อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่313 ตบหน้าต่อหน้าทุกคน
“บังอาจ!”
ได้ยินเสียงตะคอกด่าของฉินซื่อเสวีย ถ้วยชาในมือก็ตกลงพื้นแตก
ถ้วยชาแตก น้ำชากระเด็นไปทั่ว!
ชุดแต่งงานของหยุนธิงหลานเปียกหมด นางรีบลุกขึ้นอย่างร้อนรนใจ มองดูฉินซื่อเสวียอย่างตกตะลึง ขนาดโม่หุยเฟิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ยังตกใจจนขมวดคิ้วเป็นปม
จื่อซูที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็แอบพึมพำเสียงเบาว่า “ขอให้เป็นสุขๆ”
“ไม่ทราบว่าข้าทำอะไรให้พระชายาโกรธเจ้าคะ?”
หยุนธิงหลานไม่พอใจแค่ไหน แต่โม่หุยเฟิงยังไม่พูด ก็ต้องคุกเข่าแล้วถาม
ตอนนี้แต่งเข้าจวนอ๋องสามแล้ว
ตำแหน่งของนางต่ำกว่าฉินซื่อเสวีย และยังมีแขกอยู่ในงานเต็มไปหมด……
เวลาแบบนี้ นางทำได้แค่ก้มหน้าก่อน
“หยุนธิงหลาน! ถึงเสด็จพ่อจะประทานเจ้าให้ท่านอ๋อง แต่เจ้าอย่าลืมล่ะว่า เสด็จพ่อประทานเจ้าให้เป็นพระชายารองของท่านอ๋อง!”
ฉินซื่อเสวียมองนางอย่างเย็นชา “เจ้ารู้หรือไม่ อะไรคือพระชายารอง?!”
“ข้า……”
หยุนธิงหลานอ้าปาก ยังไม่ทันได้ตอบ ก็ได้ยินฉินซื่อเสวียพูดต่อว่า “จื่อซู เจ้าบอกนางสิ!”
จื่อซูเดินเข้าไปพูดว่า “ตอบพระชายา คือความหมายของอนุภรรยาเจ้าค่ะ”
หยุนธิงหลานหน้าซีดเผือด
ฉินซื่อเสวียตบหน้านางต่อหน้าทุกคนงั้นเหรอ?!
“ในเมื่อเป็นอนุภรรยา ก็ต้องรู้จักเจียมตัวไว้บ้าง! ชุดแต่งงานของเจ้ามันยังไงกันแน่? คิดจะกำเริบมาถึงหัวข้าเลยหรือไง?!”
ฉินซื่อเสวียชี้ชุดแต่งงานของหยุนธิงหลาน
หยุนธิงธิงจับแขนของหยุนหว่านหนิงอย่างตื่นเต้น “พี่สาว พี่รองจะแพ้แล้วเหรอ?”
คนอื่นไม่รู้ แต่หยุนธิงธิงรู้
ชุดแต่งงานที่หยุนธิงหลานใส่อยู่ด้านใน เป็นชุดแต่งงานที่ฉินซื่อเสวียเคยใส่!
หยุนหว่านหนิงเดาเอาไว้แล้ว ฉินซื่อเสวียจะต้องมีแผนสำรองไว้แน่
นางพูดอย่างเชื่องช้าว่า “กลัวอะไร?”
“ไม่ใช่เจ้าแพ้เสียหน่อย!”
นางเหลือบตามองหยุนธิงธิง “หยุนธิงหลานก็ไม่ใช่ย่อย นางไม่ปล่อยให้โดนฉินซื่อเสวียตบหน้าอยู่ฝ่ายเดียวหรอก พวกเราแค่นั่งดูละครก็พอแล้วล่ะ”
นี่นางไม่คิดจะเข้าไปแทรกเหรอ?
หยุนธิงธิงไม่เข้าใจ “แต่ว่าพี่ใหญ่”
“ไหนพี่บอกว่าร่วมมือกับพี่รองต่อกรคนนอกไง?”
ฉินซื่อเสวียก็คือคนนอกนั้นไม่ใช่เหรอ?
“ข้าบอกว่าร่วมมือกันต่อกรคนนอก แต่ถ้าหยุนธิงหลานยังจัดการฉินซื่อเสวียไม่ได้ งั้นก็ไม่จำเป็นต้องร่วมมือกับข้าแล้วล่ะ ข้าไม่ร่วมงานกับคนโง่”
หยุนหว่านหนิงเชิดหน้าขึ้น มือกอดอกไว้
หยุนธิงธิงขมวดคิ้วครุ่นคิด “พี่รองน่าจะไม่ใช่คนโง่นะ……”
“ก็ไม่แน่นะ”
หยุนหว่านหนิงแสยะยิ้มเย็นชา จ้องมองหยุนธิงหลานที่กำลังคุกเข่าอยู่
เห็นได้ชัดว่านางไม่คิดว่า ฉินซื่อเสวียจะโจมตีกะทันหัน
และยังถามเรื่องชุดแต่งงานต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้!
หยุนธิงหลานยังไม่ทันตั้งตัว ก็ได้ยินฉินซื่อเสวียตะคอกด่าว่า “หยุนธิงหลาน! เจ้าอย่าคิดว่าเสด็จพ่อประทานงานแต่งให้ เจ้าก็จะไม่เอาจวนอ๋องสามไว้ในสายตานะ!”
“วันนี้เจ้ามาเกินเวลามงคล ข้ากับท่านอ๋องยังไม่ได้ถามเจ้าเลย”
นางจ้องมองหยุนธิงหลานอย่างโมโห “แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าจะมีความคิดเช่นนี้ มักใหญ่ใฝ่สูงเสียจริง!”
“ยังไม่ทันได้แต่งเข้าจวนอ๋องสาม ก็มีความคิดที่ไม่ควรมีเสียแล้ว?”
“ตำแหน่งพระชายาของข้า ควรหลีกให้เจ้านั่งด้วยหรือเปล่า?!”
ทุกคนอึ้ง
โม่หุยเฟิงก็อึ้งเหมือนกัน
เขาขมวดคิ้วมองฉินซื่อเสวีย สายตามีความสงสัย
ฉินซื่อเสวียแต่งงานกับเขามาหลายปี นางยอมและเชื่อฟังเขาทุกอย่าง และก่อนหน้านั้นที่จะรู้ว่าหยุนธิงหลานแกล้งท้อง ฉินซื่อเสวียก็ดูแลนางอย่างสุดความสามารถ
สามารถบอกได้ว่า หลายปีมานี้แทบจะไม่เคยเห็นนางโกรธขนาดนี้มาก่อน
ในภาพความทรงจำของโม่หุยเฟิง นางเป็นคนที่ควบคุมได้ง่าย
นิสัยของนางอ่อนโยน และไม่ใช่คนที่มีนิสัยใจร้อนอะไร
แต่ตอนนี้……
นางกลับด่าหยุนธิงหลายต่อหน้าทุกคน คนอื่นจะพากันหัวเราะเยาะกันหมด
โม่หุยเฟิงก็ไม่ได้อยากปกป้องหยุนธิงหลานหรอก แค่คิดว่า……ไม่รู้ว่าทำไมเสด็จพ่อถึงประทานหยุนธิงหลานให้เขา แต่ในเมื่อเสด็จพ่อมีรับสั่งแล้ว
นั่นหมายความว่าเสด็จพ่อให้ความสำคัญกับเขา ยังไม่ได้ตัดหางปล่อยวัดเขา
ไม่แน่เขาอาจจะกลับมารุ่งเรืองได้อีกครั้ง!
ดังนั้น เขาไม่อยากให้วันนี้เกิดเรื่องผิดพลาดอะไรขึ้นอีก
เขาข่มเสียงต่ำ “พอแล้ว! มีอะไรค่อยพูดทีหลัง ตอนนี้แขกยังอยู่ในงาน อย่าให้คนอื่นเอาไปนินทาได้!”
หยุนธิงหลานได้ยินแล้ว ก็ตื้นตันจนน้ำตารื้น
ฮื่อๆ ท่านอ๋องยังรักนางอยู่!
น้ำตารื้อเต็มขอบตาของนาง นางมองโม่หุยเฟิงด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง สายตานั้นแทบจะกินเขาเข้าไปได้เลย “ท่านอ๋อง ฮื่อๆ ขอบพระคุณท่านอ๋องที่ช่วยข้าพูดเจ้าค่ะ!”
พอมองไปยังสายตาที่ ‘ลึกซึ้ง’ ของนาง โม่หุยเฟิงก็อดไม่ได้นึกถึง ตอนนั้นที่หยุนธิงหลานอยู่ในจวน……
เพื่อมีลูกชายให้เขา วันๆเอาแต่ลากเขาเข้าห้อง
ช่วงเวลานั้น โม่หุยเฟิงเกือบโดนดูดพลังไปจนหมด
ไม่เพียงแต่เห็นหยุนธิงหลานแล้วต้องเดินอ้อม ยังหลบไปที่ห้องฉินซื่อเสวีย ไม่กล้าอยู่ที่เดียวกับหยุนธิงหลานอีก
ตอนนี้พอเห็นสายตาของนาง โม่หุยเฟิงก็ตกใจจนรีบเบือนหน้าหนี
“ข้าไม่ได้ปกป้องเจ้า!”
เขารีบอธิบาย “ข้าแค่ไม่อยากอับอาย”
แขกเหรื่ออยู่เต็มงาน เขาไม่อยากขายหน้าต่อหน้าคนอื่น
เขายังจะเอาหน้าอยู่ หยุนธิงหลานดูจะไร้ยางอายจนไม่สนใจสายตาคนอื่นแล้ว
นางไม่สนใจแขกเหรื่อในงาน ไม่สนใจฉินซื่อเสวียที่กำลังโกรธอยู่ รีบคุกเข่าลงตรงหน้า กอดขาของโม่หุยเฟิงไว้ “ท่านอ๋อง ในใจของท่านยังมีข้าใช่ไหม”
“ท่านยังรักข้าอยู่ใช่ไหม?”
ฉินซื่อเสวียที่อยู่ข้างๆโกรธจนกัดฟันกรอด!
นังบ้านี่!
ไม่เห็นว่านางยืนหัวโด่อยู่หรือไง?!
โจวหยิงหยิงก็คล้องแขนของหยุนหว่านหนิงไว้ กระซิบข้างหูนางว่า “ข้าคิดว่า หน้าข้าหนาพอแล้วนะ”
“ไม่คิดว่า หยุนธิงหลานจะหนากว่า!”
“ข้าจะคิดเสียว่า เจ้ากำลังชมนางแล้วกัน”
หยุนหว่านหนิงหัวเราะ “แต่การแข่งขันวันนี้สูสีกันมากเลยนะ ไม่รู้ว่าใครจะชนะกันแน่นะ”
หยุนธิงหลานหน้าหนา แต่ก็เป็นแค่พระชายารอง แถมยังมาไม่ทันเวลามงคลอีก แค่เริ่มนางก็ผิดแล้ว
ฉินซื่อเสวียหน้าบาง แต่ก็เป็นพระชายาอย่างเป็นทางการ
ปกติก็ไม่ทำอะไรให้โม่หุยเฟิงและจวนอ๋องต้องอับอาย วันนี้นางตบหน้าหยุนธิงหลานต่อหน้าทุกคน แสดงว่านาง ‘เปลี่ยน’ ไปแล้ว
ผู้หญิงที่คิดจะเป็นฮองเฮา จะเป็นคนธรรมดาได้ยังไง?
หยุนหว่านหนิงมองดูฉินซื่อเสวียอย่างสนใจ
ก่อนหน้านั้น ไม่ว่านางจะบีบบังคับแค่ไหน ฉินซื่อเสวียก็ทำท่าน้อยใจเหมือน ‘สาวงามที่ต้องทนทุกข์’ โดนกลั่นแกล้งตลอดเวลา
จึงทำให้พวกเต๋อเฟยคิดว่า นางรังแกฉินซื่อเสวีย
นางไม่สามารถบีบคั้นให้ฉินซื่อเสวีย เผย ‘ธาตุแท้’ ออกมาต่อหน้าทุกคนได้……
ไม่คิดว่าวันนี้ หยุนธิงหลานจะบีบบังคับให้นางเผยธาตุแท้ออกมาต่อหน้าทุกคนได้
แต่ฉินซื่อเสวียก็โดนบีบบังคับจนร้อนใจขึ้นมาจริงๆ!
โม่หุยเฟิงคั่นกลางผู้หญิงสองคนไว้ เขารู้สึกลังเล หันไปมองฉินซื่อเสวีย พยายามให้นางยอมก่อน “ซื่อเสวีย ก็แค่ชุดแต่งงานเองนี่?”
“ไม่ว่ายังไง วันนี้ก็เป็นวันมงคลของข้า อย่าทะเลาะกันเลยนะ”
“ท่านอ๋อง ท่านหาว่าข้าหาเรื่องก่อนงั้นเหรอ?!”
ฉินซื่อเสวียโกรธจนดวงตาแดงก่ำ
นางยื่นมือไปชี้ชุดแต่งงานของหยุนธิงหลาน “ท่านอ๋องดูให้ดีนะเจ้าคะ นางใส่ชุดแต่งงานอะไรอยู่!”
“ใส่ชุดแต่งงานของใครกันแน่!”