บทที่87 คิดถึงเขา คิดถึงจนปวดใจ
ภายใต้โคมไฟที่อบอุ่น ดอกไม้ใบหน้าโดนลมพัด ประตูใหญ่สว่างไสวขึ้น ในสายตาของมู่เทียนซิงนั้น มันเหมือนกับพระเจ้าได้เปิดหน้าต่างบนหลังคา
แล้วก็มีร่างหนึ่งภายใต้แสงสว่างนั้น ค่อยๆ เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
คนในรถรู้สึกตื่นเต้น แต่ว่ามู่เทียนซิงเห็น ว่าเขาคือจั๋วหรัน
เปิดหน้าต่างรถลง หลังจากเขาเข้ามาใกล้ ไม่รอให้มู่เทียนซิงพูดอะไร จั๋วหรันก็พูดออกมาอย่างสุภาพ “คุณหนูมู่ อาซือทำอาหารเย็นไว้ คุณชายหนีกับซือซ่าวเชิญให้คุณลองเข้าไปชิมดูครับ”
ความหมายของเขาก็คือ นอกจากมู่เทียนซิงแล้ว คนอื่น ไม่ได้รับอนุญาต!
สีหน้าของมู่เทียนซิงดูซับซ้อน มองหน้ามู่อี้เจ๋อและเมิ่งอี้หลั่ง แล้วก็พูดกับจั๋วหรันว่า “ฉันมาหาพี่หย่าจูนเพราะว่ามีเรื่องสำคัญ! เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตของคน! ”
จั๋วหรันยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม แต่ว่าคำพูดที่พูดกับมู่เทียนซิงนั้นยังดูอ่อนโยนมาก “คุณหนูมู่ ในสายตาของคุณชายหนีกับซือซ่าว มื้ออาหารถือว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่ ถ้าเกิดว่าคุณไม่ต้องการทาน ก็เชิญกลับไปเถอะครับ! ”
จั๋วหรันอยู่กับหลิงเล่มานาน ก็มีท่าทางที่เย็นชาเหมือนกัน
แค่เขาออกมา คืนของฤดูร้อนก็กลายเป็นหนาวเย็นขึ้นมา
คู่สามีภรรยามู่อี้เจ๋อและเมิ่งอี้หลั่งอยู่ในรถ ไม่มีใครกล้าพูดอะไร เพราะกลัวว่าจะพูดอะไรผิดไป
แต่ว่าเมิ่งอี้หลั่งก็ทนไม่ได้แล้วกระซิบบอกมู่เทียนซิงว่า “หลานสาว ลุงขอร้องหนูล่ะ เข้าไปก่อนเถอะ แล้วก็คุยกับพวกเขาเรื่องของเสี่ยวหลง ลองขอเขาดูได้มั้ย? ”
ในเมื่อพวกเขาเข้าไปไม่ได้ แต่ก็ไม่สามารถกลับไปโดยไม่ประสบความสำเร็จได้
มู่อี้เจ๋อคิดด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน แล้วก็พูดกับลูกสาวว่า “ลูกลองเข้าไปดูเถอะ ในเมื่อมันเป็นแบบนี้แล้ว จะช่วยพี่เสี่ยวหลงของลูกได้มากแค่ไหน……”
“คุณมู่”อยู่ดีๆ จั๋วหรันก็พูดออกมาตัดบทมู่อี้เจ๋อ น้ำเสียงของเขาเฉยเมย “วันนี้ตอนที่ซือซ่าวรู้เรื่องที่เมิ่งเสี่ยวหลงทำกับคุณหนูมู่นั้น ท่านโกรธมาก ซือซ่าวบอกว่า ไม่ว่าใครจะมาช่วยขอร้องให้เมิ่งเสี่ยวหลง ก็ไม่มีประโยชน์ ประเทศเรามีกฎหมาย บ้านเมืองมีกฎระเบียบ ทั้งหมดต้องเป็นไปตามกฎ และคุณชายหนีก็บอกว่า ท่านจะฟังซือซ่าว”
ทุกคน :“……”
คุณชายหนีฟังซือซ่าว?
นั่นมันหมายความว่ายังไง?
คนใหญ่โตที่อาจจะกลายเป็นรัชทายาทฟังคนที่ไม่มีประโยชน์ยังงั้นหรอ?
มู่เทียนซิงมองหน้าจั๋วหรันอย่างกังวล “ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพี่เสี่ยวหลงกับฉันสักหน่อย! ”
สิ่งที่กลัวที่สุดก็คือหลิงเล่เข้าใจผิด เธออยากจะอธิบายให้ชัดเจน ว่าเธอยังบริสุทธิ์อยู่
ใบหน้าเล็กๆ เต็มไปด้วยความคาดหวังและความวิตกกังวล นอกจากนั้นก็ยังมีความคิดที่อยากจะช่วยขอร้องให้เมิ่งเสี่ยวหลง ทำให้มู่เทียนซิงดูเหมือน ทั้งน่าสงสารและก็มีอะไรอยากจะพูด!
จั๋วหรันถอนหายใจออกมาเบาๆ
หน้าตาแบบนี้ เขาเห็นยังรู้สึกทนไม่ไหวเลย ถ้าเกิดว่าเข้าไปในบ้าน เขากลัวว่าใจของซือซ่าวคงจะเจ็บปวดไม่น้อยเลย!
ทันใดนั้นจั๋วหรันก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้น มือซ้ายแตะที่ข้อมือขวา และข้อมือขวาก็ยังคงหมุนอยู่ เหมือนกำลังบริหารข้อต่อ น้ำเสียงของเขาเยือกเย็นขึ้นมาก “คุณหนูมู่ ซือซ่าวรู้ดีว่าคุณปลอดภัย ไม่ยังงั้น ถ้าดูจากนิสัยของซือซ่าว เมิ่งเสี่ยวหลงคงจะหยุดหายใจไปนานแล้ว! ”
พอทุกคนได้ยินดังนั้น หัวใจก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที!
ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ยังจะสามารถช่วยเมิ่งเสี่ยวหลงออกมาได้อยู่มั้ย?
“ คุณหนูมู่ เชิญเถอะครับ! ”
จั๋วหรันเองก็ไม่ถามมู่เทียนซิงอีกต่อไปว่าจะเข้าไปรึเปล่า เอื้อมมือไปเปิดประตูรถของเธอ แล้วก็ทำท่าทางเชื้อเชิญ
มู่เทียนซิงมองหน้าพ่อแม่แล้วก็พูดกับเมิ่งอี้หลั่ง “หนูจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด! ”
ร่างเล็กๆ ยังไม่ทันจะกระโดดลงจากรถ เมิ่งอี้หลั่งก็พูดออกมาอีกครั้ง “อย่า! หนูไม่ต้องรีบกลับมาหรอก อย่าลืมเรื่องที่สำคัญที่สุด ก็คือเรื่องของเสี่ยวหลง! ”
มู่เทียนซิงมองหน้าเขา แล้วก็พยักหน้า “หนูเข้าใจแล้วค่ะ คุณลุงเมิ่ง”
น้ำเสียงที่หวาน ทำให้เมิ่งอี้หลั่งรู้สึกละอายใจมาก!
ทั้งๆ ที่มันเป็นเพราะว่าลูกชายของตัวเองไม่รู้เรื่องรู้ราว หาเรื่องเข้าตัว แถมยังรังแกมู่เทียนซิง แต่ว่าตอนนี้กลับต้องให้มู่เทียนซิงมาช่วยเขาแทน
เธอเองก็เป็นแค่เด็กอายุ18ปีเท่านั้น อายุเท่าเสี่ยวหวี!
แบกความหวังของคนที่อยู่ในรถนั้น มู่เทียนซิงเหยียบกลีบดอกไม้ ดมกลิ่นหอม แล้วก็โดนเข้าไปหาผู้ชายที่เธอรัก
พอวิวของทะเลสีฟ้าปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอ หัวใจของเธอก็รู้สึกสงบสุขอย่างแปลกประหลาด
จั๋วซียืนอยู่หน้าโซฟา มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า “คุณหนูมู่ เชิญในห้องอาหารเลยครับ! ”
สีหน้าของมู่เทียนซิงดูไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ เธอคิดว่า ตอนนี้ทั้งโลกคงรู้เรื่องที่เมิ่งเสี่ยวหลงพยายามจะข่มขืนเธอแล้วแน่นอน
เธอตามจั๋วซีเดินไปที่ห้องอาหาร มู่เทียนซิงแอบวิ่งเบาๆ ตอนที่เธอเห็นหลิงเล่กับหนีหย่าจูนนั่งรอเธออยู่ที่ห้องอาการนั้น ตาของเธอก็แดงขึ้นมาทันที
เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าความคิดถึงมันจะทำให้คนเราปวดใจได้ขนาดนี้!
เธอคิดถึงเขา คิดถึงจนปวดหัวใจ!
“คุณอา! ”
เธอบินเข้าไปในอ้อมแขนของเขาเหมือนกวางน้อย เธอยังไม่ทันแม้แต่จะมองดูใบหน้าของเขาเลยด้วยซ้ำ
มือหน้ากอดเธอให้แน่นขึ้น ร่างกายของเธอมีกลิ่นหอมสดชื่นหลังจากอาบน้ำ เขาจูบที่หน้าผากเธออย่างเจ็บปวดและลูบผมของเธอเบาๆ หลังจากนั้นก็เลื่อนลงมาจูบที่แก้มของเธอ
“วันนี้ตกใจมากเลยสิ ใช่มั้ย? ”
เขาจับใบหน้าเล็กๆ ของเธอ แล้วก็มองเธออย่างจริงจัง
สีหน้าที่จริงจังนี้ ทำให้เธอรู้สึกกลัว!
“คุณอา หนูไม่ได้เป็นอะไรเลย พี่เสี่ยวหลงเขา……”
“ชู่~!” เขาปิดริมฝีปากของเธอไว้ มองหน้าเธอแล้วพูดว่า “เป็นเด็กดี ไม่ต้องพูดถึงคนที่ทำให้หมดอารมณ์”
“แต่ว่า พวกเขายังรอหนูอยู่ข้างนอก……”
“อืม กินข้าวก่อน หลังจากกินข้าวเสร็จ เธอก็ไปบอกพวกเขาว่า พรุ่งนี้ตอนค่ำ ฉันกับคุณชายหนีจะไปกินข้าวเย็นที่ตระกูลมู่”
“อื้อ”
“พูดแค่นี้ก็ได้แล้วหรอ” ทันใดนั้นหลิงเล่ก็หัวเราะออกมา หัวเราะเหมือนสุนัขจิ้งจอก “แล้วฉันก็จะเอาสินสอดไปด้วย! แต่ว่าก่อนหน้านั้น เธอห้ามบอกพวกเขานะ ว่าฉันจะไปขอหมั้น! ”
อีกนัยหนึ่ง คือเขาอยากจะให้มู่อี้เจ๋อกับเมิ่งอี้หลั่งเป็นกังวลทั้งวัน ให้พวกเขาคิดจนสมองแตกว่าทำไมเขากับหนีหย่าจูนถึงจะไปกินข้าวเย็นที่บ้านตระกูลมู่!
มู่เทียนซิงนึกถึงวิชาจิตวิทยาอาชญากรรมที่ได้เรียนมา หรี่ตามองหน้าเขาแล้วพูดว่า “ฮ่า! คุณอยากจะเล่นสงครามจิตวิทยากับพ่อของหนูแล้วก็คุณลุงเมิ่งใช่มั้ย! ”
“ไม่แปลกเลยที่เป็นผู้หญิงของฉัน ฉลาดจริงๆ! ” หลิงเล่ชมเธออย่างไม่ลังเล แล้วก็จูบลงไปบนแก้มของเธอ หลังจากนั้นก็หันไปมองที่ทางห้องครัว “อาซือ เอาอาหารมา”
มู่เทียนซิงนั่งลงข้างๆ เขา ด้านหน้าของพวกเขา คือหนีหย่าจูน
วันนี้เปลี่ยนโต๊ะรับประทานอาหาร เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีขาวนวลหรูหรามาก ฉวีซือเหวินก็ทุ่มเทฝีมือในการทำอาหารให้หนีหย่าจูนในวันนี้มาก ผ่านไปไม่นาน โต๊ะอาหารก็เต็มไปด้วยอาหารที่อร่อยและประณีต
เด็กน้อยยิ้มออกมา เด็กน้อยตื่นเต้นเหมือนกับว่าสามารถเอาใจหลิงเล่ได้สำเร็จ
สายตาของเขามองที่เธอ เห็นว่าเธอกำลังกัดอุ้งมือห่านกับซอสเป๋าฮื้อ และก็เอ่ยปากชมไม่หยุด “อื้มๆ คุณอา พี่หย่าจูน อันนี้อร่อยมากเลย! ”
อุ้งมือห่านกับซอสเป๋าฮื้อมีสำหรับแต่ละคนเท่านั้น
หนีหย่าจูนได้ยินดังนั้น ก็ยิ้มแล้วก็ยื่นมือไปเตรียมจะหยิบของตัวเอง แต่ว่าจานของเขากลับโดนมือหนาสีขาวแย่งไปแล้ว!
เขาเงยหน้าขึ้น ถึงได้เห็นว่า ไม่ใช่แค่ของตัว แต่ว่าของหลิงเล่เอง ก็วางอยู่ที่หน้าของมู่เทียนซิง!