Game of the World Tree – ตอนที่ 26 ไร้ยางอายอันดับหนึ่ง

Game of the World Tree

ในยามที่เกิดวิกฤติใด ๆ ถ้ามีใครสักคนกล้าที่จะก้าวขึ้นมาแสดงภาวะผู้นำ เขาคนนั้นมักจะกลายเป็นที่พึ่งทางใจให้คนหมู่มากได้เสมอ

… มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นเช่นนี้มาช้านาน

หลี่มู่เป็นหนึ่งในอินฟลูเอนเซอร์ผู้โด่งดังในวงการเกม แถมเขาได้เขียนบทวิจารณ์ให้กับเกมนี้เป็นคนแรก ดังนั้นไม่ว่าใครก็พร้อมที่จะรับฟังความเห็นของเขา

เดมาเซียแสดงท่าทีพึงพอใจเมื่อเหล่าฝูงชนค่อย ๆ เงียบลงตามลำดับ เขาเดินหลบฉากเล็กน้อยพลางยื่นโทรโข่งใบไม้ให้กับหลี่มู่

หลี่มู่รับโทรโข่งมาพร้อมกระแอมเล็กน้อย ก่อนจะกล่าว

“โปรดอยู่ในความสงบ พี่น้องทั้งหลาย พวกเราจะมาแตกคอกันเองในขณะที่ยังไม่ได้เริ่มภารกิจเช่นนี้ไม่ได้ เกมนี้มันแตกต่างกับสิ่งที่พวกเราเคยเจอมาทั้งหมด และพวกเราไม่สามารถตัดสินใจอะไรโดยปราศจากการเตรียมการที่เหมาะสมได้ …”

ทันที่พูดจบ พลันเกิดเสียงอื้ออึงขึ้นในบรรดาผู้เล่น

“โปรดชี้แนะที คือยังไงนะพี่มู่?”

บางคนโพล่งถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

หลี่มู่จึงกล่าวต่อ

“ตรงตัวตามที่พูดเลย พวกเราเพิ่งได้รับภารกิจมา ไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่รู้สถานการณ์ของฝั่งก็อบลินด้วยซ้ำ และถ้าพวกเราลงมือแบบไร้แบบแผน ก็ให้คิดได้เลยว่าน่าจะคว้าน้ำเหลว … และนอกจากเดมาเซียกับอีกสามในตี้นั้น พวกเราทุกคนต่างมีชุบชีวิตสมบูรณ์แค่คนละสามที”

บรรยากาศตึงเครียดแผ่ปกคลุมเหล่าผู้เล่นช้า ๆ เมื่อหลี่มู่เริ่มอธิบาย

หลี่มู่รู้สึกพึงพอใจเมื่อเห็นสภาพผู้เล่นทุกคนที่ฟังตนเองพูดอย่างตั้งใจ เขากระแอมให้โล่งคอครั้งหนึ่งแล้วจึงพูดต่อ

“ลองคิดดู การบุกเบิกพื้นที่รกร้างมันคงไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้โดยราบรื่น และพวกเราไม่ได้เกิดใหม่แบบไร้ข้อจำกัด เพียงแค่เราพลาดสามครั้งก็คือการเริ่มใหม่ทั้งหมด ซึ่งถ้าลองพิจารณาจากคำอธิบายภารกิจ งานนี้น่าจะเป็นสงครามยืดเยื้อ ดังนั้นก่อนที่เราจะลงมือทำอะไร ขอจงวางแผนให้เป็นการดี ไม่ใช่จัดทีมถล่มกันแบบบ้าคลั่งโดยปราศจากแบบแผน”

“ลุงบีเผยข้อมูลว่าเมืองฟลอเรนซ์อยู่ห่างออกไปกว่า 30 กิโลเมตรจากจุดนี้ ซึ่งพ้นเขตปลอดภัยไปอีก 20 กิโลเมตร หากพวกเราบุกไปโดยไม่คิดหน้าคิดหลังก็ขอให้นึกถึงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่รออยู่ เผลอ ๆ อาจจะกลายเป็นการเปิดเผยตัวตนให้พวกก็อบลินรู้ตัวเสียด้วย”

“นอกจากนี้ พวกเรามีวงเวทเคลื่อนย้ายเพียงหนึ่งชุด หากพวกเราได้ติดตั้งวงเวทและไม่สามารถปกป้องมันไว้ได้ เกรงว่าพวกเราจะทำภารกิจล้มเหลวกันหมด …”

เบอร์เซิร์กเกอร์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้เป็นพยานในวาทศิลป์ของหลี่มู่

โอ้พระมารดา โชคดีเหลือเกินที่ในบรรดาผู้ถูกเลือกยังเหลือคนที่มีปัญญาอยู่

ทว่า…

ใครคือลุงบี?

เบอร์เซิร์กเกอร์จมลงสู่ห้วงความคิดอีกครั้ง

เธอไงจะใครล่ะคะ!

อีฟที่รับรู้ถึงความสงสัยของเหล่าสาวกได้แต่ลอบถอนหายใจในขณะที่แอบมองทุกอย่างจากเบื้องบน

“พี่มู่ มีแผนไรปะ?”

คำถามนี้มาจากผู้เล่นรายหนึ่ง

สีหน้าของหลี่มู่พลันเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม

“แน่นอน ขอแนะนำให้พวกเราตั้งหน่วยจู่โจมพิเศษ โดยใช้กลุ่มผู้เล่นที่ถนัดในการลอบเร้น พวกเขาจะไปยังฟลอเรนซ์พร้อมกับวัตถุดิบสำหรับวงเวทเคลื่อนย้าย แต่ว่าจะไม่เข้าไปในเมืองนะ คือให้เลือกสถานที่ปลอดภัยใกล้บริเวณเมืองและติดตั้งวงเวทเคลื่อนย้ายกันตรงนั้นเลย”

หลี่มู่ห่อปากเล็กน้อยขณะพูด

“และมันไม่มีข้อจำกัดด้านเวลาสำหรับภารกิจนี้ จึงไม่ใช่ว่าเราจะต้องทำภารกิจย่อยที่หนึ่งก่อน เนื่องจากวัตถุดิบมันมีจำกัด ที่เราต้องทำคือวางมัน ติดตั้งมัน และเทเลพอร์ทพวกเราทั้งหมดไปใกล้ ๆ เพื่อใช้งานมันในฐานะฐานที่มั่น ทีนี้พอเราบรรลุภารกิจย่อยที่สองและสาม ก็ค่อยกลับมารื้อวงเวทเคลื่อนย้าย ก่อนจะนำมันเข้าไปในเมืองฟลอเรนซ์เพื่อปิดจ็อบสวย ๆ”

“ด้วยวิธีนี้ คือให้พวกเรายึดเมืองก่อน ได้แล้วค่อยติดตั้งวงเวททีหลัง ก็คือการไร้ภัยคุกคามจากพวกก็อบลิน แถมเราจะการันตีผลงานสำหรับภารกิจติดตั้งวงเวทให้กับทุกคนได้ด้วยการทำร่วมกันตอนท้ายสุด!”

เอาจริงดิ ทำได้จริงดิ!

แววตาของทุกคนลุกวาว

ไม่แปลกใจที่หลี่มู่ได้รับการขนานนามว่าราชันย์แห่งเล่ห์เหลี่ยม

อีฟลอบอุทานในใจไปพร้อมกับแอบดูเหล่าผู้เล่นต่อ

“นอกจากนี้ พอพวกเราทำวงเวทเคลื่อนย้ายไว้นอกเมืองปุ๊บ พวกเราก็จะสามารถทดสอบความแข็งแกร่งของพวกก็อบลินได้ด้วยการล่อมันออกมาบางส่วน”

“ถ้ามันอ่อนแอก็ให้เริ่มแผนจู่โจม ถ้ามันแข็งแกร่งก็ใช้กลยุทธ์การรบสไตล์กองโจรค่อย ๆ ตัดกำลังพวกมันจากนอกเมือง”

“เราคิดว่าจากการที่ทุกคนได้ล่าในเขตปลอดภัยมาพักใหญ่ ๆ คงทำให้เห็นกันชัดแจ้ง ว่ามอนเกมนี้ไม่ถูกชุบชีวิต เรียกว่าเกมนี้จำลองระบบนิเวศน์มาไว้จริง ๆ ซึ่งถ้าเราเด็ดก็อบลินทีละตัวไปเรื่อย ๆ นั่นหมายถึงชัยชนะในสงครามยืดเยื้อ!”

“หากศัตรูบุก เราจะถอย หากศัตรูหยุดนิ่ง เราจะป่วนมัน และหากพวกมันเหนื่อย เราจะจู่โจม สุดท้ายถ้าพวกมันถอย เราก็จะไล่ล่า!”

หลี่มู่อธิบายต่อไป

“ไอเดียนี้เยี่ยมมาก!”

ฝูงชนพากันพยักหน้าเห็นด้วย

“ไม่แปลกใจที่พี่เป็นถึงตำนานในหมู่อินฟลู ทั้งวิธีคิดวิธีพูดของพี่คืออย่างดี”

“พี่มู่พูดถูก! ขอทำตามแผนของพี่ในภารกิจนี้”

ในขณะเดียวกัน ผู้เล่นส่วนหนึ่งก็เริ่มตระหนักบางสิ่ง

“มิน่าล่ะ หลาย ๆ วันที่ผ่านมามันถึงจืดชืดขนาดนี้ ที่พวกเราได้แต่กินผลไม้ไปวัน ๆ ก็เพราะมอนมันไม่เกิดใหม่นี่เอง”

“เดี๋ยว ที่ตูได้กลิ่นปิ้งย่างอยู่กลางป่านี่ ฝีมือพวกเอ็งเรอะ?!”

“เออดิ กินผลไม้ทุกวันก็ทำได้นะ แต่บาร์บีคิวมันเกินต้านอ่ะ โดยเฉพาะไก่ฟ้าในป่าเอลฟ์นะสหาย ไก่พรีเมียมเลี้ยงแบบเคจฟรีเคมีศูนย์ นู้มนุ่ม ฮ้อมหอม นี่ถ้าน้องอลิซไม่คอยจับตาดูพวกเราในค่ายนะ คงได้จัดปาร์ตี้บาร์บีคิวไปล่ะ”

“…”

อลิซแทบลมจับเมื่อได้ยินบทสนทนาของเหล่าผู้เล่น

ท่านพระมารดาคะ นี่คือสาเหตุที่เหล่าสรรพสัตว์ในป่าทยอยกันหายไปจริงเหรอคะ?!

หนะ.. นี่มัน …

เอลฟ์สาวขบฟันแน่นด้วยความรู้สึกบางอย่างอัดอั้นอยู่ในอก ที่ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาระบายพวกมันออกมา

เหล่าผู้เล่นยังคงสนทนากันอย่างต่อเนื่อง

“แต่ว่าเราจะล่อก็อบลินออกมาไงอ่ะพี่มู่?”

ผู้เล่นคนหนึ่งยิงคำถามขึ้นมา

ได้ยินดังว่า หลี่มู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาหยุดคิดชั่วครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความไม่มั่นใจ

“นั่นล่ะประเด็น คิดว่าอาหารคงจะพอล่อพวกมันได้บ้าง …”

“เด๋วนะ! เด๋วนะ! พี่มู่! เรามีไอเดียดี ๆ! ไอเดียดีย์ ดีย์!”

เดมาเซียโผล่โพล่งเข้ามาในขณะที่หลี่มู่ยังคงพูดไม่จบ หลี่มู่ชำเลืองด้วยความประหลาดใจก่อนจะยื่นโทรโข่งใบไม้ให้เดมาเซีย

“เรามีไอเดียหยั่งเด็ด! รับประกันว่าล่อก็อบลินได้ชัวร์ป้าบ!”

เดมาเซียหยิบโทรโข่งมาด้วยมือหนาพลางหัวเราะอย่างมีเลศนัย

“ฮี่ฮี่ฮี่ วิธีนี้ … หญิงนางจะต้องเหนื่อยกันนิด ๆ โหน่ย ๆ”

“สาว ๆ?”

“เดมาเซีย แกมีไอเดียจิต ๆ อีกแล้วใช่มะ?”

เหล่าผู้เล่นชายเริ่มโห่ร้องในขณะที่สาว ๆ ต่างปั้นหน้านิ่วคิ้วขมวดเล็กน้อย

“ม่าย ม่าย …”

รอยยิ้มของเดมาเซียดูประหลาดไปอีกระดับ เขากลอกตาครั้งหนึ่งและกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

“อ่า … ชั้นคิดว่าพวกเราต้องเริ่มจากนิสัยของพวกก็อบลิน …”

“ฮี่ฮี่ฮี่ จำกันได้ป่าว …? ตามที่บอกในประวัติมอนแต่ละเกมอ่ะ มันไม่มีก็อบลินตัวเมีย ดังนั้นพวกมันต้องพึ่งพามนุษย์สาวหรือสิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์มาอุ้มท้องให้ ฮี่ฮี่ฮี่ … ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิ เป็นเวลามีซัมติงกันสำหรับทุกผู้ทุกสิ่ง …”

น้ำเสียงของเดมาเซียเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

“สหายเอ๋ย พวกเราชาวเอลฟ์ล้วนสวยแจ่ม ก็อบลินมันก็มีรสนิยมคือ ๆ กันน่ะแหละ ดังนั้นสาวนางย่อมล่อพวกมันได้ด้วยความแหล่มที่มี …”

“เรียกสิ่งนี้ว่าไงเอ่ย? ฮันนี่แทรป? ช่ายมะ? พวกเราแค่ล่อมัน ไม่ต้องห่วงด้านความปลอดภัยนะน้อง! เราจะทำทุกวิถีทางให้ความปลอดภัยคืออันดับหนึ่ง!”

เดมาเซียตะโกนก้อง

อลิซ “…”

เบอร์เซิร์กเกอร์ “…”

เหล่าผู้เล่น “…”

ทุกสรรพชีวิตที่ฟังภาษาเอลฟ์ออกล้วนตะลึงงัน

อีฟผู้เฝ้ามองทุก ๆ อย่างจากเบื้องบนถึงกับสำลักก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่

“พนันได้เลยว่าตานี่คือผู้เล่นที่ไร้ยางอาย … ที่สุด”

_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _

T/N: เดมาเซียยยยย!! ในชีวิตจริงนายเป็นคนยังไงเนี่ย!

ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ

Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432

_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _

Game of the World Tree

Game of the World Tree

Status: Ongoing
สงครามแห่งเทพเมื่อ 1,000 ปีก่อนก่อให้เกิดการจุดสิ้นสุดของยุคแห่งองค์มหาพฤกษาโลกาอันเป็นต้นกำเนิดและศูนย์รวมของเหล่าเอลฟ์ นำไปสู่การล่มสลายของอารยธรรมเอลฟ์ภายหลังจากเหตุการณ์นั้น … ผ่านไปกว่าสหัสวรรษ ต้นไม้โลกต้นใหม่ถือกำเนิดขึ้น อีฟ อึกก์ดราซิลล์ ผู้เป็นดั่งมารดาแห่งสรรพสิ่ง มาพร้อมกับความสามารถในการเข้าถึงเครือข่ายอินเตอร์เน็ตบนดาวเคราะห์สีคราม อีฟได้เริ่มแผนการดึงตัวเหล่าผู้เล่นจากดาวแห่งนั้นมาช่วยในการฟื้นฟูอารยธรรม เพื่อพาตนและผองเผ่าเหล่าสาวกกลับไปสู่ความเกรียงไกรเฉกเช่นในอดีต

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท