แววตาแสดงถึงความอับอายของเยี่ยนซาซาแปรเปลี่ยนเป็นความแค้นเคืองในทันใด “เยี่ยนจื่ออวี๋! ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ฟุบ!
สาวใช้ชุดดำใช้ฝ่ามือกระแทกไปที่ตันเถียน[1]ของเยี่ยนซาซาอย่างไม่ลังเล
ศิษย์แซ่เฉิงที่ตกใจล้มลงข้างกายเยี่ยนซาซา พูดตะกุกตะกัก “ตันเถียน ตันเถียนของศิษย์ๆๆ ศิษย์พี่ซา ตันเถียนของศิษย์พี่ซาแหลกสลายแล้ว”
ศิษย์หญิงคนอื่นที่เพิ่งตั้งสติได้ กรีดร้องขึ้นทันที “ช่วยด้วย”
“หนวกหู!” ลำแสงมืดพุ่งตรงออกมาพร้อมกัน จัดการศิษย์หญิงสองคนที่ร้องเสียงดังที่สุดทันที
ผู้ดูแลสำนักฝ่ายนอกสองคนที่ทราบข่าวและเพิ่งตามมาถึง สีหน้าพลันเปลี่ยน พวกเขาตะคอกด้วยความโมโห “บังอาจ!”
“ไสหัวไปซะ!” เม่ยเอ๋อร์ยังคงไม่รู้สึกเกรงกลัว และยังฟาดหลังมือลงไปต่อผู้ดูแลสำนักฝ่ายนอกด้วย
จากนั้น…
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
เพียงสองฝ่ามือเท่านั้น!
ผู้ดูแลสำนักฝ่ายนอกที่ดูแข็งแกร่งสองคนนั้นลอยกระเด็นออกไปทันที
เมื่อเห็นการต่อสู้อันคล่องแคล่วเด็ดขาดเช่นนี้ สาวใช้อีกคนในรถม้าก็ไม่เกรงกลัวอีกต่อไป “โอ้โห แท้จริงแล้วพี่เม่ยเอ๋อร์เก่งเช่นนี้เลยหรือ!”
“พวกเขาอ่อนต่างหากเล่า” เม่ยเอ๋อร์ตอบอย่างเย็นชา
ฮึๆ!
เสียงหัวเราะเย้ยหยันดังขึ้น สตรีนางหนึ่งปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับหนุ่มสาวในชุดศิษย์ชั้นยอดของสำนักชางอู๋!
เมื่อหญิงสาวคนนั้นปรากฏตัว สาวใช้ในรถม้าก็เดือดดาลขึ้นมาทันที “เยี่ยนชิงถัง นังงูพิษคนนั้นเจ้าค่ะ!”
เยี่ยนอวี๋กวาดตามองหญิงสาวคนนั้นผ่านม่านรถม้า เห็นสีหน้าเย่อหยิ่งของผู้มาเยือนกำลังพูดประชดประชันว่า “ข้าก็คิดว่าใครกำลังก่อเรื่องอยู่หน้าประตูใหญ่สำนักชางอู๋เสียอีก ที่แท้ก็น้องจื่ออวี๋อีกแล้ว”
เยี่ยนชิงถังรู้สึกได้ว่าเยี่ยนอวี๋กำลังมองมาที่ตน แต่นางก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย นางมองเพียงเม่ยเอ๋อร์เท่านั้น “เจ้าคือองครักษ์ที่เยี่ยนชิงส่งมาปกป้องน้องจื่ออวี๋อย่างนั้นหรือ”
เยี่ยนชิงถังไม่รอให้เม่ยเอ๋อร์ตอบ นางพูดต่อไปว่า “เยี่ยนชิงยอมสละอำนาจแล้ว ภารกิจของเจ้าก็จบลงแล้ว จงกลับมาข้างกายข้าเดี๋ยวนี้ ส่วนเจ้า น้องจื่ออวี๋…ในฐานะที่ข้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้า ข้าขอตักเตือนเจ้าเสียเล็กน้อย ยอมจำนนเสียเถิด อย่าทำให้เรื่องบานปลายเลย”
เยี่ยนชิงถังออกคำสั่งอย่างคนเจ้ากี้เจ้าการ นางรอดูเยี่ยนอวี๋ไสหัวออกมาด้วยความตื่นตกใจอย่างหยิ่งผยอง
น่าเสียดาย…
นางไม่ได้เห็นฉากนั้น
แต่กลับกัน สาวใช้ชุดดำคนนั้นคุกเข่าลงหน้ารถม้าอย่างสุภาพ “คุณหนูใหญ่ บ่าวต้องการเรียกใช้ฌานตบะสองส่วน ได้หรือไม่เจ้าคะ”
เยี่ยนชิงถังตะลึงงัน “?”
“ได้” เยี่ยนอวี๋อนุญาต
ผู้คนในนั้นได้ยินเช่นนี้แล้วต่างก็งงงัน ไม่เข้าใจสิ่งที่นางพูด
เยี่ยนชิงถังก็ชะงักไปนาน กว่าจะปริปากพูดว่า “เจ้าไม่เข้าใจที่ข้าพูดหรือ”
เม่ยเอ๋อร์ไม่สนใจนางแม้แต่น้อย
เยี่ยนชิงถังโกรธจนออกคำสั่งเด็ดขาดว่า “เจ้าคนไม่รู้ผิดชอบชั่วดี! ศิษย์หอราชทัณฑ์! จับเยี่ยนจื่ออวี๋ฆาตกรศิษย์ร่วมสำนักคนนี้ไปซะ กรรมที่นางก่อ ผู้ใดขัดขวางต้องตายสถานเดียว!”
จากนั้น…
ปัง!
เม่ยเอ๋อร์ปล่อยลำแสงดุร้ายกว่าสิบสายจากฝ่ามือ ตันเถียนของบรรดาศิษย์หอราชทัณฑ์กว่าสิบนายที่ยังไม่ทันลงมือกับนางก็แหลกสลายในทันที ไม่พลาดเลยแม้เพียงผู้เดียว!
หลังจากนั้น เม่ยเอ๋อร์ผู้ซึ่งใช้ความพยายามอดกลั้นถึงขีดสุดก็กวาดมือไปทางเยี่ยนชิงถัง ครั้นเมื่อกำลังเล็งไปที่ศีรษะเพื่อปล่อยลำแสงให้นางร่วงลงพื้นนั้น
เยี่ยนชิงถังรู้ว่าตนหลบไม่ทัน จึงแหกปากร้องอย่างหมดหวังว่า “ท่านพ่อ! ท่านพ่อช่วยข้าด้วย…”
“บังอาจ!”
ชี้ว ชี้ว!…
เหล่ายอดฝีมือทุกท่านของสำนักชางอู๋ฝ่ายในจำต้องปรากฏตัวกลางอากาศ
แต่น่าเสียดาย…
เม่ยเอ๋อร์ว่องไวเกินไป!
ตุบ!
เยี่ยนชิงถังร่วงลงบนพื้น ศีรษะแตกจนเลือดไหลนองพื้น…
เยี่ยนอู้ บิดาของเยี่ยนชิงถังโกรธจนก้าวออกมาพลางก่นด่าอย่างเดือดดาล “เยี่ยนจื่ออวี๋ ดูเหมือนเจ้าจะทรยศต่อสำนักแล้ว!”
ยอดฝีมือที่ตามมาไม่น้อยต่างพูดสำทับเป็นเสียงเดียวกันว่า “ใช่แล้ว!”
แต่ในเวลานี้สิ่งที่ทุกคนไม่ทันสังเกตคือ กลิ่นยาจางๆ ที่ลอยออกมาจากรถม้า
เยี่ยนอู้ไม่ทันสังเกตใดๆ ฝ่ามือของเขายังคงหันไปทางสาวใช้ชุดดำ “ฝีมือระดับเจ้า ควรทำคุณประโยชน์แก่สำนัก มิควรเป็นผีชางรับใช้เสือ[2] ยอมศิโรราบเสียเถิด”
เม่ยเอ๋อร์กลับปัดฝ่ามือลมของเยี่ยนอู้ได้อย่างง่ายดาย “เศษสวะแท้ๆ กล้าดียังไงมาแตะต้องคุณหนูใหญ่!”
ยอดฝีมือของสำนักชางอู๋ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างอึ้งงัน ไม่คาดคิดว่าสาวใช้ชุดดำตรงหน้าจะเก่งกล้าเพียงนี้!?
เยี่ยนอู้กลับพูดใส่ร้ายว่า “ไม่คิดว่าศิษย์พี่จะไร้จรรยาเช่นนี้ โยกย้ายองครักษ์สำนักมาปกป้องลูกสาว ดูเหมือนว่าข้าที่เป็นน้องชายคนนี้จะต้องสั่งสอนเองเสียแล้ว! ใครก็…”
คำว่า ‘ได้’ ข้างหลังยังไม่ทันพูดออกมา เยี่ยนอู้ก็พูดต่อไปไม่ได้แล้ว
ตู้ม! ต้าม!
เสียงระเบิดตู้มต้ามดังสะเทือนขึ้นจนกลบเสียงของเยี่ยนอู้ไปหมด เขาอดขมวดคิ้วขึ้นไม่ได้ “เกิดอะไรขึ้น”
ยอดฝีมือคนอื่นๆ ของสำนักต่างมองหน้ากันไปมา ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น
มีเพียงยอดฝีมือหนึ่งเดียวที่มาจากหอสัตว์บรรพกาลที่พูดขึ้นอย่างลังเลเล็กน้อยว่า “ดูเหมือนว่าสัตว์บรรพกาลจะออกมาแล้ว?”
ในขณะเดียวกัน…
โฮกกก!
กรรร ฮาก!…
เสียงอันทรงพลังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
เสียงคำรามกึกก้องกังวาลของเสือ!
ทำให้ยอดฝีมือจากหอสัตว์บรรพกาลตัดคำว่า ‘ดูเหมือนว่า’ ออกไปอย่างมั่นใจ และพูดอย่างหนักแน่นว่า “สัตว์บรรพกาลออกมาแล้ว!”
แต่นี่ยังไม่เท่าไร…
สิ่งที่ทำให้เหล่ายอดฝีมือหน้าถอดสีคือ…
ณ บริเวณที่ลึกลับที่สุดของสำนักชางอู๋ บัดนี้ได้มีแสงจางๆ ปรากฏออกมา
“นั่น นั่นมันปรมาจารย์วิญญาณนี่! ออกมาแล้ว?!” เยี่ยนอู้และยอดฝีมือหน้าถอดสี ยังมีผู้อาวุโสแห่งสำนักชางอู๋ไม่น้อยที่ตระหนกตกใจจนปรากฏตัวขึ้น
“อยากให้ข้าทรยศสำนักจริงๆ อย่างนั้นหรือ” เสียงของเยี่ยนอวี๋ดังขึ้นราวกับเสียงเพลงที่บรรเลงออกมาจากรถม้า เป็นเสียงที่เกียจคร้านแต่ซ่อนความเยือกเย็น สง่างามแต่แฝงไปด้วยความเฉยเมย
[1] ตันเถียน คือ บริเวณท้องน้อย ถือเป็นจุดสำคัญของร่างกายมนุษย์ เพราะเป็นแกนกลางของจงชี่ ซึ่งเป็นชี่ที่เกี่ยวข้องกับระบบการเปลี่ยนแปลงอาหารไปเป็นพลังงานหล่อเลี้ยงชีวิตและควบคุมความเคลื่อนไหวต่างๆ ของร่างกาย
[2] ผีชางรับใช้เสื้อ เป็นสำนวนจีนหมายถึง ช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญ