เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน – บทส่งท้าย 2 พระอาทิตย์ขึ้นท้องฟ้าแจ่มใส

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

บทส่งท้าย 2 พระอาทิตย์ขึ้นท้องฟ้าแจ่มใส

……

จักรวาลดั้งเดิม

โต๊ะจัดเลี้ยงยังไม่ถูกเก็บกวาดไป ถ้วยและจานยังคงสะอาดเอี่ยม อาหารจานร้อนมากมายมีควันลอยขึ้นมา นั่นทำให้เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ท้องร้องยิ่งหิวขึ้นไปอีก “จ๊อก~”

เจ้าตัวเล็กแสดงท่าทีหิวโหย ตอนนี้เขาไม่รังเกียจอาหารเหล่านี้แล้ว แต่อยากกินมากกว่า! ตอนรอท่านพ่อทำอาหาร กินก่อนสักคำสองคำจะได้หรือไม่นะ?

คำพูดเหล่านี้แม้เขาไม่ได้เอ่ยออกมา แต่ดวงตาเล็กๆ ที่ทำตาปริบๆ นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะสื่อความในใจทั้งหมดของเขา นับประสาอะไรกับแมวขาวตัวน้อยของเขาที่กระโดดขึ้นไปบนโต๊ะจัดเลี้ยงเป็นที่เรียบร้อย ขาสั้นๆ เล็กๆ ของมันเขี่ยขาหมูย่างแล้วกัดเข้าไปคำโต!

“จ๊อก~” เยี่ยนเสี่ยวเป่ายืดหลังตรงทันที ชี้ไปที่แมวขาวตัวน้อย “เป่า ก็ อยาก กิน จ๊อก~”

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาพูดจบ บิดาเขาก็ทำลายความหวังที่สวยงามของเขาจนหมดสิ้น “เจ้าลองสัมผัสฟันของเจ้าดูก่อน ดูว่ามันยังเหลืออีกกี่ซี่”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูกตักเตือนนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาจึงใช้มือเล็กๆ สัมผัสฟัน เจ้าตัวเล็กค้นพบว่าเขาไม่มีฟันเหลือแล้ว! ? …ไม่มีฟันแล้วอย่างนั้นหรือ?!

เยี่ยนเสี่ยวเป่า (⊙▽⊙)

ดวงตากลมโตเบิกกว้าง นิ่งอึ้งไปทันที…

ปากน้อยๆ อ้าปากหวอ ทำให้น้ำลายไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว

ทว่าบิดาเขารู้ดีถึงปฏิกิริยาของเขาจึงรีบหยิบมือน้อยๆ ของเขาออกจากปาก จากนั้นใช้ผ้าซับน้ำลายที่ไหลหยดลงมา

“ท่านแม่ ดู!” เยี่ยนอวี๋ที่นิ่งอึ้งไปเช่นเดียวกัน หันไปมองเหงือกสีชมพูเปลือยเปล่า ฟันหน้าเล็กๆ ทั้งหกซี่ที่ราวกับไข่มุกเม็ดเล็กๆ ที่งอกออกมาก่อนหน้านี้ของเด็กน้อย! ตอนนี้ไม่เหลือแล้ว

เพราะงั้น…อย่าว่าแต่ขาหมูย่าง คาดว่าซาลาเปาไส้หมู หรือของว่างก็คงไม่สามารถกินได้ ประมาณว่าเขาคงต้องกินข้าวต้มหรืออาหารบดต่อไปแล้ว!?

จู่ๆ เยี่ยนอวี๋ก็รู้สึกว่าเจ้าตัวเล็กน่าสงสารมาก มืองามลูบศีรษะโล้นของเด็กน้อยอย่างเห็นใจ จากนั้นก็อุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมา พรมจูบเบาๆ “เสี่ยวเป่าที่น่าสงสาร”

นี่มัน กะทันหันยิ่งนัก…

เยี่ยนเสี่ยวเป่าเงยหน้าขึ้นมองบิดาเขาด้วยสายตาว่างเปล่า “ทำไม กัน” เส้นผมไม่มีเขายังพอเข้าใจ อย่างไรเสียนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ทำไมครั้งนี้แม้แต่ฟันก็ไม่มีแล้วเล่า!?

หรงอี้ในฐานะบิดาแจงให้เขาฟังอย่างละเอียด “นี่คือราคาที่เจ้าต้องจ่ายเพื่อปกป้องน้องชายของเจ้า”

เยี่ยนเสี่ยวเป่า (⊙_⊙)

ครั้งหน้าเขาจะไม่ปกป้องน้องชายอีกแล้ว!

อย่างไรก็ตาม…

เมื่อพูดถึงน้องชาย…

จู่ๆ เขาก็นึกถึงน้องจิ๊บของเขา!

พอรู้ตัวอีกทีเขาก็ร้องไห้ “แง” ออกมา!

ร้องไห้หนักมากจนเยี่ยนวี๋ยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาโต้ตอบ คิดว่าเจ้าตัวเล็กไม่สามารถยอมรับเรื่องที่ไม่มีฟันได้จึงเอ่ยปลอบใจไปว่า “เสี่ยวเป่าไม่ร้องนะ ฟันก็เป็นเหมือนเส้นผมของเจ้า ผ่านไปสองสามเดือนประเดี๋ยวก็งอกขึ้นมาใหม่แล้ว”

“แง น้อง…ไก่…เป่า ไม่ ไม่ได้ ปกป้อง! แง” เยี่ยนเสี่ยวเป่าน้ำตาไหลพรากพลางตำหนิตนเอง ในฐานะพี่เป่า! เขาปกป้องเพียงน้องชาย แต่ไม่ทันได้ปกป้องน้องจิ๊บ!

ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือน้องจิ๊บน่ารักกว่าน้องชายอีก! แถมยังเชื่อฟัง! ยังดีกว่า~

แต่…เขาไม่ทันได้ปกป้องไว้!

“แง–”

เยี่ยนเสี่ยวเป่ายิ่งร้องไห้ก็ยิ่งเสียใจ ลืมไปแล้วว่าเขายังหิวอยู่!

นั่นทำให้แมวขาวตัวน้อยที่กำลังแทะขาหมูย่างอย่างมีความสุขตกใจจนตัวโยน จากนั้นมันก็คาบเนื้อย่างชิ้นหนาหนึ่งชิ้นให้เขา พลางร้อง เหมียวๆๆ เสี่ยวเป่าอย่าร้อง เหมียว! กินเนื้อนี่สิเหมียว~

เยี่ยนเป่าเป่า ‘ดูด’ เนื้อที่ส่งถึงปากเข้าไปแต่โดยดี แต่เขาก็ยังเศร้าใจอยู่ดี “แง – ฮึก- แง-”

เยี่ยนอวี๋เห็นเจ้าตัวเล็กร้องไห้พลางดูดเนื้อเข้าปาก น้ำลายเลอะเต็มปากไปหมด จะเอ็นดูก็ไม่ใช่ จะรังเกียจก็ไม่เชิง ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี

ต้าซือมิ่งกลับรังเกียจการไม่รักษาภาพลักษณ์ของเจ้าตัวเล็ก เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมารองน้ำลายของเด็กน้อย จากนั้นก็ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางเรียวยาว พยายามคีบเนื้อในปากของเจ้าตัวเล็กออกมา

“ฮึก!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ร้องจนน้ำตาคลอเต็มเบ้า งับมือของบิดาไว้แน่น รีบปกป้องชิ้นเนื้อในปากของตนเองไว้ สีหน้าดูเศร้าสร้อยมาก

จู่ๆ เยี่ยนอวี๋ก็ไม่แน่ใจแล้วว่าเจ้าตัวเล็กเสียใจเพราะจิ๊บจิ๊บหรือเสียใจที่เนื้อในปากกำลังถูกบิดาคีบออกไปกันแน่…

แต่เรื่องจิ๊บจิ๊บ เยี่ยนอวี๋ก็อยากถามให้ละเอียดเหมือนกัน

ต้าซือมิ่งต่อรองกับเจ้าตัวเล็ก “เจ้าคายชิ้นเนื้อในปากออกมาก่อน แล้วพ่อจะมอบจิ๊บจิ๊บให้เจ้า”

“?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ดวงตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา กะพริบตาปริบๆ มองดูบิดาเขาอย่างสับสนเล็กน้อยราวกับจะถามว่า “น้องจิ๊บไม่เป็นไรแล้วหรือ”

บิดาเขาตอบว่า “ก็เป็นอยู่ แต่ยังมีชีวิตอยู่ เจ้าอยากได้หรือไม่เล่า”

เยี่ยนเสี่ยวเป่ากะพริบตาอีกครั้ง เขายกมือขึ้นไปเช็ดน้ำตาจากดวงตา ขณะเดียวกันก็จับมือบิดาของเขาไว้แน่น! ดูดเนื้อบนนิ้วของบิดาเข้าปากต่อไปอย่างรวดเร็วแล้วพยายามเคี้ยวมัน! อนิจจาที่เขาไม่มีฟัน…

เยี่ยนอวี๋ “…”

เจ้าตัวเล็กของนาง ช่างตะกละเสียจริง~

หรงอี้ที่หมดคำพูดไม่ต่างกัน คีบเนื้อในปากของเจ้าตัวเล็กออกมาได้อย่างง่ายดาย

“อ้า!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่พอใจ เขาอยากทุบตีบิดาของเขาเสียจริง!

เยี่ยนอวี๋เช็ดปากให้เจ้าตัวเล็ก “ลูกแม่ เพื่อเนื้อเพียงชิ้นเดียว แม้แต่จิ๊บจิ๊บเจ้าก็ไม่อยากได้แล้วหรือ”

“ก็ ไม่เป็นไร เป่า จะกิน ไม่ คาย!” การออกเสียงของเยี่ยนเสี่ยวเป่าแย่ลงเล็กน้อย ในเมื่อน้องจิ๊บสบายดี แน่นอนว่าเขาต้องกินเนื้อก่อน! ไม่คายออกมาเด็ดขาด!

ตรรกะนี้…ค่อนข้างเจ้าปัญญา

หลังจากที่เยี่ยนอวี๋เช็ดปากให้เจ้าตัวเล็กจนสะอาดแล้วก็ก้มลงหอมแก้มยุ้ยๆ ของเขาพลางเอ่ยชมว่า “ลูกรักเจ้าช่างฉลาดเสียจริง ไม่ถูกบิดาเจ้าหลอกคีบเนื้อออกจากปาก”

“ฮี่~” เยี่ยนเสี่ยวเป่าหัวเราะอย่างชอบใจ ตบหน้าดังแปะๆ “แย่ง…ท่านพ่อ แย่ง! โกรธ เป่า!”

“เหมียว~” แมวขาวตัวน้อยส่งเสียงร้องอยู่ข้างๆ! อีกประเดี๋ยวข้าจะไปเอาเนื้อมาเพิ่ม! เจ้าต้องแอบกินลับหลังบิดเจ้านะ เหมียว

น่าเสียดายก่อนที่มันจะทันได้พูดจบ มันก็ได้รับคำเตือนเสียก่อน “เสี่ยวไป๋ หากเจ้าป้อนเนื้อชิ้นใหญ่ให้เสี่ยวเป่าอีก ข้าจะถอนขนเจ้า”

“อ้า เหมียว!” แมวขาวตัวน้อยประท้วงอย่างรุนแรง “เหมียว เหมียว เหมียว!” เสี่ยวอี้เอ๋อร์เจ้าช่างดุร้ายเกินไปแล้ว! สมกับที่เป็นเสือดาวตัวน้อย ดุร้ายจริงๆ! โหดร้ายมากๆ เลยเหมียว~

“ไม่!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าปกป้องแมวขาวตัวน้อย ตะโกนใส่บิดาของเขาแล้วยัดเจ้าแมวขาวตัวน้อยเข้าไปในพื้นที่ว่าง

ทำให้ในอ้อมแขนเขาเบาลงมาก “เป่ารัก! ไป๋!”

“แผลบ!” แมวขาวตัวน้อยเลียหน้าประจบเจ้าตัวเล็กบางคน

“ฮี่~”

“เหมียว!”

จู่ๆ ทั้งสองก็เล่นหยอกกัน ลืมเรื่องจิ๊บจิ๊บไปเสียสนิท

ต้าซือมิ่งเองก็ไม่ได้ ‘เอา’ จิ๊บจิ๊บออกมาให้เจ้าตัวเล็กในทันที แต่เดินไปที่ครัวด้านหลังแล้วพับแขนเสื้อขึ้น จากนั้นลงมือทำอาหารให้เจ้าตัวเล็กบางคน

เยี่ยนอวี๋อุ้มบุตรชายตามเข้าครัวไปเช่นเดียวกันกลับนึกประเด็นหลักขึ้นมาได้ “แล้วสถานการณ์ของจิ๊บจิ๊บเป็นอย่างไรบ้าง”

เจ้าตัวเล็กบางคนเงียบลงในทันทีแล้วมองไปที่บิดาของเขา รอคำตอบจากบิดา

ต้าซือมิ่งเริ่มจุดไฟ ตอบไปว่า “กายศักดิ์สิทธิ์ของมันมีพลังของข้าอยู่จึงแตกต่างจากผู้อื่น ราชาไร้ระเบียบกลืนกินร่างของมันไปแล้ว มันจึงไม่มีความพิเศษนี้อีก แต่ว่าวิญญาณและสติปัญญามันไม่ได้รับความเสียหายใดๆ”

หลังจากพูดคำพูดนี้ ต้าซือมิ่งก็ยื่นฝ่ามือไปหยุดตรงหน้าเจ้าตัวเล็ก จากนั้นรัศมีแสงสีเหลืองอ่อนก็ปรากฏขึ้น ร่างของลูกไก่ตัวเล็กๆ ค่อยๆ ปรากฏให้เห็นจากด้านใน!

“อ้า!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเอื้อมมือไปจับไก่ตัวเล็กเอาไว้ทันที! แม้ว่าการเคลื่อนไหวของเขาจะเร็วมาก แต่เขากลับเบามือและอ่อนโยนมาก เขาเข้าใจความหมายของบิดาอย่างชัดเจน รู้ว่าน้องจิ๊บของเขาแม้ว่าจะยังมีชีวิต แต่ก็อยู่ในอาการไม่สู้ดีนัก

ในเวลาเดียวกันนั้น

ไก่สีเหลืองตัวน้อยก็ลืมตาขึ้นเล็กน้อย สติปัญญาของมันไม่ได้เสียหายจริงๆ มันเอ่ยเรียกอย่างฉงน “พี่ เป่า?”

“อื้ม!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าตอบเสียงดังลั่น จุมพิตไก่สีเหลืองตัวน้อยเบาๆ!

การเคลื่อนไหวของเขาเร็วมาก! ทำให้เยี่ยนอวี๋กังวลว่าไก่สีเหลืองตัวน้อยจะถูกกลืนเข้าไปในอึกเดียว ส่วนนางเตรียมพร้อมล้วงไก่สีเหลืองออกจากปากของเจ้าตัวเล็กแล้ว

อย่างไรก็ตาม เยี่ยนเสี่ยวเป่ายังคงรักน้องจิ๊บตัวนี้ของเขาเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้จุมพิต ‘แรงเกินไป’ จนเผลอดูดมันเข้าไปในปาก แถมยังวางตัวเป็นพี่ใหญ่ ยกมือขึ้นลูบหัวน้องจิ๊บของเขา “อย่า เสียใจ! พี่ เป่า ปกป้องเจ้า!”

ขณะที่เขาพูดคำพูดนี้ ร่างกายของเยี่ยนเสี่ยวเป่าก็เปล่งแสงสีขาวขุ่นราวกับหมอกออกมา แสงสีขาวค่อยๆ เข้าไปครอบคลุมร่างน้องจิ๊บของเขาเอาไว้!

ส่วนไก่สีเหลืองตัวน้อยที่อ่อนแอ มันกลอกตาเล็กๆ ของมัน มองดูพี่เป่าของมันอย่างโง่เขลา จู่ๆ ความรู้สึกสบายก็แล่นไปทั้งตัว! ดูเหมือนว่าพลังมากมายที่หายไปค่อยๆ กลับคืนมาแล้วอย่างนั้นหรือ?!

ฉากตรงหน้านี้…

เยี่ยนอวี๋ที่มองดูตั้งแต่ต้นจนจบ นางเข้าใจเป็นอย่างดีว่าบุตรชายของนางพยายาม ‘ปกป้อง’ จิ๊บจิ๊บและ ‘รักษา’ มันอย่างเต็มที่! เมื่อลองคิดดู แม้ว่าจิ๊บจิ๊บจะไม่สามารถฟื้นฟูกลับไปสู่จุดสูงสุดได้ แต่มันก็ไม่ได้แย่เกินไปนัก

เยี่ยนอวี่จึงเลือกไม่พูดอะไร เจ้าตัวเล็กจะได้มีสมาธิกับการ ‘ปกป้อง’ จิ๊บจิ๊บ ส่วนนางนั่งลงข้างๆ สามีอย่างเงียบๆ มองดูเขาทำ อืม อาหารบดให้เจ้าตัวเล็ก สุดท้ายก็เป็นอาหารบดจริงๆ สินะ

ต้าซือมิ่งซึ่งกำลังทำอาหารให้เจ้าตัวเล็กด้วยมือข้างหนึ่ง ใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่จับมือภรรยาเอาไว้ตลอด แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการทำอาหารให้เจ้าตัวเล็กของเขาเลยสักนิด

โชคดีที่จิ่วอิงไม่อยู่ที่นี่ ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องพูดแขวะแน่นอน! ท้ายที่สุดแล้วเวลาทำอาหารให้เจ้าตัวเล็ก เก้าหัวของมันแทบจะไม่พอใช้…

เยี่ยนอวี๋ชอบความสงบในเวลานี้เป็นพิเศษ รวมถึงกลิ่นของควันไฟที่ลอยอยู่รอบๆ ทำให้แม้เจ้าตัวเล็กที่อุ้มจิ๊บจิ๊บและเสี่ยวไป๋อยู่จะผล็อยหลับไปแล้ว นางก็ไม่ได้ส่งเสียงทำลายความเงียบสงบนี้

หรงอี้ที่จับมือของนางแล้วทำอาหารให้เจ้าตัวเล็กก็ไม่ได้เอ่ยอะไรเช่นกัน เพียงแต่ขอแค่เขาว่าง เขาก็จะใช้โอกาสนั้นกอดภรรยาเอาไว้ในอ้อมแขน เห็นได้ชัดว่าเขามีความสุขกับการที่มีภรรยาที่งดงามและเจ้าตัวเล็กที่ว่าง่ายอยู่ในอ้อมแขนมากๆ

อย่างไรก็ตามความสงบนี้ไม่ได้ ‘คงอยู่’ นานนัก เพราะสุดท้ายแล้วแขกก็ทยอย ‘กลับมา’ ทีละคน

คนแรกที่กลับมาคือเทียนอ๋องเบิกฟ้าและฟ่านเจียง หลังจากได้รับความช่วยเหลือจากเทพปักษามังกรและเทพขุนเขาทั้งสิบสอง ปัญหาใหญ่ในยมโลกก็ได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้วจึงรีบเร่งกลับมา ‘ร่วมงานเลี้ยง’

เทียนอ๋องเบิกฟ้ายังกล่าวอีกว่า “วันนี้เป็นวันที่มีเรื่องมงคลคู่ อา! ไม่เพียงแต่ปฐมราชินีเข้าพิธีสมรส เจ้าราชาแห่งความไร้ระเบียบที่ชอบก่อเรื่องเองก็ถูกกำจัดไปแล้ว! สุรามงคลนี้อย่างไรก็ต้องดื่มต่อ! อย่างน้อยๆ ต้องดื่มติดกันสามวันสามคืน!”

“มีเหตุผล!” ฟ่านเจียงสำทับอย่างเห็นด้วย ขาดก็แต่ไปลากเหล่าผีชั้นสูงมานั่งดื่มสุรามงคลด้วยกัน แล้ว แต่เนื่องจากยมโลกยังมีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ต้องจัดการอีกมาก เขาไม่สะดวกที่จะทำตัวเป็นเถ้าแก่ว่างงานและโยนภาระไปให้ลูกน้องจนหมด แถมยังหนีบเอา ‘แรงงานหลัก’ ทั้งหมดมาที่นี่อีกจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมแพ้

ส่วนเทพขุนเขาทั้งสิบสองนั้น พวกมันยังไม่กลับมา พากันไปที่บ่อหกวิถีเพื่อรอเซ่าเฮ่า

เหล่าขุนเขาและท้องทะเลเก่าที่เหลือเองก็ไม่มีใครกลับมาแม้แต่ผู้เดียวล้วนเป็นพี่น้องกัน! แน่นอนว่าย่อมไม่สามารถขาดใครได้ ต้องกลับมาด้วยกัน

อย่างไรก็ตาม ด้วยความ ‘กระตือรือร้น’ ของเทียนอ๋องเบิกฟ้าก็เพียงพอทำให้แขกที่กลับมาพร้อมกับเขาเริ่มครึกครื้นแล้ว!

เยี่ยนอวี๋ฟังบทสนทนาของพวกเขา อมยิ้มไปพลางซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของสามีนางอีกครั้ง “สามี~”

“หืม” หรงอี้พรมจูบใบหูของภรรยา ใช้นิ้วเรียวยาวของเขาเขี่ยติ่งหูของภรรยาเบาๆ

นี่ทำให้เยี่ยนอวี๋รู้สึกจั๊กจี้จึงย่นไหล่ลง “จั๊กจี้~”

ต้าซือมิ่งเปลี่ยนจากพรมจูบเป็นการดูด “แล้วแบบนี้เล่า”

เยี่ยนอวี๋หดตัวม้วนกลม พลางยกมือขึ้นปิดริมฝีปากที่ซุกซนของสามี ใบหูนางขึ้นสีชมพูระเรื่อ ลำคอระหงส์สีขาวนวลดุจหิมะก็เริ่มมีสีชมพูชมพูระเรื่อให้เห็นเช่นกัน

ในสายตาของต้าซือมิ่งนั้น นางในตอนนี้ช่างงดงามและน่าหลงใหลเป็นที่สุด…

ยิ่งไปกว่านั้น ภรรยาปฐมราชินีเยี่ยนของเขายังใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยนและมีเสน่ห์ กระซิบข้างหูเขาเบาๆ ประโยคหนึ่ง “สามี ป้อนข้าวให้เสี่ยวเป่าก่อนนะ~”

หรงอี้กอดภรรยาของเขาไว้แน่น จากนั้นก็ตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำแหบพร่า “จากนั้นค่อยป้อนภรรยาสินะ หืม?”

คำว่า ‘หืม’ สุดท้ายนั้น ทั้งทุ้มต่ำและเร่าร้อนราวกับมีพลังทะลุทะลวงแปลกๆ แทรกลึกเข้าไปในหัวใจของเยี่ยนอวี๋อย่างเจ้าเล่ห์ ทำให้นางต้องขดตัวเข้าไปในอ้อมแขนของสามีอย่างอ่อนระทวย ไม่อาจเอื้อนเอ่ยสิ่งใดได้อีก…

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่ทั้งนุ่มนิ่มและเต็มไม้เต็มมือเช่นนี้ ทำให้ต้าซือมิ่งทนไม่ไหวจริงๆ!

ยิ่งไปกว่านั้น…หลังจากหลอมรวมร่างพลังร่างสุดท้ายอย่างสมบูรณ์ ความทรงจำที่ ‘หลงลืม’ ของเขาก็ฟื้นคืนกลับมาแล้ว

และตอนนี้ เขาจำได้อย่างชัดเจนแล้วว่าเขาทำให้เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ในอ้อมแขนของเขาคนนี้ ตั้งท้องลูกของเขาได้อย่างไร

ดังนั้น เขาจึงไม่ใช่ ‘หนุ่มบริสุทธิ์’ อีกต่อไปและเขาก็อยากจะ ‘ลิ้มรส’ มันอีกครั้ง

แต่เยี่ยนอวี๋นั้นยังไม่รู้ตัวว่าสามีของนางไม่เหมือนเดิมแล้วจนกระทั่งหลังป้อนข้าวให้เจ้าตัวเล็กเสร็จ แล้วกล่อมเขาเข้านอน

และจนกระทั่ง…ม่านราตรีเยื้องกรายเข้าปกคลุมจักรวาลดั้งเดิม

นางถึงได้รู้ว่าสามีของนางเปลี่ยนไปแล้ว!

น่าเสียดายที่นางรู้ช้าไป…

ก่อนหน้านี้ นางยั่วยวนต้าซือมิ่งอย่างโหดร้ายและผลที่ตามมาคือตนเองถูกลงโทษอย่างหนักหน่วง

……

เข้าวันรุ่งขึ้น ณ จักรวาลดั้งเดิม

แขกจำนวนไม่น้อยที่นั่งดื่มสุรามงคลกันทั้งคืน พากันเมาสลบเหมือด

แม้แต่พวกเยี่ยนชิงที่ตามมา ‘ทีหลัง’ ก็ยังเมาไม่ลืมหูลืมตา

แต่นั่นไม่ได้ทำให้พวกเขาหยุดดื่ม! แต่กลับโห่ร้องไชโยและดื่มต่อไป!

จางอวิ๋นเมิ่งเองก็ไม่ได้ห้ามปรามพวกเขา แถมยังเพิ่มกับแกล้มให้พวก ‘ขี้เมา’ เหล่านี้อีกด้วย

เทียนตี้เองก็กำลังดื่มเช่นกัน แถมยังอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เขายกจอกสุราขึ้นกระดกนับครั้งไม่ถ้วน “มา! อวยพรให้เสี่ยวเฮ่าเฮ่าฟื้นตัวโดยเร็ว ดื่ม!”

“ดื่ม!” สัตว์เทพโบราณจากเหล่าขุนเขาและท้องทะเลหกร้อยกว่าตนคำรามอย่างพร้อมเพรียง เสียงคำรามดังสะเทือนก้องโลก ไหนๆ ก็เมากันแล้ว ยังต้องสนใจสิ่งใดอีกเล่า!?

เยี่ยนอวี๋….

ภายใต้เสียงคำรามของลูกน้องเก่าของนาง ทำให้นางค่อยๆ ตื่นขึ้นมา

แม้ว่าสามีของนางจะกางม่านอาคมอย่างหนาแน่นในเรือนหอของพวกเขาแล้วก็ตาม แต่นางมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าเหล่านี้จึงได้รับผลกระทบจากพวกเขาอยู่บ้าง

อย่างไรก็ตามตอนนี้นางยังคงไร้เรี่ยวแรง รู้สึกเพียงว่าร่างกายอ่อนปวกเปียกไปหมด

ความรู้สึกนี้ค่อนข้างแปลก นั่นทำให้นางอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องออกมา

หรงอี้ซึ่งกอดนางไว้ในอ้อมแขนแน่น พรมจูบหน้าผากของนาง พร้อมกับยกมือข้างหนึ่งขึ้นลูบแผ่นหลังของนางอย่างแผ่วเบา

เยี่ยนอวี๋จึงหยุดเคลื่อนไหว…

นางกลัวว่าสามีของนางจะคึกขึ้นมาอีก!

‘กระดูกเก่าๆ’ นี้ของนางทนรับต่อไปไม่ไหวแล้ว

ทว่าต้าซือมิ่งก็ไม่มีท่าทีที่จะ ‘ทำ’ มันอีก เพียงแต่หลังจากสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของภรรยา ร่างกายของเขาก็ตอบสนองตามธรรมชาติ

ส่วนเขา…

กำลังอยู่ในความฝัน

ในความฝันเหมือนว่าเขาได้ย้อนไปยังเขาพระสุเมรุในความทรงจำ

แต่ตัวเขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่โลกแห่งความฝันและเขาก็รู้ด้วยว่ามัน…เป็นลางบอกเหตุว่าเขาจะกลับเขาพระสุเมรุได้อย่างไร

ใช่แล้ว

แม้ว่าร่างพลังจะถูกหลอมกลับเข้าสู่ร่างกายหมดแล้ว แต่หรงอี้ก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะกลับเขาพระสุเมรุได้อย่างไร

ถึงอย่างไรเขาที่มาถึงมิตินี้ จักรวาลนี้ ที่นี่ไม่ใช่อาณาจักรทั้งปวงที่หรงหวง…ท่านปู่พระสุเมรุของเขาสร้างขึ้น

ข้อนี้ เขารู้มาโดยตลอด เพราะอย่างนั้นเขาจึงรู้ด้วยว่ามันไม่ง่ายเลยที่เขาจะกลับไป

แต่เขาเองก็ไม่รีบร้อน เพราะเขารู้อยู่เสมอว่าหลังจากที่เขาฝ่าด่านเคราะห์สำเร็จ เขาจะรู้เองว่าควรกลับไปอย่างไร

และข้อเท็จจริงก็ได้พิสูจน์แล้วว่าความเข้าใจของเขานั้นไม่ได้ผิดพลาด

เขาในตอนนี้ ได้เห็นเขาสุเมรุผ่านโลกแห่งความฝันแล้วและค่อยๆ สัมผัสได้ถึง ‘ทิศทาง’ ที่ชัดเจนของของเขาสุเมรุโดยประมาณ เพราะอย่างนั้นเขาจึงนอนหลับลึกมาก

เยี่ยนอวี๋รู้สึกได้

นางจึงเคลื่อนไหวได้ผ่อนคลายมากขึ้น

หลังจากแน่ใจแล้วว่าสามีนอนหลับสนิทจริงๆ นางจึงลุกขึ้นมาสวมชุดนอน ใบหูและหลังคอแดงก่ำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อนึกถึงฉากเร่าร้อนเมื่อคืน…

ก็ สามีนางนั้นนิสัยไม่ดี!

แต่ว่า…นางโน้มตัวไปจุมพิตริมฝีปากของสามีที่ดื้อรั้นที่นางชอบมากที่สุด จากนั้นก็ยกแขนขึ้นคล้องคอของสามี พลางซุกศีรษะแนบชิดซอกคอของเขา สูดดมกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์จากตัวเขา

จนถึงขณะนี้ เยี่ยนอวี๋ยังจำได้อย่างชัดเจนว่าครั้งแรกที่คนผู้นี้เข้าประชิดตัวนาง นางต้านทานลมหายใจที่รุกล้ำเข้ามาของเขาได้อย่างไร รู้สึกเหมือนถูกรุกราน…

แต่นางไม่สามารถผลักเขาออกไปได้ กลับค่อยๆ ถูกเขา ‘พิชิต’

ตอนนี้ นางชอบกลิ่นนี้ของสามีเป็นอย่างมาก

ยิ่งชอบขึ้นไปอีกเมื่อเขากระซิบข้างหูนางด้วยเสียงต่ำว่า “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์”

ราวกับว่าต้องการกระชากดวงวิญญาณของนางเข้าสู่ร่างกาย หัวใจ และจิตวิญญาณของเขา หลอมรวมให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับเขา

และราวกับว่า เขาต้องการเข้าครอบครองห้องหัวใจของนางอย่างเอาแต่ใจ ทำให้นางระลึกว่าไม่ว่านางจะอยู่แห่งใด ก็ไม่อาจและไม่สามารถตัดใจยกให้ผู้อื่นได้

ความรู้สึกเช่นนี้…ทำให้เยี่ยนอวี๋โอบกอดสามีของนางแน่นยิ่งขึ้น

แสงศักดิ์สิทธิ์หลากสีสันกระจายออกมาจากร่างกายของนางอย่างต่อเนื่อง

สววรค์ทั้งหมด ดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์หลากสีสันที่ล้นออกมาเช่นกัน

จักรวาลดั้งเดิมเองก็ไม่ต่างกัน! คล้ายกับว่า…

เทียนตี้และเหล่า ‘ขี้เมา’ ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง สติพลันถูกเรียกคืนกลับมาเล็กน้อย

รวมไปถึงหยวนสื่อเทียนจุน ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดในขณะนี้ที่ล่วงรู้ว่านิมิตเบื้องหน้านี้สื่อถึงสิ่งใด

มีเพียงเยี่ยนอวี๋เท่านั้นที่รู้ดีกว่าใครที่สุด

นาง…จะกลับบ้านไปเป็นเพื่อนสามี

กลับไปยังบ้านของสามี

เพราะอย่างนั้น……นางจึงตัดขาดโดยสิ้นเชิง

ความสัมพันธ์พิเศษระหว่างนางและสวรรค์เก้าชั้นฟ้า

นางจะไม่ใช่ปฐมราชินีผู้สร้างสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอีกต่อไป

นี่เป็นสิ่งเดียวที่นางสามารถทำเพื่อสามีของนางได้

สามี~

สามีของนาง

เพื่อนางแล้ว เขาทำหลายสิ่งหลายอย่าง…

ดังนั้นในตอนนี้ ก้าวเล็กๆ สุดท้าย นางจะเป็นฝ่ายทำเอง

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

Status: Ongoing
แม้จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่นางก็ยังคงเป็นเทพธิดาอันดับหนึ่งของสวรรค์ชั้นเจ็ด ผู้มีความสามารถแกร่งเกินผู้ใดไม่เปลี่ยนแปลง “ผู้ชายอะไรนั่นน่ะ กินได้หรืออย่างไร ข้าไม่เห็นจะอยากได้”เยี่ยนจื่ออวี๋ แม้มีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของประมุขสำนักชางอู๋แห่งแคว้นแต่กลับไร้พลังแต่กำเนิด แถมยังทำเรื่องงามหน้าอย่างการปีนขึ้นเตียงผู้ชาย!เพราะเรื่องฉาวโฉ่เกินทนทำให้หญิงสาวหายหน้าไปกว่าครึ่งปี แต่เมื่อกลับมาอีกครั้งสำนักชางอู๋ก็ถึงคราวสั่นสะเทือนจากหญิงสาวที่ไม่อาจฝึกพลังกลายเป็นปรมาจารย์มากสามารถ พลังสูงส่งเกินใครโอสถใดที่ว่ายาก นางกระดิกนิ้วเดียวก็สำเร็จสมบูรณ์ วิชาใดที่ฝึกไม่ได้นางล้วนทำได้จากหญิงสาวที่ทุกคนต่างเมินหน้าหนีกลายเป็นผู้สูงส่งที่ทุกคนต้องการประจบประแจงชายหนุ่มทั่วหล้าล้วนอยากเป็นพ่อเลี้ยงของเจ้าตัวเล็กกันทั้งนั้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท