บทที่114 จูบเขา
ขอบตาของจั๋วซีแดงขึ้นทันที เขาจ้องดูตัวอักษรหลายตัวนี้ แล้วลังเลไปสักครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ยกมือชี้ไปที่กระดาษพร้อมพูดว่า”ฉันรู้ว่าสามีของคุณหญิงหรูเกอชื่อว่าหลิงหยู่ ในอดีตท่านแม่ทัพหลิงหยู่สู้รบชนะจนได้ประเทศหนิงมา แต่กลับให้ลูกชายของตัวเองพระมหากษัตริย์เทียนหลิงขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ ต่อมาก็สืบทอดบัลลังก์ให้จักรพรรดิเจปู้องค์ปัจจุบัน!ท่านแม่ทัพหลิงหยู่มีพี่ชายไม่แท้คนหนึ่งที่ขาพิการไปข้างหนึ่ง ซึ่งมาจากประเทศมาเลเซีย!”
เมื่อเวลาที่จั๋วซีพูดจบ เขาก็ร้องไห้จนสะอึกสะเอื้อนแล้ว
เขาพูดเยอะเกินไป
เนื่องจากว่าเขาสงสารเขา!
หลิงเล่ไม่กล้าที่จะเชื่อเลย!
เพราะว่าผู้จัดตั้งบริษัทหลิงหวินกรุ๊ป ก็คือบรรพบุรุษของตระกูลหลิงที่ชื่อว่าหลิงสุนเห้อ เขาก็คือพ่อค้ารํ่ารวยที่ย้ายถิ่นมาจากมาเลเซีย ถ้าพูดแบบนี้ คุณปู่ของกษัตริย์องค์ปัจจุบันกับคุณปู่ของหลิงหยวนเป็นลูกพี่ลูกน้องกันฝั่งพ่อหรือฝั่งแม่หรอ?
หลิงเล่กับหลิงหยวนเป็นญาติกันระหว่างรุ่น ถ้าเกิดว่าเป็นแบบนี้แล้ว นั้นก็หมายความว่า เขาเป็นลูกหลานของท่านแม่ทัพหลิงหยู่หรอ?
ลูกหลานของท่านแม่ทัพหลิงหยู่ไม่ใช่กษัตริย์ ไม่ใช่องค์หญิง แต่เป็นเขา……
เขาเป็นเเค่คนพิการแค่นั้นเอง!
“นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
หลิงเล่ขบฟันและพ่นคำพูดเหล่านี้ออกมา”ตกลงแกได้คิดก่อนพูดหรือเปล่า?”
จั๋วซีกำมือไว้พร้อมก้มหน้าลง ปล่อยให้นํ้าตาไหลลงมาอย่างเดียว
เมื่อเห็นเจ้านายที่ตนดูแลมาตั้งแต่เด็ก ปวดหัวและหนักใจเพราะเรื่องของสายพันธุ์ตัวเอง เขาก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงเขา”ซือซ่าว คุณเคยบอกว่า ในโลกนี้นอกจากพวกเราแล้ว ไม่มีใครที่คุณเชื่อถือได้อีกไม่ใช่หรอครับ?”
มู่เทียนซิงฟังอย่างเงียบๆอยู่ตลอด
พอยิ่งฟัง ร่างกายของเธอก็ยิ่งสั่นและกระวนกระวายใจขึ้นมา
เธอยังจำได้ว่าเคยเห็นรูปถ่ายของคุณหญิงหรูเกอกับพระมหากษัตริย์เทียนหลิงในห้องของคุณหณิงเยว่หยา แม่ลูกสองคนนี้หน้าตาคล้ายคลึงกันมาก ส่วนใบหน้าของหลิงเล่นี้ ก็คล้ายกับพวกเขามาก!
มู่เทียนซิงคิดตามความเฉื่อยของเรื่องราวทั้งหมดที่เคยเห็นมาก่อนในนวนิยาย จึงเกิดความคาดเดาอย่างกล้าหาญ:คุณลุงเขา……เป็นหลานของพระมหากษัตริย์เทียนหลิง และเป็นลูกชายแท้ของพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันหรือเปล่า?
พระเจ้าช่วยด้วย!
มู่เทียนซิงหันร่างไปอย่างกะทันหัน พร้อมยกมือเช็ดหน้าอย่างรุนแรง และหายใจเข้าลึกๆ
เมื่อเวลาที่หันกลับไปอีกที เธอก็สังเกตเห็นว่าหลิงเล่ได้ผลักรถเข็นไปหาเธอด้วยความประหม่าแล้ว แถมยังถามด้วยความกังวลใจ”เทียนซิง เมื่อกี้นี้ฉันตื่นเต้นจนเกินไป จึงทำให้คุณรู้สึกหวาดกลัวใช่หรือเปล่าครับ?”
อารมณ์ของเขาก็เกือบจะพังทลายแล้ว แต่เขายังดึงมือหนึ่งของเธอมาและปลอบใจเธออย่างอ่อนโยน
พอมู่เทียนซิงได้ยินก็ส่ายหัวอย่างแรง”ไม่ค่ะ ฉันแค่สงสารคุณแค่นั้นเอง คุณไม่ต้องห่วงนะ คุณไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกหวาดกลัว”
เธอเดินหน้าและก้มหน้าไปกอดศีรษะของเขาไว้แล้วจูบลงไปที่หน้าผากของเขา”คุณลุงคะ สู้ๆนะคะ!”
เมื่อเวลาที่เธอจะลุกขึ้น ก็มีมือใหญ่คู่หนึ่งกักขังเอวของเธอไว้
นํ้าเสียงที่แหบแห้งและเต็มไปด้วยความขอร้องแพร่ออกมาจากปากของหลิงเล่”ขอจูบอีกทีหน่อย”
พอมู่เทียนซิงได้ยินเสียงก็รู้สึกตื้นตันใจ แต่ในที่สุดก็ทำตามแล้ว
ครั้งนี้ ริมฝีปากของเธอสัมผัสหน้าผากของเขาเบาๆ เวลาที่จูบนั้นยาวนานเป็นพิเศษกว่าปกติ จนกว่าเอวของเธอรองรับไม่ไหวแล้ว เธอถึงจะหยุดลงแล้วลุกขึ้นยืนอยู่ที่เดิม
ส่วนเขา ก็ไม่ได้กักขังเธอไว้อีกแล้ว
ตาทั้งสี่สบตากัน มู่เทียนซิงเผลอสังเกตเห็นว่าดวงตาของหลิงเล่ราวกับว่ามีนํ้าตาสะสมไว้อยู่
“คุณลุงคะ!”
เธอรู้สึกหวาดผวา ส่วนจั๋วซีก็เดินมาด้วยความประหม่าเช่นกัน”ซือซ่าว!คุณยังโอเคอยู่ไหมครับ?”
แต่เพียงเห็นว่าผู้ชายที่อยู่บนรถเข็นคนนี้กลับหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็กระพริบตาแรง ๆ อย่างต่อเนื่องหลายๆครั้ง ราวกับว่าจะเอาชนะอารมณ์ที่อ่อนแอในใจของตนเองทุกอย่างให้หมดสิ้นไป!ซึ่งทำให้คนอื่นรู้สึกสงสารและเป็นห่วงเขาอย่างมาก
การกระทำของเขาที่เรียบง่ายเช่นนี้เพื่อไม่ให้นํ้าตาหลั่งไหลออกมา กลับทำให้มู่เทียนซิงรู้สึกทั้งทุกข์ใจทั้งเป็นห่วง!
“คุณลุงคะ!”
เธอเริ่มลังเลใจแล้ว เรื่องที่ตนเองรู้นั้นจะบอกให้หลิงเล่ทราบหรือเปล่า?
แต่วันนั้นคุณหญิงหนีก็เตือนเธอไว้อย่างเคร่งขรึมแล้ว หรือว่ามีอะไรที่ยังไม่สามารถบอกให้คุณลุงทราบในตอนนี้หรือเปล่า?
ถ้าหากว่าเธอพูดออกมาแล้ว เป็นการประสงค์ดีแต่กลับเป็นร้าย ในที่สุดมีผลลัพธ์ที่ร้ายแรงตามมาด้วย จะทำไงดีล่ะ?
หัวใจของมู่เทียนซิงเหมือนโดนแรงสองแรงดึงกัน จนทำให้เธอรู้สึกดิ้นรนและสับสนอยู่!
พอหลิงเล่เห็นขอบตาที่บวมแดงของเธอ ก็ยิ้มออกมาอย่างสง่างามและมีเสน่ห์”เด็กน้อย ไม่มีใครเคยจูบฉันแบบนี้เลย ตอนที่ยังอยู่ในคฤหาสน์จื่อเวย ฉันเห็นบ่อยมากที่จั๋วหรัน และภรรยาของเขาจะจูบลูกชายของพวกเขาแบบนี้ ตอนนั้นฉันก็คิดอยู่ในใจว่า ตอนที่ฉันเกิดมาคุณแม่ของฉันได้จูบหน้าผากฉันแบบนี้หรือเปล่า คุณพ่อของฉันได้มองฉันด้วยสายตาที่รักใคร่แบบนั้นไหม แต่ฉันไม่กล้าไปคิด เพราะคุณแม่จากไปเร็วเหลือเกิน ถ้าหากไม่ใช่ว่าต้องไปกวาดสุสานของเธอทุกปี ต้องไปดูรูปภาพของเธอที่สุสาน ฉันคงจำหน้าตาเธอไม่ได้ด้วยซํ้า ส่วนคุณพ่อนั้นมีลูกชายที่เยอะขนาดนั้น ขาดฉันคนเดียวก็ไม่เห็นเป็นไรเลย แถมตอนนี้ฉันยังรู้ว่าเขาไม่ใช่คุณพ่อแท้จริงของฉัน ฉันก็ยิ่งเข้าใจแล้วว่า ทำไมเขาถึงทิ้งฉันอยู่ข้างนอกคนเดียวเมื่อเวลาที่ฉันยังไม่ได้บรรลุนิติภาวะ”
ดังนั้นจูบที่มู่เทียนซิงให้เขาในเมื่อกี้นี้ เป็นสิ่งที่เขาต้องการและใฝ่ฝันมานานเหลือเกิน
มู่เทียนซิงปิดปากไว้ แล้วร้องไห้ออกมาอย่างเบาๆ
ตั้งแต่เด็กเธอก็เติบโตในครอบครัวที่มีความสุข เธอนึกไม่ออกว่าหลิงเล่โตมาได้ยังไง เขายี่สิบหกขวบแล้วยังไม่ทราบพ่อแม่ที่แท้จริงของตนเองเลย!
หลังจากผ่านประสบการณ์ที่ขรุขระไปมากมาย จนได้มีชีวิตอยู่อย่างห่างไกลจากโลกภายนอก บางทีเขาอาจมีด้านมืดที่เธอยังไม่รู้ แต่มู่เทียนซิงรู้สึกว่า เขาเป็นคนที่เพียงพอที่จะทำให้เธอเป็นห่วง ไม่ว่าเขามีจุดอ่อนมากขนาดไหน มีความเศร้าโศกและประสบการณ์ยังไง มีสิ่งที่มืดลึกเพียงใด เธอล้วนสามารถเข้าใจ ให้อภัยและยอมรับได้
“ฮือๆ~ฮือๆๆ~”
มู่เทียนซิงร้องไห้ออกมา และกระโจนเข้าไปในอ้อมอกของเขา กอดเขาไว้อย่างแน่น”คุณลุงคะ~!ฮือๆ~คุณอย่าเสียใจเลย ทีหลังทุกเช้าฉันจะอรุณสวัสดิ์คุณพร้อมให้จูบแบบนี้แก่คุณทุกๆวัน ก่อนนอนก็เช่นเดียวกัน!เมื่อก่อนไม่มีคนเป็นห่วงคุณ ไม่มีคนให้ของขวัญคุณ ทีหลังฉันจะรักคุณตลอดเวลา จะให้ของขวัญคุณอย่างต่อเนื่อง คุณอย่าเสียใจเลย!”
หลิงเล่กอดร่างกายที่อ่อนนุ่มของเธอไว้อย่างแน่น เขาสะสมนํ้าตาไว้ในดวงตา และยิ้มออกมาอย่างเบาๆ
เขารู้ว่า สาวน้อยของเขานั้นอบอุ่นมาก
เรื่องมาถึงจุดนี้ คำตอบก็เห็นได้ชัดเจนแล้ว คนที่ฉลาดเหมือนหลิงเล่ แค่คิดไปแป๊บเดียวก็ล้วนทราบหมดแล้ว
รุ่นก่อนของหลิงเล่กับรุ่นก่อนของหลิงหยวนเป็นญาติกัน ส่วนพระราชวงศ์กับรุ่นก่อนของหลิงหยวนก็เป็นญาติกันด้วย ดังนั้นหลิงเล่น่าจะเป็นลูกหลานของพระราชวงศ์ ส่วนตระกูลหนีดีต่อเขาขนาดนี้ แถมยังมอบหุ้นของบริษัทในเครือข่ายของตระกูลหนีให้ภรรยาของหลิงเล่ด้วย มันหมายความว่า พระบรมวงศานุวงศ์คนนี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลหนีด้วย
ส่วนฝ่าบาทองค์ปัจจุบันกับคุณหญิงเยว่หยาของตระกูลหนี มีความรักบางอย่างแถมยังไม่ได้แต่งงานกันทั้งคู่ ความจริงนั้นจึงเผยให้เห็นได้ชัด!หลิงเล่กอดสาวน้อยที่อยู่ในอ้อมอกไว้ มองออกว่าเธอเสียใจและเป็นห่วงเพราะเรื่องของเขาเอง
เขาซาบซึ้งในใจ แต่ก็ไม่อยากให้เธอร้องไห้ตลอด
จากนั้นหลิงเล่ก็หัวเราะออกมาอย่างซนดื้อรั้น”ไป พวกเราไปดึงผมของหนีหย่าจูนกัน!”