เฮลา เทพแห่งความตาย?
เหล่าความทรงจำที่ได้รับถ่ายทอดจากมหาพฤกษาองค์ก่อนพากันผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว อีฟพลันรู้สึกตื่นเต้นกับข้อมูลที่ได้รับ
เฮลา เทพแห่งความตาย เป็นที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งคือผู้ครองใต้พิภพ สถานะของเธอเป็นเทพโบราณผู้ครอบครองพลังแห่งความชรา โรคภัยไข้เจ็บ และความตาย อำนาจของเฮลาจัดว่าอยู่ในสูงสุดท่ามกลางเหล่ามัชฌิมเทพ ทว่าสิ่งใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทพองค์นี้กลับดูลึกลับเป็นอย่างยิ่ง
มีตำนานเล่าว่าเฮลาอยู่ที่ไหนสักแห่งใต้พิภพ โดยแทบจะไม่มีส่วนร่วมใด ๆ ในความขัดแย้งระหว่างเหล่าเทพโบราณ แม้ว่าพันธกิจศักดิ์สิทธิ์ของเธอจะเป็นพลังขั้วตรงข้ามกับอำนาจของมหาพฤกษา แต่เฮลากลับไม่เข้าร่วมรบในมหาสงครามที่อุบัติขึ้นเมื่อสหัสวรรษที่แล้ว
บ้างก็ลือกันว่าเฮลาเลือกที่จะไม่เข้าร่วมสงครามเนื่องจากอยู่ในระหว่างการฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บร้ายแรงที่ได้รับจากการต่อสู้ในอดีต …
อย่างไรก็ตาม แม้เฮลาอาจจะบาดเจ็บ แต่กลับไม่มีผู้ใดท้าทายอำนาจของเธอ
เพราะในโลกใต้พิภพ เฮลาคือผู้ไร้เทียมทาน!
นอกจากนี้ ยังเป็นเพราะเทพผู้ปกครองความตายไม่มีความสนใจต่อการรบพุ่งของเหล่าเทพเลยแม้แต่น้อย นอกเสียจากเรื่องดวงวิญญาณของเหล่ามีชีวิต รวมถึงเหล่าสาวกของเธอที่แทบไม่ปรากฏกายบนผืนแผ่นดินซากัส
“แล้วลูกแก้วของเฮลามันมาอยู่ที่ป่าเอลฟ์ได้ไงเนี่ย?”
อีฟฉงน
แต่อีฟรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ลูกแก้วชิ้นนี้ปรากฏตัวขึ้นบนผืนทวีป
ในดินแดนซากัส เหล่าเทพโบราณมักจะประทานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้เหล่าสาวกของตนใช้ในฐานะอาวุธ และถ้าจะมีอาวุธบางชิ้นที่สูญหายไปจากการปะทะกันระหว่างสาวกของเหล่าเทพ ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
อาวุธศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้เป็นเพียงสิ่งที่บรรจุพลังศักดิ์สิทธิ์ไม่กี่หน่วย และไม่ได้มีพลังของพันธกิจศักดิ์สิทธิ์แฝงไว้ดั่งคริลตัลพระโลหิต พวกเทพโบราณจึงไม่ให้ความสนใจกับสิ่งของพวกนี้เท่าไร
มันไม่คุ้มค่าที่จะกระทบกระทั่งกับเทพองค์อื่นซึ่งอาจก่อให้เกิดเหตุการณ์บานปลายใหญ่หลวง เพียงเพื่อพลังศักดิ์สิทธิ์จำนวนน้อยนิด
ผลลัพธ์ที่ตามมาจากการเมินเฉยต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่กระจัดกระจายไปทั่ว คือการที่พวกมันถูกใช้ในฐานะอาวุธโดยสิ่งมีชีวิตทั่วไปในดินแดนซากัส …
อีฟหยิบถือลูกแก้วในมือด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มบาง ๆ พร้อมพยายามศึกษาโครงสร้างของมันต่อ
เมื่อค่อย ๆ พิจารณา อีฟพบว่าภายในแก้วดวงนี้มีพลังศักดิ์สิทธิ์ของเฮลาอยู่ถึง 5 หน่วย!
การค้นพบสิ่งนี้ทำให้อีฟดีใจ ถึงแม้พันธกิจศักดิ์สิทธิ์ของตนจะตรงข้ามกับเฮลา แต่อีฟสามารถดูดซึมพลังนั้นมาเป็นของตนได้ถึง 3 แต้ม!
อีฟหยุดครู่หนึ่งเพื่อพินิจพิเคราะห์ต่อ และเลือกที่จะไม่ดูดซับพลังนั้นไว้
“ถ้าเราดึงพลังศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากลูกแก้ว มันก็จะกลายเป็นแค่สิ่งของธรรมดา ๆ อันหนึ่ง”
เทพธิดาพลิกดูลูกแก้วพลางคิด
“เฮลาศึกษาศาสตร์แห่งวิญญาณอย่างลึกซึ้ง มีเรื่องเล่าว่าเธอสามารถสร้างวัตถุศักดิสิทธิ์ที่มีอำนาจในการผนึกวิญญาณของเทพ ลูกแก้วชิ้นนี้อาจจะมีพลังในระดับนั้นก็ได้ ใครจะไปรู้ …”
โชคไม่ดีที่ลูกแก้วอยู่ในสถานะเสียหาย การประเมินของอีฟพบว่ามันทำได้เพียงกักเก็บพลังศักดิ์สิทธิ์ เก็บเกี่ยวพลังวิญญาณ และสร้างเหล่าอันเดด
“เค้าอาจจะได้เห็นศักยภาพที่แท้จริงของลูกแก้วนี้ด้วยการลองซ่อม ฮึฮึ~ ถ้ามันใช้เก็บวิญญาณของเทพได้จริง ไม่แน่ว่าเค้าอาจจะใช้มันเพื่อเป้าหมายของตัวเองได้!”
อีฟตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
ร่างอวาตาร์ของเค้า!
สาเหตุหลักที่อีฟยังไม่เคยสร้างอวาตาร์ เนื่องจากปริมาณพลังศักดิ์สิทธิ์ของตนมีอยู่น้อยเกินไป อีฟจำเป็นต้องสร้างร่างที่สามารถรองรับวิญญาณเทพโบราณ
หากลูกแก้วชิ้นนี้สามารถกักเก็บวิญญาณของเทพได้จริง อีฟก็อาจจะหาทางสร้างร่างกายโดยใช้ลูกแก้วเป็นแกน!
นอกจากนี้ พลังของเฮลาที่สถิตอยู่ในลูกแก้วจะช่วยในการพรางตัว ทำให้เทพโบราณองค์อื่นไม่สามาถระบุตัวตนที่แท้จริงของอีฟได้ จัดว่ามีประโยชน์สูงกว่าร่างอวาตาร์ที่สร้างโดยพลังของอีฟ!
ไม่ว่าเหล่าผู้เล่นและสาวกจะเป็นขุมพลังที่ดีเพียงใด แต่อีฟไม่สามารถพึ่งพาพวกเขาในทุก ๆ เรื่องได้ เนื่องด้วยสาเหตุทางด้านความต่างชั้นของพลัง มันจึงเป็นการดีที่อีฟจะมีร่างอวาตาร์ไว้ลงมือทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเอง
ยกตัวอย่างเช่น อีฟสามารถนำร่างที่ใช้ลูกแก้วเป็นแกนกลางไปกวาดล้างรังก็อบลิน โดยไม่ต้องคอยพะวงว่าอูลร์จะตามมาล้างแค้นตน
อีฟสามารถเนียนไปในกลุ่มผู้เล่นและช่วยรับมือกับเหล่าสาวกของอูลร์ได้โดยมีใครสังเกต และยังสามารถแก้ไขปัญหาที่ผู้เล่นทั้งหลายไม่สามารถทำได้
ด้วยอวาตาร์ร่างนี้ อูลร์คงไม่คาดคิดว่าอีฟเป็นผู้อยู่เบื้องหลังหายนะต่าง ๆ ที่จะเกิดกับสาวกของมัน ในกรณีเลวร้ายสุดคงทำได้เพียงคาดเดาว่าพวกมันตกเป็นเหยื่อของสาวกแห่งความตาย
สาวกของเฮลาจะโดนโยงมาเกี่ยวมาข้องกับต้นไม้โลกอย่างเค้าได้ไง?
อ่ะแฮ่ม … เฮลาคงจะอยู่แค่ในแดนนรก และคงไม่ได้ติดต่อสื่อสารกับเทพองค์อื่น ถ้าอูลร์คิดว่าตัวการหลังเหตุทั้งหมดเป็นเฮลาจริง ๆ … ก็ให้เป็นแพะไปละกันค่ะ
แถมอูลร์ที่ถือว่าสุดจะอ่อนแอท่ามกลางบรรดาเทพชั้นต้นทั้งหมด จะกล้าไปท้าทายมัชฌิมเทพเหรอ?
ไม่ว่าจะมองมุมไหน เค้าก็ต้องมีร่างกายที่เคลื่อนไหวเองได้ค่ะ!
คิดได้ดังนั้น อีฟจึงตัดสินใจใช้พลังของตนเข้าซ่อมแซมลูกแก้วทันที แต่อีฟกลับพบว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องใช้ในการฟื้นฟูสภาพลูกแก้วให้กลับมาสมบูรณ์นั้นสูงเกิน 20 หน่วย ซึ่งจัดว่าเป็นปริมาณที่มากโข
“ตอนนี้เรามีพลังอยู่แค่ 25 แต้ม ถ้าเริ่มซ่อมแบบไม่ทันระวังก็อาจจะทำให้เหลือต่ำกว่า 10 แต้ม ทีนี้เราก็อาจจะเข้าสภาวะจำศีลไปทั้ง ๆ แบบนั้นเลย”
อีฟตัดสินใจหยุดกระบวนการซ่อมแซมไว้ และรอให้เหล่าผู้เล่นเสร็จสิ้นภารกิจกวาดล้างก็อบลินในเมืองฟลอเรนซ์ก่อนที่ตนจะดำเนินการขั้นต่อไป
“ได้แต่หวังให้เจอคริสตัลพระโลหิตที่พวกก็อบลินสะสมไว้เยอะ ๆ ล่ะนะ …”
อีฟคิดพลางตั้งความหวัง
…
ภายในป่าเอลฟ์
หลังจากที่เหล่าผู้เล่นพากันสู้ตั้งแต่เช้า บัดนี้ถึงเวลาที่ดวงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า ผู้เล่นต่างเหน็ดเหนื่อยและตัดสินใจเดินทางกลับค่ายเพื่อพักผ่อน
บ้างก็ตัดสินใจที่จะพัก บ้างก็เลือกที่จะไปเปลี่ยนอาชีพ และยังมีผู้เล่นอีกมากที่ตั้งใจจะไปดูเหล่าผู้เล่นเลเวล 11 เลือกอาชีพที่วิหาร
เมื่อภารกิจเวิลด์บอสเสร็จสิ้น มีผู้เล่นเกินครึ่งจากบรรดาผู้ร่วมทดสอบเกม 300 คนที่อยู่ในเลเวล 10 และผู้เล่นที่เลเวล 11 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของยอดฝีมือระดับเหล็กจำนวนเกือบร้อยคน
การยกระดับจากเลเวล 10 ไป 11 จำเป็นต้องใช้ระบบเปลี่ยนอาชีพในวิหารแห่งธรรมชาติ ในเมืองเอลฟ์ตอนนี้จึงมีผู้เล่นยืนเข้าคิวเพื่อเปลี่ยนอาชีพที่วิหารเป็นแถวเป็นแนวยาวเหยียด …
“ต้องมาเข้าแถวเพื่อเปลี่ยนอาชีพกันจริง ๆ เรอะ เรียลไปป่ะ?”
เดมาเซียบ่นอุบเมื่อเห็นผู้เล่นต่อแถวอย่างเป็นระเบียบนับสิบ ๆ คน
หลี่มู่ยักไหล่พลางตอบ
“ขนาดรับภารกิจยังต้องต่อแถวเลย การเปลี่ยนอาชีพนี่ยิ่งไม่ต้องสงสัย”
“โอเพ่นเบต้าเมื่อไหร่จะทำไงเนี่ย … ตูล่ะสงสัยจริงจริ้ง”
“ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราต้องกังวลน่า”
สองหนุ่มชวนกันสนทนาในขณะที่พากันขยับตามแถวไปอย่างช้า ๆ
ในบริเวณหน้าวิหาร มีผู้เล่นกลุ่มหนึ่งที่เปลี่ยนอาชีพเรียบร้อยแล้วยืนออกันอยู่
หลี่มู่ได้ยินพวกเขาคุยกันด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเกี่ยวกับบางสิ่งเช่นแต้มผลงาน อุปกรณ์ และทักษะ ทำให้เขาเกิดความสงสัยใคร่รู้ขึ้นมา
แต้มผลงานจะเอาไปใช้แลกพวกสกิลกับของใส่ได้ไหมนะ?
หลี่มู่คาดเดา
ผู้เล่นที่เปลี่ยนอาชีพเรียบร้อยต่างพากันทดสอบทักษะใหม่ ๆ ด้วยความสนุกสนาน
แม้จะมองจากระยะไกล หลี่มู่สัมผัสได้ว่าพลังของพวกเขาได้รับการยกระดับอย่างมาก จนถึงขั้นที่เรียกได้ว่าห่างชั้นเมื่อเทียบกับพลังของผู้เล่นคนเดียวกันในช่วงก่อนหน้า
หลี่มู่เห็นลูกเมี้ยวเค็มเดินออกมาจากวิหาร เอลฟ์สาวตัวน้อยทดลองยิงลูกไฟใส่ต้นไม้โบราณทางขวาด้วยความตื่นเต้น ทว่าลูกไฟกับพุ่งทะยานไปทางซ้ายเข้าปะทะกับบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง
บึมมมมมมมมมมมมมมมมม–!!!
นกกาเหว่าผู้เป็นหัวหน้าทีมก่อสร้างจึงชวนลูกเมี้ยวเค็มไปดื่มชาสักกาพร้อมสนทนาภาษาสาว ๆ …
“บ้านใครหนอ ดวงซวยจริง ๆ ว่ามั้ย …”
หลี่มู่ส่ายหน้า
เดมาเซียได้ยินดังนั้น จึงรีบหันขวับตามสายตาของหลี่มู่ไปด้วยความสงสัย …
รอยยิ้มพลันจางหายไปจากใบหน้าชายหนุ่ม
“เฮ้ยบ้านตู!!”
เดมาเซียตะโกนลั่นด้วยความรวดร้าว
“ยัยเมี้ยว หยุด! บ้านสองชั้นของตูไปหมดแล้ว–!!”
เอลฟ์หัวแดงตะโกนสุดเสียงพลางวิ่งออกจากแถวไปอย่างรวดเร็ว …
หลี่มู่: “…”
เขาไว้อาลัยให้บ้านของเดมาเซียหนึ่งวินาทีไม่ขาดไม่เกิน ก่อนจะยืนเข้าแถวเปลี่ยนอาชีพต่อ
และในไม่ช้าก็ถึงคิวของหลี่มู่
…
…
_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _
T/N: หัวเราะทีหลังดังกว่า
แต่ถ้าจะให้ดูบ้า ๆ ก็ต้องหัวเราะตั้งแต่ต้นยันจบค่ะ (…)
…
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ
Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432
_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _