บนอินเทอร์เน็ต
การถกเถียงเกี่ยวกับเซี่ยนอวี๋ไม่ได้สิ้นสุดพร้อมกับการจบลงของรายการ
แต่กลับมีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…
หลังจากบรรดานักร้องซึ่งเคยถูกหลานหลิงอ๋องวิจารณ์ได้ออกมาขอโทษบนแพล็ตฟอร์มสาธารณะ
‘น้อมรับคำวิจารณ์ของอาจารย์เซี่ยนอวี๋ @เซี่ยนอวี๋ เป็นประโยชน์อย่างสูง!’
‘ความคิดเห็นของอาจารย์ @เซี่ยนอวี๋ ทำให้ฉันมีแรงผลักดันในการก้าวไปข้างหน้า!’
‘ขอบคุณอาจารย์เซี่ยนอวี๋ คำวิจารณ์ของคุณทำให้ผมตระหนักถึงข้อบกพร่องของตนเอง @เซี่ยนอวี๋’
‘@เซี่ยนอวี๋ ขอบคุณที่ชี้ทำแนวทางให้ฉัน!’
‘ไม่พูดอะไรแล้ว ขอตัวไปฝึกการหายใจก่อนครับ @เซี่ยนอวี๋ (ชูสองนิ้ว) (สู้ๆ )’
‘@เซี่ยนอวี๋ ผมรู้สึกละอายใจเป็นอย่างมากที่แฟนคลับโจมตีอาจารย์เซี่ยนอวี๋ ต่อไปนี้จะเข้มงวดกับตัวเองให้มาก และชี้แนะแฟนคลับให้ดี ขณะเดียวกันผมก็ขอน้อมรับคำวิจารณ์ของอาจารย์เซี่ยนอวี๋ (หัวใจ)’
“……” ‘…’
พรึบๆๆ !
ทุกคนออกมาขอโทษ!
แม้แต่นักร้องบางคนซึ่งได้ขอโทษหลินเยวียนที่ด้านหลังเวทีในรายการไปแล้ว ก็ไม่ลืมที่จะทบทวนตนเองอีกครั้งต่อหน้าสาธารณชน
ชาวเน็ตสนุกสนานกันยกใหญ่!
พระเจ้าช่วย!
ผู้คนมากมายออกมา…
ไม่สิ
นักร้องแถวหน้ามากมาย มีแม้แต่ราชาราชินีเพลงออกมาขอโทษ?
ต้องยิ่งใหญ่ขนาดไหน!
คนเหล่านี้นับว่าเป็นแนวหน้าเชียวนะ!
ต่อให้สุ่มเลือกขึ้นมาสักคนก็ล้วนเป็นคนดัง!
บางทีอาจมีเพียงครั้งนี้ ที่ทุกคนจับตาวงการบันเทิงอย่างใกล้ชิด และในอนาคตอาจไม่ได้เห็นฉากเช่นนี้อีก!
เพราะไม่มีบุคคลระดับแนวหน้าคนในอุตสาหกรรมดนตรีที่โง่เง่าพอที่จะล่วงเกินพ่อเพลง
นอกเสียจากว่าพ่อเพลงคนนั้นจะสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า!
แต่ปัญหาคือ นอกจากคนเพี้ยนอย่างเซี่ยนอวี๋แล้ว ไม่มีพ่อเพลงคนไหนที่สามารถทำได้ทั้งประพันธ์เพลงและร้องเพลงแบบเซี่ยนอวี๋อีกล่ะ?
บนเว็บบอร์ดแห่งหนึ่ง
ชาวเน็ตจอมกวนเอ่ยแซว ‘ฉันจะแปลคำขอโทษของคนดังให้ทุกคนฟังก็แล้วกัน ป่าป๊าเซี่ยนอวี๋ฉันผิดไปแล้ว ป่าป๊ายกโทษให้ฉันเถอะ เป็นความผิดของแฟนคลับทั้งนั้น ไปตีพวกเขาเลย!’
หลายคนพากันระเบิดหัวเราะ
ฉากนี้นับว่าเป็นพล็อตทวิสต์อย่างแท้จริง!
ความปากแซบของเซี่ยนอวี๋ ในเวลานี้กลายเป็นคำชี้แนะไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้คำสัพยอกเหล่านี้จะเป็นเพียงการล้อเล่นของทุกคน แต่กลับบรรเทาความเกลียดชังได้จริงๆ
ต่อให้เซี่ยนอวี๋เป็นพ่อเพลง ก็ไม่สามารถตั้งตัวเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกได้ ดังนั้นจึงไม่มีใครตามล่านักร้องเหล่านี้อย่างจริงจัง
ยิ่งไปกว่านั้น เดิมทีคนเขาก็ไม่ได้พูดอะไร
อีกทั้งเซี่ยนอวี๋ก็ไม่ได้พูดเรื่องเหล่านี้ทั้งบนเวทีหรือบนโลกออนไลน์เลย
เมื่อเทียบกันแล้ว
ทุกคนกลับพูดถึงเพลงของเซี่ยนอวี๋กันมากที่สุด
‘เมื่อกี้ฟังเพลงเกินจริงอีกรอบ เพลงนี้ปังจริง พ่อเพลงอวี๋ที่สวมหน้ากากปีศาจของหลานหลิงอ๋องร้องสดได้เท่สุดๆ !’
‘ผมกลับไปฟังเพลงเด็กชาย ตอนนั้นไม่รู้สึกอะไรมาก ตอนนี้รู้สึกว่าเพราะจริงๆ ’
‘ฮ่าๆ ตรงไปอีก เพราะเป็นเพลงที่เซี่ยนอวี๋ร้อง คุณเลยรู้สึกว่าเพราะ’
‘อย่าพูดเหลวไหลน่า เพลงนี้เจ๋งจริง ฟังเพลงนี้แล้วรู้สึกฟิน’
‘อารมณ์ของเพลงผืนน้ำเย้ยเยาะบอกเลยมีแค่เซี่ยนอวี๋ที่ร้องได้!’
‘ผืนน้ำเย้ยเยาะเลยนะ เซี่ยนอวี๋ไม่ได้อยู่ในระดับที่คนธรรมดาจินตนาการได้แล้ว!’
‘…’
นอกจากนั้น
มีคำพูดในรายการบางส่วนของเซี่ยนอวี๋ซึ่งถูกผู้คนนำมาพูดถึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
‘พ่อเพลงอวี๋บอกว่าเสียงพังเพราะปัญหาด้านสุขภาพ เลยเบนสายมาเป็นพ่อเพลง…’
‘หน้าฉันตอนฟังประโยคนี้คือ (⊙o⊙)!!!’
‘ผมจะแปลประโยคนี้ให้ทุกคนฟังเอง ช่วยไม่ได้แฮะ เป็นราชาเพลงไม่ไหว ขอเป็นพ่อเพลงก็แล้วกัน’
‘เซี่ยนอวี๋: ผมไม่ได้อยากเป็นพ่อเพลงจริงๆ นะ!’
‘เซี่ยนอวี๋: เฮ้อ เป็นราชาเพลงไม่ได้แล้ว ไปเป็นพ่อเพลงเล่นๆ ดีกว่า’
‘ถูกบังคับให้มาเป็นพ่อเพลงว่างั้นเถอะ?’
‘…’
แน่นอน
เซี่ยนอวี๋บอกว่าคนเคยมีปัญหาด้านสุขภาพ และเรื่องนี้จึงกลายมาเป็นจุดโฟกัสของใครหลายคน
ทุกคนสัมผัสได้ว่าเซี่ยนอวี๋ลังเลที่จะพูด
เพราะฉะนั้น จึงมีคนไปขุดคุ้ยเรื่องราวของเซี่ยนอวี๋
ปรากฏว่า…
เรื่องราวในอดีตของเซี่ยนอวี๋ถูกขุดคุ้ยขึ้นมาจริงๆ โดยชาวเน็ตผู้มีพลังอันแข็งแกร่ง!
ในระหว่างการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง
จู่ๆ หมอคนหนึ่งก็ตอบรับการสัมภาษณ์
“ผมคือผู้ชมรายการราชาหน้ากากนักร้อง ตอนที่ผมเห็นหลานหลิงอ๋องถอดหน้ากาก ผมกับทุกคนตกใจมากครับ แต่สิ่งที่ผมตกใจไม่ใช่เพียงเพราะว่าเขาคือเซี่ยนอวี๋ แต่ยังเป็นเพราะเขาเคยเป็นคนไข้ของผม ในตอนนั้นเขาเป็นโรคที่รักษาไม่หาย”
“เป็นโรคที่รักษาไม่หายจริงๆ !”
“ผมไม่ได้ล้อทุกคนเล่น และไม่ได้มีเจตนาจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของเซี่ยนอวี๋ เนื่องจากผมติดต่อเซี่ยนอวี๋ และได้รับอนุญาตจากเจ้าตัว ถึงกล้าพูดเรื่องนี้ออกมา และเหตุผลที่ผมจำเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจนคงเป็นเพราะผมสงสารเขาล่ะมั้งครับ เด็กคนนี้นิสัยดีมาก ใครๆ ก็ชอบเขา เขายังแอบเล่าให้พยาบาลฟังเลยความฝันของเขาคือการเป็นนักร้อง แต่เด็กแบบเขา อายุยังน้อยก็ดัน…”
หมอส่ายหน้า
หมอคนนี้ได้ติดต่อมาหาหลินเยวียนแล้วจริงๆ
หรือพูดให้ชัดคือ ติดต่อแม่ของหลินเยวียนมาแล้ว
หลังจากที่แม่โทรหาหลิน เยวียนเพื่อขอความคิดเห็นของเขา และเมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีอะไรให้ปิดบัง จึงบอกหมอว่าสามารถเล่าเรื่องของหลินเยวียนได้
ดังนั้นหมอคนนี้จึงกล้าตอบตกลงให้สัมภาษณ์
“หมอของเราทุกคนหมดหนทางในการรักษาเขา ใครๆ ก็คิดว่าเขาคงอยู่ไม่ถึงอายุยี่สิบห้าปี ต่อมาเสียงของเขาพังตามมาเพราะโรคกำเริบ ก่อนหน้านั้นเขาชอบร้องเพลงมาก เขามักจะร้องเพลงให้คนไข้ในวอร์ดฟังเสมอ…”
หมอถอนหายใจออกมา
หลังจากนั้น เขาจึงคลี่ยิ้มอย่างมีความสุข
“แต่ทางการแพทย์ก็มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้ครับ เพราะหลังจากนั้นไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ร่างกายของเขาสามารถฟื้นตัวได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทุกปีมีคนไข้จำนวนหนึ่งสร้างปาฏิหาริย์เช่นนี้ได้ เขามีชีวิตอยู่ต่อ เสียงของเขาเหมือนจะฟื้นตัวแล้ว เขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ณ โอกาสนี้พวกเราเข้าหน้าที่ทุกคนของโรงพยาบาลอวิ๋นเฉิงก็ขอให้อวยพรให้เขามีสุขภาพแข็งแรงตลอดไปครับ”
เอาสิ
สุดท้ายยังไม่ลืมที่จะโฆษณาแฝง
หลังจากหมอแล้ว ก็มีเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมต้น มัธยมปลาย และมหาวิทยาลัยให้สัมภาษณ์อีกเช่นกัน
ปรากฏว่า
บทสัมภาษณ์ทั้งหมด ได้พิสูจน์ความจริงของเรื่องนี้ทั้งทางตรงและทางอ้อม!
ไม่ทันไร!
ทั้งโลกออนไลน์เป็นต้องตกอยู่ในความงุนงง!
ไม่มีใครคาดคิด ว่าความลังเลของเซี่ยนอวี๋จะมีเรื่องราวอันสิ้นหวังนี้ซ่อนอยู่เบื้องหลัง!
ที่แท้…
เซี่ยนอวี๋ซึ่งพราวประกาย เซี่ยนอวี๋ซึ่งทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนหลงใหลคนนั้น จะเผชิญพบเจอกับวิบากกรรมของชีวิต สิ่งที่เขาประสบพบเจอและความสำเร็จของเขาจึงกลายเป็นตำนานในทันที!
ไม่เกินจริง!
เพราะเป็นตำนานจริงๆ !
ในเวลานี้ จู่ๆ หลายคนก็นึกถึงเพลงเส้นทางธรรมดา ท่วงทำนองอันไพเราะคล้ายว่าจะดังขึ้นในโสตประสาทของทุกคนอีกครั้ง
“…… …
พเนจรไปอยู่บนเส้นทาง
เธอจะไปไหม
ผู้เย่อหยิ่งจิตใจเปราะบาง นั่นคือตัวตนที่ฉันเคยเป็น
เดินต่อไปเดินไปอย่างนี้
ไม่ว่าจะมีเรื่องใดเกิดขึ้น
เดินต่อไปเดินไปอย่างนี้
ไม่ว่าเธอจะถูกพรากสิ่งใดไป
เดินต่อไปเดินไปอย่างนี้
ไม่ว่าเธอจะต้องพลาดสิ่งใดไป
เดินต่อไปเดินไปอย่างนี้
ไม่ว่าอย่างไร
ครั้งหนึ่งฉันเคยข้ามห้วงสมุทรข้ามขุนเขา…”
ไม่ว่าจะถูกแย่งอะไรไป
ครั้งหนึ่งฉันเคยทำลายทุกอย่าง เพียงแต่อยากจากไปไม่หวนคืน
ครั้งหนึ่งฉันเคยจมดิ่งในความมืดมน ฝืนดิ้นรนแต่ไม่หลุดพ้น
ครั้งหนึ่งฉันเคยถามทั่วทั้งโลกหล้า แต่ไม่เคยได้คำตอบมา
ครั้งหนึ่งฉันเคยเหมือนเธอเหมือนเขาเหมือนดอกไม้ป่า แม้สิ้นหวัง แต่ยังคาดหวัง หัวเราะร้องไห้เป็นธรรมดา…
ยามลมโชยพัด เส้นทางแสนไกล
เรื่องราวของเธอเป็นอย่างไรแล้ว
…”
มีคนร้องไห้
เพลงนั้นไม่ได้มีเจตนากระตุ้นความรู้สึก
เมื่อฟังเพลงนี้เป็นครั้งแรก ทุกคนรู้สึกเพียงว่าไพเราะและให้พลังบวก มองว่าเพลงนี้เป็นเพียงเพลงเพลงหนึ่ง ไม่ได้ถึงขั้นทำให้ร้องไห้
แต่ในวันนี้
เมื่อรู้ว่าเซี่ยนอวี๋ผ่านอะไรมาบ้าง และเปรียบเทียบกับเนื้อเพลงนี้ ทุกคนคล้ายกับว่าสัมผัสได้ถึงสภาพจิตใจของเซี่ยนอวี๋ และถึงขั้นน้ำตารื้น
ที่แท้เขาก็เขียนเนื้อเพลงออกมาจากเรื่องของตนเอง
ไม่มีใครเคยคิดเรื่องนี้มาก่อน
สิ่งที่เรียกว่า ‘เส้นทางธรรมดา’ คือเส้นทางที่เซี่ยนอวี๋เคยเดินในโลกแห่งความเป็นจริง
เส้นทางนี้…
ที่จริงแล้วไม่ธรรมดาเลย