บทที่115 เสียงกรีดร้อง
ถ้าหากว่าหนีหย่าจูนจะพักโรงแรม ไม่ว่าอยู่ในเมืองใดในโลก เธอล้วนจะพักที่โรงแรมฉีซิง
มันเป็นธุรกิจของพระราชวงศ์ตระกูลโล่ พระองค์ท่านมีความรักใครต่อเขามาก บัตรการ์ดสีต่างๆที่ใช้ได้เพียงพระบรมวงศานุวงศ์เท่านั้น หนีหย่าจูนมีเกือบครบทุกสี ส่วนบัตรที่สามารถฟรีค่าใช้จ่ายทั้งหมดในธุรกิจทุกอย่างทุกสาขาภายใต้ของตระกูลโล่นั้น ก็คือบัตรสีดำทองที่เขาใช้ในตอนนี้
เวลานี้ เขากำลังนอนอยู่บนเตียงที่หรูหราในห้องเพรสซิเดนสูท ทั้งร่างกายสวมเพียงกางเกงในสีขาวตัวหนึ่ง บนกายห่มด้วยผ้าห่มที่สะอาด ดวงอาทิตย์ด้านนอกส่งแสงมาถึงสะโพกของเขาแล้ว เขาก็ยังขี้เกียจลืมตาขึ้นมามองด้วยซ้ำ
เขาเหนื่อยมากจริงๆ
เมื่อคืนตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ จึงโทรไปให้คุณปู่หนีจื่อหยาง บอกกับท่านว่าไอคิวของมู่เทียนซิงนั้นสูงมากทีเดียว และได้พูดเรื่องที่หลิงเล่เตรียมที่จะมาดึงผมของเขาจริงๆ
ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าอยู่ที่คฤหาสน์จื่อเวยต่อ เพราะเขากลัวว่าถ้าอยู่นานขึ้น ความจริงก็จะถูกเปิดเผยเร็วขึ้น ชีวิตอันงดงามของทุกคนก็จะถูกทำลายไปอย่างรวดเร็ว!
แต่หนีจื่อหยางเพียงตอบกลับในโทรศัพท์แค่ประโยคเดียวว่า”ให้เรื่องมันไปตามธรรมชาติเถอะ!”
หนีหย่าจูนรู้สึกว่า คุณปู่นั้นยิ่งแก่ยิ่งเหมาะที่จะไปบําเพ็ญกุศล ทุกครั้งที่ถามอะไรเขา เขาล้วนตอบแบบไม่มีประโยชน์ ถือได้ว่าเป็นคำพูดที่ไร้สาระ แต่ยังสามารถเผยให้เห็นเซนที่สง่างาม ไม่ทราบว่าหลายปีนี้คุณย่าทนเขามาได้ยังไงเนี่ย
เขาพยายามคิดวิธีที่จัดการหลิงเล่ แต่คิดจนฟ้าเริ่มสว่างขึ้น คิดจนเซลล์สมองไม่รู้ว่าตายไปเท่าไหร่
ในที่สุดเขาก็ไม่สามารถเอาชนะจิ้งจอกเฒ่าอย่างหลิงเล่ได้
จนกระทั่งรู้สึกว่ามู่เทียนซิงก็เป็นตัวเจ้าเล่ห์จิ้งจอกน้อยด้วย
เขาหนีออกมาจากคฤหาสน์จื่อเวยอย่างตะลีตะลาน เมื่อมาถึงโรงแรมท้องฟ้าก็สว่างแล้ว พอเขารับประทานอาหารเช้าบุฟเฟ่ต์ที่โรงแรมเสร็จ ก็นอนจนถึงบัดนี้
หน้าประตูมีเสียงกริ่งส่งมาอย่างต่อเนื่อง
เขาไม่สนใจไยดีใดๆ!
ช่างให้เรื่องมันใหญ่ขนาดไหน ก็ไม่สามารถให้ฉันตื่นมาได้!
เสียงกริ่งดังประมาณสี่ห้ารอบ ก็หยุดลงแล้ว
จากนั้น มีเสียงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้นมาในอากาศ ประตูของห้องเพรสซิเดนสูทถูกคนอื่นเปิดออกมาจากข้างนอก รถเข็นสีเงินเลื่อนเข้ามาก่อน ด้านหลังของรถเข็นคือชุดเดรสสีขาวที่เบาและคล่องตัวและมีรองเท้าคริสตัลคู่ใหม่ด้วย
ประตูของห้องเพรสซิเดนสูทถูกปิดลง คนที่รูปร่างที่สูงใหญ่เดินผ่านหลังรองเท้าคริสตัล ขั้นแรกเปิดประตูห้องห้องหนึ่งออกมา จากนั้นก็ไปเปิดประตูอีกห้องหนึ่ง
จั๋วซียืนอยู่ที่ประตูและมองไปที่ข้างใน จากนั้นหันกลับมามองไปที่คนทั้งสองที่อยู่ในห้องรับแขกพร้อมพูดว่า”คุณชายหนียังหลับอยู่”
ดวงตาของหลิงเล่เหม่อลอย เผยให้เห็นความลึกล้ำอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
จั๋วซียืนอยู่กับที่ไม่ได้ขยับสักนิด
เพราะยังไงแล้วเขาก็เป็นคนที่คุณปู่ฝากไว้ให้กับคุณหญิงเยว่หยา ถือได้ว่าเป็นคนของตระกูลหนีด้วย หลายปีนี้การติดต่อการระหว่างพวกเขากับญาติที่อยู่ในพระราชวังนั้น ล้วนต้องอาศัยคนของตระกูลหนีเป็นคนกลางในการส่งสาร รวมไปถึงการศึกษา ความสามารถต่างๆที่เรียนมาในหลายปีที่ผ่านมาล้วนได้รับการสนับสนุนของตระกูลหนี พวกเขาถึงได้ความสามารถเช่นนี้
เขามองไปที่หลิงเล่ด้วยความลำบากใจ”ซือซ่าว ผม……”
หลิงเล่ย้ายสายตาออกอย่างไร้ร่องรอย สายตาของเขาจับจ้องไปที่ไหล่สีขาวที่เปลือยเปล่าเล็กน้อยของหนีหย่าจูน แล้วพูดว่า”คุณผลักฉันไป ฉันจะไปดึงเอง!”
แต่มู่เทียนซิงกลับพูดว่า”ฉันไปเถอะ!คุณไม่สะดวก จั๋วซีก็รู้สึกลำบากใจด้วย ยังไงพี่หย่าจูนก็ยังหลับอยู่ ฉันไปเหมาะสมที่สุดแล้ว”
หลิงเล่นนั่งอยู่บนรถเข็น เตียงนั้นใหญ่ขนาดนั้น หนีหย่าจูนนอนอยู่ตรงกลางของเตียง มีระยะห่างระหว่างเตียงกับรถเข็นกั้นอยู่ การที่หลิงเล่อยากจะดึงผมของหนีหย่าจูนนั้น แสนยากหรือเกิน!
เมื่อเผชิญกับคำแนะนำของสาวที่รักของตนเอง หลิงเล่กลับส่ายหัวเบาๆ
เขาไม่อยากให้เธอเห็นร่างเปลือยของชายหนุ่มคนหนึ่ง
แม้ว่ามันแค่โชว์ไหล่หรือแขนหรือลำตัวก็ตาม
บัดนี้แล้วหลิงเล่ยังจำได้อย่างแม่นยำว่า เมื่อคืนสาวน้อยได้ดูร่างกายทุกส่วนของเขาไปหมดแล้ว แต่ยังไม่สนใจสักนิด
สิ่งนี้นี่ทำให้เขาโกรธและเขินเล็กน้อย!
“ไม่เป็นไร ฉันไปเถอะ ซี อย่าลืมปิดประตูนะ!”
หลิงเล่ทิ้งแค่ประโยคเดียว จากนั้นก็ผลักรถเข็นเองแล้วเข้าไปในห้องนอน ตรงไปทางเตียงใหญ่ของหนีหย่าจูน
ส่วนจั๋วซีก็เชื่อฟังมาก เขาปิดประตูของห้องนอนลง เพื่อไม่ให้มู่เทียนซิงเห็นสิ่งภายในนั้นทั้งหมด
เขายืนอย่างสุภาพอยู่ที่หน้าประตู ราวกับว่าเป็นเทพประจำประตู หลังของเขาเกือบติดกับแผงประตู ท่าทางของเขาเหมือนสุภาษิตที่ว่า”หนึ่งคนเฝ้าด่าน ทหารหมื่นนายมิอาจกรายผ่าน”
แต่มู่เทียนซิงกลับถามอย่างใจร้อน”ฉันรู้สึกว่า คุณควรเปิดประตูไว้สักนิด ถ้าหากว่าคุณลุงล้ม
ลงมาจะรถเข็น……”
จั๋วซียิ้มให้เธออย่างสดชื่น”คุณหนูมู่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ แขนของซือซ่าวแข็งแรงมาก ถ้าเล่นงัดข้อมือกัน ผมและพี่ชายล้วนเอาชนะเขาไม่ได้ ดังนั้นแม้ว่าขาของซือซ่าวเดินไม่ได้ แต่เขาใช้คลาน ก็สามารถคลานไปถึงข้างๆคุณชายหนีได้ครับ”
พอได้ยินคำพูดนี้ มู่เทียนซิงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคืนก่อนๆที่ถูกหลิงเล่แต๊ะอั๋ง
ใบหน้าจึงแดงขึ้นทันที เธอกัดริมฝีปากแล้วกระซิบเบาๆ”ใช่ไง แขนของเขาแข็งแรงมาก”
“ดังนั้น คุณหนูมู่ก็ไม่ต้องห่วงแล้ว”
“ค่ะ”
แต่ในใจของมู่เทียนซิงคิดอยู่ว่า หลิงเล่รักเธอขนาดนี้ ก็ต้องอยากจะนำด้านที่สมบูรณ์แบบไว้ในใจของเธอด้วย ผู้ชายที่หยิ่งยโสอย่างเขา จะยอมคลานไปถึงเตียงของหนีหย่าจูนทีละนิดทีละน้อยต่อหน้าผู้หญิงอันเป็นที่รักของเขาได้ยังไงล่ะ ภาพที่น่าเคอะเขินเช่นนี้ เขาไม่อยากให้เธอได้เห็นอยู่แล้ว
ยิ่งคิดแบบนี้ มู่เทียนซิงก็ยิ่งแน่ใจว่าหลิงเล่เป็นห่วงเรื่องนี้แน่นอน
ความทุกข์ไหลอยู่ใต้ใจเธออย่างแผ่วเบา เธอถอนหายใจเล็กน้อย เดี๋ยวรอเขาออกมา เธอจะไม่ถามขั้นตอนการดึงผมของเขา เพราะเกรงว่าเขาจะรู้สึกอายและด้อยกว่า
แต่ไม่นาน ก็มีเสียงกรีดร้องส่งมาจากข้างในประตู”แอมป์!”
นั้นคือ……
เสียงของหนีหย่าจูนหรือ?
มู่เทียนซิงไม่ค่อยแน่ใจ จึงคิดจะเข้าไปดู
“จั๋วซี คุณปล่อยฉันเข้าไปเถอะ ถ้าหากว่าเป็นรถเข็นของคุณลุงพลิกคว่ำล่ะทำไงดี?”
“เป็นไปไม่ได้ครับ คุณหนูมู่ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ถ้าหากว่ารถเข็นของซือซ่าวพลิกคว่ำ นั้นเสียงที่พวกเราได้ยินนั้นจะเป็นเสียงโลหะกระทบพื้น ไม่ใช่เสียงกรีดร้องแบบนี้หรอกครับ!”
“แต่ว่า……”
“ไม่มีคำว่าแต่ครับ ซือซ่าวเป็นคนที่ระมัดระวัง ไม่เคยทำเรื่องอะไรที่ไม่แน่ใจ ดังนั้นคุณหนูมู่โปรดโล่งใจได้ครับ!”
จั๋วซีทำหน้ายิ้มแย้ม ประโยคและคำพูดทุกคำล้วนพูดอย่างมีมารยาท ฟังแล้วน่าฟังมาก แต่ทุกประโยคที่เขาพูดนั้นล้วนเป็นการปฏิเสธเธอ มู่เทียนซิงจึงสังเกตจั๋วซีอย่างตั้งใจครั้งแรก”ฉันเกือบลืมไปแล้ว คุณยังเป็นประธานด้วย ถ้าหากว่าพูดไม่เก่ง สมองไม่วาย คุณลุงคงไม่ใช่คุณหรอก!”
จั๋วซียังคงยิ้มอยู่”ขอบคุณคำชมของคุณหนูมู่ครับ!”
มู่เทียนซิง”……”
ปัง!
เป็นเสียงของวัตถุหนักบางอย่างตกลงบนพื้น!
แต่ไม่ใช่โลหะ เหมือนเป็นเนื้อคนมากกว่า!
ครั้งนี้มู่เทียนซิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ส่วนจั๋วซีก็เป็นห่วงเช่นกัน!
“ให้ฉันเข้าไป!คุณลุงหกล้มแล้ว!รีบหลีกทาง!จั๋วซี!คุณรีบหลีกทางให้ฉันเข้าไป!”
มู่เทียนซิงกระวนกระวายอย่างบ้าคลั่งเพื่อที่จะเข้าไป ปล่อยให้กำปั้นของเธอตบตีที่ร่างกายของตนเองอย่างไร้เมตตา จั๋วซีก็ยังไม่กล้าปล่อยให้เธอเข้าไป เขาหันหน้าไปทางประตูแล้วพูดว่า”ซือซ่าว คุณยังโอเคอยู่ไหมคะ?”