บทที่ 178 ผลตอบสนองที่ดี
“ดวงอาทิตย์สาดส่องอยู่บนท้องฟ้า ดอกไม้ยิ้มกับฉัน นกน้องพูดว่าสวัสดีตอนเช้า คุณทำไมต้องแบกกระเป๋าระเบิดไว้~”
“ฉันจะระเบิดโรงเรียน ผ.อไม่รู้เรื่อง ค่อยๆเผา ดึงกับระเบิดรีบวิ่งหนี
หันหน้ากลับไปมองโรงเรียนระเบิดตู้ม~”
ระหว่างทางจากคฤหาสน์จื่อเวยไปยังในเมือง จั๋วซีเพียงรู้สึกว่าตนเองกำลังดูแลเด็กอยู่ แต่ทันทีที่ดูแลก็กลายเป็นสองคน!
อยู่บนที่นั่งหลังรถมู่เทียนซิงร้องไปท่อนข้างบน ในที่นั่งข้างคนขับโม่หลินก็ต่อท่อนข้างล่าง เธอทั้งสองถ้าแค่ร้องเพลงอย่างเดียวก็แล้วแล้วไป ยังร้องตลอดทาง ฮึกเหิมขนาดนี้ ก็เมาแล้วเช่นกัน
“อะแฮ่ม”
จั๋วซีรับไม่ได้เล็กน้อย เปลี่ยนคำพูดไปเสียเลย แทรกประโยคหนึ่งว่า “คุณหนูมู่ มือถือที่ท่านอยากจะซื้อล้วนต้องการติดตั้งโปรแกรมแบบไหนหรือ? ซือซ่าวล้วนพูดแล้วว่า สามารถสั่งทำเป็นพิเศษแบบหนึ่งให้กับท่านโดยเฉพาะ”
“ฉันก็ไม่ใช่เขา ต่อมือถือไม่ได้พิถีพิถันขนาดนั้น” มู่เทียนซิงจ้องมองนอกหน้าต่าง นานมากแล้วที่ไม่เคยออกมาแล้วล่ะ ใบหน้าน้อยที่สว่างสดใสเต็มไปด้วยความใฝ่ฝัน “ผ่านไปอีกครึ่งปี ฉันก็สามารถเกาะแขนของคุณลุงไว้ เหมือนดั่งคู่รักทั่วไปทั้งหลาย เข้าแถวซื้อตั๋วหนัง เข้าแถวซื้อป๊อบคอน เข้าแถวเข้าในโรงหนังแล้วล่ะ?”
จั๋วซีได้ยินคำพูดตื่นตะลึงทันที แอบคิดว่า ที่แท้ซือซ่าวเอาเรื่องนี้บอกกับคุณหนูมู่แล้วหรือ?
“อืม” เขาทั้งขับรถทั้งพยักหน้า “พูดอย่างแม่นยำว่า คืออีกห้าเดือนสามวัน”
เมื่อไรซือซ่าวจึงสามารถฟื้นฟูเดินเป็นปกติได้ เวลาแบบนี้ คือทุกคนล้วนรอคอยอยู่ด้วยความกระวนกระวายใจ และก็นับมาทีละวันๆเช่นกัน
หลังจากเกิดอุบัติเหตุจนถึงเวลานี้ เก้าปีแล้ว
ตั้งแต่ดามเหล็กอยู่ในกระดูกของขาจนถึงตอนนี้ ใกล้จะห้าปีแล้ว
ตอนนี้ให้จั๋วซีย้อนกลับไปคิด เขาน้ำตาคลอ หัวเราะเบาๆพูดประโยคหนึ่งว่า “เหอะๆ ถ้าหากว่าให้ผมกลับไปอดทนอีกรอบหนึ่ง ผมย่อมอดทนไม่ไหวอย่างแน่นอน”
ประโยคหนึ่งที่พูดอย่างสบาย กลับแฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวใจที่นับไม่ถ้วน
มู่เทียนซิงฟังอยู่ ก็ไม่กล้าไปจินตนาการถึงภาพในเวลานั้น
เธอเพียงจำได้ว่าตอนที่เธอดึงวัยรุ่นคนนั้นออกมาจากในรถ บนใบหน้าของเขาล้วนเต็มไปด้วยเลือด ทั้งตัวสกปรกยุ่งเหยิงเกินที่จะทน ขาคู่นั้นถูกเก้าอี้ที่อยู่แถวข้างหน้าทับไว้อยู่ ข้างบนยังมีศพของคนขับรถ
เธอก็ไม่รู้ว่าตอนเวลานั้นทำไมมีความกล้าหาญที่จะยื่นมือไปช่วย
แต่ว่าเธอมองเห็นได้ชัด เขาดิ้นรนอยู่ คลานออกมาไม่ได้ และพลังของเขาก็กำลังจะสูญสิ้นไปหมด แต่เธอถ้าหากว่าเดินเข้าไปช่วย จากมุมมองของเธอ เพียงแค่เป็นเรื่องที่ช่วยเขาผลักศพนั้นออกไป ค่อยยกเก้าอี้แถวข้างหน้าขึ้น ดึงเขาออกมา
หลับตาลง มู่เทียนซิงหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่ผ่านไป!
ถ้าหากว่าในเวลานั้นเธอไม่ได้ยื่นมือไปช่วย ก็จะมีความสุขและคู่หมั้นของเธอในตอนนี้ได้ที่ไหนล่ะ?
ที่แท้ประโยคนั้น “คนดีย่อมได้ดี” ไม่ได้หลอกลวงคนล่ะ ปลูกเหตุที่ดีไว้ มักจะอยู่ตอนที่คนต้องการกลายเป็นผลสนองที่ดี ประทานบุญคุณให้กับคุณ
“คุณหนูมู่ ขอบคุณ!”
จั๋วซีเอ่ยปากอย่างสัตย์ซื่อจริงใจมาก
มู่เทียนซิงยิ้มเล็กน้อยหนึ่งที “ฉันช่วยสามีของตัวฉันเอง สมควรแล้วล่ะ”
อาจจะตอนที่พวกเขาออกมาพอดีเจอกับช่วงเวลาเร่งด่วน ก็เลยทำให้เพิ่งขับเข้าไปในทางหลักก็ติดอยู่แล้ว
มู่เทียนซิงเลื่อนกระจกลง มองไปข้างนอกมองแล้วมองอีก รถติดที่ยาวติดไกลจนถึงฝั่งที่มองไม่เห็น เธอใช้มือเดียวดันคางไว้ รู้สึกเบื่อมากหมอบอยู่บนหน้าต่างรถชมดูทิวทัศน์ถนนเลย
ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ สมองของเธอที่ล้วนเต็มไปด้วยคฤหาสน์จื่อเวย ล้วนเป็นหลิงเล่ จากไม่รักจนถึงชอบ จากชอบจนถึงรัก ความรู้สึกยาวไกลเหมือนดั่งผ่านหนึ่งศตวรรษขนาดนี้
นึกถึงตอนที่พูดคุยเกี่ยวกับงานแต่ง ภาพที่เจี่ยงซินไม่หวาดกลัวต่ออิทธิพลมุมานะบากบั่นปกป้องผลประโยชน์ของเธอ ในใจของมู่เทียนซิงเปียกชุ่มโชก ก็ไม่รู้ว่าพ่อแม่ในตอนนี้เป็นยังไงแล้วล่ะ
“จั๋วซี~อีกสักครู่ไปถึงในเมือง ฉันอยากเรียกพ่อแม่ของฉันออกมากินข้าวด้วยกัน” ไม่ใช่เธอไม่อยากกลับบ้าน แต่เธอไม่ชัดเจนว่าในบ้านตอนนี้ยังมีคนของตระกูลเมิ่งอยู่ไหม
ครั้งก่อนฉีกหน้ากัน ตอนนี้เจอกันอีก ก็เพียงแค่อึดอัดใจกับเสียแรงเปล่าไร้ประโยชน์เช่นกัน วันเวลาคือตนเองผ่านเอง มีความสุขสำคัญที่สุด ทำไมต้องเสาะหาเรื่องให้กับตนเองล่ะ?
“ได้สิ คุณหนูมู่ ซือซ่าวบอกแล้ว วันนี้ท่านสามารถเที่ยวเล่นอย่างอิสระ ผมกับโม่หลินรับผิดชอบคุ้มครองก็พอแล้ว”
“ผมอยากรู้อยากเห็นมากนะ สามารถให้กำเนิดคนงามอย่างคุณหนูมู่แบบนี้ พ่อแม่ของท่านจะต้องเป็นบุคคลที่หล่อและสวยงามมากเช่นกัน”
ในรถ จั๋วหรันกับโม่หลินคุยเรื่อยเปื่อยขึ้นมา มู่เทียนซิงก็หมอบอยู่บนหน้าต่างเช่นนี้ โผล่ใบหน้าน้อยที่สว่างสดใสเลิศล้ำที่สุดดั่งดวงจันทร์ดวงหนึ่งออกไป กะพริบตาโตที่แจ่มใสบริสุทธิ์ใจอยู่ อยากรู้อยากเห็นพินิจพิเคราะห์โลกใบนี้ดั่งทารกแรกเกิด
ที่แท้คุณลุงรักตนเองมากมาโดยตลอด เพียงแค่ตนเองพบเห็นช้าเกินไป
ที่แท้บุคคลเรื่องราวสิ่งของที่มีค่าให้รักษาไว้ที่สุดที่มีมากมายอยู่บนโลกนี้ ก็อยู่ข้างกายของตนเอง เพียงแค่ตนเองไม่ได้พบเห็นเท่านั้น
ในเวลานี้มู่เทียนซิงไม่รู้เลยว่า หน้าต่างรถของมาเซราติสีขาวคันหนึ่งที่เทียบคู่กับพวกเขา กำลังอยู่ตรงข้ามใบหน้าของเธอ
เธอมองหาไปรอบๆบ่อยๆ ทอดถอนใจบ่อยๆ อมยิ้มบ่อยๆ ลักษณะน้อยที่มึนงงบ่อยๆ ก็เหมือนดั่งสายลมเย็นที่สดชื่นในฤดูร้อน ทำให้ตาคู่นั้นที่อยู่ในหน้าต่างรถอบอุ่น
“สาวๆของประเทศหนิง ล้วนสวยงามน่ารักขนาดนี้หรือ?”
ผู้ชายยกริมฝีปากบางๆขึ้นเบาๆ รูปร่างลักษณะหล่อเหลา สะอาดสดชื่นหล่องดงาม
คนรับใช้ที่อยู่ข้างกายพูดทันทีว่า “น่าจะเป็นคุณหนูของบ้านเศรษฐีคนหนึ่งในพื้นที่มั้ง แม้ว่าประเทศหนิงจะเป็นเขตที่กำเนิดของอัจฉริยะบุรุษ แต่ว่าพันธุกรรมที่ดีขนาดนี้น่าจะไม่ได้มองเห็นตามท้องถนนล่ะ”
อยู่ในจิตใต้สำนึกของคนมากมาย ผู้ชายของบ้านเศรษฐี ล้วนชอบแต่งงานกับผู้หญิงที่สวยงามมาผสมพันธุ์กัน อย่างนี้สายเลือดที่สืบทอดออกมา หนึ่งรุ่นจะสวยกว่าอีกหนึ่งรุ่น ในพลเรือนสถานะต่ำก็ไม่ใช่จะให้กำเนิดบุคคลดั่งสายลมเย็นปรากฏให้เห็นออกมาไม่ได้ เพียงแต่เปอร์เซ็นต์แบบนี้ที่เทียบกับบ้านเศรษฐีน้อยกว่าเยอะเลย
บวกกับตอนนี้ที่มู่เทียนซิงนั่ง เดิมทีก็เป็นRolls-Royceที่มีราคาเกือบสิบล้าน บวกกับใบหน้าที่โดดเด่นเหนือใครของเธออีก ฐานะเดิมย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะสามัญอยู่แล้ว
สายตาของผู้ชายค่อยๆลึกล้ำ เห็นเธอถึงขนาดใช้กระจกรถของตัวเขาเองกลายเป็นกระจกส่อง อดไม่ได้พุ่งหัวเราะหนึ่งที
แต่มู่เทียนซิงในเวลานี้ก็โง่เกินไปแล้วเช่นกัน นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอกับพ่อแม่ ในใจทั้งตื่นเต้นและฮึกเหิม ในกระเป๋าไม่ได้พกกระจกแต่งหน้า เธอเห็นกระจกรถสีเข้มที่อยู่ฝั่งตรงข้ามไม่ถึงครึ่งเมตรก็อยู่ต่อหน้า สะท้อนใบหน้าน้อยที่แวววาวของเธออยู่ข้างบนหมด จากนั้น ก็ฝึกฝนสีหน้าออกมากับหน้าต่างรถนี้เลย
ปากเล็กๆของเธอ ยังพูดอยู่ล่ะ
“คุณพ่อ~คุณแม่~!”
“แฮ่ๆ~ นานแล้วไม่ได้เจอกัน!”
“ฮือ~คุณแม่! ฉันคิดท่านเหลือเกิน!”
ทั้งพูด ทั้งฝึกสีหน้า ลักษณะนั้น ก็เหมือนดั่งนักแสดงมืออาชีพฝึกฝนบทสนทนาในการแสดงกับบทละครต่อหน้ากระจก
จั๋วซีมองผ่านกระจกหลังเห็นลักษณะของเธอนี้ อดไม่ได้ทอดถอนใจ พูดอย่างเสียงเบามากกับโม่หลินว่า “คุณหนูมู่ก็ไม่ง่ายเช่นกันนะ เป็นคุณหญิงน้อยคนหนึ่งอยู่ดีๆจากกันกับคุณพ่อคุณแม่ หลังจากมาอยู่ข้างกายซือซ่าว อยู่ในเวลาสั้นก็ได้ประสบเจอเรื่องมากมายขนาดนี้อีก ยังสามารถมองโลกในแง่ดีจิตใจดีงามขนาดนี้”
โม่หลินก็ตอบกลับอย่างเสียงเบาเช่นกันว่า “ใช่สิ เธอก็ย่อมไม่อยากให้ทันทีที่พ่อแม่เห็นเธอพบเห็นว่าเธอผอมลงแล้ว ก็รักเอ็นดูเสียใจแทนเธอ คุณเห็นเธอตื่นเต้นขนาดไหนล่ะ”
“คุณหนูมู่เป็นคนที่กตัญญูมากคนหนึ่งล่ะ ตอนแรกซือซ่าวบอกรักกับเธอ เธอบอกว่า ถ้าหากว่าพ่อแม่ไม่เห็นด้วย ให้เธอทำการตัดสินใจเลือกระหว่างซือซ่าวกับพ่อแม่ เธอก็จะละทิ้งความรักช่วงนี้ เธอทำเรื่องที่เพราะผู้ชายคนหนึ่งก็ละทิ้งพ่อแม่ไม่ได้”