บทที่ 101 รังเกียจการแต่งงาน
คำพูดของเจียงซินหนักแน่นมาก มู่อี้เจ๋อและเมิ่งอี้หลั่งอยากจะห้ามแต่ก็ไม่ได้ห้าม ถึงแม้จะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่เสียอะไรก็ได้จะยอมเสียศักดิ์ศรีไม่ได้ ถ้าฝ่ายตัวเองมั่ววุ่นวาย แบบนี้ก็จะทำให้ศัตรูฉวยโอกาสได้
ในมือของมู่เทียนซิงเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่มือที่วางอยู่บนไหล่ของเธอกลับตบลงเบาๆเป็นจังหวะด้วยท่าทีที่นุ่มนวลราวกับกำลังปลอบเด็กทารกที่เพิ่งเกิด ใครก็ฟังออก ข้อเรียกร้องที่เจียงซินขอกับลูก แท้ที่จริงแล้วก็คือบททดสอบว่าหลิงเล่สามารถมีบุตรได้หรือไม่
อีกสามปีมู่เทียนซิงก็จะอายุ 21 ปี เรียนจบปริญญาพอดี ถ้าหากหลิงเล่ไม่มีน้ำยาอย่างที่เขาพูดกันจริงๆ หย่าร้างกันไปลูกก็ยังมีทรัพย์สมบัติอีกมากมาย จะหาสามีใหม่ที่ปกติสักคนก็คงไม่ยากหรอก
พูดได้ว่าข้อเรียกร้องของเจียงซินไม่เพียงแต่จะโหดเกินไป แต่ยังทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเธอคิดวางแผนเรื่องทรัพย์สมบัติของหลิงเล่ไว้เรียบร้อยหมดแล้วอีกด้วย เธอไม่ได้คิดถึงเรื่องการใช้ชีวิตคู่ของทั้งสองเลย แต่คิดที่จะรอให้ทั้งสองหย่าร้างกันแล้วจะรอแบ่งสมบัติ
หนีย่าจูนแสดงสีหน้าไม่พอใจ มู่อี้เจ๋อรู้สึกว่าบรรยากาศเริ่มไม่ค่อยจะดี เขากำลังจะพูดว่า “ถ้าไม่ตกลง ก็ไว้คุยกันใหม่วันหลังก็ได้ ”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” แต่ในเวลานั้นก็มีเสียงหัวเราะแปลกๆดังไปทั่วทั้งบ้านของตระกูลมู่ เสียงหัวเราะเหมือนพายุแรง ที่แสดงให้เห็นว่าเขาโกรธมาก แต่ในเวลาเดียวกันก็เหมือนฟ้าหลังฝนตก ที่แสดงให้เห็นว่ากำลังมีความสุขอยู่ ทำให้ยากที่จะแยกออกว่าเขาโกรธหรือชอบใจ
ทุกๆคนรวมถึงมู่เทียนซิงจ้องมองไปยังคนที่นั่งอยู่บนรถเข็น เขาหัวเราะจนน้ำตาแทบไหล ตอนนี้พวกเขาเริ่มรู้สึกกังวล หลังจากหัวเราะเขาก็เขียนคำคำหนึ่งลงบนกระดาษ จั๋วหรันเดินไปหยิบมา แล้วส่งต่อไปให้หนีหย่าจูน หนีหย่าจูนเห็นแล้วก็รู้สึกหมดคำพูด เขาหันไปมองที่หลิงเล่แล้วก็หันกลับมาพูดกับมู่อี้เจ๋อและภรรยาว่า “คุณชายสี่หมายความว่า ข้อเรียกร้องสองข้อเมื่อสักครู่ไม่ได้ยากอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มชื่อของคุณหนูมู่ใส่ในผู้ถือกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินของคฤหาสน์จื่อเวย หรือถ้าไม่สามารถมีบุตรภายในสามปีก็ต้องหย่าทันที เขายอมรับได้หมดทุกข้อ”
ทุกคนต่างยิ้มดีใจ มู่เทียนซิงแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เธอได้ยิน หลิงเล่มองไปยังหน้าเหมื่อๆของเธอ เขายิ้มแล้วเอามือที่วางอยู่บนไหล่ไปโอบที่เอวของเธอ แล้วก็หอมไปที่แก้มของเธอเบาๆ เสียงดังมั๊วะ! ทำให้มู่เทียนซิงหน้าแดง
ส่วนเขาก็เหมือนราวกับว่าได้ลูกอมหวานๆมาครอบครอง เขามองไปที่เธอแล้วยิ้ม ในดวงตาของเขามีแสงประกายแววราวกับเปลวไฟ เวลานี้มู่อี้เจ๋อก็มั่นใจแล้วว่าหลิงเล่รักลูกสาวของเขาจริงๆ สองสามีภรรยามองตากัน ตอนนี้ในใจ90%ก็ยอมรับและตอบตกลงแล้ว ทั้งสองหันไปมองที่เมิ่งอี้หลั่ง เมิ่งอี้หลั่งทำรูปปาก “เสี่ยวหลง”
มู่อี้เจ๋อรีบมองไปยังหนีหย่าจูน หนีหย่าจูนยิ้มแล้วพูดว่า “พูดเรื่องแต่งงานก่อนเถอะ พูดเสร็จ ไม่ว่าพี่เสี่ยวหลงหรือกุ้งมังกร จะออกหรือไม่ออกมาก็ขึ้นอยู่กับลมปากของพวกเรา
ทันใดนั้นเมิ่งอี้หลั่งก็รู้สึกสงบลง แล้วก็พูดกับมู้อีเจ๋อว่า “ตกลงเถอะ ข้อเรียกร้องโหดๆแบบนี้ ซือซ่าวก็ตอบตกลงแล้ว พวกท่านจะยังจะมัวตะลึงอะไรอยู่ อย่ามัวแต่ชักช้า อย่าหวังน้ำบ่อหน้า”
มู่อี้เจ๋ออยากตอบตกลงแต่ก็รู้สึกว่าเร็วไป มันทำให้สมองเขารู้สึกมึนงงเล็กน้อย มู่เทียนซิงรู้สึกตื่นเต้น หลิงเล่กุมมือของเธอไว้แน่น แล้วก็เอานิ้วมือเธอมาเล่น นับเล่นทีละอัน เธอรู้สึกกระวนกระวาย “พ่อคะ แม่คะ หนูอยากอยู่กับคุณลุงจริงๆ”
ฝ่ายหญิงยอมพูดออกมาแล้ว นี่อยากแต่งงานขนาดนั้นเลยเชียว
หลิงเล่ดีใจ เอามือเธอทั้งสองมาวางไว้ด้วยกันแล้วก็นับนิ้วเล่น เจียงซินเห็นว่าหลิงเล่ชอบลูกสาวตัวเองมาก ก็เลยมองไปที่สามีแล้วพูดว่า “งั้นตกลงเถอะ “
มู่อี้เจ๋อพยักหน้าตอบ “ได้”
หนีหย่าจูนก็สั่งให้จั๋วหรันเอาปากกากับกระดาษมา แล้วก็เขียนข้อเรียกร้องของเจียงซินลงไปในสัญญาข้อตกลงก่อนแต่งต่อหน้าทุกคน เขียนเสร็จแล้ว เขาก็ตรวจดูอีกที หลังจากนั้นก็ส่งไปให้เจียงซิน “คุณหญิงมู่ คุณดูหน่อยว่าถูกไหม”
สองสามีภรรยาไม่เคยอ่านสำเนาละเอียดแบบนี้มาก่อน นี่ขนาดเป็นแบบสัญญาที่ใช้มือเขียนนะ
ทั้งสองไตร่ตรองทุกคำทุกบรรทัด แล้วก็ให้เมิ่งอี้หลั่งตรวจดูไปพร้อมๆกัน สุดท้ายก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ไม่มีปัญหา”
หนีหย่าจูนสุดท้ายก็ยิ้มออก ชีวิตของเขาก็ไม่ง่ายเลย เขาเป็นเพียงเด็กผู้ชายอายุ22 ยังเหมือนนกตัวเล็กๆที่เพิ่งเกิด อย่าว่าแต่เรื่องบนเตียงเลย แค่แฟนสาวยังไม่มี แต่วันนี้กลับมาช่วยจัดการเรื่องงานแต่งงานของหลิงเล่แล้ว
หนีหย่าจูนและเมิ่งอี้หลั่งก็ได้เซนต์ชื่อลงไปในนามของผู้รับรอง แล้วก็เอาสัญญาข้อตกลงส่งให้มู่เทียนซินกับหลิงเล่เซ็นต์ หลังจากนั้นก็นำฉบับจริงส่งให้เจียงซินเก็บรักษาไว้ ส่วนสำเนาเก็บก็ไว้ที่หนีหย่าจูน เมิ่งอี้หลั่ง และหลิงเล่คนละชุด
หลังจากนั้นทุกคนก็เคลื่อนย้ายไปยังห้องอาหาร
เมื่อถึงโต๊ะ ไวน์ที่นำเข้าก็ได้รินใส่ไว้ในเหยือกวอร์มไวน์ วอร์มอยู่สักพัก ในอากาศก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ
บนโต๊ะ อาหารมากมายหลากหลายรสชาติ ช่างละลานตาและช่างประณีตเสียจริง แค่มองก็น้ำลายไหลแล้ว
“นึกไม่ถึงเลยว่าแม่ครัวของตระกูลมู่จะเก่งขนาดนี้”
หนีหย่าจูนมองไปที่ซุปเป๋าฮื้อตุ๋นตีนห่านที่วางอยู่ตรงหน้าของก็ทุกคน แล้วก็ยิ้ม เขาชอบทานอาหารที่ทำมาจากเป๋าฮื้อตั้งแต่เด็กๆ โดยเฉพาะข้าวคลุกเป๋าฮื้อ
“ไม่หรอก ไม่หรอก อาหารบ้านเราถูกปากคุณหนี นับว่าเป็นเกียรติจริงๆ!”มู่อี้เจ๋อพูด แล้วก็รินไวน์ให้หนีหย่าจูนกับหลิงเล่
เมิ่งอี้หลั่งเดินมาทางประตูห้องอาหาร เขาเพิ่งนำเมิ่งเสี่ยวหวีที่เพิ่งตื่นไปส่งที่ห้องรับแขก เมิ่งเสี่ยวหวีตื่นนอนอีกแล้ว เขาก็เลยกำชับเมิ่งเสี่ยวหวีว่าห้ามดื้อ หลังจากนั้นก็ลงไปด้านล่าง เวลานี้เป็นเวลาสำคัญที่เขาจะช่วยลูกชาย เขาจึงไม่ยอมให้ลูกสาวมาสร้างปัญหาอีกคน
หลิงเล่นหยิบอาหารให้มู่เทียนซิงทานตลอด เมื่อกุ้งมาถึง เจียงซินก็นำถุงมือแจกจ่ายให้กับทุกคน หลิงเล่หยิบถุงมือของมู่เมียนซิงมาใส่ แล้วก็ช่วยแกะกุ้งให้เธอ หลังจากนั้นก็ป้อนเข้าปากเธอ เธอกินกุ้งสองสามตัว เขาก็ป้อนซุปให้ เพราะกลัวว่าเธอจะสำลัก
เห็นภาพทั้งคู่ดูแลเอาใจใส่แบบนี้ ทำให้เจียงซินอดที่จะอิจฉาไม่ได้ เธอแต่งงานกับมู่อี้เจ๋อมาก็หลายปีแเล้ว นอกจากวันที่เธอคลอดลูกวันนั้น เขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะดูแลเอาใจใส่เธอแบบนี้บ้างเลย
ถึงแม้ว่ามู่อี้เจ๋อจะไม่รู้ลึกเกี่ยวกับหลิงเล่ แต่หลิงเล่จากผู้ชายที่เผด็จการและเอาแต่ใจ กลับยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้ชายแบบนี้หายากจริงๆ
เวลานี้ทุกคนก็หมดห่วง รู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องแย่ แต่กลับเป็นเรื่องที่น่ายินดี
หลังจากดื่มไวน์ไปสามรอบ เมิ่งอี้ก็หลั่งมองไปที่หนีหย่าจูนด้วยความวิตกกังวล แล้วพูดว่า“คุณชายหนี เรื่องแต่งงานก็ตกลงเสร็จสรรพแล้ว แล้วลูกชายของผม…. ”