เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน – บทส่งท้าย 6 เสือดาวตัวน้อยคาบปลาสองตัวกลับบ้าน

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

บทพิเศษ 06 เสือดาวตัวน้อยคาบปลาสองตัวกลับบ้าน

[เล่มที่ 9 คนสี่รุ่นที่อาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน [ตอนพิเศษ]]

“โฮก”

“หวีด…”

เสียงคำรามอย่างต่อเนื่องของสัตว์ร้ายและนกฟีนิกซ์ ดังก้องสวรรค์เก้าชั้นฟ้าหลังจากที่ครอบครัวของเยี่ยนวี๋จากไป

แสงศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ที่ยังไม่กระจายออกไป ค่อยๆ ไหลเข้าสู่จักรวาลดั้งเดิม เข้าไปผสานกับจักรวาลดั้งเดิมจนเป็นหนึ่ง

สิ่งนี้ทำให้เทียนตี้รู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร ดวงตาของเขาแดงก่ำอีกครั้ง

เสียงสะอื้นต่ำดังมาจากเหล่าขุนเขาและท้องทะเลที่ดุร้ายและน่าสะพรึงกลัวที่ทนไม่ไหวอีกต่อไป “นายท่าน นายท่านจะต้องกลับมาหาพวกเราแน่ๆ…”

“นายท่าน!” ซีหวังหมู่เป็นตัวแรกที่ร้องไห้เสียงดัง จากนั้นทุกตัวที่กลั้นอารมณ์ไว้ก็เริ่มร้องไห้และตะโกนตาม

เมื่อสักครู่นี้ เพื่อที่จะให้เยี่ยนอวี๋จากไปได้อย่างสบายใจ ใครก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าบิดเบี้ยว แต่ในความเป็นจริง สำหรับพวกมันแล้วการปล่อยเยี่ยนอวี๋ไปเป็นเรื่องที่ยากจะทนรับไหวจริงๆ

นายท่าน

นายท่าน!

หลายปีที่ผ่านมา…นายท่านพาพวกมันไปด้วยทุกที่ แต่ตอนนี้นางจากไปแล้ว

“จู่ๆ ข้าก็รู้สึกเกลียดจวินโฮ่วนิดหน่อย” ซีหวังหมู่กล่าวอย่างขมขื่นพร้อมกับยกอุ้งเท้าขึ้นปิดตา

เยี่ยนชิงไม่ได้ร้องไห้ ทำให้จางอวิ๋นเมิ่งที่เตรียมจะปลอบใจเขารู้สึกไม่คุ้นเคยเล็กน้อย แต่นางก็เดินเข้าไปกอดสามีของนางไว้แน่น ซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขาและจ้องมองไปยังพื้นที่ว่างเปล่าอย่างเงียบๆ “ล้วนรอไม่ถึงการกลับบ้านภรรยาในวันที่สาม”

เพียงประโยคเดียว…

เยี่ยนชิงก็เกือบจะทนไม่ไหวและร้องไห้ออกมา

แต่เขาก็บังคับมันให้ไหลกลับไป โอบไหล่บางของภรรยาสุดที่รัก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งแต่หนักแน่นว่า “ไม่เป็นไร อย่างมากสามปี อย่างน้อยหนึ่งปี สักวันพวกเขาจะกลับมา”

จางอวิ๋นเมิ่งเงยหน้าขึ้นมองสามีของนางที่อยู่ข้างๆ เห็นว่าเขาเองก็มองไปยังพื้นที่ว่างเปล่า แต่สายตาของเขาดูหนักแน่นและมั่นคง เช่นเดียวกับในปีนั้นที่เขาตัดสินใจแต่งนางเป็นภรรยา แม้ว่าจะต้องมีปัญหากับสำนักคุนอู๋ แต่เขาก็ตั้งมั่นแน่วแน่แบบนี้

ดวงตาของจางอวิ๋นเมิ่งเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ นางพยักหน้าพร้อมกับสะอื้น “อื้ม”

“น้องสาว” เยี่ยนจื่อเสากำหมัดที่อยู่ใต้แขนเสื้อแน่น เปลวไฟที่ยากจะอธิบายลุกโชนขึ้นในหัวใจของเขามากขึ้น

เยี่ยนจื่อเยี่ยกลับเป็นคนที่สงบที่สุดในตระกูลเยี่ยน เขาแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเงียบๆ ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นแล้วยกมือขึ้นไพล่หลัง นึกถึงภาพในอดีตมากมาย ครั้งแรกที่เขาเห็นน้องสาวของเขา ดวงตาของนางทั้งกลมโตและกระจ่างใส แก้มยุ้ยๆ ของนางขึ้นสีชมพูน่าหยิก…

หลายปีต่อมา เขาตระหนักได้ว่าไม่ใช่ว่าทารกทุกคนจะเกิดมาแล้วเป็นเช่นนั้น เหมือนกับน้องสาวที่ลืมตาขึ้นมาได้ทันที ยิ่งไม่มีผิวขาวผ่องราวกับหิมะ ทั้งอมชมพูน่ามอง

น้องสาว

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์

สุดท้ายนางก็แต่งงานออกไปจากตระกูลเยี่ยน เป็นเหมือนกับเด็กสาวทั่วไปที่ต้องแต่งเข้าไปอยู่ในตระกูลสามีที่ตระกูลฝั่งมารดาไม่อาจยื่นมือเข้าไป ‘ยุ่ง’ และไม่อาจสนับสนุนนางได้

น้องสาว

อวยพรให้เจ้าและเสี่ยวเป่าปลอดภัยและสบายดี

อวยพรให้เจ้าและเสี่ยวเป่ามีชีวิตที่มีความสุข

อวยพรให้เจ้าและครอบครัวได้กลับมายังบ้านเราจริงๆ ในเร็ววัน

หรือบางที…อาจเป็นฝ่ายเราเองที่ออกไปพบเจ้า

เยี่ยนอวี๋ที่ยังคงได้ยินผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าของนางร้องไห้อย่างเลือนราง นวดขมับอย่างปวดหัวและถอนหายใจเบาๆ “ไม่มีใครทำให้ข้าวางใจได้เลย”

“ถึงเวลาปล่อยให้พวกมันออกไปเผชิญโลกกว้างด้วยตัวเองแล้ว” หรงอี้จุมพิตใบหูของภรรยา ทัดเส้นผมสีเงินของนางไปด้านหลังใบหู

“อืม” เยี่ยนอวี๋ตอบเบาๆ ความสนใจเริ่มเปลี่ยนจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้าที่ค่อยๆ ไกลออกไปไปยังภาพตรงหน้า ทุกสิ่งที่นางเห็นล้วนเป็นการเปลี่ยนแปลงของมิติเวลาที่แสนแปลกประหลาด

ดวงดาวและจักรวาลค่อยๆ เคลื่อนไกลออกไปจากตัวนาง คลับคล้ายกับว่าพวกมันร่นถอยออกไปต่อหน้าต่อตา จากเนบิวลาสู่ท้องฟ้าที่ไร้ดวงดาว ไปสู่ความมืด จากนั้นก็มีเพียงสีขาว?

นี่…

เยี่ยนอวี๋พบว่าจู่ๆ นางก็มองไม่เห็นอะไรอีก

แม้แต่สามีที่อยู่ตรงหน้าและลูกน้อยในอ้อมแขนนางก็มองไม่เห็นแล้ว

เยี่ยนอวี๋ตะโกนอย่างไม่สบายใจทันที “สามี!?”

“ข้าอยู่ตรงนี้” น้ำเสียงที่สง่างามแต่คุ้นเคย ดังขึ้นข้างหูของนางอย่างชัดเจน

แต่เยี่ยนอวี๋กลับไม่รู้สึกถึงใคร สิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย “ท่านกอดข้าไว้แน่นๆ นะ”

“ได้” หรงอี้ที่กอดภรรยาเขาไว้โดยตลอด ออกแรงมากขึ้นและยกมือขึ้นลูบหลังนางเป็นเชิงปลอบใจ “ไม่ว่าเจ้าจะมองเห็นอะไร สัมผัสอะไรได้ อย่าได้ตกใจ สามีอยู่ตรงนี้”

“ข้ากลัว” เยี่ยนอวี๋ไม่คิดที่จะฝืนทำตัวแข็งแกร่ง นางแสดงความรู้สึกทั้งหมดในใจออกมา “สามี ข้าไม่เห็นอะไรเลย ไม่รู้สึกด้วยซ้ำว่าท่านกำลังกอดข้าอยู่ ข้างหน้าข้ามีเพียงสีขาวและว่างเปล่า ท่านพูดกับข้าให้เยอะๆ หน่อยนะ”

“ได้” หรงอี้แนบริมฝีของเขาไปกับใบหูของภรรยา ปล่อยให้ลมหายใจของเขาไหลเข้าใบหูของนาง “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์อยากได้ยินอะไร”

“ทำไมข้าถึงไม่เห็นหรือไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่ใช่ว่าหลังออกจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ข้าจะสัมผัสถึงพลังนั้นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นหรอกหรือ” น้ำเสียงของเยี่ยนอวี๋มีความคาดหวังและหวาดกลัวต่อสิ่งที่ไม่รู้จัก ยิ่งปรารถนาในสิ่งทั้งหลายที่นางไม่รู้

ในสวรรค์เก้าชั้นฟ้า นางคือเทพเจ้าสูงสุด นางเป็นปฐมราชินีหยวนชูผู้สร้างโลก

แต่ตอนนี้ นางเป็นเพียงสตรีธรรมดาตัวเล็กๆ ทว่าก็ดูพิเศษในเวลาเดียวกัน นางเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและความปรารถนาที่จะสำรวจทุกสิ่ง แต่ก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยเช่นกัน

แต่ความรู้สึกไม่สบายใจนี้ ก็ถูกขจัดออกไปอย่างรวดเร็ว

เนื่องจากหรงต้าซือมิ่งได้วาดตัวเขาขนาดเล็กออกมาแล้วฝังลงไปกลางหว่างคิ้วของภรรยาของเขา

ในทะเลจิตของเยี่ยนอวี๋่ ‘สามีขนาดเล็กที่แสนงดงาม’ ของนางก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

“สามี?” เยี่ยนอวี๋ ‘มอง’ สามีขนาดเล็กที่แสนบอบบางด้วยความประหลาดใจ พลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดของนางพุ่งสูงขึ้นทันที

จากนั้นนางก็พบว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ของนาง แท้จริงแล้วอุดมสมบูรณ์มาก ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางไม่รู้สึกถึงพลังศักดิ์สิทธิ์นี้สักนิด

ส่วนหรงอี้ซึ่งถูกลมหายใจของภรรยาพัวพันรอบกายอย่างแน่นหนา ในตอนนั้นใบหน้าที่ประณีตของเขาก็ตึงขึ้น ดวงตาที่แต่เดิมปิดอยู่เปิดขึ้นทันที

หรงอี้ส่งจิตสำนึกส่วนใหญ่ของเขาไปในทะเลจิตของภรรยาผ่านร่างจำแลงขนาดเล็ก เขาทนไม่ไหวจริงๆ ที่ถูกภรรยาจ้องแบบนี้จึงหยุดนางว่า “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์อย่าตื่นเต้น ผ่อนคลาย” ไม่เช่นนั้นร่างหลักของเขาคงไม่อาจอุ้มพวกนางแม่ลูกกลับสู่โลกพระสุเมรุอย่างสงบได้

เยี่ยนอวี๋ที่คลายความตื่นเต้นลงเล็กน้อย ยังคงชอบสามีขนาดเล็กของนางมาก นางมุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่เขา “นี่ยังคงอยู่ในทะเลจิตของข้าหรือเปล่า”

“ใช่” หรงอี้พยักหน้ายืนยัน “แสงสีขาวที่เจ้าเห็นน่าจะเป็นเส้นทางที่เจ้าต้องตระหนักรู้ เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์สามารถทำความเข้าใจพวกมันได้ ไม่ต้องกลัว”

“แต่ข้าไม่รู้สึกถึงมันเลย” ขณะที่เยี่ยนอวี๋พูด ร่างหลักก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว “ข้าไม่รู้สึกอะไรเลย ข้ามองเห็นเพียงสีขาวอย่างเดียวเท่านั้น”

“การมองเห็นก็เป็นหนึ่งในประสาทสัมผัสทั้งห้าเช่นกัน” หรงอี้เตือน

แน่นอนว่าเยี่ยนอวี๋รู้หลักการนี้ แต่หลังจากมองดูมันนานๆ นางก็ยังมองไม่เห็นอะไรจึงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

“เจ้าอยากจะลองดูอีกครั้งหรือไม่” หรงอี้เสนอ

“…ได้” แม้ว่านางอยากจะถามให้ชัดเจนยิ่งกว่านี้ แต่สุดท้ายเยี่ยนอวี๋ก็ไม่ได้ถาม นางเข้าใจหลักการที่ว่าไม่ใช่ว่ายิ่งได้ยิน ‘คำอธิบาย’ มากก็จะยิ่งตระหนักรู้ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเส้นทางของการบ่มเพาะพลัง

ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งมีชีวิตทุกชนิดล้วนเป็นเอกเทศ พวกมันมีการตระหนักรู้ต่อสภาพแวดล้อมที่พวกมันอาศัยอยู่แตกต่างกันโดยธรรมชาติและยังมีความเข้าใจต่อพลัง สรรพสิ่ง และเรื่องราวทั้งหมดแตกต่างกันอีกด้วย

ดังนั้นนางจึงต้องอาศัยตัวเองเพื่อดู ทำความเข้าใจทุกอย่างให้กระจ่างชัดยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นางไม่รู้คือไม่ใช่ว่าสามีของนางไม่อาจอธิบายอย่างละเอียดหรือสอนนางทีละขั้นตอนได้ แต่เขาแค่ไม่อยากทำอย่างนั้น

เพราะหรงอี้รู้ดีว่าหากเขาทำเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะสามารถช่วยภรรยาย่นเวลาและลดการเสียแรงโดยไม่จำเป็น แถมยังสามารถช่วยนาง ‘คืนตบะ’ กลับมาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น แต่มันจะส่งผลต่อการพัฒนาตัวเองของภรรยาเขาในอนาคตไม่มากก็น้อย

และนี่คือสิ่งที่หรงอี้ไม่ต้องการเห็น…

ภรรยาของเขาฉลาดมาก

นางสร้างสวรรค์เก้าชั้นฟ้าที่แทบจะเทียบได้กับอาณาจักรทั้งปวงที่ปู่หวงสร้างขึ้นมา

เขาจึงเชื่อว่า ภรรยาเขาจะตระหนักรู้เส้นทางของตัวเอง ซึ่งอาจจะเหมาะกับวิถีของภรรยาเขายิ่งกว่า และนางจะทรงพลังและแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่เขาสอนนางอย่างแน่นอน

ดังนั้นในขณะที่เขาแทรกตัวเข้าไปในทะเลจิตของภรรยา เขาแค่คอยติดตามนางและปกป้องนาง แต่ไม่ได้ยื่นมือเข้าไป ‘ชี้แนะหรือกะเกณฑ์’ วิถีของนางแต่อย่างใด

เขาจะเป็นที่หลบภัยของนาง กางปีกเพื่อปกป้องนาง แต่ก็จะปล่อยให้นางบินสูงขึ้นไป โผบินไปสู่อนาคตที่รุ่งโรจน์ของนางเอง

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์

หรงอี้เรียกชื่อเล่นของภรรยาเขาในใจอย่างเงียบๆ รู้ดีว่าภรรยาเขาเป็นปลาน้อยๆ ที่ฉลาด เป็นอิสระและกล้าหาญ

เขาพานางออกมาจาก ‘สระน้ำ’ ของสวรรค์เก้าชั้นฟ้า จะพานางแหวกว่ายไปสู่โลกกว้าง ไม่ต้องการกักขังนางไว้ในตู้ปลา ให้นางแหวกว่ายอยู่ในพื้นที่จำกัดเพื่อให้เขาเฝ้าดูเพียงลำพัง

“เนะ?”

ปลาตัวน้อยกว่านั้น~

ในขณะที่ทั้งหัวใจและดวงตาของผู้เป็นบิดาเต็มไปด้วยแม่ปลา ลูกปลาก็ตื่นขึ้นจากแสงศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ที่โอบล้อมตัวเขาอยู่ จากนั้นแสงเหล่านั้นก็ค่อยๆ หายไป

มันดึงความคิดของหรงอี้ออกจากภรรยาของเขา “เจ้าตื่นแล้วหรือ”

“หาว~”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าหาวเล็กน้อย เขาเม้มริมฝีปากเล็กๆ แก้มยุ้ยที่เต็มไปด้วยไขมัน เป็นเหมือนกับปลาตัวเล็กที่กำลังหายใจอยู่ในน้ำ

หรงอี้ก้มมองเขา พบว่าเจ้าตัวเล็กดูจะอ้วนขึ้นนิดหน่อย ใบหน้าเล็กๆ ดูกลมขึ้น ดูเหมือนว่าจะถูกพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่บำรุงเลี้ยงดูอย่างดีทีเดียว

เยี่ยนเสี่ยวเป่ายกมืออ้วนๆ ของเขาขึ้นขยี้ตา เจ้าตัวเล็กหาวอีกครั้งแล้วมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นอะไรเลย

ท้ายที่สุดแล้ว เจ้าตัวเล็กบางคนก็ถูกกอดไว้ในอ้อมแขนของบิดามารดาของเขาอย่างแน่นหนา เมื่อเขามองไปรอบๆ จึงเห็นเพียงอาภรณ์ของบิดามารดาเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวเล็กไม่ได้ประท้วงงอแง แถมยังยิ้ม “ฮี่ๆ~”

ท่าทางที่โง่เขลานั้นทำให้หรงอี้เม้มริมฝีปากเล็กน้อย เสียงของเขาเบาลงอีกระดับ “จะนอนต่ออีกหน่อยหรือไม่”

“ไม่~” เยี่ยนเสี่ยวเป่าตอบเบาๆ เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ง่วงแล้วแถมยังรู้สึกสบายตัวมาก ดังนั้นเขาจึงเต็มใจที่จะซบอกบิดา แม้ว่าจะถูกมารดาบีบอัด เขาก็ยังรู้สึกมีความสุขมาก

“ฮ่า~” เยี่ยนเสี่ยวเป่าหัวเราะอย่างมีความสุข มือเล็กยกขึ้นจับปกเสื้อของบิดาเขา

หรงอี้ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเล็กกำลังสนุกอะไรอยู่ เขาปล่อยให้เจ้าตัวเล็กเล่นสนุกไปตามธรรมชาติ ในขณะที่มุ่งความสนใจไปที่จิตสำนึกส่วนใหญ่ที่ตัวเองทิ้งไว้ในทะเลจิตของภรรยา

เจ้าตัวเล็กบางคนสามารถเล่นสนุกอยู่ในอ้อมแขนของบิดามารดาของเขาเป็นเวลานานได้จริงๆ เขาอัญเชิญแมวขาวตัวน้อยออกมา “เหมียว?”

จิ่วอิงเองก็ออกมาจากใต้แขนเสื้อของหรงอี้แล้วมองไปรอบๆ เมื่อมันมองเห็นแสงจำนวนนับไม่ถ้วนที่กะพริบไปมา มันก็รู้สึกเหมือนในตอนที่เยี่ยนอวี๋ย้อนกลับไปในสมุยคุนหลุน ทว่าดูแตกต่างกันมาก

จะว่าไป…

“อี้เอ๋อร์” จู่ๆ จิ่วอิงก็ร้องออกมาอย่างสงสัย “ความสัมพันธ์ระหว่างสวรรค์เก้าชั้นฟ้ากับพระสุเมรุคืออะไร พวกเรากลับไปตอนนี้ คือกำลังข้ามมิติเวลาใช่หรือไม่”

“พูดให้ถูกต้องคือ…มันคือภาพสะท้อนในกระจก” หรงอี้ตอบ

จิ่วอิงไม่เข้าใจ “หมายความว่าอะไร”

“ข้าคาดว่า สวรรค์เก้าชั้นฟ้านั้นเป็นภาพสะท้อนในกระจกที่ถูกโยนออกมาจากโลกพระสุเมรุ มันควรจะเป็นภาพสะท้อนของอาณาจักรทั้งปวงที่ถือกำเกิดขึ้นมาจากโลกพระสุเมรุ”

คำพูดนี้…

เพียงพอให้จิ่วอิงนิ่งคิดไปนานแสนนาน

แต่มันก็ยังไม่เข้าใจว่า “นั่นไม่เท่ากับว่าเป็นภาพลวงตาที่ไม่มีอยู่จริงหรือ”

“ไม่ แค่คล้ายกัน” หรงอี้พูดได้เพียงเท่านี้

ดวงตาทั้งสิบแปดดวงของจิ่วอิงหมุนเป็นเกลียวคลื่น…

หรงอี้สรุปอย่างง่ายด้วยหนึ่งประโยคสั้นๆ “ตราบเท่าที่ ‘กระจก’ ที่ก่อตัวเป็นสวรรค์เก้าชั้นฟ้ายังคงอยู่ สวรรค์เก้าชั้นฟ้าก็จะไม่มีวันหายไป”

“นั่นไม่อัศจรรย์เกินไปหน่อยหรือแล้วกระจกเล่า?” จิ่วอิงครุ่นคิด หากอิงตามคำอธิบายนี้ ถ้าหากกระจกแตก สวรรค์เก้าชั้นฟ้าจะไม่จบสิ้นหรือ เช่นนั้น…

“ถ้าอย่างนั้นซีซียัยผู้หญิงที่ดุร้ายนั่นจะไม่ตายอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือ ข้ายังคิดที่จะขอให้นายท่านไปรับตัวมันมา ด้วยนิสัยที่ดุร้ายนั้นของมัน มันต้องเข้ากันได้กับนายท่านมากแน่ๆ” จิ่วอิงกล่าวพร้อมกับพูดแผนที่อยู่ในใจของตัวเองออกมา

หรงอี้เหลือบมองจิ่วอิง “ปู่จิ่วชอบซีซีมากเลยหรือ”

“…เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน” จิ่วอิงเงยหน้าขึ้น ศีรษะทั้งเก้าที่หดเล็กลง มอง ‘บุรุษ’ ตรงหน้าด้วยดวงตาแดงก่ำดุจโลหิต รู้สึกว่าคำพูดเหล่านี้มีกับดักแฝงอยู่

หรงอี้ไม่ตอบมัน เขาแค่ดันลูกน้อยออกจากอ้อมแขน ให้เจ้าตัวเล็กที่ทั้งโง่เขลาและนุ่มนิ่มตัวนี้มีสติสักหน่อย มองไปรอบๆ อย่าได้เอาแต่เกาะและหัวเราะอย่างโง่งม

“อ้า” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูกบิดายกพาดบ่า มองแสงและเงารอบๆ ตัวเขาอย่างสนใจ “สวยมาก มาก”

“ปิ้ว~” เสี่ยวฮวาฮวาที่ตามออกมาสูดอากาศหายใจ เบ่งบานอยู่เหนือศีรษะล้านเล็กๆ และกำลัง ‘พลิ้วไหวไปตามสายลม’

แต่เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่ชอบแบบนี้มากนัก มือป้อมคว้าเสี่ยวฮวาฮวา “ไม่ได้”

ดอกไม้สีม่วงที่ค่อยๆ หุบลง เหมือนกำลังตอบรับเจ้าตัวเล็ก รอบตัวมันเปล่งแสงสี่สีออกมา ทำให้ดวงตาของเจ้าตัวเล็กเป็นประกายระยิบระยับ “ท่านพ่อ ดอกไม้สวย”

หรงอี้เองก็ถูกการเปลี่ยนแปลงของดอกไม้ที่แสนเผ็ดร้อนดอกนี้ดึงดูดความสนใจ เขาสัมผัสได้ว่าดอกไม้ดอกนี้ ได้ดูดซับพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ไปแล้ว นี่ทำให้เขาพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง

ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์นี้ของเจ้าตัวเล็กแปลกประหลาดมาก ตอนนี้มันมีพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่แฝงอยู่ในร่างกาย เห็นได้ชัดว่าห่างไกลจากดอกไม้ไท่อี่ธรรมดาๆ ไปไกลโขแล้ว

ขณะที่หรงอี้กำลังครุ่นคิด เขาก็เห็นดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ดอกน้อยๆ บานสะพรั่งอีกครั้ง ครั้งนี้มันเบ่งบานแยกออกมาสี่ดอก ได้แก่ดอกสีขาว ดอกสีคราม ดอกสีดำ และดอกสีแดง

อืม…

นี่ไม่ใช่ดอกไม้ไท่อี่แล้วจริงๆ

“คิกๆ”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าดีใจมาก

เขายังคุยกับฮวาฮวาของเขาด้วยว่า “เปลี่ยน เป็น อย่างอื่น อีกสิ”

ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์แกว่งไปมาเล็กน้อย บอกอย่างชัดเจนว่ามันไม่สามารถเปลี่ยนสีอื่นออกมาได้อีกแล้ว

เยี่ยนเสี่ยวเป่าเองก็ไม่ได้ผิดหวัง เขาคว้าดอกไม้สีขาวแล้วยัดเข้าปากโดยตรงอย่างมีความสุข ในความเห็นของเขา เขาคิดว่าดอกไม้สีขาวต้องไม่เผ็ดแน่นอนก็มันมีสีเหมือนกับขนมอบนม ก็ต้องมีรสหวานสิ

ผลลัพธ์คือ…

“แง”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง ร้องไห้จ้า

ดอกไม้ทั้งหมด ‘หายไป’ ในชั่วพริบตา เห็นได้ชัดว่ามันรู้แล้วว่าตัวเอง ‘ก่อเรื่อง’ ขึ้นแล้ว จึงหนีไปซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้จิ่วอิงและแมวขาวตัวน้อยตกตะลึงอยู่อย่างนั้น

หรงอี้ “…”

เขาโอบเจ้าตัวเล็กเข้าสู่อ้อมแขนอย่างพูดไม่ออก

เจ้าตัวเล็กรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมมากๆ “เผ็ด เผ็ดมาก เป่า แงง”

“เจ้าตะกละเอง จะโทษใครได้” หรงอี้ที่ใช้มือข้างหนึ่งโอบประคองภรรยาที่กำลัง ‘นอนหลับ’ ยกมือข้างเดียวกันขึ้นลูบศีรษะโล้นเล็กๆ ของเจ้าตัวเล็ก

“สีขาว” เยี่ยนเสี่ยวเป่าต้องการอธิบายว่า ดอกไม้สีขาวทั้งหมดก็เป็นเหมือนกับขนมอบนม จะโทษว่าเขาตะกละได้อย่างไร

“เป็นสีขาวแล้วจะต้องกินได้อย่างนั้นหรือ ทำไมเจ้าไม่คว้าเมฆบนท้องฟ้ามากินด้วยเลยเล่า”

“แง”

เยี่ยนเสี่ยวเป่ารู้สึกเสียใจมาก เขาแสดงออกว่าตัวเองไม่ต้องการได้ยินคำสั่งสอนในตอนนี้ เขาแค่อยากร้องไห้

หรงอี้หยิกแก้มนุ่มๆ ของเจ้าตัวเล็ก แล้วพูดอย่างโกรธเคือง “ถ้าเจ้ายังไม่หยุดร้องไห้อีกจะปลุกท่านแม่เจ้าให้ตื่นแล้ว อย่าร้องไห้”

“…” เยี่ยนเสี่ยวเปาร้องไห้โดยไม่ส่งเสียง ยื่นกำปั้นเล็กออกไปทุบตีบิดา อ้าปากเล็กๆ หมายจะกัดบิดาสักคำ เขารู้สึกว่าบิดาเขาไม่เพียงแต่ไม่ปลอบใจเขา แต่ยังทำให้เขาโกรธอีกด้วย

แต่หรงอี้ซึ่งทราบถึงความตั้งใจของเจ้าตัวเล็ก กล่าวดักล่วงหน้า “ถ้าเจ้ากัดพ่อ พ่อจะไม่ให้เจ้ากินขนมอีก”

“อยู่ไหน” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเงยหน้าขึ้นมองบิดาผู้ให้กำเนิด เห็นได้ชัดว่าในดวงตาเขาไม่มีน้ำตาอยู่สักนิด

เจ้าเด็กคนนี้…

“แกล้งร้องไห้?”

หรงอี้คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเขาจะเรียนรู้วิธีการแกล้งร้องไห้ ดูเหมือนว่าดอกไม้สีขาวเองก็ไม่ได้เผ็ดขนาดนั้น

สำหรับเยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูกจับได้ เพิกเฉยต่อคำว่า ‘แกล้งร้องไห้’ ของบิดาโดยสิ้นเชิง จี้ถามว่า “ขนมอยู่ไหน”

หรงอี้ก้มมองเจ้าตัวเล็ก ครู่หนึ่งถึงตอบว่า “ในแขนเสื้อ หยิบเอง”

“ฮี่ๆ~” เจ้าตัวเล็กยิ้มกว้าง รีบควานหาของที่เขาต้องการในแขนเสื้อบิดา ดูเหมือนเขาจะคุ้นเคยกับการทำเรื่องแบบนี้มาก

หรงอี้พูดอะไรไม่ออกกับเด็กคนนี้จริงๆ…

ในเวลาเดียวกัน

ในเขาพระสุเมรุซึ่งขยับเข้าใกล้พวกหรงอี้มากขึ้นทุกที เสียงสตรีสองนางที่มีเสน่ห์ในตัวถามขึ้นอย่างร้อนใจว่า “หาอี้เอ๋อร์เจอหรือยัง”

“อืม”

“อยู่ที่ไหน”

“หวงหวง รีบพาพวกเราสองคนไปดูเร็วเข้า”

“ฝ่าบาท ท่านเห็นอี้เอ๋อร์แล้วหรือยัง”

……

เสียงพูดคุยสอบถามนับไม่ถ้วนดังก้องมาจากยอดเขาพระสุเมรุ

เสียงภาษาสันสกฤตอันบริสุทธิ์ที่ดังขึ้นในตอนแรก ตอนนี้กลับไม่มีอีกต่อไป เห็นได้ชัดว่าแม่สามีและลูกสะใภ้สองคนนี้ ถามตอบกันหมดทุกคำถามแล้ว

อย่างไรก็ตาม

เสียงที่เย็นชาแต่ชัดเจนเสียงหนึ่ง ดังขึ้นทีละคำ “เสือดาวตัวน้อยพาภรรยาและลูกของเขากลับมาเองแล้ว”

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

Status: Ongoing
แม้จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่นางก็ยังคงเป็นเทพธิดาอันดับหนึ่งของสวรรค์ชั้นเจ็ด ผู้มีความสามารถแกร่งเกินผู้ใดไม่เปลี่ยนแปลง “ผู้ชายอะไรนั่นน่ะ กินได้หรืออย่างไร ข้าไม่เห็นจะอยากได้”เยี่ยนจื่ออวี๋ แม้มีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของประมุขสำนักชางอู๋แห่งแคว้นแต่กลับไร้พลังแต่กำเนิด แถมยังทำเรื่องงามหน้าอย่างการปีนขึ้นเตียงผู้ชาย!เพราะเรื่องฉาวโฉ่เกินทนทำให้หญิงสาวหายหน้าไปกว่าครึ่งปี แต่เมื่อกลับมาอีกครั้งสำนักชางอู๋ก็ถึงคราวสั่นสะเทือนจากหญิงสาวที่ไม่อาจฝึกพลังกลายเป็นปรมาจารย์มากสามารถ พลังสูงส่งเกินใครโอสถใดที่ว่ายาก นางกระดิกนิ้วเดียวก็สำเร็จสมบูรณ์ วิชาใดที่ฝึกไม่ได้นางล้วนทำได้จากหญิงสาวที่ทุกคนต่างเมินหน้าหนีกลายเป็นผู้สูงส่งที่ทุกคนต้องการประจบประแจงชายหนุ่มทั่วหล้าล้วนอยากเป็นพ่อเลี้ยงของเจ้าตัวเล็กกันทั้งนั้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท