้าก็นึกคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง เพราะช่วงนี้หยุนธิงหลานกําลังตั้งครรภ์ จึงได้เป็นที่สนใจเป็นอย่างยิ่ง เสด็จแม่(ฮองเฮาจ้าว)จะไม่สร้างปัญหาใดๆ ในเวลานี้แน่นอน”
หยุนหว่านหนิงเห็นด้วย สายตาที่มองดูนางนั้นมีความชื่นชมเล็กน้อย
อีนังหนูนี้เติบโตขึ้นแล้ว ฉลาดกว่าที่นางคิดไว้นิดหน่อย……
“ข้าวิเคราะห์อย่างรอบคอบอีกครั้ง คนในวังที่ไม่ถูกกับเสด็จแม่นั้น ยังมีซูเฟย!”
โม่เฟยเฟยทำเสียงเชอะเบาๆ กำหมัดทั้งสองข้างไว้อย่างแน่น “คนอื่นอิจฉาและชังเสด็จแม่ แต่ก็ไม่กล้าลงมืออย่างโจ่งแจ้ง แต่อิทธิพลทางฝ่ายแม่ของซูเฟยนั้นใหญ่โต พ่อของนางก็มีอํานาจอย่างมากในราชสำนัก”
“จึงทำให้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่ถูกกับเสด็จแม่ทุกๆ อย่าง”
หยุนหว่านหนิงและโม่เยว่มองหน้ากัน
เดิมทีพวกเขาทั้งสองก็เดาว่า เรื่องนี้ต้องเกี่ยวพันกับซูเฟยอย่างแน่นอน
ตอนนี้ฟังโม่เฟยเฟยพูดแบบนี้แล้ว……หยุนหว่านหนิงก็ให้นางพูดต่อ
“ข้าจึงบอกว่า ในเมื่อคนที่อยู่ข้างหลังเจ้าไม่ใช่เสด็จแม่ ก็ต้องเป็นซูเฟยอย่างแน่นอน!”
สีหน้าของโม่เฟยเฟยมีความตื่นเต้นเล็กน้อย “สีหน้าของซุนตายิ่งเปลี่ยนไปเล็กน้อย ข้ารู้ว่าข้าเดาถูกแล้ว! แม้นางจะไม่ยอมรับ แต่ข้ารู้ว่ามันต้องเป็นซูเฟยแน่นอน! ”
คําตอบนี้ ไม่น่าแปลกใจ
หยุนหว่านหนิงรู้ดีว่า ต่อให้พวกเขาไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ โม่จงหรานก็สามารถตรวจสอบความจริงของเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน
“ตอนนี้ซุนตายิ่งได้ตายไปแล้ว เสด็จพ่อก็ไม่มีท่าทีที่จะลงโทษซูเฟย ซึ่งทําให้ข้ารู้สึกโกรธมาก”
โม่เฟยเฟยทำปากจู๋
หยุนหว่านหนิงหัวเราะเบาๆ “เจ้าก็อย่าโกรธไปเลย เมื่อครู่เจ้าก็บอกแล้วไม่ใช่หรือ?ครอบครัวฝ่ายทางแม่ของซูเฟยนั้นมีอิทธิพลมาก ต่อให้เสด็จพ่อจะไม่โปรดปรานนาง แต่ก็จะไม่ทำอะไรนางอย่างง่ายดายแน่นอน”
ยิ่งไปกว่านั้น คราวนี้เต๋อเฟยก็ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว
ซุนตายิ่งบอกว่านางเป็นคนทำเองทั้งหมด ไม่ได้ดึงซูเฟยเข้ามาพัวพัด้วย
แม้ว่าจะได้รับคําสั่งจากซูเฟยก็ตาม แต่ไม่มีหลักฐาน จะลงมือกับซูเฟยไปมั่วได้อย่างไร?
นางส่ายหัวเบาๆ “อยู่ในตําแหน่งที่สูง ไม่เป็นตัวของตัวเอง”
แม้ว่าโม่จงหรานจะเป็นจักรพรรดิผู้สูงศักดิ์ แต่ก็มีความขมขื่นที่จำใจต้องทำเช่นกัน ในวังนี้คนเยี่ยงซูเฟยก็เป็นคนประเภทที่ขาดไม่ได้อยู่แล้ว
นางไม่เพียงแต่สามารถสร้างสมดุลระหว่างระบอบเผด็จการของฮองเฮา และความโปรดปรานของเต๋อเฟย
แถมยังเนื่องด้วยจากความใหญ่โตของอิทธิพลทางฝ่ายแม่นั้น สามารถรักษาเสถียรภาพของราชวงศ์เก่า และปราบปรามพวกนางสนมที่มีตําแหน่งต่ำในวัง
อย่างไรก็ตาม หากลงมือทำอะไรซูเฟย……
เช่นเดียวกับที่โม่เยว่บอก น้ำผึ้งหยดเดียว
เมื่อหลายปีก่อนตอนซูเฟยเข้าวัง นางเป็นคนที่ไทเฮาคัดเลือกด้วยตนเอง
ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าตอนนี้ไทเฮาจะพักฟื้นอยู่ที่ตำหนักสิงกง และไม่สนใจเรื่องในราชสำนักและในวังอีกต่อไปก็ตาม แต่ตําแหน่งวังของซูเฟยนั้น ก็ยังมั่นคงเช่นเคย
ไทเฮากับตระกูลกู้ ก็มีมิตรภาพกันเล็กน้อยเช่นกัน
ดังนั้นก็ดูแลเอาใจใส่หยุนหว่านหนิงอยู่บ้าง
นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทําไมตอนนั้นโม่เยว่ถึงเข้าใจผิดว่าหยุนหว่านหนิงถูกกักขังบริเวณไว้ที่เรือนชิงหยิ่ง แต่ก็ยังสามารถเรียกร้องกับไทเฮาได้
เข้าใจผิดนางไปจริงๆด้วย!
เพียงว่าตอนโม่เยว่ไปเยี่ยมไทเฮาในตำหนักสิงกง นางตั้งใจพูดถึงหยุนหว่านหนิงเท่านั้น……
หยุนหว่านหนิงคิดในใจว่า ดูเหมือนว่าจําเป็นต้องไปเยี่ยมไทเฮาเหนียงเหนียงท่านนี้สักหน่อยแล้ว
โม่เฟยเฟยพึมพําว่า “เสด็จพ่อจะมีเรื่องยากลำบากใจอะไรได้อีก แต่หลังจากที่ข้าออกมาจากห้องทรงพระอักษร ก็ได้ยินเสด็จพ่อสั่งซูกงกงให้คอยจับตาสังเกตซูเฟยอย่างลับๆ”
พูดอย่างนั้น นางก็หัวเราะ “ดังนั้นเสด็จพ่อก็ยังคงระมัดระวังซูเฟยอยู่”
“ก็แน่อยู่แล้ว”
หยุนหว่านหนิงวางถ้วยน้ำชาลง “คืนนี้เจ้ามาหาข้า ก็เพราะเรื่องนี้?”
“ใช่นะสิ! เรื่องนี้สําคัญมาก ข้าจะต้องบอกเจ้าโดยเร็วที่สุด อนาคตพวกข้ายังต้องคอยระวังซูเฟยเอาไว้! ”
โม่เฟยเฟยพูดอย่างจริงจัง
หยุนหว่านหนิงพยักหน้าอย่างครุ่นคิด
เมื่อเห็นว่าไม่เช้าแล้ว พวกเขาก็ควรกลับจวนอ๋องหมิงแล้ว
ทุกคนลุกขึ้นยืนอำลา แต่โม่เฟยเฟยกลับมองดูกู้หมิงอย่างอาลัยอาวรณ์
สายตานั้นตกอยู่ในสายตาของหยุนหว่านหนิง……นางไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่น เพียงคิดว่าโม่เฟยเฟยมาตระกูลกู้ครั้งแรก จึงอยากนั่งอีกสักพัก
หลังจากที่กู้หมิงส่งพวกเขาออกไป ก็ถูกคนรับใช้เข็นกลับเข้าไปในสวนหลังบ้าน
โม่เฟยเฟยหันหลังเหลือบมองเขา
ก้มหัวลง โดยไม่รู้ว่าในใจคิดอะไรอยู่
“พวกข้าไปส่งเจ้ากลับวันก่อนเถอะ”
หยุนหว่านหนิงอุ้มหยวนเป่าขึ้นรถม้า ตามด้วยโม่เฟยเฟยกับโม่เยว่
หลังจากส่งโม่เฟยเฟยกลับตำหนักเว่ยหยาง ทั้งสองจึงค่อยกลับจวนอ๋องหมิง
รถม้าแกว่งไปมาเบาๆ หยุนหว่านหนิงมองดูลูกชายที่หลับอยู่ในอ้อมกอด บนใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนที่อธิบายไม่ถูก ขณะนี้นางไม่ใช่เสือตัวเมียในสายตาของทุกคนอีกต่อไป เป็นเพียงแม่ที่แสนธรรมดาและยิ่งใหญ่ (เสือตัวเมีย=ผู้หญิงที่ห้าว ดุ)
โม่เยว่มองดูพวกเขาสองแม่ลูก รู้สึกมีความสุขยิ่งนัก
“ใช่แล้ว”
ทันใดนั้น หยุนหว่านหนิงก็เงยหน้าขึ้นมองเขา
โม่เยว่ละสายตาออกไม่ทัน
ยังไม่ทันได้ตั้งตัว สายตาที่ตกตะลึงของหยุนหว่านหนิง ก็พุ่งเข้าใส่สายตาที่อ่อนโยนของเขา……
ทั้งสองก็หันมองไปทางอื่นอย่างแปลกๆ
“เจ้าคิดว่า เรื่องนี้ซูเฟยเป็นคนทำเพียงผู้เดียวหรือไม่? ข้ารู้สึกเสมอว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายอย่างนั้น”
หยุนหว่านหนิงไอเบาๆ และลดเสียงเบาลง “องครักษ์ในตำหนักเย็น นอกจากเสด็จพ่อกับเสด็จแม่แล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถโยกย้ายเรียกสั่งการได้ หากเป็นเพียงคําสั่งของซูเฟยจริงๆ ให้ซุนตายิ่งวางยาพิษเสด็จแม่”
“ซุนตายิ่งจะหนีออกจากตำหนักเย็นได้อย่างไร?”
“เจ้าสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับบฮองเฮาด้วย?”
“อืม”
หยุนหว่านหนิงพยักหน้า “ซูเฟยไม่สามารถเรียกสั่งการองครักษ์ในตำหนักเย็นได้ และซุนตายิ่งก็ยิ่งไม่มีความสามารถที่เหนือคนทั่วไป”
ซุนตายิ่งจะหนีออกจากตำหนักเย็น ก็ต้องรบกวนถึงองครักษ์อย่างแน่นอน
แต่การจากไปของนางเงียบสงบอย่างยิ่ง จึงอาจกล่าวได้ว่ามีคนได้สั่งการองครักษ์ไว้ล่วงหน้า
โม่เยว่ “อืม” ไปคำหนึ่ง ด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มและเบา “เสด็จพ่อยังไม่อยากทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็คงแอบตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่างแจ้งอย่างลับๆแน่นอน”
“พวกข้าไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง”
“ข้าไม่ได้เป็นห่วง ไม่ใช่ข้าถูกวางยาพิษสักหน่อย อีกอย่าง เรื่องของข้าเองยังยุ่งไม่หมดเลย”
หยุนหว่านหนิงหาว
นางนึกถึงคำพูดของซ่งจื่ออวี๋ นางคงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานแล้ว
และฝันร้ายของหยวนเป่า ก็อาจเป็นจริงได้เช่นกัน
และเรื่องที่เคยสัญญากับโม่จงหรานว่าจะรักษาโม่เหว่ย……
เรื่องเหล่านี้ทั้งหมด จะทำให้นางล้นหลามไปหมดแล้ว!
โม่เยว่รู้ว่านางเพียงแค่ปากร้ายใจดี ปากบอกว่าไม่ห่วงเรื่องของเต๋อเฟย แต่ในใจก็ห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่ยิ้มจางๆ
เมื่อมองดูสภาพง่วงนอนของนาง กลัวว่านางอุ้มหยวนเป่าไว้จะเมื่อยมือ
เพราะเด็กคนนี้ก็มีน้ำหนักขึ้นแล้ว อุ้มมานานขนาดนี้แล้วแขนคงปวดเมื่อยแน่นอน
เขายื่นมือออกมา “ข้าอุ้มหยวนเป่าไว้เถอะ”
ใครจะรู้ว่าทันทีที่สัมผัสโดนหยวนเป่า ตัวน้อยก็เหมือนตกใจ รีบจับหยุนหว่านหนิงไว้แน่นๆและไม่ยอมปล่อยมือ
ร่างกายก็สั่นเล็กน้อย ราวกับว่ามีคนจะบังคับให้พวกเขาสองแม่ลูกแยกจากกัน
หยุนหว่านหนิงเช็ดน้ำตาอย่างเศร้าสร้อย
โม่เยว่เก็บมืออย่างเขินอาย “เจ้าอุ้มไว้เถอะ”
……
นอนหลับฝันดีทั้งคืน
ในวันรุ่งขึ้น หลังจากส่งหยวนเป่าไปที่ตระกูลกู้ หยุนหว่านหนิงกับโม่เยว่ก็เข้าวังไปพบโม่จงหราน