อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 421 ตัวประกันที่ฉลาดและเชื่อฟังที่สุด
หยุนหว่านหนิงรู้มาจากเสวียนซันเซียนเซิงว่า หยวนเป่าถูกคนพาไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และได้แจ้งให้โม่เยว่รู้ในทันที
แต่เพื่อความปลอดภัย ก็ยังมีกำลังคนไล่ตามไปทางทิศทางอื่น
หยุนหว่านหนิงกับโม่เยว่ มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้พร้อมกัน
ระหว่างการเดินทางมานี้ โม่เยว่รู้สึกผิดและโทษตัวเอง และไม่พูดอะไรสักคำตลอดทาง……
เรื่องที่หยวนเป่าถูกคนลักพาตัวไป เขาถือว่าเป็นความผิดของตัวเอง
โม่เยว่ผู้ซึ่งจัดระเบียบตัวเองอย่างสะอาดหมดจดในเวลาปกติ เพียงแค่ชั่วข้ามคืนก็อิดโรยอย่างยิ่งแล้ว
บนคางก็เต็มไปด้วยโคนหนวดเคราที่ไม่ได้โกน มองไม่เห็นความเงียบขรึมสง่างามในเวลาปกติอีก
หรูโม่เองก็รู้สึกผิดมากเช่นกัน ตั้งใจว่าหลังจากที่หาหยวนเป่าเจอแล้วค่อยขอรับโทษ……ดังนั้นตลอดทางมานี้ จึงไม่มีเสียงหัวเราะพูดคุยเหมือนในเวลาปกติอีก ทุกคนต่างก็ขมวดคิ้วแน่น บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดและหนักอึ้ง
ตั้งแต่วังหลวงจนถึงนอกเมืองหลวง และทุกตารางนิ้วทางตะวันออกเฉียงใต้ โม่เยว่ล้วนสั่งการให้คนค้นหาอย่างละเอียด
เวลานี้พวกเขาอยู่ระหว่างหุบเขาแห่งหนึ่ง
ฤดูหนาวอันโหดร้ายเพิ่งผ่านพ้นไป ฝนในฤดูใบไม้ผลิก็ยังไม่เคยตก
ในหุบเขาแห่งนี้ ในอดีตน่าจะเคยมีลำธารเล็กๆไหลผ่านมาก่อน เวลานี้ฤดูกาลนี้ น้ำในลำธารเหือดแห้งไปนานแล้ว เหลือไว้เพียงก้อนกรวดที่เต็มหุบเขาเท่านั้น
โม่เยว่ยืนอยู่ข้างกายของหยุนหว่านหนิง มองดูนางอย่างกังวลครู่หนึ่ง “หนิงเอ๋อร์”
เขาสังเกตเห็นความผิดปกติของนางนานแล้ว
ตอนที่ได้รู้ว่าหยวนเป่าหายตัวไป หยุนหว่านหนิงก็ดูเหมือนจะเหลือเพียงครึ่งชีวิตแล้ว
แต่ไม่ได้เห็นแค่ชั่วข้ามคืน นางก็มีท่าทางกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาแล้ว ดูเหมือนจะมีพละกำลังที่ไม่มีที่สิ้นสุด……
แต่ว่าเหมือนกับความรู้สึกของเสวียนซันเซียนเซิง เขาก็รู้สึกว่าคนทั้งคนของหยุนหว่านหนิงผิดปกติอย่างมาก เหมือนกับว่าถูกอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นครอบงำอยู่
หยุนหว่านหนิงหันหน้ามองดูเขาครู่หนึ่ง “หืม?”
“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”
น้ำเสียงของโม่เยว่เป็นกังวล
“ก่อนที่จะหาลูกชายเจอ ข้าจะไม่เป็นอะไรทั้งนั้น”
กล่าวจบ หยุนหว่านหนิงก้าวเท้าเดินจากไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงโม่เยว่ยืนอยู่กับที่เพียงลำพัง
หยุนหว่านหนิงไม่ได้เกลียดเขา โทษเขา
หยวนเป่าหายตัวไป เห็นได้ชัดว่าเป็นแผนการที่มีคนจงใจวางเอาไว้
และแผนการนี้ น่าจะมีการวางแผนกันมานานแล้ว
ลูกชายหายตัวไปแล้ว โทษโม่เยว่ไปแล้วมันจะมีความหมายอะไร?
นางหาคนที่จะโทษไม่ได้ นอกจากแทบอยากจะสับตัวคนที่ลักพาตัวไปหยวนเป่าไปออกเป็นหมื่นๆชิ้นแล้ว……นางก็ได้แต่เปลี่ยนความโกรธแค้น เป็นพลังในการค้นหาลูกชายเท่านั้น!
ทันใดนั้น หยุนหว่านหนิงเหยียบไปบนก้อนกรวดขนาดใหญ่ แล้วก็เสียหลักจนเกือบจะล้มลงไป
นางก้มหน้าไปมอง——
สีหน้าท่าทางของหยุนหว่านหนิงตกตะลึง!
นางก้มตัวไปเก็บก้อนกรวดขึ้นมาทันที มองดูภาพที่อยู่ข้างบนอย่างไม่อยากจะเชื่อ……
นั่นคือเต่าน้อยที่ท่าทางกำยำน่าเอ็นดู!
“โม่เยว่!”
จู่ๆหยุนหว่านหนิงก็ร้องตะโกนขึ้นมา!
เห็นนางควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ โม่เยว่ที่มองนางอยู่ตลอด รีบวิ่งเข้ามาทันที “หนิงเอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้น? สังเกตเห็นอะไรเข้าใช่ไหม? !”
มือทั้งสองข้างของหยุนหว่านหนิงสั่นเทาเล็กน้อย ถือก้อนกรวดเอาไว้แล้วยื่นให้กับโม่เยว่ “ท่าน ท่านดูสิ”
ริมฝีปากของนางก็กำลังสั่นเทาเล็กน้อยเช่นกัน แม้แต่คำพูดก็ยังไม่คล่องแคล่ว
โม่เยว่ขมวดคิ้ว แต่เมื่อได้เห็น ก็ตื่นเต้นจนดวงตาทั้งคู่แดงก่ำเช่นกัน
“คือหยวนเป่า นี่คือเบาะแสที่หยวนเป่าทิ้งเอาไว้!”
สำหรับลวดลายบนก้อนกรวด ไม่มีอะไรจะคุ้นเคยไปกว่านี้แล้ว
ลวดลายพวกนี้ เดิมทีเขาไม่เคยเห็นมาก่อน
จนกระทั่งวันหนึ่งบุกไปที่เรือนชิงหยิ่งกะทันหัน พบว่าสองแม่ลูกหยุนหว่านหนิงกับหยวนเป่านั่งอยู่ด้วยกัน วาดรูปกันอย่างมีความสุข บนภาพวาดล้วนเป็นลวดลายสัตว์ตัวเล็กๆที่แปลกประหลาด แต่ก็น่ารักอย่างมาก หรือแม้กระทั่งลวดลายอย่างอื่น
ตอนนั้นโม่เยว่ยังแสดงออกว่าทักษะการวาดภาพของหยุนหว่านหนิงไม่ควรค่าแก่การมองด้วยซ้ำ
แต่หยุนหว่านหนิงบอกเขาว่า: “ท่านจะไปรู้อะไร? สิ่งนี้เรียกว่าการวาดภาพแบบง่าย! เพียงแค่การลากเส้นอย่างง่ายแค่ไม่กี่เส้นก็วาดภาพที่สมบูรณ์ได้แล้ว ท่านเป็นไหม? !”
โม่เยว่ไม่เป็นจริงๆนั่นแหละ!
แค่รู้สึกว่าสิ่งที่พวกเขาสองคนแม่ลูกวาดออกมา ดูแล้วก็น่ารักมาก และก็ดูคล้ายคลึงกันอยู่เช่นกัน!
ดังนั้นเขาแน่ใจว่า หยวนเป่าต้องเป็นคนวาดเต๋าน้อยตัวนี้แน่นอน!
ได้ยินเสียงเรียกของเขา หรูอวี้และคนอื่นๆก็เข้ามาใกล้ “นายท่าน……”
“หา!”
โม่เยว่ให้พวกเขาดูอย่างละเอียดครู่หนึ่ง “ก้อนหิน และก้อนกรวดทั้งหมดตลอดทางนี้ ค้นหาอย่างละเอียดให้หมด!”
“ทันทีที่พบเห็นภาพวาดแปลกประหลาด นำมาให้ข้าทันที!”
เสียงของเขาแหบแห้งไปแล้ว
หรูอวี้และคนอื่นๆรับคำสั่งแล้วจากไป กระจายคำสั่งออกไป
หยุนหว่านหนิงเก็บก้อนหินกลับมา ถูเบาๆบนแก้มครู่หนึ่ง ใส่เข้าไปในแขนเสื้อ (ช่องว่าง) อย่างทะนุถนอม
นางจะเก็บรักษาทุกสิ่งที่เกี่ยวกับลูกชายเอาไว้อย่างทะนุถนอม
หยุนหว่านหนิงน้ำตาคลอเบ้า กลัวว่าน้ำตาจะไหลออกมา เลยแหงนหน้ามองฟ้า
ลูกชายหายตัวไปหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว
ในหนึ่งวันหนึ่งคืนนี้ นี่คือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับลูกชายเพียงสิ่งเดียวที่นางเจอ ดูเหมือนเช่นนี้จะทำให้สามารถเข้าใกล้กับลูกชายอีกหนึ่งก้าว นางอยากจะคว้าเบาะแสที่ได้อย่างลำบากยากเข็ญนี่เอาไว้ให้แน่นๆอย่างทนรอไม่ไหว
พู่หยกที่หน้าประตูเมือง คือสิ่งที่หยวนเป่าบอกใบ้ให้พวกเขา เขาถูกพาออกไปนอกเมืองหลวงแล้ว
ภาพวาดอย่างง่ายที่อยู่บนก้อนกรวด พิสูจน์ว่าทิศทางที่พวกเขาไล่ตามถูกต้องแล้ว
มีเบาะแสชี้นำแล้ว หยุนหว่านหนิงก็มองเห็นความหวัง
……
หยวนเป่าถูกชายร่างใหญ่กับหญิงนางนั้นพาเข้ามาในเมือง
ในตอนที่เข้าประตูเมือง หยวนเป่าเงยหน้ามองป้ายที่อยู่เหนือศีรษะครู่หนึ่ง: เมืองอี้
ข่าวการหายตัวไปของพระนัดดาองค์โต แพร่กระจายไปทั่วทั้งหนานจวิ้นนานแล้ว ดังนั้นแม้แต่ทางด้านเมืองอี้ ก็ได้รับข่าวนานแล้ว และเริ่มการตรวจคนเดินเท้าเข้า-ออกทางประตูเมืองอย่างเข้มงวด
มองดูเจ้าหน้าที่ทางการที่อยู่หน้าประตูเมือง หญิงนางนั้นก็เริ่มตัวสั่นขึ้นมาแล้ว
ชายร่างใหญ่ไม่เปลี่ยนสีหน้า ข่มขู่หยวนเป่ากับหญิงนางนั้นเสียงเบา “พวกเจ้าทั้งสองหากใครเผยพิรุธออกมา……”
“ข้าจะตีกระดูกของพวกเจ้าหักให้หมด!”
หญิงนางนั้นตัวสั่นเทา พูดไม่ออกเลยสักคำเดียว
กลับเป็นหยวนเป่าที่พยักหน้าอย่างใจเย็น “วางใจเถอะพ่อ ข้าเป็นคนปากแข็งมาก”
คำว่า “พ่อ” ที่เป็นธรรมชาตินั่น เขาเรียกได้อย่างราบเรียบ สีหน้าท่าทางของชายร่างใหญ่เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก นานพักใหญ่ถึงได้ฮึเย็นชาออกมาคำหนึ่ง “เจ้ารู้ก็ดีแล้ว!”
หยวนเป่าไอ้เด็กเปรตคนนี้ ไม่ธรรมดาเลย
สมกับที่เป็นพระนัดดาองค์โตเตี้ยนเซี่ยผู้สูงศักดิ์ไร้ที่เปรียบแห่งหนานจวิ้น
อายุน้อยๆ ก็มีความกล้าหาญมากเป็นพิเศษ
เป็น “ตัวประกัน” ที่เป็นเด็กดีที่สุด ฉลาดและเชื่อฟังที่สุดที่เขาเคยลักพาตัวมาได้ในชีวิตมือสังหารของเขาจริงๆ
เขาไม่เคยเห็น “ตัวประกัน” ที่เชื่อฟังมากกว่าหยวนเป่าแล้ว!
ตรวจสอบมาถึงพวกเขา
“พวกเจ้าเป็นใคร? มาจากไหน? จะไปที่ไหน?”
เจ้าหน้าที่ทางการขวางพวกเขาเอาไว้ สีหน้าเคร่งขรึม
ชายร่างใหญ่ยังไม่ได้เอ่ยปาก หยวนเป่าก็ตอบขึ้นมาว่า “นายท่าน เราหนีภัยพิบัติมาจากทางใต้สุด! นี่คือพ่อกับแม่ของข้า!”
“เรากำลังจะไป……”
เขาหันหน้ามองไปทางชายร่างใหญ่ จับแขนเสื้อของเขาเอาไว้แล้วมองตาปริบๆ “พ่อ เราจะมุ่งหน้าไปขอพึ่งพาอาศัยญาติที่ไหนนะ?”
“เมืองเซียง”
ชายร่างใหญ่รีบกล่าวตอบ
ต้องการเดินทางไปยังเมืองเซียง ต้องผ่านเมืองอี้จริงๆ
มองดูเสื้อผ้าและการแต่งกายของพวกเขา ก็เหมือนกับหนีภัยพิบัติออกมาจริงๆ……
พระนัดดาองค์โตเตี้ยนเซี่ยหายตัวไปถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่มองดูพวกเขาแบกไว้เพียงห่อผ้าเล็กๆเท่านั้น ไม่สามารถซ่อนคนได้ เจ้าหน้าที่ทางการไม่เห็นความผิดปกติ จึงโบกไม้โบกมือแล้วปล่อยไป
จากนั้นก็ขวางรถม้าที่อยู่ด้านหลังเอาไว้!
คนขับรถม้าคนนั้นกล่าวว่าเป็นคุณชายของตัวเอง แล้วก็ถามว่าเหตุใดจู่ๆถึงตรวจสอบกะทันหันด้วยรอยยิ้ม
เจ้าหน้าที่ทางการตอบว่า “พระนัดดาองค์โตเตี้ยนเซี่ยหายตัวไป ราชโองการของฝ่าบาทถูกส่งไปยังทั่วทุกซอกทุกมุมของหนานจวิ้นแล้ว”
สายตาของชายร่างใหญ่ประกายวับ ก้มหน้ามองไปทางหยวนเป่าที่อยู่ข้างกายโดยสัญชาตญาณ……
เขากลัวแต่ว่า ไอ้เด็กเปรตคนนี้จะก่อเรื่องกะทันหัน!