บทที่100 เงื่อนไข
จั๋วหรันย้ายเก้าอี้วางหลังหนีหย่าจูน หนีหย่าจูนนั่งลงบนเก้าอี้อย่างสง่า
หลิงเล่หันไปสบตามู่เทียนซิง แววตาของเขาอ่อนโยนเอามากๆ เหมือนต้องการสื่อให้เธอมานั่งข้างๆ ซึ่งเป็นเก้าอี้โซฟาที่หนีหย่าจูนนั่งก่อนหน้านี้กับหลิงเล่แบบไหล่ชนไหล่เคียงข้างกัน
เธอพยักหน้า เพิ่งจะนั่งลงบนโซฟา ตั๋วกรีนเอาขวดน้ำพุทราเปรี้ยวมาจากไหนก็ไม่รู้ เป็นของที่แค่ในคฤหาสน์จื่อเวย เปิดขวด ยื่นให้มู่เทียนซิง:”คุณหนูมู่ เชิญครับ”
มู่เทียนซิงรับมา เธอดีใจ และเริ่มดื่ม แค่คำเดียวเธอก็ดื่มไปประมาณสามในสี่ส่วน
เธอเขย่าขวดเล่นซุกซน ข้างในเหลือแค่นิดเดียวเอง
ทันใดนั้น มือขาวใหญ่ข้างนึงยื่นมาแย่งขวดไปต่อหน้าเธอ
เธอเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเป็นหลิงเล่เงยหน้ายกคางขึ้นอย่างสง่า และดื่มน้ำพุที่เปรี้ยวที่เธอเหลือจนหมด!
ดวงตาหลายคู่กำลังจ้องจนลูกตาจะกระเด็นออกมาอยู่แล้ว
ซือซ่าวดื่มน้ำผลไม้ที่เทียนซิงดื่มเหลือ และเหลือเพียงแค่น้อยเดียวเองด้วย!
ในความสงสัยของมู่อี้เจ๋อได้ลดลงไปครึ่ง ไม่ว่ายังไง ผู้ชายคนนี้ทำทุกวิถีทางเพื่อได้ครองลูกสาวเขา ก็เป็นเรื่องจริง อนาคตเขาคงต้องดีกับสาวน้อยลูกเขาคนนี้แน่ๆ
“ลองว่ามาสิ”
หนีหย่าจูนยิ้มเบาๆ อายุไม่เยอะ แต่สามารถคุมสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี ต่อหน้านักธุรกิจผู้อาวุโสอย่างมู่อี้เจ๋อกับเมิ่งอี้หลั่ง เขาก็ไม่ตื่นตระหนก ไม่เสียมารยาท กิริยาวาจาความคิดของเขาเหมือนสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์
มู่อี้เจ๋อยังได้แต่นึกคิดอยู่ กลับเป็นเจี่ยงซินที่เป็นคนกล่าว:”คุณชายหนีบอกว่าร่างกายของซือซ่าวไม่มีผมต่อการมีบุตรในวันข้างหน้า แต่นี่ก็เป็นเพียงเรื่องคุณชายหนีพูด ไม่มีใครรู้ว่ามีความน่าเชื่อถือจริงแค่ไหน เพราะฉะนั้นเพื่อความสุขทั้งชีวิตของเทียนซิงแล้ว เราต้องมีข้อตกลงก่อนแต่งงาน ให้คุณชายหนีเป็นพยาน และซือซ่าวกับเทียนซิงเซนต์เอกสารยินยอมทั้งสองฝ่ายจะดีกว่า”
มู่อี้เจ๋อ เงิบงง เวลาแบบนี้ทำไมภรรยาเล่นได้เก่งจัง
เจี่ยงซินสู้ตายเลยเรื่องนี้ เธอมองมู่อี้เจ๋อแล้วเอ่ยว่า:”ตอนนี้เขากำลังขอลูกสาว คุณต้องมีบุคลิกภาพความกล้าของการเป็นพ่อตาออกมาสิ ต่อหน้าซือซ่าวเราเป็นผู้ใหญ่นะ! เป็นผู้ใหญ่!”
“อแห้มๆ!”หนีหย่าจูนเอามือปิดปากแกล้งไอเสียงเบา และพูดอย่างเป็นอ่อนโยนเป็นมิตร:”สัญญาก่อนการสมรส เขียนอะไรบ้างครับ?”
มู่อี้เจ๋อเริ่มคิด เมิ่งอี้หลั่งก็ช่วยคิดตามด้วย
และตอนนี้ ก็เป็นเจี่ยงซินที่เอ่ยปากพูดอีกครั้ง:”ไม่เยอะ แค่สองข้อก็เพียงพอละ”
ทุกคนดูเงิบ ทุกสายตามองจ้องไปที่เจี่ยงซินคนเดียว
เทียนซิงก็รู้ว่าปกติคุณแม่ก็เป็นคนกล้าหาญไม่กลัวใคร โดยเฉพาะเวลาทำธุรกิจ และเวลาที่เธอกำลังจะแต่งงานแบบนี้ แม่ของตนยังไม่ลืมที่พยายามคว้าเรื่องผลประโยชน์ให้ลูกสาวให้มากที่สุด โดยที่ไม่เกรงกลัวต่ออะไรทั้งสิ้น ทำให้มู่เทียนซิงรู้สึกภูมิใจมาก
แขนหลิงเล่ยื่นมาโอบไหล่เธอ
ถึงหลิงเล่จะไม่พูดอะไร แต่ข้างในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความอิจฉาและความโหยหา ในพริบตา!
เขาใช้มืออีกข้างเขาทำมือสื่อสารบางอย่างให้จั๋วหรัน จั๋วหรันเดินเข้าใกล้ และหยิบสมุดปากกาออกมาจากชั้นลอยข้างล้อรถเข็น เขาเปิดและวางลงบนมือเก้าอี้
มู่เทียนซิงเขินจนหน้าแดง:”คุณ นี่คุณจะเป็นคนจดเองเหรอ?”
หลิงเล่ยิ้มมุมปาก ไม่ได้พูดอะไร แต่พอเงยหน้ามองเจี่ยงซินกลบยิ้มทั้งหมด ใบหน้าหล่อเข้มของเขาเหลือเพียงความตั้งอกตั้งใจฟัง!
มู่เทียนซิงประทับใจและซึ้งมาก
คุณแม่ของเธอ ทำเพื่อเธอจึงพยายามคิดคว้าผลประโยชน์ให้เธอได้มากที่สุด และหลิงเล่ที่ทำการจดอย่างตั้งใจเพื่อเธอด้วย
เธอกำลังคิดว่า น้ำตาเธอจะหลั่งตอนนี้ไม่ได้นะ เพราะเธอคือผู้หญิงที่โชคดีและมีความสุขที่สุดในโลก!
มู่อี้เจ๋อดึงมือเจี่ยงซินและพูดกับเธอด้วยความตื่นเต้น:”ที่รัก คุณลองพูดให้ผมฟังก่อนสิ สองข้อนี้ เราพิจารณากันก่อนค่อยตัดสินใจเอานะ?”
ถึงแม้ภายในใจเจี่ยงซินจะมั่นใจสุดๆ แต่เธอคิดว่ารอบคอบไว้ก่อนดีกว่า:”ได้”
เมิ่งอี้หลั่งตามถามว่า:”แล้วข้อแรกคืออะไรครับ?”
เจี่ยงซินตอบ:”ซือซ่าวต้องแบ่งทรัพย์สินทั้งหมดในคฤหาสน์จื่อเวยให้เทียนซิงห้ามขาดแม้แต่หลังเดียว ในสัญญาการเป็นเจ้าของต้องมีชื่อเทียนซิงอยู่ในนั้นด้วย หากอนาคตหย่ากันขึ้นมา ทรัพย์สินครึ่งหนึ่งในคฤหาสน์จื่อเวยจะตกเป็นของเทียนซิง!”
ทุกคนเงิบ
มู่อี้เจ๋อรู้ว่าครั้งนี้ภรรยาของตนสู้ตาย แต่เขาไม่คิดเลยว่าเธอจะกล้าถึงขนาดนี้!
เมิ่งอี้หลั่งหยิบกระดาษทิชชูหลายแผ่นมาเช็ดเหงื่อ และเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้ยินเสียงลูกสาวของตนนานแล้ว จึงลุกขึ้น และเห็นลูกสาวนอนตะแคงหลับตาอยู่บนพื้นไม่ไกล
เขาตกใจจนสีหน้าเปลี่ยน จั๋วซีจึงกล่าว:”เมื่อกี้นี้ คุณหนูเมิ่งจะพุ่งเข้ามาขัดขวางการเจรจาของทุกคน เพื่อการเจรจาอย่างสงบ ผมจึงจำเป็นต้องทำเธอสลบไปก่อน เดี๋ยวเธอก็ฟื้นแล้วครับ”
ภายในใจเมิ่งอี้หลั่งเป็นห่วงเธอ
แต่เมื่อนึกถึงภาพที่เธอทำอะไรบ้าๆเพราะความโง่ของเธอ เขาจึงคิดว่า ให้เธอสลบแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
เขานั่งลง ถึงแม้ในใจคิดว่าความคิดนี้ไม่สมกับเหตุผลทางหลักความเป็นจริง คงเป็นไปไม่ได้ แต่เขาก็ไม่พูดออกมา และอดทนถามต่อ:”น้องสะใภ้ แล้วข้อที่สองคืออะไร?”
ภายในใจมู่เทียนซิงนั้นตื่นเต้นเหลือเกิน ได้ยินแม่เธอพูดแบบนี้ เธอมือไม้เย็น จนตัวแข็งไปหมดเลย
มือใหญ่บนไหล่เธอตบเธอเบา เธอพยายามทำใจให้สบายๆ แต่สองมือก็ยังเธอบิดแน่นวางบนตัก รายละเอียดพวกนี้ ล้วนบ่งบอกว่าเธอกำลังตื่นเต้นมาก ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในสายตาคนข้างๆเธอ
ตอนแรกหลิงเล่กะว่าจะจดแล้ว แต่พอเจี่ยงซินพูดจบ มือใหญ่ของเขาก็หยุด หมึกตรงปลายปากกาที่จิ้มบนกระดาษเริ่มคลายออกทำให้เกิดรอยหมึกเล็กน้อย มีเพียงจุดเล็กๆ เล็กมากแต่ก็ถูกประทับตราไว้ในใจเขา
หนีหย่าจูนก็คิดว่ามันเกินไปเหมือนกัน ทรัพย์สินที่หลิงเล่เอาออกมา มูลค่าก็เกินหลักพันล้านแล้ว ขนาดยังไม่ได้แต่งงานนะ ก็ให้เขียนชื่อมู่เทียนซิงลงไปแล้ว ตระกูลหมู่จะขายลูกสาวหรือว่าจงใจไม่อยากให้มีงานแต่งเกิดขึ้นกันแน่ ถึงกับจะเอาทรัพย์สินทุกอย่าง รวมทั้งคฤหาสน์จื่อเวยของหลิงเล่ด้วย!
คฤหาสน์จื่อเวย เป็นอะไรที่หลิงเล่พยายามมานานหลายปี มันเป็นชีวิตของเขา เป็นความตั้งใจของเขานะ
แต่นี่เป็นการช่วยเจรจางานแต่ง แค่ข้อแรกก็บอกรับไม่ได้มันก็ไม่ดี
หนีหย่าจูนพยายามสงบสติอารมณ์ และถามเจี่ยงซินต่อว่า:”ข้อสองล่ะ?”
เจี่ยงซินอ้าปากก็พูด:”ข้อสอง ถ้าหลังแต่งงานภายในสามปี เทียนซิงยังไม่มีลูกอีก ซือซ่าวก็จะต้องยอมตกลงเรื่องหย่า และทรัพย์สินของหมั้นทุกอย่างที่ให้ไว้ ล้วนไม่ต้องคืนเลยทั้งสิ้น!”
ทุกคนเงียบ!
หนีหย่าจูนยิ้ม เคยเห็นคนโลภ แต่ยังไม่เคยเห็นมีใครกล้าโลภถึงเพียงนี้
เขาเริ่มปวดหัว ถ้าเกิดตนหาภรรยาในอนาคต จะเจอแม่ยายที่เรื่องมากเหมือนแบบนี้มั้ย?
เมิ่งอี้หลั่งดึงกระดาษเช็ดหน้าอีกแผ่นมาเช็ดเหงื่อ
มู่อี้เจ๋อดึงแขนเสื้อของเจี่ยงซินเบาๆ แต่เจี่ยงซินเธอยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น กลับเพิ่มต่ออีกว่า:”ลูกที่คลอดนั้นจะต้องคลอดเองโดยสามีภรรยาสองคนตามธรรมชาติ พวกการทำกิฟต์เด็กในหลอดแก้ว การตั้งครรภ์แทนอะไรต่างๆนาๆ ล้วนไม่นับทั้งนั้น!