เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน – บทส่งท้าย 3 ปฐมราชินีร่วงหล่น

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

บทส่งท้าย 3 ปฐมราชินีร่วงหล่น

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง

ณ ทะเลสาบสือซ่าไห่

เผ่ามารทั้งหมดที่เพิ่งประสบภัยพิบัติมาสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าด้านบนเหนือศีรษะพวกมันมีภูเขาและแม่น้ำที่ไม่คุ้นเคยมากนัก ดวงจันทร์แปลกตาและแม้แต่ต้นไม้โบราณและเทพแห่งแสงสว่างเองก็กำลังก่อตัวและรวมตัวกัน?

นี่…

ก่อนหน้านี้เพราะต้องกลับสวรรค์เพื่อส่งข้อความ แต่กลับถูกรั้งไว้กลางทาง รอจนกระทั่งกฎเกณฑ์ทั้งหมดฟื้นฟูกลับคืนมา พิกซีที่สามารถกลับมาได้เป็นสิ่งมีชีวิตแรกค้นพบว่า…

ภูเขา แม่น้ำ พระจันทร์ที่ประหลาด ต้นไม้โบราณและเทพแห่งแสงสว่างเหล่านี้ ช่างเหมือนกับสถานที่ที่พวกมันเคยเห็นจากระยะไกลก่อนหน้านี้ ในตอนที่ปฐมราชินีหยวนชูอัญเชิญขุนเขาและท้องทะเลโบราณ ทะเลและขุนเขาโบราณเหล่านี้ที่ปรากฏขึ้นมาช่างคล้ายคลึงกันมาก

แต่ตอนนี้วิกฤติสิ้นสุดลงแล้ว และปฐมราชินีหยวนชูกับนายท่านเองก็กลับสู่จักรวาลดั้งเดิมแล้ว ทำไมนิมิตนี้ยังปรากฏบนท้องฟ้าเหนือทะเลสาบสือซ่าไห่อีก หรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกหรือไม่

พิกซีตื่นตระหนกเล็กน้อยและต้องการไปเรียกแอนนาที่ปิดด่านอยู่

หลังจากที่แอนนา ‘กลับมา’ ทุกตนในเผ่ามารต่างก็เคารพนางในฐานะผู้นำโดยสัญชาตญาณ ตอนนี้ ‘เกิดเรื่อง’ ขึ้นแล้ว บุคคลแรกที่พิกซีนึกถึงจึงเป็นนาง

อย่างไรก็ตามแอนนาในเวลานี้ได้ออกจากด่านมาเองแล้วเพราะแต่เดิมนางก็ไม่ได้ปิดด่านอย่างจริงจัง เพียงแต่ก่อนหน้านี้ได้รับบาดเจ็บจึงปิดด่านเพื่อรักษาบาดแผลก็เท่านั้น

ดังนั้นเมื่อข้างนอกมีการเคลื่อนไหว นางจึงรับรู้ได้อย่างชัดเจน ไม่จำเป็นต้องให้พิกซีมาเตือน นางก็ออกจากด่าน

เหล่ามารยังคงตื่นตระหนกเล็กน้อย “นี่มันเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องขึ้นอีกแล้วหรอกนะ”

“เป็นไปไม่ได้ เราเองก็ไม่รู้สึกถึงอันตรายใดๆ เป็นไปได้หรือไม่ว่ากระบวนท่าสุดท้ายของปฐมราชินีหยวนชูก่อนหน้านี้รุนแรงเกินไป ตอนนี้เมื่อมีการฟื้นคืนกฎจึงเกิดภาพลวงตาเล็กน้อย?”

“ได้ยินเจ้าพูดแบบนี้ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้…”

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เหล่ามารยังคงไม่สบายใจ แต่เพราะมีแอนนาบรรพบุรุษของพวกมันอยู่ พวกมันจึงไม่ตื่นตระหนกจนวิ่งไปรอบๆ เหมือนแมลงวันไร้หัว ยิ่งไม่มีใครเสนอให้ไปขอความช่วยเหลือจากสวรรค์

แต่คิ้วของแอนนากลับขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้ทำให้พิกซี คิเมียรา และปีศาจแฝงฝันรีบมาอยู่ข้างๆ นาง แต่ละตนกระวนกระวายใจเล็กน้อย

คิเมียรากล้าพอที่จะเป็นผู้เอ่ยถามตนแรก “ท่านบรรพบุรุษ พวกเราจะงานเข้าอีกแล้วหรือ?”

“ข้าแก่ขนาดนั้นเชียวหรือ” แอนนาเลิกคิ้วถาม

ปีศาจแฝงฝันเข้าใจและอยากจะพูดอะไรสักคำ แต่ทว่าคิเมียรา ‘สหายร่วมทีมห่วยๆ’ ของนางกลับชิงตอบก่อน “ท่านคือผู้อาวุโสที่สุดในเผ่ามารของเรา ย่อมต้องแก่แล้ว”

แอนนา “…”

คิเมียรา โตแต่ตัวแต่ไร้สมองสินะ

ทว่าแอนนาไม่ได้สนใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ นางขมวดคิ้วแน่นแล้ววกกลับเข้าหัวข้อสนทนาหลัก “ไม่ใช่ว่าเราต้องเจอปัญหาอีก เป็นเยี่ยนอวี๋ผู้นั้นต่างหากที่ประสบกับปัญหา”

“อะไรนะ” คิเมียราไม่เข้าใจ

พิกซีกลับกังวล “เกิดเรื่องขึ้นกับปฐมราชินีหรือ”

“อืม” แอนนามั่นใจมาก

ปีศาจแฝงฝันรีบถามทันที “เช่นนั้นเราต้องไปสนับสนุนนางหรือไม่ ไม่ใช่สิ ข้าหมายความว่าปฐมราชินีหยวนชูก่อนหน้านี้ปกป้องเราอย่างสุดกำลัง เผ่าเราอย่างน้อยก็ควรตอบแทนนางกลับไปบ้างใช่หรือไม่”

ประโยคนี้ของปีศาจแฝงฝันฟังดูแปลกๆ หลักๆ คือเผ่ามารแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเอ่ยถึงเรื่อง ‘การตอบแทน’ ด้วยมารนั้นไม่ใช่ตัวตนที่มีจิตใจเมตตาหรือมีคุณธรรม เมื่อประโยคนี้ถูกเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นครั้งแรกจึงฟังดูพิกลเล็กน้อย…

แอนนามองปีศาจแฝงฝันอย่างมีความหมาย “ดูเหมือนว่าภายใต้การดูแลของเยี่ยนอวี๋ พวกเจ้าค่อนข้างชอบนางมากทีเดียวนะ พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าและบรรพบุรุษถูกนางฆ่าตายอย่างไร”

“ตึก”

ปีศาจแฝงฝันและพิกซีคุกเข่าลง

“ตึก”

แม้ว่าคิเมียราจะสมองช้า เวลานี้เองมันก็รู้ว่าตัวเองควรจะคุกเข่าลง

แอนนากลับยิ้มแย้ม “ข้าไม่ได้มีเจตนาตำหนิพวกเจ้า ท้ายที่สุดข้าเองก็ได้รับความกรุณาจากนางและบุตรของนาง เรื่องในอดีตให้มันจบไปทั้งเช่นนี้ แต่อดีตที่พวกเราเผ่ามาร เผ่าเทพ รวมถึงอีกสามเผ่าที่เหลือต่อสู้กันจนตายไปข้าง ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้

ข้าวางแผนว่ารอเผ่าเราฟื้นคืนกลับมาก่อนจะย้ายไปยังจักรวาลใหม่ที่มิติยังไม่เสถียรมากนัก อย่างไรก็ตามเรื่องนี้อย่าเพิ่งป่าวประกาศออกไป แค่พวกเจ้ารู้อยู่แก่ใจก็พอ”

“รับบัญชา ท่านบรรพบุรุษ” คิเมียราตอบรับเสียงดังลั่น

ปีศาจแฝงฝัน “…”

“เหอะๆ” แอนนาหัวเราะอีกครั้ง “บรรพบุรุษก็บรรพบุรุษ พวกเจ้าจัดการเรื่องต่อจากนี้ต่อ ข้าจะไปจักรวาลดั้งเดิมสักรอบ ดูว่าเยี่ยนอวี๋กำลังทำอะไรอยู่”

หลังจากพูดจบ แอนนาก็หายตัวไป

แม้ว่าพิกซีจะเป็นห่วงเยี่ยนปฐมราชินีมาก แต่ก็ไม่กล้าถามมาก

แน่นอนว่ามันอยากถาม แต่ถามไม่ได้นี่สิ

ท้ายที่สุด เพียงชั่วพริบตาแอนนาก็มาปรากฏตัวที่ด้านหน้าทางเข้าจักรวาลดั้งเดิม ไปจากทะเลสาบสือซ่าไห่ตั้งนานแล้ว

เหล่าเทพบริวารที่คอยลาดตระเวนทางเข้าจักรวาลดั้งเดิม เมื่อเห็นแอนนาพวกเขาก็ตื่นตระหนกเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม เทียนตี้รับรู้ได้ถึงการมาถึงของนางจึงออกมาจากจักรวาลดั้งเดิม “แอนนา?”

สัมผัสที่เฉียบแหลมเช่นนี้ของเทียนตี้ ทำให้แอนนาประหลาดใจเล็กน้อย “เจ้าเด็กน้อยคนนี้ สัมผัสของเจ้าเฉียบคมมากจริงๆ นะ ไม่เสียทีที่ก่อนหน้านี้เยี่ยนอวี๋ให้เจ้าอยู่ข้างกายและชี้แนะเจ้าอยู่ตลอด”

เทียนตี้รู้สึกพูดอะไรไม่ออก ที่สำคัญคือเขาเองก็เป็น ‘ผู้อาวุโส’ ที่มีอายุนับพันปีแล้ว แต่กลับถูกเรียกว่า ‘เจ้าเด็กน้อยคนนี้’ ความรู้สึกเช่นนี้มันช่าง…

แต่ด้วย ‘ลำดับอาวุโส’ ของแอนนา นางเรียกเขาเช่นนี้ก็ไม่ได้ผิดอะไร

เทียนตี้ทำเพียงยิ้มอย่างเก้อกระดาก พลางเอ่ยถามว่า “ท่านมาที่นี่เพื่อดื่มสุรามงคลอย่างนั้นหรือ”

“แน่นอนว่าไม่ใช่ ข้ามาเพื่อก่อกวน” แอนนาตอบอย่างตรงไปตรงมา

เทียนตี้ “…”

เขาแทบจะรักษารอยยิ้มบนใบหน้าไว้ไม่อยู่

แอนนากลับเดินดุ่มๆ เข้าจักรวาลดั้งเดิม

เหล่าเทพบริวารหลังจากได้ยินการสนทนานี้พวกเขาก็ตื่นตระหนกเล็กน้อย แต่เทียนตี้โบกมือให้พวกเขาลาดตระเวนต่อไป ส่วนเขาตามกลับเข้าไปในจักรวาลดั้งเดิม เห็นเพียงแอนนามองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าฉงน

เทียนตี้มองตามสายตาของแอนนาที่กำลังมองแสงศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บนท้องฟ้าและไม่หายไป ความไม่สบายใจก็เริ่มก่อตัวขึ้น “ท่านเองก็รู้สึกว่าสถานการณ์นี้ผิดปกติใช่หรือไม่”

“เจ้าสังเกตเห็นด้วยหรือ” แอนนาประหลาดใจมากจริงๆ

ทันทีที่เทียนตี้ได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้แล้วว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นจริงๆ จึงรีบถามแอนนาเพื่อขอการยืนยัน “เพราะฉะนั้น นี่คือพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ปลดปล่อยออกมาจากอาจารย์จริงๆ?””

แอนนาเข้าใจแล้วว่าแม้ระดับพลังของเทียนตี้จะด้อยกว่านาง แต่เขากลับเติบโตขึ้นแล้วอย่างแท้จริง และเพียงพอที่จะก้าวไปสู่ระดับสูงแล้ว ดังนั้นเยี่ยนอวี๋คงอยากวางมือแล้วสินะ

เพียงแต่…

แอนนากลับกล่าวการคาดเดาของตนเองเพิ่มเติม “ไม่เพียงแต่นางจะปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง นางยังปลดปล่อยแหล่งกำเนิดของตนเองด้วย ดังนั้นนี่จึงเป็นเหมือนการตัดการเชื่อมต่อของนางกับสวรรค์เก้าชั้นฟ้าทั้งหมดมากกว่า”

สีหน้าของเทียนตี้เปลี่ยนไปทันที “เช่นนั้นอาจารย์นาง…”

“เจ้าอย่าเพิ่งเป็นกังวล ให้ข้าคิดดูก่อน” แอนนายกมือขึ้นส่งสัญญาณให้เทียนตี้หยุดพูด นางสัมผัสถึงกลิ่นอายที่เยี่ยนอวี๋ปลดปล่อยออกมาในจักรวาลดั้งเดิมอย่างถี่ถ้วน

แต่เทียนตี้ไม่อาจใจเย็นได้ เขาร้อนใจมาก เขาอยากจะไปเคาะห้องหอของอาจารย์แล้วสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือว่า…อาจารย์พ่อดอกบัวขาวผู้นั้นจะคิดเรื่องไม่ดีแล้วสุดท้ายก็ทำสำเร็จแล้ว?

เมื่อคิดเช่นนี้ เทียนตี้ก็ทนไม่ไหวยิ่งกว่าเดิม

แต่แอนนากลับรั้งเขาไว้ “หนุ่มน้อย ข้าบอกเจ้าแล้วว่าอย่าใจร้อน ทำไมเจ้าถึงร้อนรนยิ่งกว่าเดิมอีกเล่า”

“ข้า…” เทียนตี้อดไม่ไหวบอกสิ่งที่ตนเองคาดเดาออกมา “ข้าจะไม่ร้อนใจได้หรือ อาจารย์พ่อผู้นั้นภายนอกดูสงบนิ่งเหมือนพระพุทธเจ้าผู้ไร้กิเลสตัณหา แต่จริงๆ แล้วเขาร้ายลึกมาก ข้ากลัวว่าเขา…”

“กลัวเขาทำไม” แอนนาเอ่ยขัดจังหวะคำพูดของเทียนตี้ “ด้วยระดับพลังของเขา หากเขาต้องการทำลายสวรรค์เก้าชั้นฟ้าทั้งหมด การทำลายอาจารย์ของเจ้าช่างง่ายยิ่งกว่าง่ายแต่เขาไม่ได้ทำ เพราะอย่างนั้นเจ้าคิดว่า เขาจะทำผิดต่ออาจารย์ของเจ้าอย่างนั้นหรือ”

เทียนตี้นิ่งไปทันที…

เมื่อครู่นี้เขาร้อนใจมากเกินไปจึงคิดไม่รอบคอบ

แอนนาเตือนสติเขาแบบนี้ ทำให้เขารู้แล้วว่าความกังวลของตนเองนั้นช่างไร้เหตุผล

อาจารย์พ่อของเขาผู้นั้นไม่ได้ไร้เดียงสา แต่เหมือนว่าเขาเองก็ไม่ได้มีแผนร้ายอะไรต่ออาจารย์…

หากมีแผนร้ายจริงๆ ก็คงแค่ต้องการอาจารย์นั่นแหละ

ดังนั้นไม่ว่าจะมองอย่างไร บุคคลที่น่าจะเป็นอันตรายต่ออาจารย์น้อยที่สุด กลับเป็นอาจารย์พ่อ

แต่ว่า…

“เช่นนั้นท่านบอกข้ามาสิว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น” เทียนตี้ไม่เข้าใจจริงๆ

แอนนากลอกตาใส่เขา “ข้าบอกแล้วว่าอย่าใจร้อน ข้ากำลังสัมผัสอยู่ไม่เห็นหรือ”

“เช่นนั้นท่านก็รีบหน่อยสิ” เทียนตี้ไม่อาจใจเย็นได้จริงๆ

อันที่จริงแอนนาก็พอคาดคะเนได้แล้ว แต่นางไม่แน่ใจและคิดไม่ตก นางจึงเอ่ยถาม “เยี่ยนอวี๋อยู่ที่ไหน ข้าจะไปถามนางด้วยตัวเอง”

“…ในเรือนหอใหม่” เทียนตี้ตอบ หากไม่เป็นเช่นนั้น เขาคงถ่อไปถามนางเองนานแล้ว

“ยังไม่ตื่นอีกหรือ” แอนนาครุ่นคิด สองสามีภรรยาคู่นี้รักกันมากเสียจริงจนกระทั่งนางรักษาอาการบาดเจ็บหายดีแล้ว พวกเขายังทำกันไม่เสร็จอีกหรือ? โอ้ไม่สิ หากยังทำไม่เสร็จ นิมิตแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ แอนนาจึงเอ่ยต่อ “คงจะตื่นแล้วล่ะ นางอยู่ที่ไหน พาข้าไปที”

เนื่องจากม่านอาคมที่ต้าซือมิ่งบางคนกางเอาไว้ระดับสูงเกินไป แม้ว่าแอนนาจะมาถึงจักรวาลดั้งเดิมแล้ว นางก็ไม่รู้ว่าเยี่ยนอวี๋อยู่ที่ไหนจึงทำได้เพียงให้เทียนตี้นำทาง

แม้ว่าเทียนตี้จะรู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม แต่เขาเป็นห่วงอาจารย์ย่อมนำทางให้ อย่างไรเสียเขาก็ไม่ใช่คนที่เคาะประตู

ทว่าเมื่อเทียนตี้พาแอนนาไปถึงที่หมาย แอนนาก็เคาะประตูจริงๆ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครเปิดประตูให้พวกเขา…

“จะทำอย่างไรต่อ” เทียนตี้เอ่ยถาม

แอนนาส่ายหัว จะบุกเข้าไปก็ใช่เรื่อง อย่างไรเสีย…

แต่แอนนามาถึงที่นี่แล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเยี่ยนอวี๋ทำไปด้วยความสมัครใจ เพราะอย่างนั้นนางก็น่าจะรู้หนักเบาอยู่กระมัง คงไม่ทำให้ตนเองถึงตายหรอก?

แอนนาลดสายตาลงเล็กน้อย ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้

เทียนตี้กลับกังวล “ไม่บุกเข้าไปหรือ”

“เจ้าจะลองหรือไม่เล่า” แอนนาเงยหน้าขึ้นและถาม

เทียนตี้รวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์ กะจะบุกเข้าไปจริงๆ

แต่การเคลื่อนไหวของเขากลับถูกหยุดโดยเซ่าเฮ่าที่ไม่รู้ว่าตื่นขึ้นมาเมื่อใด แล้วมาที่นี่ตอนไหน “ช้าก่อน”

เทียนตี้สะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียง จากนั้นเขาจึงมองไปที่เซ่าเฮ่าซึ่งยังคงมีสีหน้าซีดเซียว และรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เจ้าตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมไม่นอนต่อ”

เซ่าเฮ่าที่ยังคงอ่อนแอนั้นอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับการกลับคืนสู่ธรรมชาติ สภาพนี้ของเขาถือว่าดีสุดๆ แล้ว ยังห่างไกลกับการกลับคืนสู่ธรรมชาตินัก ถึงตอนนี้เขาฟื้นตัวได้ยังไม่ถึงหนึ่งวัน ฟื้นฟูได้แบบนี้ก็ถือว่าดีสุดๆ แล้ว

แต่เซ่าเฮ่าไม่ได้ตื่นขึ้นมาตามธรรมชาติ จริงๆ แล้วเขาสัมผัสได้ว่าเยี่ยนอวี๋กำลังปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ของตนเองจึงตื่นก่อนกำหนด ดังนั้นวิญญาณของเขาจึงยังอ่อนแอมาก เขาพูดอย่างอิดโรย “เรื่องนี้ พวกเราร้อนใจไปก็ไม่มีประโยชน์ รอนายท่านออกมาก่อนดีกว่า”

“แต่ว่า…” เทียนตี้ยังต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง

แสงหลากสีบนท้องฟ้าค่อยๆ หายไป

เทียนตี้งุนงงล็กน้อย…

วิ้ง

ดูเหมือนว่าจักรวาลดั้งเดิมจะเคลื่อนไหวแล้ว

อันที่จริงจักรวาลดั้งเดิมก็เคลื่อนไหวแล้วจริงๆ

มันหายไปจากยอดสวรรค์เก้าชั้นฟ้าแล้ว…

เหล่าเทพบริวารที่ลาดตระเวนอยู่ที่ทางเข้าจักรวาลดั้งเดิมต่างตกตะลึง

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง

ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว…

ดวงดาวอันสว่างไสวกำลังร่วงหล่น

สวรรค์เก้าชั้นฟ้าซึ่งแต่เดิมกำลังจะรุ่งสาง ข้ามจากเวลากลางวันเข้าสู่ช่วงพลบค่ำ ดังนั้นดวงดาวที่ร่วงหล่นจึงเด่นชัดยิ่งขึ้น

สิ่งที่น่ากลัวคือ

ดวงดาวทั้งหมดที่ร่วงหล่นลงมา กลายเป็นแสงศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสี

ฉากดังกล่าว เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง

“ปฐมราชินี”

“เกิดอะไรขึ้นกับปฐมราชินี?”

“เกิดอะไรขึ้นกับปฐมราชินีหยวนชู?”

ทั่วสวรรค์เก้าชั้นฟ้าต่างพากันตื่นตระหนก

อาณาจักรเทพทั่วสารทิศเองก็พากันตื่นตระหนกเช่นกัน

เพราะเมื่อสามหมื่นปีก่อน ยามปฐมราชินีหยวนชูร่วงหล่นก็เคยเกิดปรากฏการณ์บนท้องฟ้าแบบนี้

แต่ว่า…ปฐมราชินีก็ยังอยู่ดีไม่ใช่หรือ

หรือว่า…ทันใดนั้นเหล่าเทพทั้งหมดก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดี

และความรู้สึกที่ไม่ดีเช่นนี้ ทั้งเทียนตี้และเซ่าเฮ่าเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน

พวกเขาไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกแบบนี้ ซีหวังหมู่ เทพอัสนี จิ่วเฟิ่ง ม้าเฉิงหวง ซูซู…ขุนเขาและท้องทะเลโบราณทั้งหมด ต่างก็รู้สึกเช่นนี้

ในตอนนี้ พวกเขาทั้งหมดกรูเข้ามารวมตัวกันที่หน้าเรือนหอใหม่ ทุกตนดูตื่นตระหนกและบางตนก็ร้องไห้ออกมา

เหล่าเทพอสูรที่ปกติจะดุร้ายเหล่านี้ เมื่อใดก็ตามที่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับนายท่านของพวกมัน พวกมันจะรู้สึกราวกับว่าพวกมันสูญเสียกระดูกสันหลังไปกลายเป็นเพียงสัตว์ตัวน้อยที่รู้สึกหวาดกลัว

“เกิดอะไรขึ้น นี่มัน…” เยี่ยนชิงที่ตามมาก็ตื่นตระหนกไม่แพ้กัน แม้ว่าเขาจะไม่รู้สึกไวเท่ากับเหล่าขุนเขาและท้องทะเลและก็ไม่เคยเห็นปรากฏการณ์บนท้องฟ้ายามปฐมราชินีหยวนชูร่วงหล่นในอดีต

แต่ในชาติภพนี้เขาเป็นบิดาของเยี่ยนอวี๋ สายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกันผ่านทางโลหิต ทำให้เขาสังเกตเห็นถึงสิ่งผิดปกติเช่นเดียวกัน

จางอวิ๋นเมิ่งยิ่งรู้สึกชัดเจนขึ้นไปอีก ท้ายที่สุดในร่างกายของนางก็มีเลือดของเยี่ยนอวี๋ที่ ‘ป้อน’ ให้อยู่

อย่างไรก็ตาม…

ขณะที่เหล่าขุนเขาและท้องทะเล รวมถึงเยี่ยนชิงทั้งครอบครัวและแม้แต่แขกทุกคนมารวมตัวกันที่หน้าเรือนหอใหม่ของทั้งสองคน

แอ๊ด

ประตูถูกเปิดออก

ประตูโถงนอนของเยี่ยนอวี๋ที่พวกเขาจับจ้องอยู่ จู่ๆ ก็เปิดออก

เทียนตี้พุ่งเข้าไปทันที

แต่แอนนากลับรั้งเขาไว้อีกครั้ง

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง

เยี่ยนอวี๋ก็เดินออกมาจากด้านใน

แต่ทันทีที่นางเดินออกมา…

ทุกคน เทพ และสัตว์ร้าย ร่างกายพากันแข็งทื่อ

เพราะเยี่ยนอวี๋ที่เดินออกจากโถงนอน นางมีเส้นผมสีเงินและไร้ซึ่งพลังใดๆ แม้แต่…

ขุนเขาและท้องทะเลโบราณทั้งหมดก็สามารถสัมผัสได้ชัดเจนว่าสายสัมพันธ์อันละเอียดอ่อนระหว่างพวกมันกับนายท่านได้หายไปแล้ว หายไปอย่างสิ้นเชิง

นี่…

ไม่รอให้ทุกคน เทพ และสัตว์ร้ายได้สติ

เยี่ยนอวี๋ก็เป็นฝ่ายเอ่ยก่อนว่า “นับจากนี้ไปปฐมราชินีหยวนชูแห่งตำหนักไท่ชาง ร่วงหล่นแล้ว”

“นายท่าน!” ซีหวังหมู่เป็นผู้แรกที่โผเข้าหาเยี่ยนอวี๋ นางร้องไห้อย่างหนัก อย่างไรก็ตามก่อนที่นางจะไปถึงตัวเยี่ยนอวี๋ จิ่วอิงก็รั้งนางไว้

แอนนาเองก็หยุดนางได้ทันเวลาพลางเอ่ยขึ้น “ตอนนี้นางไม่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ใดๆ พวกเจ้าต่างมีพลังและดุร้าย โผเข้าหานางเช่นนี้ คิดจะฆ่านางหรืออย่างไร”

“ฮือ”

ไม่รู้ว่าสัตว์ร้ายตัวใดที่ร้องไห้

อย่างไรก็ตาม เสียงร้องไห้นี้ทำให้สัตว์โบราณกว่าหกร้อยตัวร้องตามอย่างบ้าคลั่ง

นี่ทำให้แอนนาหูแทบอื้อ นางโกรธมากจนขู่คำรามไปว่า “พวกเจ้าจะฆ่านางด้วยคลื่นเสียงหรืออย่างไร! หากเป็นเช่นนั้น ข้าขอตัวก่อนล่ะ พวกเจ้าเชิญตามสบายเลย”

เหล่าขุนเขาและท้องทะเลหยุดร้องไห้กะทันหัน มองไปที่เยี่ยนอวี๋ด้วยน้ำตาคลอเบ้า ไม่กล้าร้องไห้อีก

จากนั้นแอนนาจึงดึงแสงสีดำที่ปกป้องเยี่ยนอวี๋ออก จ้องไปยังศัตรูที่อยู่ตรงหน้านางที่อ่อนแอด้วยสีหน้าไร้คำพูด “นี่เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ ต่อให้เจ้าไม่อยากแบกรับเจตจำนงของจักรวาลแล้วก็ไม่เห็นจำเป็นต้องทำแบบนี้ อย่างน้อย…อย่างน้อยก็เหลือพลังไว้ให้ตัวเองสักหน่อยสิ”

“ถูกต้อง อาจารย์ ทำไมท่านถึง…” คำพูดสุดท้าย เทียนตี้สะอื้นจนไม่อาจพูดออกมาได้

ตามที่แอนนาสัมผัสได้ ระดับพลังของเทียนตี้นั้นไม่ได้ต่ำ ดังนั้นทันทีที่เยี่ยนวี๋เดินออกมาจากในห้อง เขาจึงรับรู้ถึงสภาพร่างกายของเยี่ยนอวี๋ได้อย่างชัดเจน

พลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดหายไปหมดแล้ว

ระดับการบ่มเพาะเองก็ไม่มีแล้วเช่นกัน

หายไปอย่างสมบูรณ์…

น้ำตาเอ่อคลอขึ้นในดวงตาของเทียนตี้ ‘ไหลพราก’ ลงมาอย่างอดกลั้นไว้ไม่อยู่

เยี่ยนอวี๋ยกมือขึ้นลูบศีรษะของเทียนตี้เบาๆ และเงยหน้าขึ้นมองผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าเบื้องหน้า โดยเฉพาะเซ่าเฮ่า “ฟื้นฟูได้ไม่เลว เช่นนี้ข้าก็วางใจแล้ว”

“นายท่าน ท่าน…” แม้ว่าเซ่าเฮ่าจะคาดเดาอะไรบางอย่างได้ แต่ว่า…แต่ว่าเขาก็ยังถูกสภาพของสตรีธรรมดาและไร้พลังตรงหน้าทำให้ปวดใจ ขอบตาจึงเริ่มมีน้ำสีใสเอ่อขึ้นมา

นี่เป็นครั้งแรกที่เซ่าเฮ่าหลั่งน้ำตาอีกครั้งในรอบสามหมื่นปี เพราะ…

แม้ว่านายท่านจะไม่ได้กลับคืนสู่ธรรมชาติเหมือนครั้งก่อน แต่มันก็ไม่ต่างกันอยู่ดี

อายุขัยของมนุษย์คือเท่าใด

เต็มที่คือมีอายุเพียงหนึ่งร้อยปีเท่านั้น

นี่คำนวณตามช่วงเวลาของโลกมนุษย์แล้ว

หากคำนวณตามเวลาของสวรรค์ นายท่านจะมีเวลาเหลืออยู่เพียงไม่ถึงร้อยวันเท่านั้น

นี่มัน…

ดวงตาของเซ่าเฮ่ามีน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมากกว่าเก่า

เยี่ยนชิงรีบพุ่งขึ้นไปทันที แต่เขาไม่กล้ากอดลูกสาวที่บอบบางแรงเกินไป “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ เจ้า นี่เจ้าคิดจะทำสิ่งใดกันแน่”

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

Status: Ongoing
แม้จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่นางก็ยังคงเป็นเทพธิดาอันดับหนึ่งของสวรรค์ชั้นเจ็ด ผู้มีความสามารถแกร่งเกินผู้ใดไม่เปลี่ยนแปลง “ผู้ชายอะไรนั่นน่ะ กินได้หรืออย่างไร ข้าไม่เห็นจะอยากได้”เยี่ยนจื่ออวี๋ แม้มีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของประมุขสำนักชางอู๋แห่งแคว้นแต่กลับไร้พลังแต่กำเนิด แถมยังทำเรื่องงามหน้าอย่างการปีนขึ้นเตียงผู้ชาย!เพราะเรื่องฉาวโฉ่เกินทนทำให้หญิงสาวหายหน้าไปกว่าครึ่งปี แต่เมื่อกลับมาอีกครั้งสำนักชางอู๋ก็ถึงคราวสั่นสะเทือนจากหญิงสาวที่ไม่อาจฝึกพลังกลายเป็นปรมาจารย์มากสามารถ พลังสูงส่งเกินใครโอสถใดที่ว่ายาก นางกระดิกนิ้วเดียวก็สำเร็จสมบูรณ์ วิชาใดที่ฝึกไม่ได้นางล้วนทำได้จากหญิงสาวที่ทุกคนต่างเมินหน้าหนีกลายเป็นผู้สูงส่งที่ทุกคนต้องการประจบประแจงชายหนุ่มทั่วหล้าล้วนอยากเป็นพ่อเลี้ยงของเจ้าตัวเล็กกันทั้งนั้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท