ปีหยวนคังที่หก เดือนสิบสอง หิมะตกหนัก
หน้าประตูใหญ่ของสำนักชางอู๋มีรถม้างามวิจิตรคันหนึ่งจอดอยู่ สาวใช้ชุดดำกำลังคุกเข่าลงข้างหนึ่งรายงานว่า “คุณหนูใหญ่ ถึงแล้วเจ้าค่ะ”
“อืม”
“คนที่พยายามลอบสังหารท่านเมื่อครึ่งปีก่อน ไม่เพียงทำให้บิดาและพี่ชายทั้งสองของท่านพลัดพรากจากกัน ตอนนี้ยังจงใจปลุกปั่นให้ผู้คนไม่น้อยมารวมตัวกันหน้าประตูใหญ่ อีกไม่นานพวกเราจะถูกขวางสกัดไว้เจ้าค่ะ” สาวใช้รายงาน
เมื่อสิ้นเสียงพูด เสียงแหลมสูงของสตรีนางหนึ่งก็ดังขึ้นจากนอกรถม้าด้วยน้ำเสียงเหน็บแนม “แหม ดูรถม้าคันหรูนี้สิ ช่างทันสมัยเสียจริงๆ!”
และเจ้าของเสียงนั้นก็คือเยี่ยนซาซา ศิษย์หญิงคนแรกของสำนักชางอู๋ฝ่ายนอก นางพากลุ่มลูกศิษย์สำนักฝ่ายนอกกลุ่มหนึ่งมารออยู่ก่อนหน้าแล้ว
สถานการณ์เช่นนี้ ทำเอาสาวใช้ที่อยู่ในรถม้าตกใจกลัวจนตัวสั่นเทา เมื่อสาวใช้คนนี้นึกถึงเหตุการณ์ลอบสังหารคุณหนูใหญ่เมื่อครั้นกลับไปคลอดลูกที่เมืองเต๋อหยางเมื่อหกเดือนก่อน ผู้ลงมือจัดแจงทั้งหมดนี้กลับเป็นเยี่ยนชิงถัง ลูกพี่ลูกน้องใกล้ชิดของคุณหนูใหญ่!
ในตอนนั้น หากไม่ใช่เพราะคุณหนูใหญ่โชคดี คงตายทั้งกลมไปแล้ว! บัดนี้…
“คุณหนูใหญ่! พวกเขาต้องเป็นคนที่คุณหนูชิงถังส่งมาแน่ๆ เจ้าค่ะ!” สาวใช้ยิ่งพูดยิ่งมั่นใจ นางขวางหน้าประตูรถม้าไว้ตามสัญชาตญาณ กลัวว่าผู้ร้ายข้างนอกจะเข้ามารังแกคุณหนูใหญ่ของนางอีก
ในขณะเดียวกัน เสียงแหลมสูงกว่าเดิมของสตรีอีกนางหนึ่งก็สำทับเยี่ยนซาซา นางจึ๊ปากไม่พอใจแล้วพูดว่า “ศิษย์พี่ซา ทักทายเช่นนี้ก็ไม่ถูก! คุณหนูใหญ่เยี่ยนเคยมียางอายเสียเมื่อไหร่กัน หากนางรู้จักอายจริงๆ จะทำเรื่องต่ำช้าอย่างท้องก่อนแต่งเช่นนี้ได้หรือ”
“ใช่แล้ว! เยี่ยนจื่ออวี๋ไร้ยางอาย คนไร้ประโยชน์! เมื่อก่อนก็คอยพึ่งบารมีของเจ้าสำนักผู้เป็นบิดาของตน และใช้ชีวิตเสพสุข ได้กินได้ใช้ของชั้นดีในสำนัก! แต่กลับมิเคยทำตัวเป็นประโยชน์เพื่อสำนักเลยสักครั้ง” เฉินชิวอี๋ ผู้ติดตามคนสนิทของเยี่ยนซาซาก็เหิมเกริม ไม่คิดอยู่เฉยเช่นกัน
“ไม่ใช่เพียงมิเคยอุทิศตนเท่านั้น แต่เยี่ยนจื่ออวี๋ยังเป็นความอัปยศของสำนักชางอู๋ของเรา! พวกเจ้าไม่รู้หรือว่าผู้คนข้างนอกกล่าวหาคนสำนักชางอู๋อย่างไร!”
“พวกเขาบอกว่าพวกเราเป็นหญิงงามเมืองไม่รักดี!” เหอหลินถิง ศิษย์หญิงคนที่สองของสำนักฝ่ายนอกพูดด้วยความเดือดดาล ราวกับจะพ่นไฟออกมาจากดวงตา
ศิษย์หญิงคนอื่นก็เริ่มก่นด่ากันเสียงเซ็งแซ่ “ใช่! แม้แต่กู้จ่างสื่อยังไม่เอาสารเลวอย่างเจ้าขึ้นเตียงเขาเลย! ยังมีหน้ากลับมาอีกหรือ! เหตุใดจึงไม่ไปตายเสียเล่า!…”
“หุบปาก!” สาวใช้ชุดดำที่ทนฟังต่อไปไม่ไหวก็ตะคอกด้วยเสียงดุดัน
เสียงของนางทำเอาทุกคนเงียบกริบ ต่างสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นที่เสียดแทงเข้าไปในใจของพวกนาง
“หากไม่อยากตายก็ไสหัวไปซะ!” สายตาสาวใช้ดุร้าย ราวกับมีดที่อาบเลือดสีแดงฉาน ทำให้ศิษย์สำนักฝ่ายนอกที่ถูกสายตาของนางสาดมอง พากันสะดุ้งโหยงและถอยกรูดอย่างไม่รู้ตัว
ผ่านไปครู่หนึ่ง เยี่ยนซาซาก็ตั้งสติกลับมาได้ นางพูดเกรี้ยวกราด “เยี่ยนจื่ออวี๋! เจ้าสำนักปกป้องเจ้าจนจะสละตำแหน่งอยู่แล้ว! เจ้ายังกล้าดีโอหังเช่นนี้อีกหรือ!”
สาวใช้ชุดดำซัดฝ่ามือออกไปอย่างไม่ลังเลทันที
หวืด เสียงฝ่ามือฝ่าอากาศด้วยความเร็วและแรงดังขึ้น
“อะไรน่ะ” เยี่ยนซาซาตกใจจนพูดไม่ออก นางหลบไม่ทัน รู้ตัวอีกทีก็ถูกสาวใช้ตรงหน้าที่ไม่อยู่ในสายตาคนนี้เล่นงานเสียแล้ว!
จากนั้นเยี่ยนซาซาก็ล้มลงบนพื้นเสียงดัง ตุบ! เป็นไปตามคาด เลือดไหลออกมาจากปากนางทันที
“กรี้ดด ลงมือฆ่าคนแล้ว!”
ศิษย์สำนักชางอู๋ฝ่ายนอกต่างตกตะลึงพรึงเพริด หน้าตาซีดเซียวทันที! เสียงกรีดร้องอันน่าสะพรึงกลัวนั้นดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณประตูใหญ่ของสำนักชางอู๋ในชั่วขณะ
ทันใดนั้น พลังอาฆาตของสาวใช้ชุดดำทะยานขึ้นสูง จนร่างกายปล่อยพลังแสงดำมืดเป็นร้อยพัน กวาดล้างรอบตัวราวกับอสุรี
อานุภาพอันชั่วร้ายโหดเหี้ยมเช่นนี้ ย่อมสะเทือนไปถึงผู้พิทักษ์ประตูใหญ่แห่งสำนักชางอู๋
แต่ถึงอย่างไร ในขณะที่ผู้พิทักษ์ยิ่งใหญ่ท่านนี้ยังไม่ทันได้ทำสิ่งใด เขาก็รู้สึกว่า… มีสายตาเย็นชาที่มิอาจจับต้องได้คู่หนึ่ง ราวกับพุ่งออกมาจากความว่างเปล่า กำลังจ้องเขาเขม็ง ทำให้เขารู้สึกว่ามีผู้อยู่เบื้องบนสูงสุดกำลังมองเขาจากเบื้องบน จนเขาไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว!
ในขณะเดียวกัน ลำแสงพิฆาตที่ปล่อยออกมาจากร่างของสาวใช้ชุดดำคนนั้น ก็ทำร้ายทั้งศิษย์ชายและหญิงของสำนักฝ่ายนอกจนไม่เหลือแม้คนเดียว
อัก!
…
เพียงครั้งเดียวเท่านั้น!
กลุ่มศิษย์ชายหญิงสำนักฝ่ายนอกที่อวดดีเหล่านั้นก็กระเด็นไปชนประตูใหญ่อย่างไร้ซึ่งเรี่ยวแรงตอบโต้ ราวกับนกกระทาโง่เขลา
หลังจากนั้น…
ตุบ!
เหล่านกกระทาก็ร่วงลงบนพื้นอย่างพร้อมเพรียง ราวกับไม่มีชีวิตแล้ว ทำเอาคนที่สะกดรอยตามมาสองสามคนตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
“…”
ความเงียบเข้าปกคลุม…
“คุณ คุณหนูใหญ่ พวก พวกเราฆ่า ฆ่าคนหรือเจ้าคะ” สาวใช้ในรถม้าที่กำลังตกตะลึงอยู่เช่นกันเริ่มลุกลน เพราะสำนักมีกฎระเบียบว่า คนสำนักเดียวกันเห็นต่างกันได้แต่จะเข่นฆ่ากันมิได้
“เจ้าวางใจเถิด เม่ยเอ๋อร์เพียงแค่ขู่พวกนางเท่านั้น” เยี่ยนอวี๋ที่ในที่สุดก็เอ่ยปาก ปลอบประโลมสาวใช้อย่างใจเย็น
ผ่านไปครู่หนึ่ง…
เสียงกรอบแกรบดังขึ้นจากกลุ่ม ‘นกกระทาโง่เขลา’ ที่กองอยู่บนพื้นเหล่านั้น ราวกับกำลังพิสูจน์คำพูดของเยี่ยนอวี๋
“เจ้า เจ้า…” เยี่ยนซาซาผู้ที่แท้จริงแล้วเพียงแค่ถูกเล่นงานจนฟันร่วงหมดปากลำตัวสั่นระริก มองไปที่รถม้าของเยี่ยนจื่ออวี๋ด้วยความอับอายและหวาดกลัว นางรู้สึกได้ถึงความเปียกปอนจากท่อนล่าง และกลิ่นปัสสาวะที่ลอยมาจากตัวนางอย่างรุนแรง
นางตื่นตกใจจนปัสสาวะราด…
ต่อหน้าผู้คนมากมายเสียด้วย!