บทที่ 157 อาบน้ำ
คำพูดของโล่เจปู้ ทำให้ห้องทั้งห้องเงียบกริบ
หลิงเล่เองก็พลันชะงักตะเกียบ
เขาทานอาหารเย็นไปแล้ว อยากได้อีกถ้วย เพราะอยากแข่งกับโล่เจปู้ และยังอยากชิมฝีมือการทำอาหารของเด็กน้อย
ดวงตามองบะหมี่หอมกรุ่นตรงหน้า ในสมองมีภาพเมื่อก่อนที่อยู่โรงพยาบาล ภาพที่มองแม่อยู่ไกลๆ หัวใจพลันอ่อนยวบ
จ้องมองเธอ เขายิ้มเบาๆ “เอากระบอกเก็บความร้อนมา เอาถ้วยของผมให้เธอเถอะ”
“ไม่ไม่ไม่ เธอกินของเธอไปเถอะ เอาของฉันไปก็พอ”
“คุณทานของคุณไปเถอะ ผมพูดกับว่าที่ภรรยาผมคุณไม่ต้องแทรก”
“ฉันก็คุยกับลูกสะใภ้ในอนาคตของฉัน เธอกินของเธอไป เอาถ้วยฉันก็พอ”
“คุณยังไม่ทานอาหารเย็นด้วยซ้ำ ยังจะมาบีบบังคับผมอีกหรอ”
“ฉันหิวมื้อเดียวไม่เป็นไรหรอก”
“คุณเงียบไปเลย”
“ฉัน….”
หลิงเล่เสียงดัง โล่เจปู้พลันปิดปากเงียบ
แต่ว่าบรรยากาศเงียบลงไปได้ไม่นาน เขาพลันค้นพบอย่างแปลกใจ “เธอ เป็นห่วงว่าฉันยังไม่ได้ทานข้าวเย็นหรอ”
เด็กคนนี้เป็นห่วงร่างกายของเขาหรอ
หลิงเล่ไม่ได้เอ่ยอะไร เพียงกลอกตาใส่เขา บอกกับมู่เทียนซิง “เด็กดี ไป เอากระบอกเก็บความร้อนมา”
มู่เทียนซิงพูดไม่ออก
ลุกขึ้นยืน บอกกับทั้งคู่ “ทำบะหมี่สักถ้วยไม่ใช่เรื่องยาก ทำไมต้องเถียงกันแบบนี้ ทานของตัวเองไปเถอะ เดี๋ยวฉันไปทำอีกถ้วยให้คุณเอากลับไปด้วย ให้คุณหญิงเยว่หยาผู้สูงส่งและสง่างาม ต้องกินน้ำลายของพวกคุณ พวกคุณคิดอะไรกันอยู่”
หลิงเล่ “……ลำบากเด็กดีแล้ว”
โล่เจปู้ “ลำบากคุณหนูมู่แล้ว”
ในตอนที่มู่เทียนซิงกำลังเดินเข้าไปในห้องครัว หลิงเล่พลันนึกขึ้นมาได้ เอ่ยขึ้นมา “เด็กดี ทำเพิ่มอีกถ้วยยกออกมาด้วย”
โล่เจปู้ไม่ทันเข้าใจ มู่เทียนซิงกลับหัวเราะ
คุณลุงนี่นะ ปากร้ายใจดีจริงๆ
ผู้ชายแบบนี้ หากต่อไปได้เป็นกษัตริย์ คงจะใส่ใจประชาชนไม่น้อย
“ทราบแล้วค่ะ คุณนั่วยีก็ยังไม่ทานนี่นา เดี๋ยวก็เสร็จแล้วค่ะ”
เด็กสาวไม่ได้หันกลับมา เดินเข้าไปพลางยิ้มไปด้วย โบกมือไปทางด้านหลัง น้ำเสียงท่าทางมีความสุขนั้น คล้ายกับแสงตะวันอบอุ่นเป็นที่สุด
โล่เจปู้ยิ้มบางๆ หยิบตะเกียบขึ้นมาทานต่อ
เวลาผ่านไป ทั้งสองไม่ได้พูดคุยกัน
สำหรับอาหารที่มู่เทียนซิงยกออกมา โล่เจปู้ใช้ตะเกียบลองหยิบมาชิมคำแรก และใช้ตะเกียบคีบขึ้นมาอีกคำที่สอง
หลิงเล่ไม่ได้ทานอาหารว่างเหล่านั้น
ทั้งสองทานหมดเกลี้ยงแม้แต่น้ำซุปก็ไม่เหลือสักหยด ต่างคนต่างเช็ดปาก นั่งอยู่แบบนั้น ไม่มีใครสนใจใคร
ไม่นานเด็กสาวก็เดินออกมา เธอมองบรรยากาศระหว่างพ่อลูกที่เริ่มดีขึ้น ยิ้มบางๆ ยื่นกระบอกเก็บความร้อนสองกระบอกไปให้ “ฝ่าบาท บะหมี่อยู่ในนี้แล้ว นี่ก็ดึกมากแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ”
โล่เจปู้สูดหายใจเข้าลึก หันไปมองสำรวจลูกชายตัวเองอีกครั้ง
เมื่อลุกขึ้นยืน เขาจึงเอ่ย “เสี่ยวเล่ ฉันต้องทำให้เธอยอมกลับไปกับฉันในเร็ววันนี้แน่ ให้โอกาสฉันสักครั้งเถอะ”
หลิงเล่ไม่ได้พูดอะไร
โล่เจปู้เดินมุ่งหน้าไปที่ประตู มู่เทียนซิงผลักรถของหลิงเล่ตามไปไม่ใกล้ไม่ไกล
หลิงเล่ท่าทางไม่เต็มใจ เพราะมาแบบนี้ เหมือนเขาตามมาส่งโล่เจปู้
แต่เพียงมู่เทียนซิงถลึงตาใส่ เขาก็ต้องยอมนั่งมา
“คุณนั่วยีคะ”
มู่เทียนซิงตะโกนเรียก
นั่วยีเดินออกมาจากห้อง มองเห็นพวกเธอ รีบเอ่ยตอบรับอย่างนอบน้อม “ซือซ่าว คุณหนูมู่”
เขามองในมือโล่เจปู้กำลังถือของอยู่ พลันตกใจ แต่ก็รีบเดินเข้าไปรับกระบอกเก็บความร้อนด้วยความดีใจ
โล่เจปู้หมุนตัว ก่อนเดินออกไป บอกกับมู่เทียนซิง “คุณหนูมู่ ขอบคุณเธอนะที่ทำให้เขามีความสุข”
มู่เทียนซิงชะงัก จึงหัวเราะขึ้น “ฝ่าบาท ต่อไปถ้ามีโอกาส ก็มาเล่นที่นี่บ่อยๆนะคะ”
โล่เจปู้ยิ้มพร้อมพยักหน้า “ได้สิ”
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะฝ่าบาท”
“ราตรีสวัสดิ์”
มู่เทียนซิงเปิดประตู มองส่งนั่วยีและโล่เจปู้ออกประตูไป
เธอตั้งใจเบี่ยงตัวหลบ ให้หลิงเล่ได้เห็นเหงาของพวกเขาที่เดินหายไปกับความมืด
เมื่อรถสีดำค่อยๆหายลับไปจากประตูคฤหาสน์ มู่เทียนซิงค่อยปิดประตูลง
เธอเดินเข้าไป ก้มหน้าลง ฮานจื่อยังคงนอนอยู่ตรงนั้นอย่างเชื่อฟัง
พวกฉวีซือออกมากันหมดแล้ว มองไปยังหลิงเล่ด้วยสีหน้าเป็นกังวล
มู่เทียนซิงกลับยิ้ม โบกมือให้ บอกกับพวกเขา “ไม่มีอะไรแล้ว เราจะไปดูโทรทัศน์กันแล้ว พวกคุณตามสบายเถอะ”
“ซือซ่าว คุณหนูมู่ ราตรีสวัสดิ์”
“ซือซ่าว คุณหนูมู่ ราตรีสวัสดิ์”
มู่เทียนซิงเข็นรถของหลิงเล่ขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นสอง
เธอนั่งอยู่ขอบเตียง เผชิญหน้ากับเขา สองมือวางที่ขาของเขาทั้งสองข้าง พูดด้วยท่าทางจริงจัง “ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก สิ่งที่ผ่านไปแล้วเอากลับคืนมาไม่ได้ เวลาไม่นาน ไม่ถึงหนึ่งวัน แม่ก็ได้เจอ พ่อก็ได้เจอ นี่เป็นเรื่องที่ดีนะคะ”
หลิงเล่มองเธอ ไม่พูดอะไรอยู่ชั่วครู่
เธอนึกว่าเขาโกรธ ยู่ปากเล็ก “ฉันเป็นนายหญิงของที่นี่นะ พ่อสามีมาครั้งแรก ฉันคงปิดประตูไม่รับแขกไม่ได้ใช่ไหมล่ะ พ่อแม่ฉันมาแล้ว แม้คุณจะโกรธ ยังให้แซนด์วิชกับนมให้พวกเขาอยู่เลย พ่อสามีฉันเป็นถึงฝ่าบาท แน่นอนว่าเทียบกันไม่ได้ ดังนั้นฉันเลยให้พวกเขาเข้ามา ทำบะหมี่ให้เขา ไม่ได้มากเกินไปซะหน่อย เขาไม่ได้ทานข้าวเย็นด้วยซ้ำ ได้แต่มองคุณ คุณไม่รู้สึกดีหน่อยหรอ”
หลิงเล่ยังคงจ้องมองเธอ ไม่พูดอะไร
มู่เทียนซิงประคองใบหน้าของเขาเอาไว้ จูบเบาๆลงบนหน้าผากของเขา “เด็กดีหน่อย ฉันทำเพื่อคุณนะ หรือว่าคุณดูไม่ออก ความทุกข์ของพ่อคุณ ไม่ได้น้อยไปจากแม่คุณเลย ไม่รู้มาตลอด พอมารู้ก็พึ่งรู้ว่าผ่านพลาดอะไรไปนานหลายปีเลย ความรู้สึกแบบนี้ มันแย่มากเลย ฉันทนไม่ได้”
มองเห็นดวงตาของเธอคลอไปด้วยหยาดน้ำตา หลิงเล่ค่อยยึดมือของเธอเอาไว้ บอก “ผมพบว่า ผมรักถูกคนแล้ว และแต่งเมียได้ถูกคนด้วย”
ใบหน้าเธอแดงเห่อ พึ่งนึกอะไรออก พลันร้องขึ้นเสียงดัง “อ๊าย”
“เป็นอะไร”
เขาประคองใบหน้าเธอไว้ด้วยความตกใจ มองสำรวจตรงนั้นตรงนี้ กลัวว่าเธอจะไม่สบาย
เธอกลับเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด “เมื่อสักครู่อยู่ในครัว กลัวว่าคุณจะรอนาน ทำบะหมี่รีบไปหน่อย ฉันลืมล้างมือ ก่อนหน้านี้ ฉันกอดฮานจื่อ”
หลิงเล่ “………..”
ฉับพลันความรู้สึกคลื่นไส้พลันเอ่อขึ้นมา แต่เมื่อสังเกตเห็นความเจ้าเล่ห์ในดวงตาเล็ก เขาจึงสงบขึ้น
แผนเด็กๆ
“ผมอยากอาบน้ำ เมื่อสักครู่คุณบอกกับพวกเขา ให้พวกเขาไปนอน ตอนนี้พวกเขาคงหลับไปแล้ว คุณช่วยผมอาบน้ำ”
เขาเอ่ยจบรวดเดียว ดวงตาพราวระยับจับจ้องเธอ
ใบหน้าของมู่เทียนซิงเขียวแล้ว “ให้ฉันช่วยคุณอาบหรอ”
เขาพยักหน้า พูดกับเธอท่าทางจริงจัง “ช้าเร็วยังไงก็ต้องทำ ไม่ใช่หรอ”
ขาเขาไม่ดี พวกเขาต้องใช้ชีวิตด้วยกันไปตลอดชีวิต ช่วยเขาอาบน้ำ เป็นหน้าที่ของเธอ
มู่เทียนซิงกะพริบตาปริบๆ ไม่โต้เถียง “พยักหน้า “ได้ ฉันจะช่วยคุณอาบน้ำ”