มันเป็นแผ่นศิลาเกรอะฝุ่น ที่มีร่องรอยของการจารึกตัวอักษรประหลาด
เดมาเซียหยิบมันขึ้นมาด้วยแววตาลุกวาว
“พี่มู่! พี่มู่! มาดูนี่เดี๋ยวนึงดิ! อันนี้ภาษาเอลฟ์ป่ะเนี่ย?”
เขาตะโกนเรียกหลี่มู่อย่างเร่งรีบ
“หืม? ภาษาเอลฟ์?”
หลี่มู่หยุดชะงัก และหันกลับมามองเดมาเซียที่กำลังชูแผ่นศิลาด้วยความตื่นเต้น
“ไหนขอดูหน่อย”
หลี่มู่รับแผ่นศิลามาปัดฝุ่นและพิจารณารายละเอียดอย่างระมัดระวัง
ศิลาจารึกแผ่นนี้น่าจะถูกสร้างขึ้นมาในอดีต ผ่านมาเนิ่นนานจนตัวจารึกทั้งหลายได้เลือนหายไปตามกาลเวลา เขารู้สึกว่าพวกมันคลับคล้ายคลับคลากับสิ่งที่เคยพบบนแท่นหินใกล้เมืองฟลอเรนซ์
“พวกนี้… น่าจะเป็นตัวอักษรของเอลฟ์”
หลี่มู่ยินดีเป็นอย่างมาก
จารึกเหล่านี้คือบันทึกข้อมูลทางประวัติศาสตร์
ไม่ว่าจารึกพวกนี้จะเป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับอะไร ย่อมเชื่อได้ว่าสิ่งนี้จะเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่
อีกประเด็นที่สำคัญคือภารกิจสำรวจเมืองฟลอเรนซ์ มีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้เล่นค้นหาบันทึกทางประวัติศาสตร์ และมรดกทางวัฒนธรรมของเหล่าเอลฟ์!
“นายหามันเจอได้ไง!”
หลี่มู่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แฝงความเร่งรีบ
“อ่ะแฮ่ม… ทีแรกชั้นสะดุด ก็เลยก้มลงไปดูแล้วหยิบขึ้นมา แล้วก็จ๊ะเอ๋ เจอตรงแถว ๆ นั้น”
เดมาเซียชี้ไปที่กองหินข้างทางพลางตอบ
หลี่มู่: “…”
ทำไมหมอนี่โชคดีขนาดนี้?
หลี่มู่สาวเท้าเข้าไปในบริเวณที่เดมาเซียชี้อยู่ ก่อนจะย่อตัวลงและส่องคบไฟไปทั่วบริเวณ
ด้วยแสงจากคบไฟในมือ หลี่มู่พบว่าบริเวณนี้ยังมีแผ่นศิลาอีกหลายชิ้น!
หลี่มู่ไม่สังเกตเห็นพวกมันในตอนที่เดินผ่าน เนื่องจากกำลังพูดคุยกับเดมาเซีย
หากเดมาเซียไม่ได้สะดุดกองหินเหล่านี้ พวกเขาก็น่าจะมองข้ามพวกมันไป!
“เดมาเซีย! พวกเราน่าจะเจอขุมทรัพย์! มา ๆ รีบช่วยขนแผ่นหินพวกนี้ไปเร็ว!”
หลี่มู่พูดด้วยความตื่นเต้น
แผ่นศิลาส่วนใหญ่ถูกกลบอยู่ใต้กองหิน พวกมันโผล่ขึ้นมาเพียงขอบมุมบางส่วนเท่านั้น หลี่มู่จำเป็นต้องรื้อเอาแผ่นศิลาเหล่านี้ขึ้นมาหากต้องการนำพวกมันกลับไป
“ขุมทรัพย์?”
เดมาเซียนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะร้องตะโกนด้วยความดีใจ
“แม่เจ้าโว้ย! นี่ตูวิ่งชนของโบราณจริงดิ?! มันจะมีอะไรแบบตำราฝึกปราณหรือแผนที่สมบัติซ่อนอยู่ป่ะเนี่ย?”
“เลิกจ้อไม่หยุดแล้วมาช่วยกันเร็ว!“
หลี่มู่วางคบเพลิงไว้ข้างกาย ก่อนจะดึงเอาแผ่นศิลาขึ้นมาทีละชิ้นในขณะที่กล่าวสั่งเดมาเซีย
“โอเค! ลุยลุย!”
เดมาเซียย่อตัวลงและช่วยหลี่มู่ขุดเอาของมีค่าเหล่านี้ขึ้นมาจากกองหิน
พวกเขาใช้เวลาไปกว่า 30 นาทีถึงจะนำแผ่นศิลาออกมาจนหมดโดยไม่ได้นับจำนวน
ภายหลังจากการนับอยู่ครู่หนึ่ง หลี่มู่แปลกใจเป็นอย่างยิ่งที่พวกตนค้นพบศิลาจารึกกว่า 73 ชิ้น!
ศิลาแผ่นหนึ่งมีความหนาประมาณ 1 เซนติเมตร เป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดเท่ากับอ่างล้างมือ พวกมันอัดแน่นไปด้วยจารึกภาษาประหลาด
น่าเสียดายที่แผ่นศิลาส่วนใหญ่อยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ บ้างก็แตกหัก บ้างก็เลือนลางไปตามกาลเวลา เอลฟ์หนุ่มทั้งสองช่วยกันคัดเลือกศิลาจารึกที่อยู่ในสภาพดี ได้มาทั้งหมด 6 ชิ้น
หลี่มู่มองแผ่นศิลาทั้ง 6 ชิ้นด้วยความตื่นเต้น เขาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว
“เอาที่เหลือไปซ่อนไว้ก่อน… ส่วน 6 ชิ้นนี้ก็เอากลับไปฟลอเรนซ์ เดี๋ยวให้อลิซช่วยวิเคราะห์ดูว่าพวกมันเป็นจารึกเกี่ยวกับอะไร”
ในระยะเวลา 1,000 ปีที่ผ่านมา ตัวอักษรเอลฟ์ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมไปมากนัก แม้บรรดาผู้เล่นจะไม่สามารถเข้าใจความหมายของอักษรเหล่านี้ แต่อลิซเข้าใจพวกมัน เพราะเธอคือ เอลฟ์ ผู้ครองตำแหน่งนักบุญแห่งธรรมชาติ
“เจ๋งเป้ง! ฮ่าฮ่าฮ่า คุ้มเหนื่อยแล้วโว้ย! ในที่สุดก็เจออะไรซักที มันอาจจะเป็นแผนที่ขุมทรัพย์ก็ได้! ดีไม่ดีมันอาจจะเป็นไอเท็มเปิดเควสหลักบทใหม่!”
เดมาเซียตะโกนด้วยความตื่นเต้น
เอลฟ์หนุ่มทั้งสองพากันย้ายกองจารึกไปไว้ในมุมหนึ่ง และนำเศษหินมาอำพรางพวกมันไว้ ก่อนจะทำจุดสังเกตที่รู้กันเพียงสองคน แล้วจึงเดินทางกลับสู่ฟลอเรนซ์ด้วยความเริงร่า
…
ภายในวิหารแห่งฟลอเรนซ์
สภาพอันทรุดโทรมของวิหารได้รับการบูรณะโดยเหล่าผู้เล่นภายในระยะเวลาเพียง 2 วัน
การบูรณปฏิสังขรณ์วิหารมักจะใช้เวลาร่วมเดือน แต่ด้วยการนำเวทมนตร์มาประยุกต์ใช้ในงานก่อสร้าง ทำให้การซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้างสำเร็จลุล่วงได้ในเวลาอันสั้น
นกกาเหว่ากำลังควบคุมงานตกแต่งภายในกับผู้เล่นกลุ่มหนึ่ง พวกเขาได้หาข้อมูลเกี่ยวกับมัณฑนศิลป์จากมหาวิหารในทวีปยุโรปมาเป็นแนวทางในการออกแบบ ทำให้วิหารแห่งธรรมชาติประจำเมืองฟลอเรนซ์ทวีความศักดิ์สิทธิ์และดูงดงามเป็นอย่างยิ่ง
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพียงงานอดิเรกของพวกเขา แต่มันคือภารกิจย่อยของนครศักดิ์สิทธิ์ที่จะมอบผลตอบแทนจำนวนมากให้กับผู้เข้าร่วม
“ดอกไม้พวกนี้… ไว้ตรงใต้หน้าต่างวิหารนะ แล้วใช้เวทมนตร์สายธรรมชาติทำให้พวกมันเติบโต”
นกกาเหว่าก้มหน้าก้มตาอ่านพิมพ์เขียวพลางออกคำสั่งแก่สมาชิกกิลด์
“สวัสดี นกกาเหว่า!”
เธอถูกขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงอันคุ้นเคย
นกกาเหว่าทำหน้านิ่วเล็กน้อยพร้อมหันไปทางต้นเสียง ใบหน้าของเอลฟ์สาวผ่อนคลายลงทันควันเมื่อเห็นผู้ที่ทักทายตัวเอง
“พี่มู่?”
พวกเขาคือหลี่มู่และเดมาเซียที่เพิ่งกลับมาถึงฟลอเรนซ์
ใบหน้าของเอลฟ์หนุ่มล้วนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น พร้อมกับแผ่นศิลาที่ดึงดูดสายตาในอ้อมแขน
นกกาเหว่าเมินเดมาเซียโดยอัตโนมัติ แววตาของเอลฟ์สาวลุกวาวเมื่อเห็นแผ่นศิลาในมือหลี่มู่
“ค้นพบอะไรแล้วเหรอคะ?”
ผู้เล่นทุกคนต่างรู้ว่าหลี่มู่และเดมาเซียได้เข้าไปในโบราณสถานเพื่อทำภารกิจสำรวจ
หลี่มู่พยักหน้าพร้อมยิ้มกว้าง
“ใช่ พวกเราเจอแผ่นศิลาที่มีบางอย่างจารึกอยู่ ตอนนี้กำลังตามหาตัวอลิซเพื่อให้เธอช่วยวิเคราะห์พวกมัน!”
“จารึก?”
นกกาเหว่าเลิกคิ้วด้วยความสงสัย
“ใช่!”
หลี่มู่หยิบแผ่นศิลาขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ก่อนจะยื่นให้นกกาเหว่าดู
“ผมเคยเห็นตัวอักษรพวกนี้มาก่อน มันคล้ายกับสิ่งที่อยู่ในวิหาร ก็เลยเดาว่ามันคือภาษาเอลฟ์”
นกกาเหว่าดูสนใจแผ่นศิลาเหล่านี้เป็นอย่างมาก เธอชะโงกศีรษะเข้ามาใกล้พลางพิจารณาตัวอักษรอย่างใจจดใจจ่อ
“ปฏิทินสีเงิน… เอลฟ์… การเฉลิมฉลอง…”
นกกาเหว่าปั้นหน้านิ่วในขณะที่อ่านออกมาทีละคำ
“มันน่าจะเกี่ยวกับงานฉลองของเอลฟ์ค่ะ”
นกกาเหว่ากล่าวสรุปหลังจากใช้เวลาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง
หลี่มู่และเดมาเซียต่างชะงักด้วยความตื่นตะลึง
“ธ– เธอ… เธออ่านออกจริงดิ?!”
เดมาเซียพูดอย่างตะกุกตะกัก สีหน้าของเขาแสดงความแปลกใจเป็นอย่างมาก
นกกาเหว่าเหลือบตามองเดมาเซีย ก่อนจะรีบจ้องไปทางหลี่มู่และเริ่มอธิบาย
“ช่วงนี้เราเรียนศาสตร์แห่งวงเวทจากอลิซ ภาษาเอลฟ์เป็นส่วนสำคัญในการสร้างวงเวท เราเลยกำลังศึกษาภาษาเอลฟ์อยู่ค่ะ”
“งั้น… อันนี้ก็คือภาษาเอลฟ์ล่ะสิ?”
หลี่มู่รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
แต่หลังจากนั้น เขากลับนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ ก่อนจะจ้องเขม็งไปทางนกกาเหว่าด้วยท่าทีแปลก ๆ
“เดี๋ยว… เธอเพิ่งเรียนมาแค่ 2 วันใช่ไหม? แต่นี่คืออ่านออกแล้ว?”
นกกาเหว่าปั้นหน้ามุ่ยพร้อมส่ายศีรษะด้วยความผิดหวัง
“ไม่ค่ะ ภาษาเอลฟ์มันยากเกินไปแถมมีศัพท์เป็นหมื่น ๆ คำ เราทบทวนมา 2 คืน เพิ่งจะจำได้ราว 1,300 คำ อ่านออกซักสิบยี่สิบเปอร์เซ็นเองค่ะ”
นกกาเหว่าถอนหายใจอย่างสิ้นหวังหลังจากกล่าวจบ
หลี่มู่ “…”
เดมาเซีย “…”
ชายหนุ่มทั้งสองคนต่างจ้องมองกันและกันในความเงียบงันอยู่ครู่ใหญ่
น– นี่มันพลังเด็กเรียน
สองวัน! แค่สองวันเนี่ยนะ!
นกกาเหว่าอย่างเทพ
ว่าที่เกียรตินิยมอันดับหนึ่งชัวร์…
หลี่มู่จำได้ดีว่าตัวเองใช้เวลา 2 เทอมเต็ม ๆ ในการจดจำศัพท์ภาษาอังกฤษ 6,000 คำ โดยที่ตนยังจำพวกมันได้ไม่ค่อยแม่น
แต่นกกาเหว่า…
สองวันพันคำ! แถมเป็นภาษาที่ไม่เคยเจอมาก่อน…
เทพเกินไปแล้ว
หลี่มู่พอจะรู้พื้นฐานของระบบภาษาเอลฟ์อยู่เล็กน้อย มันเป็นระบบภาษาที่สดใหม่ มีส่วนประกอบของตัวอักษรมากถึง 72 แบบ ผู้สร้างเกมได้นำพวกมันมาประกอบกันเป็นตัวอักษรนับหมื่นราวกับภาษาจีน!
สำหรับผู้เล่นที่ชื่นชอบเนื้อเรื่องและประวัติศาสตร์ ระบบภาษาของเกมนี้นับเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น
เดมาเซียมองท่าทีที่ดูผิดหวังของนกกาเหว่า ก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้าพลางถอนหายใจ
“อา… ชาตินี้ชั้นคงไม่มีวันได้เรียนศาสตร์แห่งวงเวท”
“เธอเป็นนักรบจะเรียนไปไมคะ?”
นกกาเหว่าจ้องเดมาเซียอย่างเย็นชา
เดมาเซีย “…”
หลี่มู่กระแอมถี่ ๆ พลางรีบยื่นแผ่นศิลาอีก 2 แผ่นให้กับนกกาเหว่า
“นกกาเหว่าช่วยผมที อ่านสองแผ่นนี้ให้หน่อย”
นกกาเหว่าพยักหน้าครั้งหนึ่งและรับพวกมันมา เธอใช้เวลาอ่านอยู่ครู่ใหญ่แล้วจึงกล่าวขึ้น
“เราคิดว่ามันเป็นจารึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติเอลฟ์ค่ะ แต่ไม่เข้าใจรายละเอียดเชิงลึกเลย…”
“ไม่ใช่แผนที่สมบัติหรือสกิลลับเรอะ?”
เดมาเซียโพล่งถามขึ้นมา
“ไม่น่าจะใช่นะคะ”
นกกาเหว่าส่ายศีรษะเป็นการปฏิเสธ
ท่าทีของเดมาเซียดูเฉาลงโดยพลัน
“บร๊ะเจ้า… เจอขยะอีกแล้วอ่ะดิ?”
หลี่มู่ดูผิดหวังเป็นอย่างมาก เขาถอนหายใจพลางหยิบแผ่นศิลาอีก 3 ชิ้นจากอ้อมอกของเดมาเซีย และยื่นพวกมันให้กับนกกาเหว่า
เอลฟ์สาวรับพวกมันมาอ่าน
“อันนี้น่าจะเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ค่ะ”
เธอใช้เวลาครู่หนึ่งก่อนจะยื่นแผ่นศิลาชิ้นแรกคืนให้หลี่มู่
“นี่ด้วยค่ะ”
แผ่นศิลาชิ้นที่สองถูกส่งกลับมาให้หลี่มู่
เอลฟ์หนุ่มทั้งสองต่างรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง
แต่นกกาเหว่ากลับใช้เวลาอ่านศิลาแผ่นสุดท้ายอยู่ครู่ใหญ่
“เกิดไรขึ้น? แผ่นนี้มีไรผิดปกติเรอะ?”
เดมาเซียจ้องนกกาเหว่าที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ก่อนจะถามขึ้นมาด้วยความสงสัย เขาสัมผัสได้ว่าหัวใจของตนกำลังเต้นรัวจากความตื่นเต้น
นกกาเหว่าส่ายศีรษะในขณะที่มองแผ่นศิลาด้วยสีหน้าที่แฝงบางสิ่ง
“ไม่ค่ะ…”
นกกาเหว่าส่ายหน้าพลางมองแผ่นศิลาอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวขึ้นมาด้วยความไม่มั่นใจ
“อันนี้… น่าจะเป็นวิธีการเดินลมปราณค่ะ”
…
…
_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _
T/N: เดมาเซียดวงดี!
…
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ
Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432
_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _