ตอนที่ 6 ใจเต้นกระทันหัน
ความคิดนี้ ไม่เพียงแต่เจี่ยงซินที่กังวล แม้แต่มู่อี้เจ๋อก็เริ่มที่จะลังเล “ถ้าเกิดว่าสุดท้ายแล้วการแต่งงานไม่ใช่คุณชายสี่ ถ้างั้น ก็ไม่อยากได้ผลประโยชน์จากการแต่งงานแล้ว และก็ไม่อยากทำให้เสียเวลาทั้งชีวิตของลูกสาวสุดที่รักของฉัน!”
พวกเขาไม่ใช่คนที่จะทำเพื่อผลประโยชน์อย่างไร้ศีลธรรม และคุณพ่อของตระกูลหลิงก็เป็นคนริเริ่มเปิดใจคุย พวกเขามองดูลิขสิทธิ์ที่พวกเขาได้รับมาสิบกว่าใบของบริษัททอผ้าของพวกเขา แล้วก็มองไปที่ลูกสาวสุดที่รักที่ทั้งสวย ฉลาด มีเสน่ห์ราวกับดอกไม้ มู่อี้เจ๋อก็จะไม่ยอมรับกับข้อเสนอของหลิงหยวน หลังจากนั้นก็กลับบ้านมาปรึกษากับภรรยาและลูกสาว
ที่จริงตระกูลมู่ก็ไม่ได้จะเปลี่ยนใจ หลังจากที่หลิงหยวนได้เชิญมู่อี้เจ๋อไปที่ห้องทำงานเพื่อพูดคุยกัน ว่าเขายินดีที่จะใช้โรงงานผลิตผ้าไหมของบรรพบุรุษเป็นเงื่อนไขในการแลกเปลี่ยน อีกอย่างก็พยายามที่จะแนะนำคุณชายคนที่สี่ของตระกูลเขาหลิงเล่อีกด้วย
ตอนนั้นมู่อี้เจ๋อก็ไล่ถามหลิงหยวนหยุ่งเชิงดูว่า “การใช้ชีวิตของเด็กสมัยนี้ ถ้าหลังจากแต่งงานกันแล้วเข้ากันไม่ได้ ก็กลัวว่ามันจะอยู่กันได้ไม่นาน เมื่อเป็นอย่างนี้”
ใครจะรู้ ว่าหลิงหยวนจะตอบกลับมาด้วยคำตอบที่ลึกซึ้ง “ไม่มีปัญหา พวกเราแค่ทำหน้าที่เป็นคนกลางเท่านั้น ถ้าเกิดว่าหลังจากนั้นหลายปีพวกเขาไม่สบายใจ จนถึงขั้นที่จะหย่ากัน แม้พวกเราจะไม่พอในกับความคิดเห็นในฐานะผู้ใหญ่ แต่ก็เอาความต้องการของลูกๆไว้ก่อน”
พูดอีกอย่างหนึ่งว่า คุณปู่หลิงปล่อยให้การแต่งงานครั้งนี้มันเปล่าประโยชน์!
เป้าหมายของเขา ก็คือเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ทางธุรกิจ!
ด้วยวิธีนี้ ก็คิดว่าลูกสาวสุดที่รักไม่ได้เสียหายอะไร และการแต่งงานปลอมก็ยังได้ประโยชน์ร่วมกัน มู่อี้เจ๋อก็เลยตัดสินใจ
จนกระทั่ง หลังจากที่คุณปู่หลิงได้โทรศัพท์ว่าหลิงเล่จะกลับมาบ้านแน่นอน ก็เลยโทรไปหามู่อี้เจ๋อ และก็พูดว่า “คุณชายสี่ของพวกเรากำลังขึ้นทางด่วนกลับมาแล้ว อารมณ์ของเขาก็แปลกๆ”
มู่อี้เจ๋อฉลาดแค่ไหน สิ่งที่หลิงหยวนบอกเป็นนัยๆ แล้วก็มีมู่เทียนซิงปรากฏตัวบนทางด่วนแล้วมาขวางรถของหลิงเล่ แล้วยังตั้งใจแสดงละครเพื่อดึงดูดความสนใจของหลิงเล่
“หนูคิดว่าว่า ถ้าอย่างนั้นก็ชั่งมันเถอะ!” มู่เทียนซิงกอดผ้าห่มผืนน้อย แล้วก็พูดด้วยเสียงที่ขึ้นจมูกว่า “วันนี้ตอนที่หนูกำลังพูดกับคุณชายสี่ ในใจก็เต็มไปด้วยความรู้สึกละอายใจ หนูดึงดูดความสนใจเขาแบบนี้ ถ้าเขารู้ว่าหนูคิดอะไรจะทำยังไง การเล่นกับความรู้สึกคน เลวร้ายยิ่งกว่าการขโมยเงินคนรวยอีก!”
โดยเฉพาะ ตอนที่เธอได้ยินหลิงเล่พูดกับเธออย่างคาดไม่ถึง ในใจก็ยิ่งตกใจ
เขาไม่กลัวว่าเธอจะทำความลับรั่วออกไปเหรอ
หรือว่าเขาเชื่อใจเธอมากงั้นเหรอ
ถึงแม้ว่าตอนนี้มู่เทียนซิงจะมีคำตอบอยู่แล้ว ก็เพราะว่าตอนนั้นหลิงเล่จำตัวเองได้ว่าเป็นคนที่ช่วยเขาเมื่อครึ่งปีก่อนที่เมืองชิงเฉง แต่ว่าจนถึงตอนนี้——
เมื่อนึกถึงใบหน้าโกรธเคืองของหลิงเล่นั้น
ก็นึกไปถึงดวงตาที่ดวงตาลึกที่ดำสนิทที่อยู่บนใบหน้าที่นิ่งมากๆ