บทที่94 สวัสดีคุณชายหนี สวัสดีซือซ่าว!
เวลา6โมงเย็น
รถรถโรลส์-รอยซ์คันสีดำจอดลงหน้าประตูลานบ้านของตระกูลมู่
จั๋วซีลงจากรถ กดกริ่งตรงประตูลานบ้าน ฟางฉีเห็นจึงรีบไปเปิดประตู
และยืนต้อนรับอยู่ข้างๆประตู
จั๋วหรันขับรถเข้าไปอย่างไม่เกรงใจใคร และจอดตรงจุดจอดรถของเจ้าของบ้าน
บนรถ มีหลิงเล่อยู่ ซึ่งเขากำลังมองไปที่ชิงช้าที่อยู่ตรงสนามหญ้าอย่างลึกซึ้ง ในความทรงจำปรากฏภาพที่สาวน้อยผู้งดงามคนนึงกำลังแกว่งชิงช้าภายใต้แสงแดด เขายิ้มมุมปาก และแววตาดูอบอุ่นอ่อนโยน
คนใช้รีบเข้าบ้านไปบอกกล่าวให้ทราบ
ฟางฉีเปิดประตูรถ และมองหนีหย่าจูนอย่างมีมารยาท :”ยินดีต้อนรับครับ! คุณชายหนี!
หลิ่งเล่เคยมาแล้วครั้งนึง ฟางฉีจึงจำได้
ถึงแม้จะไม่เคยมา แต่ป้ายโฆษณาในชุมชนมีติดรูปเขาไว้ตั้งแต่เช้าจนค่ำ คนไม่รู้จักก็ดูจนเคยตากันแล้ว
หนีหย่าจูนก็ไม่ถือตัวอะไร เขาถูกเลี้ยงมาดีตั้งแต่เด็ก เมื่อลงจากรถก็ยังไม่เข้าบ้าน กลับไปยืนที่นั่งหลังรถ ดูจั๋วซีเปิดเก้าอี้รถเข็น วางไว้ข้างประตูรถด้านหลัง
มู่อี้เจ๋อกับเมิ่งอี้หลั่งที่ทราบข่าวก็รีบมายืนยิ้มต้อนรับ
ฟางฉีรีบชี้แจ้งให้นาย:”คนนั้นคือคุณชายหนีครับ!”
เหมือนมีแสงพระอาทิตย์ในตัวเขาเลย รูปร่างสูงใหญ่ หล่อจนมนุษย์และเทวดายังต้องอิจฉา
กิริยาทุกท่วงท่าดูสง่าราศี หนี่หย่าจูนเป็นที่จับตามองของทุกคนในนี้
มู่อี้เจ๋อกับเมิ่งอี้หลั่งชาตินี้ยังไม่เคยเห็นคนใหญ่คนโตแบบนี้เลย และยังเป็นหนุ่มอายุน้อยอีกด้วย
“คุณชายหนีครับ! คุณชายหนีเสด็จมาที่นี่ได้ เป็นบุญของตระกูลมู่อย่างยิ่งครับ”
“คุณชายหนี! นับถือๆ ไม่คิดเลยว่าคุณชายหนีจะดูหล่อเหลายิ่งกว่าในตำนานอีกนะครับ ไม่ธรรมดาจริงเลยๆนะครับ!”
ทั้งสองท่านแล้วกล่าวชมแบบผักชีโรยหน้า และต่างคนก็ยื่นมือให้หนีหย่าจูน
พวกเขารอเวลานี้มานาน ตอนอยู่ในห้องก็ใช้เจลล้างมือไปแปดรอบ ตัดเล็บมือ ทาครีมบำรุงมือมาเป็นอย่างดีเลย!
แต่แล้ว หนีหย่าจูนก็เดินผ่านหน้าพวกเขาพร้อมเอ่ยว่า:”รบกวนขอทางหน่อย!”
มู่อี้เจ๋อกับเมิ่งอี้ยังไม่ทันตอบสนอง ก็เห็นหนีหย่าจูนเดินวนรถไป ก้มลงพยุงผู้ชายที่นั่งอยู่หลังรถ
หลิงเล่ใช้มือจับแขนของหนีหย่าจูน หนีหย่าจูนค่อยๆแบกรับน้ำหนักของเขา และพยุงเขาค่อยลุกขึ้น
ทุกคนกำลังมองตาค้าง จั๋วซีก็เข้าไปช่วย
เมื่อหลิงเล่นนั่งบนเก้าอี้รถเข็นอย่างมั่นคง จั๋วซีก็เดินออกไปเงียบๆ เหลือเพียงหลิงเล่นที่นั่งอยู่เก้าอี้รถเข็นคนเดียว มองดูต่ำกว่าคนทั่วไป
แต่หลิงเล่ไม่สนใจอะไร แววตาของเขาเป็นแสงประกาย ดูมีความมั่นใจ
เมิ่งอี้หลั่งต้องการช่วยลูกชายจึงยื่นมือไปอีกครั้ง :”คุณชายหนี เหอะๆ! ผมนามสกุลเมิ่ง ชื่อเมิ่งอี้หลั่ง อาศัยอยู่ในชานเมืองชิงเฉิงครับ”
หนีหย่าจูนไม่เหลียวแลเขาแม้แต่น้อย เดินไปยืนอยู่ข้างหลังหลิงเล่ นิ้วมือเรียวยาวแบบราวกับนักเปียโน เขาจับรถเข็นที่หลิงเล่กำลังนั่งอยู่แน่นๆ และค่อยๆเข็นไปข้างหน้า:”อึดอัด! ค่อยไปคุยข้างในเถอะ!”
พระอาทิตย์ก็ในฤดูร้อนนี้ได้ตกแล้ว และอาการอบอ้าวอยู่เลย
พวกเขาเพิ่งลงจากรถ ที่มีแอร์เย็นฉ่ำ มาเจออุณหภูมิข้างนอกที่เปลี่ยนไป ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวเลย
มู่อี้เจ๋อรีบผงกหัวรับ:”เชิญครับคุณชายหนี! เชิญครับซือซ่าว!”
เมื่อทุกคนเข้าบ้าน ถึงพบว่าจั๋วซีที่เดินถอยออกไปเมื่อกี้นี้
ตอนนี้เขาได้ถือกล่องไม้สีน้ำเงิน เดินตามเข้ามา
เจี่ยงซินกับหมู่เทียนซิงยืนอยู่ห้องรับแขก เพราะผู้หญิงไม่ควรไปยืนรับแขกที่ลานบ้านด้านนอก
ขณะที่มู่เทียนซิงเห็นหลิงเล่กำลังเดินเข้ามา เธอยืนตัวแข็งมือไม้ไม่เป็นท่า ดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ อยากจะพุ่งไปหาเขาซะตอนนี้เลย
เจี่ยงซินรับรู้ถึงความตื่นเต้นของลูกทำให้เธอยิ่งแน่ใจเรื่องที่เธอคิดว่าลูกสาวเธอชอบหนีหย่าจูน!
มีแว็บนึงที่เจี่ยงซินคิดในใจว่า ถ้ามู่เทียนซิงได้แต่งงานกันหนีหย่าจูนจริงๆ อนาคตอาจได้เป็นถึงราชินีก็ได้นะ!
หลังจากผ่านเหตุการณ์เรื่องเมิ่งเสี่ยวหลง ทำให้เจี่ยงซินยอมรับเลยว่า คนเทียบคนมันเทียบกันไม่ได้จริงๆ ถ้าทางบ้านเกิดเรื่องขึ้นมา อยู่กึ่งกลางดำขาวทั้งสองฝั่งก็ไม่มีใครช่วย ทำคนลำบากใจเอามากๆ
และแล้ว ทำให้เจี่ยงซินมองหนีหย่าจูนด้วยแววตาที่เป็นมิตร
ลูกสาวเธอเพียบพร้อมในทุกด้าน จะไม่เข้าตาหนีหย่าจูนได้ยังไง หนีหย่าจูนอายุ22 มากกว่ามู่เทียนซิง4ปี คู่กันได้พอดีเลย
เมื่อหลิงเล่เข้าไป ตาเขาจับตามองจ้องมู่เทียนซิงอย่างตั้งใจ
เขาทำหน้าไม่ค่อยมีความรู้สึกอะไร
แต่มีปู่เทียนซิงก็สามารถรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นในดวงใจ
ทราบว่าหลิวเล่ไม่ชอบใครแปลกหน้า มู่อี้เจ๋อจึงสั่งคนใช้ในบ้านถอยไปก่อน ไม่มีอะไรห้ามออกมา เจี่ยงซินพามู่เทียนซิงไปห้องครัว ไม่ช้าก็ถือถาดออกมา
ในอากาศเริ่มมีกลิ่นหอมของเหล้าลอยมา ราวกับกรีบดอกยี่เข่งที่โรแมนติก ส่งกลิ่นหอมหวานเย้ายวน
มู่อี้เจ๋อเชิญหนีหย่าจูนให้นั่งลงบนโซฟา หนีหย่าจูนเลือกโซฟาเดี่ยวอันเล็ก และนั่งอย่างสง่าผ่าเผย
หน้าระดับสายตาเขา จะเห็นเป็นพรมปูพื้นใต้โต๊ะกาแฟ ม่านหน้าต่าง บริเวณข้างๆมีต้นไม้ภูมิทัศน์ จานใส่ผมไม้ ล้วนแล้วเพิ่งเปลี่ยนมาใส่ใหม่ทั้งนั้น
รถเข็นของหลิงเล่อยู่ข้างหนีหย่าจูน ทั้งสองคนนั่งข้างกันแบบไหล่ชนไหล่เลยก็ว่าได้
พอเจี่ยงซินมาถึง เธอยิ้มและเอ่ยว่า:”เทียนซิงเคยเล่าว่า หลายวันก่อนที่เมืองเป็นบุญบารมีจากซือซ่าว ที่ทำให้เธอมีโอกาสได้ชิมเหล้าตุ๋นยฺเหวียนเซียวฝีมือคุณหญิงหนี พอดีวันนี้ทางบ้านก็ได้เตรียมไว้ ถึงจะสู้ที่คุณหญิงหนีทำเองไม่ได้ แต่รสชาตินี้ก็ไม่เลวเลยนะ”
เจี่ยงซินเอาถาดวางลงบนโต๊ะกาแฟ ถ้วยสี่ใบ วางลงทีละถ้วย ในถ้วยมีช้อนด้วย
มู่เทียนซิงก็ถือถาด กำลังเดินมาข้างหน้า จั๋วหรันไม่รู้โผล่มาจากไหน รับถาดในมือเธอไป:” คุณหนูมู่ ให้ผมช่วยนะครับ!”
สี่ถ้วยที่เจี่ยงซินเอาออกมาไม่มีใครแตะต้องเลย
จั๋วหรันรับถาดมาจากมือมู่เทียนซิง และวางสี่นี้ถ้วยลง หนีหย่าจูนยื่นมือไปรับ หลิงเล่ก็ยื่นมาไปรับด้วย จั๋วหรันก็ลุกขึ้นหยิบถ้วยนึงยื่นให้มือมู่เทียนซิง:”คุณหนูมู่ เชิญรับประทานครับ!”
มู่เทียนซิงยิ้มรับ เธอกับเจี่ยงซิงก็เริ่มทานอยู่หลังมู่อี้เจ๋อ
จั๋วหรันกล่าวอีก:”นายมู่ คุณหญิงมู่ นายเมิ่ง เชิญครับ”
มู่อี้เจ๋อสองผัวเมียกับเมิ่งอี้หลั่งต่างคนต่างหยิบคนละถ้วย และเริ่มชิมกัน
บรรยากาศภายในห้องรับแขกเงียบไร้เสียงนกเสียงกา ทุกคนกำลังจมอยู่กับรสชาติกลิ่นหอมของเหล้า ความจริงคือมีหลายคนใจกำลังเต้นแรงมาก
ขนาดถือช้อนมือยังสั่นเลย ตัวอย่างเช่นเมิ่งอี้หลั่ง