บทที่ 689 แนวรบเดียวกัน ก็ลุยด้วยกันเถิด!
“ไม่ให้โอกาสกันสักนิดเลยหรือ”
ต้นหลิวเอ่ย “ก้อนหินเอ๋ย ครั้งนี้เจ้าจะโหดเหี้ยมกับข้าจนถึงที่สุดหรือ”
“ยังจะเรียกก้อนหินอยู่อีก เรียกพี่หินสักคำไม่ได้เลยรึ”
ก้อนหินเอ่ยเสียงเหี้ยมเกรียม “น้องหลิว เจ้าไม่ต้องคิดอันใดให้มากความ วันนี้พวกเรามีหนี้แค้นต้องสะสาง ไม่มีอันใดต้องพูดกันอีกแล้ว!”
“ก็ได้”
ต้นหลิวถอนหายใจ “ก้อนหิน เจ้าว่าอย่างนี้เองนะ…”
“ใช่ ข้าว่าอย่างนี้เอง!”
ก้อนหินตอบเสียงราบเรียบ “แต่หากน้องหลิวยอมโอนอ่อนแต่โดยดี นับแต่นี้ไปให้เรียกข้าว่าพี่หิน วันนี้ข้าจะยั้งมือบ้าง ลงโทษเจ้าอย่างพอเหมาะพอควร”
“…”
ต้นหลิวหมดคำบรรยาย เจ้าก้อนหินนี่ช่างมั่นหน้าเสียจริง
“เจ้าอย่ายั้งมือเลย ลงมือให้เต็มที่เถิด”
มันบอกออกไปตรง ๆ
“ยังจะปากแข็งอยู่อีก! วันนี้ข้าขอดูหน่อยเถิดว่า ปากเจ้าแข็งกว่า หรือก้อนหินอย่างข้าแข็งกว่า!”
ทันใดนั้น ก้อนหินก็พุ่งเข้าไปจู่โจม ลำแสงเจิดจ้านับล้านเปล่งออกมารอบตัว เจิดจรัสแยงตาเป็นที่สุด แรงกดดันมหาศาลถูกปลดปล่อยออกมา อย่าให้เอ่ยเลยว่าดุดันน่ากลัวปานใด
ตงฟางเวิ่นและจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงรีบหลบไปอยู่ด้านหนึ่ง การต่อสู้นี้หาใช่ระดับที่พวกเขาเข้าไปแทรกแซงได้ ยังดีที่พวกเขามีสิ่งที่คุณชายประทานให้ติดตัว ช่วยกีดขวางแรงกดดันที่ก้อนหินเปล่งออกมา มิฉะนั้น พวกเขาไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะชมศึกนี้ด้วยซ้ำ
ม่านแสงม่านหนึ่งก่อตัวขึ้นตามธรรมชาติ ปกคลุมบริเวณนี้ไว้ ดูจากภายนอก ที่นี่สงบดังเดิม มิมีสิ่งใดผิดเพี้ยนไปจากเดิม และไม่มีแรงกดดันหรือคลื่นพลังอันใดรั่วไหลออกไป
พลังของม่านแสงมาจากทั้งต้นหลิวและก้อนหิน พวกมันทั้งสองใจตรงกันมาก ต่างค้ำจุนม่านแสงไว้คนละครึ่ง
ไม่ว่าพวกมันทั้งสองทะเลาะกันอย่างไร ก็ไม่มีทางทำลายสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ และยิ่งไม่มีทางทำร้ายคนในเมืองชิงซาน
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เสียงระเบิดสะเทือนแก้วหูดังออกมา ตงฟางเวิ่นและจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเกือบหูดับกันทั้งคู่ ก้อนหินน่ากลัวมากจริง ๆ พลังที่เปล่งออกมานั้น แม้แต่พวกเขาที่มีของประทานจากคุณชายติดตัวยังได้รับผลกระทบเบาบาง
นี่มันขอบเขตระดับใดกัน!?
พวกเขาดูไม่ออกเลย!
ก้อนหินบุกโจมตี กฎระเบียบเกินหยั่งทะยานสูง น่าพรั่นพรึงกว่าเมื่อครั้งก้อนหินลงมือกับพวกเขาสองคนมากนัก กฎระเบียบที่พุ่งทะยานอยู่นั้น พวกเขารู้สึกได้เลยว่ายิ่งใหญ่สูงส่ง เทียบไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยว และยิ่งไม่เข้าใจในกฎระเบียบเช่นนี้ ทั้งหมดนี้เกินขอบเขตความเข้าใจของพวกเขาไปไกลแล้ว!
เสียงดังฟึ่บ ต้นหลิวเอนไหว ลำแสงมากมายพวยพุ่ง ก้านหลิวก้านหนึ่งหวดไปหาก้อนหิน
ตู้ม!
หารู้ไม่ ก้านหลิวที่ไม่เคยพ่ายแพ้ผู้ใด กลับเสียท่าในครานี้ ต้องถูกก้อนหินส่งแรงกระเทือนจนกระเด็นออกไป ซ้ำยังมีใบหลิวปลิดปลิวลงมาอีกหลายใบ
“อ้อ ใช้ได้นี่ มิน่าถึงกล้าลงมือกับข้าแล้ว…”
ต้นหลิวหัวเราะเบา ๆ อึ้งอยู่นิดหน่อย ก้อนหินติดตามคุณชายออกไประยะหนึ่ง และเติบโตขึ้นมากอย่างแท้จริง พลังเหนือชั้นกว่าเก่ามาก
“แค่ใช้ได้ที่ไหน! วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้เห็นความสุดยอดของพี่หิน!”
ก้อนหินฮึกเหิมพร้อมสู้ ใบหลิวไม่กี่ใบที่ปลิดปลิวลงมาเมื่อครู่เพิ่มขวัญกำลังใจให้มันอย่างมาก ในอดีต อย่าว่าแต่ส่งแรงกระเทือนจนใบไม้หลุดเลย ลำพังจะทำให้ต้นหลิวสะเทือนบ้างยังทำมิได้
นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดียิ่ง!
มันจู่โจมต่อ ที่ลงมือไปก่อนหน้านี้ยังมิได้เปล่งอานุภาพทั้งหมด พลังที่ยังกักเก็บไว้แข็งแกร่งเหลือคณา
เสียงกู่ร้องดังขึ้นไม่หยุด มันมีร่างกายงอกออกมา มีศีรษะงอกออกมา กลายเป็นมนุษย์หินยักษ์ ทุกอิริยาบถล้วนมีสายฟ้าแลบแปลบปลาบ พลังที่แผ่ซ่านออกมาชวนให้ประหวั่นพรั่นพรึง ผวาเหลือแสน!
แสงเซียนส่องออกมาจากทั่วร่างกายของมัน ราวกับธารช้างเผือกธารแล้วธารเล่า เจิดจ้าแยงตา มันเริ่มลงมือ ปลดปล่อยพลังเต็มรูปแบบ ตงฟางเวิ่นและจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงที่ดูอยู่สะท้านใจเป็นหนักหนา!
ธารปริภูมิเวลาไหลหลาก เมื่อมาถึงที่นี่ก็ขาดสะบั้น ไม่มีพลังใดสามารถฝ่าก้อนหินไปได้
“น้องหลิว เจ้าไม่ได้ขยับไปที่อื่นมานานเท่าไหร่แล้ว ข้าจะช่วยเจ้าเอง ช่วยย้ายที่ให้เจ้า!”
ก้อนหินอ้ามือหินยักษ์ออก อักขระลึกลับรายล้อมอยู่ระหว่างนิ้วทั้งห้าของมัน เป็นอักขระที่เกิดจากพลังสูงส่งอย่างหามิได้ แม้แต่พลังโกลาหลยังต้านไม่อยู่ สามารถถูกลบล้างในพริบตา!
“เหอะ”
ต้นหลิวแค่นเสียงเย็น ก้านหลิวทั้งหมดรวมนับร้อยก้านออกโรงพร้อมเพรียง ทุกก้านต่างเปรียบเสมือนมังกรฟ้า ดุดันมิมีผู้ใดทัดเทียม!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ก้านหลิวนับร้อยปะทะกับมือหินยักษ์ของก้อนหิน ประหนึ่งนภากระแทกเข้าหากัน เกิดการระเบิดใหญ่อยู่หลายครา ตงฟางเวิ่นและจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงก็ได้รับแรงสะเทือนไม่น้อย ร่างของพวกเขาทั้งสองต่างถูกกระเทือนจนต้องถอยกรูดออกไป
ที่นั่นเจิดจรัสเกินไป แสงสว่างท่วมท้นทุกสิ่ง อักขระลึกลับทรงพลังเกินหยั่งสองชนิดจากต้นหลิวและก้อนหินปะทะกัน ก่อนจะระเบิด
ตงฟางเวิ่นและจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเงยหน้ามอง นึกอยากรู้ว่าผลจากการปะทะนั้นเป็นอย่างไร ทว่าพวกเขาทำไม่ได้เลย ทันทีที่สายตาทอดมองเข้าไปก็ต้องเบนกลับ ภาพการณ์ตรงนั้นมิใช่สิ่งที่ให้พวกเขาเห็นได้!
หลังแสงสว่างถดถอย ตงฟางเวิ่นและจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงถึงได้เห็นภาพการณ์ที่นั่น พวกเขาเห็นว่า มือหินยักษ์ของก้อนหินเต็มไปด้วยรอยร้าว คืบคลานออกไปอย่างรวดเร็วราวกับใยแมงมุม
ด้านต้นหลิวก็มิได้ไร้รอยขีดข่วน ใบหลิวร่วงโรยลงมาจำนวนมาก
ก้อนหินระงับรอยร้าวที่มือ ก่อนจะชักดาบหินมหึมาเล่มหนึ่งออกมาแล้วฟันออกไป เสมือนมาจากห้วงมิติโบราณเก่าแก่ พื้นที่นี้เดือดพล่านขึ้นในบัดดล อักขระกฎระเบียบมากมายปริแตกออก!
นี่ต้องเป็นดาบที่สะท้านโลกันตร์ได้แน่ ตงฟางเวิ่นและจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงไม่นึกสงสัยเลย หากว่าดาบนี้ฟาดฟันใส่ด้านนอกนั่น น่ากลัวว่าแม้กระทั่งแดนบรรพโกลาหลก็คงยั้งไม่อยู่ ล่มสลายในดาบเดียว ไม่มีอยู่อีกต่อไป!
ก้อนหินโหดเหี้ยมขึ้น ปะทุพลังทั้งหมด หมายจะตัดสินแพ้ชนะในดาบเดียว!
เวลานั้นเอง ม่านแสงมากมายพวยพุ่งจากด้านต้นหลิว ก้านหลิวทั้งหลายตวัดร่ายรำขึ้นอีกครั้ง
ปัง!
ก้านหลิวก้านหนึ่งพุ่งปะทะดาบหินเล่มนั้นอย่างรวดเร็ว ภาพเหลือเชื่อปรากฏ ดาบหินที่แฝงไว้ด้วยพลังทั้งหมดของก้อนหินแหลกลาญในพริบตา เศษหินกระจัดกระจายเต็มพื้น!
“อะ…ไรกัน!”
ก้อนหินตกใจแทบแย่ ร่างหินมโหฬารของมั่นสั่นสะท้าน เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้? ต้นหลิวซ่อนพลังของตน! พลังที่มีเหนือกว่าที่มันคาดการณ์ไว้!
ซ่า!
ใบหลิวที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้นลอยขึ้นหมด เปล่งประกายระยิบระยับ กลับไปงอกเงยบนก้านหลิวอีกครั้ง ตอนนี้ ต้นหลิวปะทุแสงยิ่งใหญ่ จังหวะแห่งเต๋าสูงส่งไหลเวียน สูงส่งเหนือชั้น ราวกับเป็นผู้ปกครองแห่งปวงวิญญาณ!
“ต้นหลิว เจ้าหลอกลวงข้า!”
ก้อนหินคำรามกราดเกรี้ยว โมโหจนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว
บัดซบ!
เจ้าต้นหลิวจอมหลอกลวงนี่ หลอกได้หลอกดี!
มันอยู่กับต้นหลิวมาตั้งนาน กลับไม่รู้เลยว่าพลังที่แท้จริงของต้นหลิวเป็นเช่นไร อีกฝ่ายปิดบังมันมาตลอด!
“หมายความว่าอย่างไรที่ว่าหลอกเจ้า”
ต้นหลิวเอ่ยเสียงเบา “ข้าเป็นห่วงเจ้า เมตตาเจ้า ไม่อยากทำร้ายจิตใจของเจ้าเกินไป ถึงอย่างไรพวกเราก็เริ่มฝึกตนมาด้วยกัน หากห่างชั้นกันเกินไป ข้ากลัวเจ้าจะรับไม่ไหว”
ใช่แล้ว มันจงใจซ่อนพลังที่แท้จริงของตนไว้ตลอด
ประโยคหนึ่งว่าไว้ อาจารย์สอนเพียงแนวทาง ความสำเร็จอยู่ที่ตัวบุคคล เทียบกับมันแล้ว ก้อนหินอ่อนด้อยกว่ามาก มันไปถึงระดับสูงส่ง มีพลังเหนือจินตนาการได้นานแล้ว
“อ๊ากกก ข้าทรมานใจนัก โคตรจะ…ทรมานเลยโว้ย!”
พูดเช่นนี้มิสู้ไม่พูด หลังพูดจบ ก้อนหินรู้สึกบีบรัดหัวใจ แม้ว่ามันนั้นจะไม่มีหัวใจก็ตาม…
“ไม่ต้องทรมานใจไป เพราะ…หลังจากนี้เจ้าจะทรมานกว่านี้อีก!”
ต้นหลิวหัวเราะ ก้านหลิวก้านหนึ่งพุ่งเข้าไป มัดก้อนหินไว้ในเสี้ยวพริบตา แล้วจับห้อยกลับหัว
ก้อนหินดิ้นรนสุดชีวิต กลับมิอาจสลัดออกไปได้เลย ก้านหลิวตรึงมันไว้อย่างแน่นหนา
“พี่หลิว…เรื่องนี้เราลืมมันไปได้หรือไม่ ถือเสียว่าไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้นได้หรือไม่”
ก้อนหินร่ำไห้เอ่ยกับต้นหลิว
“ก้อนหินเอ๋ย เมื่อครู่ข้าเพิ่งถามเจ้าว่า ให้โอกาสข้าได้เจรจาสักครั้งได้หรือไม่ เจ้าบอกว่าไม่มีทาง อืม ไม่มีแม้แต่ประตูหน้าต่าง”
ต้นหลิวกล่าว “ก้อนหิน เจ้าว่าข้าจะลืมเรื่องนี้ ทำเสียว่าไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้นได้หรือไม่”
“ข้าว่าได้” ก้อนหินตอบเสียงอึดอัด
“ได้รึ”
ต้นหลิวเกือบสะอึกเพราะความไร้ยางอายของก้อนหิน ก้อนหินกล้าพูดได้ทุกอย่างจริง ๆ!
มันมิได้เอ่ยวาจาใดอีก หากแต่แสดงเจตจำนงของตนด้วยการกระทำ ก้านหลิวอีกก้านหวดเข้าไป จนก้อนหินต้องร้องโหยหวน
“ลืมข้าเถิด ลืมข้าเถิด…”
“ถือเสียว่าข้าไม่อยู่ ถือเสียว่าข้าไม่อยู่…”
ขณะเดียวกัน ตงฟางเวิ่นและจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงกลัวจนหัวใจแทบหยุดเต้น
พวกเขาภาวนาในใจไม่หยุด หวังว่าต้นหลิวจะลืมการมีอยู่ของพวกเขาทั้งสอง
ต้นหลิวน่าครั่นคร้ามเกินไป พลังลึกล้ำเกินหยั่งอย่างแท้จริง!
และในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็ก่นด่าก้อนหินในใจไม่หยุด
อะไรกัน เจ้าก้อนหินเส็งเคร็งนี่โง่เกินไปแล้ว อยู่กับต้นหลิวมาตั้งนาน กลับยังไม่รู้ถึงภูมิหลังที่แท้จริงของต้นหลิวอีก!
แล้วยังกล้ากลับมาหือกับต้นหลิว!
มีผู้ใดไม่เข้าท่าเท่าก้อนหินอีกหรือไม่
พวกเขาเองก็โง่เขลานัก ถึงได้เลือกอยู่ข้างเดียวกับก้อนหิน ตอนนี้ พวกเขาอยากตบตัวเองฉาดใหญ่ให้ตาย ๆ ไปจริง ๆ อย่าให้เอ่ยเลยว่าสำนึกเสียใจเพียงใด
“พวกเจ้าอยู่ในแนวรบเดียวกัน เช่นนั้นก็มาด้วยกันเถอะ…”
ต้นหลิวย่อมไม่มีทางลืมตงฟางเวิ่นกับจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง ก้านหลิวสองก้านพุ่งออกไป จับตงฟางเวิ่นและจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงสองคนห้อยหัวเช่นกัน
มันไม่มีทางยอมปล่อยเจ้าสามคนนี้ไปง่าย ๆ แน่!