ตอนที่ 142 ขอแต่งงาน
หนีซีโย่วชะงักกึก แก้มขาวพลันขึ้นสีระเรื่อ:”ฝ่าบาทเอาคีย์การ์ดห้องหม่อมฉันไปทำอะไรเพคะ!”
ผู้ชายคนนี้ จริงๆเลย!
พูดไม่คิดแบบนี้ต่อหน้าหลานชายเธอได้ยังไงกัน อะไรคือคีย์การ์ดอยู่ที่เขา ไหนจะกลับด้วยกันอะไรนั่นอีก?
นี่มันจงใจแกล้งหยอกให้เธอคิดมากชัดๆ!
เธอยื่นมือออกไป ก่อนจะแบมือเอ่ยว่า:”เอาคืนมาให้หม่อมฉันด้วยค่ะ”
ทั่วทั้งใต้หล้า คนที่บังอาจกับเขาได้ขนาดนี้ ก็คงมีแต่เธอเพียงผู้เดียวแล้วล่ะ
โล่เจปู้สบมองเธอไม่ตอบ ก่อนจะล้วงเอาคีย์การ์ดออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วเอ่ยว่า:”มานี่สิ ฉันจะคืนให้เธอ”
หนีซีโย่วเดินเข้าไปหาอย่างว่าง่าย ทว่าตอนที่กำลังจะไปถึงตัวอีกฝ่าย โล่เจปู้กลับเป็นฝ่ายเร่งฝีเท้าก้าวเดินเข้ามาหาเธอเอง เธอกำลังจะเดินหนี แต่ก็ถูกแขนแกร่งคว้าเอวไว้เสียก่อน ริมฝีปากอุ่นร้อนเข้ามาใกล้พวงแก้มของเธอ พลันประทับจูบลงไปอย่างแผ่วเบา
ผ่านไปไม่กี่วินาทีเพียงชั่วครู่ อีกฝ่ายก็ละจูบไปจากแก้มเนียนของเธอ
หนีซีโย่วเขม่นตาใส่เขาอย่างขุ่นเคือง:”โล่เจปู้!”
“ทั้งโลกนี้ก็คงมีแต่เธอที่กล้าเรียกชื่อฉันออกมาโต้งๆแบบนี้ เธอว่า นอกจากเธอแล้ว ฉันจะไปขอใครมาเป็นภรรยาฉันดี หืม?”
เขาเอ่ยกับเธอหน้ายิ้มๆ ก่อนจะปล่อยตัวเธอออก พร้อมกับดอกกุหลาบที่พลันปรากฏขึ้นที่มือซ้าย และแหวนวงหนึ่งที่โผล่ขึ้นมาตรงมือขวา ร่างสูงใหญ่ค่อยๆคุกเข่าลง ต่อหน้าสายตาของหนีซีโย่วที่สะท้อนแววเหลือเชื่อ
“คุณผู้หญิงหนีซีโย่วครับ คุณจะยอมรับโล่เจปู้คนนี้เป็นสามีของคุณไหมครับ ต่อจากนี้เราจะไม่แยกจากกันอีก เราจะเป็นของกันและกัน เป็นภรรยาของผมเถอะนะ”
เขากำลังคุกเข่าลงต่อหน้าเธอ!
โล่เจปู้เงยหน้าสบมองเธอด้วยแววตาลึกซึ้ง:”เยว่หยาน้อยของฉัน แต่งงานกับฉันนะ ฉันยังคงเป็นเจปู้น้อยคนเดิมของเธอไม่เปลี่ยนแปลง”
หยดน้ำใสไหลรินลงแก้มของหนีซีโย่วไม่ขาดสาย เธอพยายามฝืนกลั้นสุดชีวิต แม้ว่าแววซาบซึ้งที่ฉายอยู่บนใบหน้านั้นจะกลบไม่มิดก็ตาม
เธอมีคำพูดมากมายเหลือเกินที่อยากบอกกับเขา กลับไม่อาจปริปากเอ่ยได้เลย
เธอเม้มปากแน่น พลางจำใจเดินถอยหลังไปหนึ่งก้าว
ภาพชายตรงหน้าที่หลงรักเธออย่างลึกซึ้งมากขนาดนี้
ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดมากเหลือเกิน
โล่เจปู้มองเธอด้วยสายตาคาดหวัง เขารู้สึกตัวเองจะเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ เขามีความคิดที่จะขอเธอแต่งงานแบบนี้ ตั้งแต่เมื่อครั้งที่เขายังเป็นแค่เด็กอายุสิบสองแล้ว!
กระทั่งยามนี้ วัยเยาว์ของพวกเขาได้ห่างหายไปแล้ว ยังเหลือเวลาอีกกี่คราให้ยื้อต่อไปกันอีกกัน
“เมื่อกี้ตอนที่ได้ข่าวว่าหย่าจูนจะถูกคนลอบฆ่า ฉันลองคิดดูดีๆแล้ว ถ้าหย่าจูนสามารถผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างราบรื่น ฉันก็จะยกบัลลังก์ให้เขาสืบทอดต่อเอง เยว่หยา ประเทศหนิงในตอนนี้มั่งคั่งและมั่นคงมากพอแล้ว หย่าจูนเองก็ฉลาดออกขนาดนั้น เขาต้องทำได้แน่ๆ ส่วนฉันก็จะพาเธอไปเอง ไปท่องโลกที่กว้างใหญ่นี้ ไปทุกที่ที่เธออยากไป”
“ฮือๆๆ ไม่….ไม่ต้องพูดแล้ว”
“เยว่หยา! ความปรารถนาในชีวิตต่อจากนี้ของฉัน ก็คือการได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเธอ ในฐานะสามีและภรรยา เพราะฉะนั้นได้โปรดเถอะนะเยว่หยา แต่งงานกับฉันเถอะนะ”
หนีซีโย่วร้องไห้สะอึกสะอื้นจนพูดไม่ออก ยิ่งโล่เจปู้ถามมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งถอยหลังหนีมากเท่านั้น
กระทั่งถอยร่นไปจนชิดมุมห้อง เธอจึงจะย่อกายลงอย่างไม่อาจฝืนทนได้อีก:”ขอโทษ! ฮือๆๆๆ ฉันขอโทษ!”
“ไม่เป็นไร เยว่หยา อย่าขอโทษฉันเลยนะ ขอแค่เธอแต่งงานกับเธอ ไม่มีอะไรที่ต้องขอโทษทั้งนั้น!”
จู่ๆโล่เจปู้ก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ ก่อนที่ดวงตาคมคู่นั้นจะเผยแววเจ็บปวดและหนักแน่น:”เยว่หยา เรื่องนั้นของเธอกับหลิงหวิน ฉันไม่ได้คิดมากเลยจริงๆนะ!”
“พอได้แล้ว!”
เธอตะคอกเสียงดังลั่นด้วยใจที่ปวดร้าว พลันดันตัวให้ลุกขึ้นแล้วผลักเขาออก ก่อนจะวิ่งหนีออกไปทางประตู
แต่มีหรือที่โล่เจปู้จะปล่อยเธอไปอีก?
นี่ก็รอมาเกือบครึ่งชีวิตแล้ว!
เขาวิ่งตามไปง้างจับบานประตูไว้ ไม่ว่าเธอจะแรงเยอะขนาดไหนก็ไม่อาจเปิดมันออกได้อยู่ดี!
แขนแกร่งรวบเอวเธอขึ้นอีกครั้ง พลันอุ้มเธอไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะวางเธอลงบนโซฟาแล้วขึ้นคร่อมตัวเธอ โล่เจปู้ใช้แรงดึงมือที่ซ่อนอยู่ตรงด้านหลังออกมาอย่างสุดฤทธิ์ พลางอ้าปากกัดลงไปตรงไหล่เธอ
“โอ๊ย~!”
หนีซีโย่วยื่นมือออกไปผลักตามสัญชาตญาณ หารู้ไม่ว่านั่นเป็นการเปิดโอกาสให้ใครบางคนทำสำเร็จตามที่หวังไว้
โล่เจปู้เผยแววตาเจ้าเล่ห์ ก่อนจะสวมแหวนใส่นิ้วนางข้างซ้ายเธออย่างรวดเร็ว
ในที่สุด ทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบสงบอีกครั้ง
หนีซีโย่วร้องไห้อย่างหมดสภาพ ใต้ร่างกำยำของชายผู้เป็นเจ้าของแหวน
เธอใช้แขนโอบรอบศีรษะเขา พลางซุกหน้าลงบนอกแกร่ง เสียงสะอื้นดังขึ้นเรื่อยๆไม่มีท่าทีจะหยุดลง
โล่เจปู้หลับตาลงสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะอุ้มเธอขึ้นอีกครั้ง ตอนที่เดินไปยังประตู เขาหันมองหนีหย่าจูน พลางเอ่ยกับชายหนุ่มหน้ายิ้มๆว่า:”ฉันจะให้นั่วยีรีบสอนงานและหน้าที่ในตำแหน่งราชเลขาให้โม่หลินโดยเร็วที่สุด ให้เธอคอยช่วยเหลือนายนะ”
“ฝ่าบาท!”
คราวนี้หนีหย่าจูนอยู่ไม่นิ่งแล้ว
เขาเปิดผ้าห่มออก พลันวิ่งลงจากเตียงทันทีโดยไม่ทันได้ถอดเข็มที่หลังมือออก เลือดสีแดงสดหยดไหลลงตามเรียวนิ้วไม่ขาดสาย
“ฝ่าบาท! ผมไม่อยากเป็นกษัตริย์! และก็เป็นไม่ได้ด้วย!” ไม่มีอะไรที่ทำให้หนีหย่าจูนร้อนรนไปกว่านี้แล้ว เขามองหนีซีโย่ว ก่อนจะตะเบ็งเสียงเอ่ยเหมือนคนบ้าว่า:”คุณน้า อย่าเพิ่งร้องไห้สิครับ ช่วยผมก่อน บอกฝ่าบาททีว่าผมเป็นกษัตริย์ไม่ได้!”
หนีซีโย่วยังคงร้องไห้ไม่หยุด ทำเอาโล่เจปู้ใจเจ็บไปด้วย
เขาหันไปเขม่นใส่หนีหย่าจูนทันที:”กว่าฉันกับน้านายจะอยู่ด้วยกันได้ก็ไม่ใช่ง่ายๆ นายจะช่วยเราหน่อยไม่ได้เลยหรือไง? เรื่องสายเลือดนายไม่ต้องเป็นห่วง ฉันไม่ใช่คนอนุรักษ์นิยมขนาดนั้น ขอแค่เป็นนายมีความสามารถและชอบธรรม เข้าใจความลำบากของประชาชน และดีกับพวกเขาก็เพียงพอแล้ว หย่าจูน ช่วยฉันหน่อยเถอะนะ!”
โล่เจปู้พูดไปพลางโอบกอดหนีซีโย่วไปพลาง เพราะเขากลัวว่าคนในอ้อมกอดจะฉวยโอกาสกัดเขาแล้วหนีไปอีก
เรื่องแบบนี้ เธอทำมาเยอะและบ่อยจนเขารู้ทันหมดแล้ว
หนีหย่าจูนกลับส่ายหน้ารัวๆ:”ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้หรอก!”
“นายจะขัดคำสั่งฉันหรือไง?” โล่เจปู้เห็นเด็กนี่ไม่เชื่อฟัง จึงพูดอย่างหัวเสียว่า:”จะเป็นกษัตริย์ หรือจะถูกตัดหัว เลือกเอาเองละกัน!”
โล่เตปู้ทิ้งท้ายคำพูดข่มขู่เอาไว้ ก่อนจะใช้ขาเตะประตู:”นั่วยี! เปิดประตู!”
นั่วยีทำตามคำสั่ง:”ฝ่าบาท คุณหญิง”
โล่เจปู้เอ่ยต่อว่า:”โม่หลินอยู่ดูแลหย่าจูนที่นี่ ส่วนนั่วยี ไปกับฉัน”
“พะยะค่ะ!”
“คุณน้า!”
หนีหย่าจูนวิ่งตามออกมา ทว่ากลับถูกนั่วยีรั้งไว้เสียก่อน พลันหันไปเอ่ยกับลูกสาวตนว่า
:”ดูแลคุณชายหนีด้วย”
โม่หลินพยักหน้า เธอมองรอยเลือดบนหลังมือของชายหนุ่ม ก่อนจะหันไปสั่งเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าอารักขาอยู่หน้าห้องว่า:”ไปเรียกพยาบาลมา!”
“ครับ โม่หลินซ่างซือ!” อีกฝ่ายก้มหน้าตอบรับ
โม่หลินเห็นพวกเขาออกไปไกลแล้ว พลันหันไปมองหนีหย่าจูนสีหน้าเรียบเฉยแล้วผายมือทำท่าเชิญ ก่อนจะเอ่ยว่า:”คุณชายหนี เชิญกลับไปก่อนเถอะค่ะ”
คราวนี้หนีหย่าจูนรู้สึกร้อนรนใจขึ้นมากกว่าเดิมทันที
จู่ๆชายหนุ่มก็หันกลับไปพุ่งหมัดใส่บานประตู!
ประตูไม้พลันมีรอยร้าวปรากฏขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
โม่หลินมองเขาด้วยแววตานับถือ เพราะรู้สึกเหนือความคาดหมายเล็กน้อย กำลังจะปริปากเอ่ยคำพูดชื่นชม กลับเห็นชายหนุ่มที่เมื่อกี้ยังเด็ดเดี่ยวแข็งกล้ากระโดดขึ้นลงสะบัดมืออยู่กับที่ทันทีหลังจากที่เหม่อไปสองวิ:”โอ๊ย~! เจ็บ~! เจ็บโว้ย~!”