อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 374 เจ้าละอายใจต่อหนิงเอ๋อร์ไหม
หรูอวี้รับคำสั่งแล้วจากไป
บ่าวรับใช้ชายยกเก้าอี้เข้ามา หยุนหว่านหนิงนั่งรอตรงหน้าประตูมันซะเลย
วันนี้คือคิดที่จะเผชิญหน้ากันพวกนางจนถึงที่สุด!
จางหมัวมัวรู้สึกหวาดกลัวแล้ว สีหน้าหดหู่เศร้าซึม “พระชายาหมิง บ่าวต้องกลับวังไปรับใช้เหนียงเหนียงแล้วจริงๆ……”
“จางหมัวมัวเป็นห่วงเสด็จแม่เช่นนี้ ความภักดีนี้ทำให้คนประทับใจยิ่งนัก! เด็กๆ ไปเชิญเสด็จแม่ออกจากวังทันที บอกไปว่าต้องการให้เสด็จแม่มาดูแลจัดการสถานการณ์โดยรวม!”
หยุนหว่านหนิงยิ้มเย้ยหยัน “นอกเหนือจากนี้ ก็เรียกเสด็จพ่อ เสด็จแม่เต๋อเฟยมาให้หมดเป็นการดีที่สุด!”
จางหมัวมัวรีบร้อนโบกมือ “พระชายาหมิง ไม่ได้เด็ดขาด!”
“บ่าวไม่จำเป็นต้องกลับวังไปรับใช้เหนียงเหนียง ตำหนักคุนหนิงมีคนรับใช้นับไม่ถ้วน คิดว่าบ่าวกลับไปช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร”
หยุนหว่านหนิงเหลือบมองนางอย่างเย็นชาครู่หนึ่ง
ล่ายซื่อกลับสงบนิ่งกว่ามาก
นางเพียงแค่ก้มหน้าก้มตายืนอยู่ด้านหลังของจางหมัวมัว แสร้งทำเป็นหูหนวกตาบอด
นางคิดไม่ถึงเลยว่า พระชายาหมิงจะเก่งกาจขนาดนี้
เดิมคิดว่าหากนางต้องการรักษาหน้าตาชื่อเสียง ปฏิบัติตามจรรยาบรรณของศีลธรรม อย่างไรก็ควรจะรับนางเอาไว้ก่อน……ที่เหลือก็ทำตามแผนการไปทีละขั้นตอนก็พอ
ใครจะรู้ว่านางจะห้าวหาญและดุร้ายขนาดนี้? !
ยั่วยุไม่ไหวยั่วยุไม่ไหว
“พระชายาหมิง บ่าวปวดปัสสาวะจริงๆ……”
จางหมัวมัวสีหน้าแดงก่ำ ขาทั้งคู่หนีบกันอย่างงุ่มง่าม ดูท่าทางเหมือนอึดอัดมากจริงๆ
หยุนหว่านหนิงไม่ให้โอกาสนางหลบหนีไปหรอก สั่งการต่อบ่าวรับใช้ “นำถังขับถ่ายเข้ามา”
ทุกคน: “……”
ใบหน้าของจางหมัวมัวก็ยิ่งแดงก่ำด้วยความอับอาย โบกไม้โบกมืออย่างเจ็บปวด “ไม่ ไม่ต้องแล้ว……จู่ๆบ่าวก็พบว่า ไม่ได้ปวดขนาดนั้นแล้ว!”
หยุนหว่านหนิงมองดูพวกนางอย่างตั้งมั่นท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียด ตั้งใจที่จะ “ต่อสู้ให้ถึงที่สุด” ไปกับพวกนาง
……
หรูอวี้ยังไม่ทันได้เชิญโม่เยว่กลับจวนอ๋อง เขาก็ถูกเต๋อเฟยส่งคนมาเชิญไปที่ตำหนักหย่งโซ่วแล้ว
ทันทีที่เข้าประตู ไม้ขนไก่ของเต๋อเฟยฟาดลงมาบนไหล่ของเขาแล้ว
“เจ้าสารเลวคนนี้นี่! เจ้าต้องการจะทำให้ข้าอกแตกตายหรืออย่างไร? !”
เต๋อเฟยไม่ให้เหตุผล ขณะที่ด่าไปก็ไล่ตีโม่เยว่ไปด้วย “เจ้าจะรักดีเพื่อข้าหน่อยไม่ได้หรือ? ทำเรื่องที่น่าอับอายขายหน้าเช่นนี้ออกมา เจ้ายังเป็นผู้ชายอยู่หรือ? !”
โม่เยว่ไม่รู้สาเหตุ
เขาเพิ่งจะเสร็จจากประชุมเช้า ก็ถูกหลี่หมัวมัวเชิญมาที่ตำหนักหย่งโซ่ว
ตลอดทางที่มาหลี่หมัวมัวสีหน้าเคร่งขรึม ก็ไม่ได้บอกเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
ทันทีที่เข้าประตูมาก็ถูกตีเลย? !
โม่เยว่ก็ไม่กล้าตีตอบโต้ ได้แต่คอยหลบหลีกเท่านั้น “เสด็จแม่ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
โม่เฟยเฟยนั่งดูความครึกครื้นอยู่ด้านข้าง ยกถ้วยชาขึ้นมาแล้วเติมเชื้อไฟอย่างไม่กลัวว่าเรื่องราวจะใหญ่โต “เสด็จแม่ พี่เจ็ดผิวหยาบหนังหนา ควรจะตีอย่างแรงนั่นแหละ!”
โม่เยว่: “……เฟยเฟย ข้าไปยั่วโมโหเจ้าหรือ?”
“ท่านไม่ได้ยั่วโมโหอะไรข้าหรอก แต่ท่านยั่วโมโหพี่สะใภ้เจ็ด”
โม่เฟยเฟยฮึเย็นชาออกมา “พี่เจ็ด ข้าแนะนำให้ท่านอย่าหลบเลี่ยง ยอมให้เสด็จแม่เฆี่ยนตีระบายความโกรธซะดีๆ!”
“ทำไมต้องอย่างนั้นด้วย?”
โม่เยว่ไม่ยอมรับ
เพียงแค่พูดสองคำเท่านั้น ไม้ขนไก่ที่อยู่ในมือของเต๋อเฟยก็ฟาดลงมาบนหลังของเขา
ครั้งนี้ไม่มีความปรานีใดๆ เสียง “ตุบ” ดังมา โม่เฟยเฟยวางถ้วยชาลงอย่างยักคิ้วหลิ่วตา “ข้าฟังแล้วยังรู้สึกเจ็บเลย!”
แผ่นหลังของโม่เยว่เจ็บอย่างปวดแสบปวดร้อน
เขาอดทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว แย่งไม้ขนไก่ที่อยู่ในมือของเต๋อเฟยมา “เสด็จแม่! มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ถึงแม้จะตีก็ต้องให้เหตุผลกับกระหม่อมข้อหนึ่งใช่ไหม!”
“เหตุผล? เจ้าทำเรื่องสารเลวเช่นนี้ออกมา ยังกล้ามาขอเหตุผลกับข้าหรือ?”
เต๋อเฟยเอ็นดูสงสารลูกชายของตัวเองหนึ่งวินาที จากนั้นก็นั่งลงไปด้านข้างด้วยความโกรธเคือง “เจ้าละอายใจต่อหนิงเอ๋อร์ไหม? !”
เอ็นดูสงสารลูกชายคือเรื่องจริง แต่ก็เอ็นดูสงสารลูกสะใภ้เช่นกัน!
นางยื่นมือชี้ไปทางโม่เยว่ “ข้าขอถามเจ้า ล่ายซื่ออะไรนั่น เป็นตัวเห็บหมัดที่โผล่ออกมาจากซอกมุมไหนอีก?”
“ล่ายซื่อ? ล่ายซื่ออะไรกัน?”
โม่เยว่ไม่เข้าใจ
“เจ้ายังมาแกล้งทำเซ่อกับข้าอีก!”
เต๋อเฟยโกรธจนตบไปบนโต๊ะ ถ้วยชาที่อยู่บนโต๊ะส่งเสียงดังคว้างๆขึ้นมา
โม่เฟยเฟยนั่งอยู่ด้านข้างกล่าวขึ้นมาว่า “พี่เจ็ด ล่ายซื่อมาหาถึงที่แล้ว! เสด็จแม่สั่งการให้จางหมัวมัวส่งตัวล่ายซื่อไปที่จวนอ๋องหมิง ยัดคนให้กับพี่สะใภ้เจ็ดเอาดื้อๆแล้ว”
ได้ยินคำพูดนี้โม่เยว่สับสนมึนงงไปหมด
โม่เฟยเฟยกล่าวประชดประชันต่อไป “ที่นี้พี่เจ็ดสามารถเสพสุขกับชีวิตการมีภรรยามากมายแล้ว”
“โอบซ้ายกอดขวา! ทั้งพระชายา ทั้งพระชายารอง เป็นน่าที่อิจฉาแต่คนอื่นทำไม่ได้จริงๆ!”
“เจ้าว่าอะไรนะ?”
โม่เยว่อยากจะซ้อมโม่เฟยเฟยมากจริงๆ ทำให้นางพูดออกมาแต่โดยดี!
เขากัดฟันนั่งลงไปด้านข้าง “เสด็จแม่ เฟยเฟย พวกท่านมีเรื่องอะไรพูดมาตรงๆได้ไหม?”
เต๋อเฟยโกรธจนสะอึก
หลี่หมัวมัวยืนอยู่ด้านข้างคอยตบหลังนางเพื่อระบายลมให้ราบรื่นด้วยสีหน้าระทมทุกข์ แล้วก็ยกชาร้อนขึ้นมาดื่มไปสองสามคำ อารมณ์ของนางถึงได้สงบลงมาเล็กน้อย แต่ยังคงจ้องมองโม่เยว่ด้วยความไม่พอใจ
“เยว่เอ๋อร์ เจ้าบอกข้ามาตามตรง ระหว่างเจ้ากับล่ายซื่อมีเรื่องอะไรกันไหม?”
“เสด็จแม่ กระหม่อมไม่รู้จักล่ายซื่ออะไรนั่นจริงๆ!”
ตอนนี้โม่เยว่ก็เข้าใจแล้ว
เมื่อครู่นี้โม่เฟยเฟยพูดถึงพระชายาและพระชายารอง แล้วก็พูดว่าฮองเฮาจ้าวยัดล่ายซื่อเข้าไปในจวนอ๋องหมิงดื้อๆเช่นนี้
หรือว่าฮองเฮาจ้าวผู้หญิงแก่คนนั้น ต้องการจะยัดคนให้จวนอ๋องของเขา? !
นี่มันท่าจะไม่ดีแล้ว!
โม่เยว่ลุกขึ้นทันที ทำท่าทางจะกลับจวนอ๋อง
“เจ้าหยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ!”
เต๋อเฟยโกรธจนตบไปที่โต๊ะอีกครั้ง “เจ้ากลับมาพูดให้มันชัดเจน! ตกลงล่ายซื่อเป็นใครกันแน่? ระหว่างเจ้ากับล่ายซื่อ มีบุตรนอกสมรสกันจริงหรือ? !”
โม่เยว่ขมวดคิ้ว: “บุตรนอกสมรส?”
เขาเข้าใจอย่างสิ้นเชิงแล้ว!
มิน่าระยะนี้โม่หุยเหยียนถึงไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร
แม้แต่ทางด้านค่ายห้ากองพล เขาก็ยังแอบลงมืออย่างราบรื่นไปไม่น้อย
เดิมทีนึกว่าโม่หุยเหยียนเพียงแค่ยุยงให้เกิดข่าวลือในหมู่ชาวบ้านเท่านั้น ใครจะรู้ว่ายังมีไม้นี้ด้วย? !
เขาหันมามองดูเต๋อเฟย อยากจะบอกเต๋อเฟยมากว่า: บุตรนอกสมรสไม่มี แต่มีบุตรชายโดยชอบธรรมที่เกิดจากภรรยาเอกอยู่หนึ่งคน
แต่พาหยวนเป่ามาพบเต๋อเฟย คือการสร้างความประหลาดใจที่หยุนหว่านหนิงเตรียมจะมอบให้เต๋อเฟยในวันเกิดเดือนหน้า……ก่อนหน้านั้น โม่เยว่จะทำให้แผนการของหยุนหว่านหนิงยุ่งเหยิงไปไม่ได้!
เขาอดกลั้นเอาไว้ “ไม่มี”
“เช่นนั้นเจ้าใหญ่และคนอื่นๆบอกว่า เห็นเจ้าอุ้มเด็กผู้ชายคนหนึ่งเอาไว้ คือลูกใครกัน?”
เต๋อเฟยถามขึ้นมาอีก
โม่เยว่กำลังครุ่นคิดว่าควรจะตอบอย่างไร ก็ได้ยินเต๋อเฟยถามขึ้นมาอีกว่า “คือลูกที่หนิงเอ๋อร์เกิดกับข้ารับใช้นั่นใช่ไหม?”
โม่เยว่: “……”
เขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรกัน!
ก่อนหน้านี้เต๋อเฟยบุกไปถึงจวนอ๋องหมิง เห็นหลานชายของแม่นมจาง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่หยุนหว่านหนิงจงใจทำ นับตั้งแต่นั้นมาก็ถือว่าเด็กคนนั้น คือลูกที่เกิดจากหยุนหว่านหนิงกับข้ารับใช้
ความเข้าใจผิดนี้ทำให้นางเกลียดชังหยุนหว่านหนิงอย่างมาก
โม่เยว่อยากจะคลี่คลายความเข้าใจผิดนี้มาก แต่เรื่องมันเกี่ยวกับการสร้างความประหลาดใจในวันเกิด……
หนิงเอ๋อร์ ขอโทษด้วย!
ข้าได้แต่ขายเจ้าแล้ว!
อย่างไรเสียเต๋อเฟยก็ยอมรับความจริงข้อนี้แล้ว ยอมรับความจริงข้อนี้อย่างจนใจ ยังสามารถเห็นหยุนหว่านหนิงเป็นเหมือนลูกสาวแท้ๆ ก็ไม่ง่ายดายเลยจริงๆ
โม่เยว่กระแอมไอออกมาเบาๆ พยักหน้ายอมรับ “ถูกต้อง”
“เด็กคนนั้นน่ารักมาก ข้าเห็นแล้วรู้สึกชอบ ดังนั้นจึงพาออกจากจวนอ๋องถูกพี่ใหญ่เห็นเข้า”
เต๋อเฟยพยักหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง”
เด็กคนนั้นนางก็เคยเห็น
สีหน้าท่าทางลับๆล่อๆกลัวไปหมดทุกอย่าง……มีตรงไหนที่มันเข้าใกล้กับคำว่าน่ารักกัน? !
เต๋อเฟยรู้สึกชอบไม่ลงจริงๆ แต่ลูกชายของตัวเองชอบ นางก็ได้แต่ “ชอบ” เท่านั้นแล้ว “วันหน้าพาเด็กคนนั้นมาให้ข้าดูหน่อยแล้วกัน!”
โม่เยว่รับคำ
เต๋อเฟยสีหน้าลังเล “แต่ว่าตอนนี้เจ้าต้องบอกข้ามา เจ้าคิดจะจัดการล่ายซื่อคนนั้นอย่างไร!”