คิกๆ… เสี่ยวเป่าหัวเราะราวกับว่าฟังผู้ใหญ่พูดกันรู้เรื่อง
เยี่ยนอวี๋แทบจะละลายไปหมดแล้ว นางรู้สึกว่ารอยยิ้มไร้ฟันน้ำนมของเด็กน้อยช่างน่ารักเหลือเกิน! เหงือกสีชมพูระเรื่อราวกับไข่มุกสีชมพู งามวิจิตรเสียจริงๆ
เยี่ยนอวี๋ผู้ ‘เห่อลูก’ ก็เอาแต่หยิกและลูบตัวเด็กน้อย
ส่วนกู้หยวนเหิงเจ้าคนเฮงซวยหรือขบวนคนจากหอราชทัณฑ์อะไรนั่น นางลืมไปหมดแล้ว
“คุณหนูใหญ่…” ชุ่ยชุ่ยมองคุณหนูใหญ่ผู้เห่อลูกอย่างลำบากใจ นางคิดว่าหอราชทัณฑ์ส่งคนมามากมายเช่นนี้เกรงว่าคงไม่จากไปง่ายๆ แน่
จางสุยชุนหัวหน้าแห่งหอราชทัณฑ์ที่มีท่าทีไม่เป็นมิตรนัก พูดขัดชุ่ยชุ่ยแล้วกำชับว่า “เยี่ยนจื่ออวี๋บุตรสาวของเจ้าสำนักกระทำการมิชอบ ยโสโอหัง และไม่ให้ความร่วมมือกับกิจของหอราชทัณฑ์ จับตัวไปซะ! หากผู้ใดฝ่าฝืนต้องตายสถานเดียว!”
“ฮึ!” เม่ยเอ๋อร์แสยะยิ้มอย่างเย็นชา สีแดงฉานในตาปรากฏขึ้นอีกครั้ง รังสีความกระหายเลือดแผดพุ่ง ราวกับอสุรีที่กำลังบอกว่า ‘หนึ่งคนเฝ้าด่าน ทหารหมื่นนายมิอาจกรายผ่าน’
“จับตัวไป!” แม้จางสุยชุนจะหวาดกลัว แต่ก็มิกล้ากรีดร้องแสดงความอ่อนแอออกมา
คนจากหอราชทัณฑ์กว่าร้อยนายตั้งขบวนขึ้นทันทีและสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งบริเวณ บรรยากาศอบอวลไปด้วยความอาฆาต!
ศึกใหญ่โตเช่นนี้…
เหล่าคนของสำนักมากมายต่างถอนหายใจ ถึงแม้พวกเขายังทำงานอยู่ในสำนัก แต่ทิศทางลมของครึ่งปีที่ผ่านมานี้ ทำให้พวกเขาจำต้องเลือกข้างอย่างรอบคอบ พวกเขาย่อมไม่ออกไปช่วยในยามนี้แน่
กู้หยวนเหิงถอนหายใจแล้วพูดโน้มน้าวว่า “จื่ออวี๋ เจ้าอย่าเอาแต่ใจเลย เชื่อฟังข้าแล้วตามไปเสียหน่อยเถิด” แม้จะพูดเช่นนั้น แต่เขากลับถอยหลังไปก้าวหนึ่งเพื่อแสดงท่าทีว่าเขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องภายในของสำนักชางอู๋อย่างแน่นอน
เยี่ยนอวี๋ผู้ซึ่งถึงอย่างไรก็ไม่สนใจสถานการณ์รอบตัว นางไม่เพียงแต่ไม่สนใจกู้หยวนเหิงเท่านั้น แต่ยังคงหยอกเล่นกับเด็กน้อยในอ้อมอกอย่างตั้งอกตั้งใจ นางเพียงแค่ต้องการเห็นเด็กน้อยหัวเราะอีกครั้งเท่านั้น
ในขณะที่หยอกเล่นจนเจ้าเด็กน้อยดูเหมือนทั้งเขินอายและหงุดหงิดในเวลาเดียวกัน จากนั้นเขาก็มุดตัวลงไปในผ้าห่อตัวและนอนหลับไปอย่างไม่พอใจ…
ฮ่าๆ… เยี่ยนอวี๋หัวเราะกับสีหน้าท่าทางอันหลากหลายของเด็กน้อย แม้นางจะอาศัยบนสวรรค์ชั้นเจ็ด แต่นางก็ไม่เคยพบเคยเห็นทารกครบเดือนที่ฉลาดปราดเปรื่องเช่นนี้มาก่อน ไม่เสียชื่อที่เกิดเป็นลูกของเยี่ยนอวี๋จริงๆ
และเสียงหัวเราะอันไพเราะราวกับทำนองเพลงนั้น ทำให้เหล่ากองทัพจากหอราชทัณฑ์ที่พร้อมจะเข้าโจมตีต่างชะงักงัน พวกเขารู้สึกเพียงว่าเสียงหัวเราะนั้นช่างไพเราะนักราวกับนางฟ้ากำลังประสานเสียงร้องเพลงกันอยู่
นี่มัน…
“ไพเราะยิ่งนัก…”
เหล่าผู้คนของสำนักต่างพบว่าคุณหนูใหญ่เยี่ยนที่คลอดลูกกลับมาสวยขึ้นกว่าเดิมมากโข สวยจนทำให้พวกเขาเผลอคิดเปลี่ยนฝั่งยืนเพื่อปกป้องคุณหนูใหญ่เลย ทำอย่างไรดีนี่
“นิ่งกันทำไมเล่า ยังไม่รีบลงมืออีก!” จางสุยชุนที่ตั้งสติขึ้นได้รู้สึกเคอะเขิน ในใจกลับรู้สึกทำไม่ลง เพียงเพราะหญิงงามช่างงดงามยิ่งนัก แต่เขาก็ทำอะไรมิได้
“หืม?” เยี่ยนอวี๋เพิ่งพบว่าในเรือนเต็มไปด้วยผู้คน นางพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “บอกแล้วว่าไม่ไป เหตุใดเจ้าถึงยังไม่กลับไปรายงานเล่า”
“ข้าน้อย…ข้า…” จางสุยชุนที่เกือบคล้อยตาม พลันหน้าแดงแล้วรีบพูดใหม่ว่า “ท่านอาวุโสมีคำสั่ง ต้องพาท่านไปให้จงได้”
“มีธุระอย่างนั้นหรือ” เยี่ยนอวี๋ถามกลับ
“มีธุระขอรับ” จางสุยชุนยังคงคล้อยตามไปอยู่ดี ทั้งที่แท้จริงแล้วเขาไม่จำเป็นต้องตอบเลย เพียงแค่พานางไปก็เป็นพอ!
“เช่นนั้นเจ้าไปเรียกพวกเขามา ข้าต้องอยู่เฝ้าลูกชายของข้า” เยี่ยนอวี๋พูดอย่างตรงไปตรงมา นี่คือความในใจของนาง เพราะตอนนี้นางก็ยุ่งมาก ยุ่งกับการเล่นกับลูกชายน่ะ
จางสุยชุน “???”
นี่มันแปลกๆ อย่างไรไม่รู้!