บทที่ 663 การขู่ล้มเหลว
ชีวิตนี้กงซวี่เกลียดการโดนข่มขู่ที่สุด โดยเฉพาะนี่ถึงกับก่าวก่ายเข้ามาถึงสิ่งที่เขาแคร์มากที่สุด สายตาราวใบมีดน้ำแข็งจ้องไปทางว่านชานชาน
“ทำไม กลัวเหรอ? ไม่กล้าแล้วล่ะสิ!” เวลานี้ว่านชานชานไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้นแล้ว “ตอนนี้รีบขอโทษเส่าเจ๋อของพวกเราเลย ไม่อย่างนั้นฉันจะโพสต์คลิปลงบนอินเทอร์เน็ต! ถึงตอนนั้นผู้จัดการของนายจะโกรธมากเลยนะ!”
เสี่ยวชิงกับตงไจ๋ที่อยู่ข้างๆ เห็นสถานการณ์แล้วร้อนรนสุดขีด
ทำยังไงดีๆ…
คนพวกนี้หน้าด้านเกินไปแล้ว ถึงกับเอาพี่เยี่ยมาขู่กงซวี่
ไม่บ่อยเลยที่จะเห็นกงซวี่ถูกบีบบังคับให้จำนน หลิงเส่าเจ๋ออารมณ์ดีแล้ว ค่อยๆ นั่งลงไปตรงนั้นอย่างไม่เร่งรีบ “ทำไม ดูเหมือนว่าคุณชายกงจะไม่ยินดีนะ?”
หึ กงซวี่ คิดไม่ถึงว่านายก็มีวันนี้เหมือนกัน!
ตอนที่บรรยากาศกำลังครุกรุ่น หางตาของตงไจ๋มองเห็นคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาทางพวกเขา แววตาเป็นประกายในทันทีราวกับว่าเห็นผู้ช่วยชีวิต
“พี่เยี่ย!”
“พี่เยี่ยมาแล้ว…” พอเสี่ยวชิงเห็นเยี่ยไป๋ก็ทำสีหน้าเศร้าสร้อยทันที
เยี่ยหวันหวั่นกวาดตามองหลายคนนี้ “เกิดอะไรขึ้น?”
ว่านชานชานกอดอกยืนอยู่ตรงนั้น “คุณผู้จัดการเยี่ย คุณมาพอดีเลย หัดดูแลศิลปินตัวเองบ้างสิ! คนหนึ่งสองคน แสดงไม่ได้ ก่อเรื่องสร้างความเดือดร้อน มาวางก้ามในกองถ่าย วางท่าอวดดี!”
เสี่ยวชิงกระวนกระวายมาก รีบเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง “พี่เยี่ย ไม่ใช่แบบนี้นะ พวกเขาหาเรื่องก่อน ผู้หญิงคนนี้ตั้งใจขัดขาลั่วเฉิน ลั่วเฉินเลยไม่ทันระวังทำกาแฟหกใส่เสื้อผ้าหลิงเส่าเจ๋อ จากนั้นพวกเขาก็โขกราคาจะเอาแปดแสน แล้วยังบังคับให้ลั่วเฉินเช็ดรองเท้าให้…”
“ตาข้างไหนของพวกนายที่เห็นฉันยื่นขาออกไปฮะ อย่ามาใส่ความ! กงซวี่ต่างหากที่ตั้งใจทำวางก้าม ราดกาแฟใส่เส่าเจ๋อของพวกเรา ฉันมีคลิปเป็นหลักฐาน!” ว่านชานชานไม่มีสีหน้าเกรงกลัวเลย
เยี่ยหวันหวั่นฟังคำพูดของเสี่ยวชิงและชานชานจบ ก็หันไปมองกงซวี่ “นายจงใจราดกาแฟลงบนตัวหลิงเส่าเจ๋อเหรอ?”
ตอนนี้กงซวี่ยังมีท่าทีหยิ่งผยองแบบเมื่อกี้ที่ไหน หลังจากเห็นเยี่ยหวันหวั่นก็จิตตกไปหมดแล้ว ยืนเครียดอยู่ตรงนั้น “ผม…”
ทำยังไงดี
พี่เยี่ยเกลียดที่เขาก่อเรื่องที่สุด!
ว่านชานชานเห็นท่าทางเกรงกลัวของกงซวี่แล้วยิ่งได้ใจกว่าเดิม แกว่งมือถือไปทางเขาพลางพูด “กงซวี่ ผู้จัดการนายดูอยู่นะ รีบขอโทษซะดีๆ!”
คิดไม่ถึงว่ากงซวี่จะเป็นอย่างที่เขาลือกันจริงๆ กลัวผู้จัดการคนนี้ขนาดนี้เลย
หลิงเส่าเจ๋อแสดงสีหน้าเยาะเย้ย นั่งอย่างสบายใจอยู่ตรงนั้น รอให้กงซวี่ขอโทษตัวเอง
ลั่วเฉินกัดริมฝีปากแน่น ถึงยังไงเรื่องทั้งหมดนี้ก็เกิดจากเขา ถ้าจะขอโทษก็ควรเป็นเขาที่ขอโทษ จึงอดไม่ได้ออกมาพูดปกป้อง “พี่เยี่ย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกงซวี่ เป็นผมเอง…”
ว่านชานชานหัวเราะเยาะ “นายก็มีส่วน นายต้องขอโทษอยู่แล้ว!”
ว่านชานชานพูดจบก็มองไปทางเยี่ยหวันหวั่น “ถ้าไม่ให้ศิลปินคุณขอโทษ ฉันจะโพสต์จริงๆ นะ! คุณผู้จัดการเยี่ย คุณคิดถึงผลที่ตามมาให้ดีๆ!”
ท่ามกลางสายตาของนักแสดงหวงเทียนที่กำลังดูเหตุการณ์กันอย่างสนุกสนาน และสายตาของลั่วเฉินกับกงซวี่ที่กำลังร้อนรน เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองทางว่านชานชานโดยไม่แสดงอาการอะไรแม้แต่น้อย จากนั้นพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยสองคำว่า “โพสต์สิ”
ว่านชานชานเงียบ
หลิงเส่าเจ๋อเงียบ
ลั่วเฉินเงียบ
กงซวี่เงียบเช่นกัน
ทั้งสองคนนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้นโดยพลัน รวมทั้งลั่วเฉินกับกงซวี่ก็อึ้งกันไปหมด
โดยเฉพาะกงซวี่ที่เงยหน้าขึ้นมาด้วยความเหลือเชื่อ เหมือนกับไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง
………………………………………………………………
บทที่ 664 คุณชายอย่างฉันไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว
หรือว่าพี่เยี่ยไม่ควรจะ…ให้เขาขอโทษเหรอ…
กงซวี่เตรียมใจโดนด่าชุดใหญ่ไว้แล้ว ผลคือคิดไม่ถึงว่าเยี่ยหวันหวั่นจะตอบโต้แบบนี้ ไม่เพียงว่าเขาสักคำ แถมยังปฏิเสธคำร้องขอของอีกฝ่ายด้วย
สีหน้าของว่านชานชานอับอายมากจนโกรธ “คุณ…คุณพูดอะไร คุณรู้ผลกระทบของศิลปินคนหนึ่งถ้าคลิปนี้ถูกโพสต์ออกไปไหม คุณเป็นผู้จัดการแบบนี้เหรอ ฉันจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง…”
“ตามสบาย”
เยี่ยหวันหวั่นโยนสองคำนี้มา ไม่สนว่าพวกว่านชานชานจะมีปฏิกิริยายังไง มองไปทางกงซวี่และลั่วเฉินพูดว่า “ทั้งสองคน มานี่”
“ครับ…”
ลั่วเฉินกับกงซวี่สบตากันเงียบๆ จากนั้นรีบตามไป สองผู้ช่วยก็รีบตามไปด้วย
ด้านหลัง ว่านชานชานโมโหจนกระทืบเท้า
“บ้าเอ๊ย! เขาหมายความว่ายังไง เขาคิดว่าฉันไม่กล้าโพสต์จริงๆ เหรอ ฉันจะโพสต์ให้ดู!”
เดิมทีว่านชานชานเตรียมจะแฉข่าวซุบซิบให้บล็อกเกอร์อยู่แล้ว ท่ามกลางความโกรธ เธอล็อกอินแล้วใช้ชื่อตัวเองส่งคลิปนี้ไป
……….
ภายในห้องแต่งหน้า
กงซวี่ยืนหัวหดอย่างกระวนกรระวายอยู่ตรงนั้น ในใจคิดว่าแย่แล้วๆ พี่เยี่ยต้องคิดแน่ว่าปัญหาข้างในจะให้คนภายนอกรู้ไม่ได้ ดังนั้นเลยจะจัดการเขาเป็นการส่วนตัว!
ลั่วเฉินและผู้ช่วยสองคนก็มีสีหน้าเต็มไปด้วยความวิตก
เยี่ยหวันหวั่นนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เงยหน้าขึ้นมามองกงซวี่ที่จิตใจกระสับกระส่ายแวบหนึ่ง
กงซวี่โดนมองก็ยิ่งร้อนรน ทำหน้าโอดครวญ “พี่เยี่ย ผม…”
ยังไม่ทันพูดจบ เยี่ยหวันหวั่นก็พูดขึ้นมา “เมื่อกี้ทำได้ไม่เลว”
วินาทีที่เยี่ยหวันหวั่นพูดจบ กงซวี่อึ้งไปทั้งตัวอยู่ตรงนั้น เหมือนกับไม่ตอบสนองว่าตัวเองได้ยินอะไร
“พี่เยี่ย… เมื่อกี้พี่… พูดว่าอะไรนะ” กงซวี่นิ่งอึ้งไป
ตงไจ๋ที่อยู่ข้างๆ เอ่ยอย่างตื่นเต้น “พี่ซวี่ พี่เยี่ยชมพี่น่ะ ชมว่าพี่ทำได้ไม่เลวเลย!”
ดวงตากงซวี่แดงเรื่อขึ้นมาทันที จากนั้นตามมาด้วยเสียง ‘โฮ’ แล้วโผเข้าไปในอ้อมกอดของเยี่ยหวันหวั่น…
เยี่ยหวันหวั่นไม่ทันตั้งตัวก็โดนโผเข้าใส่เต็มอก
ร่างคนบางคนที่ใหญ่เหมือนหมาปั๊กตัวใหญ่โถมเข้ามาบนร่างเธอ
เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้าพูดไม่ออก รีบยื่นมือคว้าหลังคอเสื้อดึงเขาออกไป “ยืนดีๆ”
“อ้อๆๆ…” กงซวี่ยืนตัวตรง ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยความตื้นตันใจ จากนั้นกะพริบตาปริบๆ “พี่เยี่ย ทำไมพี่นุ่มนิ่มขนาดนี้?”
เยี่ยหวันหวั่นสำลัก นิ่มกะผีน่ะสิ!
โชคดีที่เมื่อกี้ผลักออกไปเร็ว ไม่อย่างนั้นเกือบจะโดนจับได้แล้ว…
กับเด็กคนนี้นี่ปล่อยปละละเลยไม่ได้จริงๆ!
เยี่ยหวันหวั่นพูดว่า “ถึงแม้พฤติกรรมที่นายปกป้องเพื่อนค่ายเดียวกันคู่ควรกับคำชื่นชม แต่ก็มีแต่ความกล้าไม่รู้จักคิด ทำอะไรหุนหันพลันแล่น ฉันเตือนนายมากี่ครั้งแล้ว…”
“อืมๆๆ ผมรู้แล้ว ผมรู้แล้ว! พี่เยี่ย ผมดีใจจังเลย! นี่เป็นครั้งแรกที่พี่ชมว่าผมทำได้ดีนะเนี่ย!” กงซวี่ยังคงจมอยู่กับคำชื่นชมของเยี่ยหวันหวั่น เห็นได้ชัดว่าคำพูดต่อมาของเธอไม่ได้เข้าหูเลย
เยี่ยหวันหวั่นจนคำพูด
เยี่ยหวันหวั่นมองไปที่ชายหนุ่มข้างหน้าอย่างพูดไม่ออก เหมือนกับถ้าข้างหลังเขามีหาง ตอนนี้ก็คงส่ายระริกระรี้ไปมาแล้ว…
พอเห็นเยี่ยหวันหวั่นไม่ได้ตำหนิกงซวี่ ลั่วเฉินและผู้ช่วยสองคนก็โล่งใจ
ลั่วเฉินพูดอย่างเป็นกังวลว่า “พี่เยี่ย…งั้นคลิปที่ว่านชานชานแอบถ่ายจะทำยังไงดี”
ไม่รอให้เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย กงซวี่ที่เรียกความหยิ่งผยองกลับมาหมดแล้วกระดิกขาพูด “ชิ รู้ไว้ซะว่าไม่ต้องกังวล ยังไงฉันก็ชื่อเสียงแย่มากอยู่แล้ว จะกลัวเสียชื่อเสียงมากไปกว่านี้ทำไม แค่พี่เยี่ยไม่โกรธ คุณชายอย่างฉันก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว!”
………………………………………………………………