เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน – บทส่งท้าย 7 การตอบสนองของสายเลือดที่ทรงพลัง

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

บทพิเศษ 07 การตอบสนองของสายเลือดที่ทรงพลัง

เพียงประโยคเดียว…ก็ทำให้ยอดเขาพระสุเมรุกลับสู่ ‘ความสงบ’ ได้สำเร็จ

ส่วนเสือดาวตัวน้อยที่ถูกพูดถึง กำลังให้อาหารเจ้าตัวเล็กของเขา หรงอี้ หรงต้าซือมิ่ง ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ครอบครัวที่เขาคนึงหามาโดยตลอด รู้ว่าเขาอยู่ระหว่างเดินทางกลับบ้านแล้ว…

แต่เขาก็รู้ดีว่าเมื่อพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ปรากฏขึ้นในสวรรค์เก้าชั้นฟ้า บิดาเขาคงรู้คร่าวๆ แล้วว่าเขาอยู่ที่ไหน และก่อนหน้านี้ ทันทีที่เขาฝ่าด่านเคราะห์สำเร็จ บิดาเขาและปู่หวงของเขาเองก็คงสัมผัสได้แล้วเหมือนกัน

ท้ายที่สุด ในวินาทีที่เขาฝ่าด่านเคราะห์สำเร็จอย่างสมบูรณ์

เขาเองก็สัมผัสถึงพวกเขาได้อย่างคลุมเครือ

ในทำนองเดียวกัน พวกเขาก็ต้องสามารถสัมผัสถึงเขาได้เหมือนกัน

ดังนั้น เมื่อเขาเห็นเส้นผมสีขาวโพลนทั้งศีรษะของภรรยา เขาจึงอยากจะพูดว่าไม่จำเป็น ไม่ควร นางไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ เขาเคยบอกกับนาง แต่ทำไมนางถึงไม่รอเขาต่ออีกสักหน่อย

ในขณะที่เขารู้สึกปวดใจอย่างถึงที่สุด เขาก็รู้ดีว่าภรรยาทำทั้งหมดนี้เพื่อเขา

ข้ออ้างที่ว่าทำเพื่อให้สวรรค์เก้าชั้นฟ้าดียิ่งขึ้นอะไรนั่น เป็นเพียงเหตุผลรอง

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ของเขา กำลังใช้วิธีของนางเองเพื่อรักเขา

เช่นเดียวกับที่เขาไม่อยากให้นางมีบ้านแต่กลับบ้านไม่ได้ นางเองก็ไม่ต่างกัน

ดังนั้น แม้ว่านางกำลังจะเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่รู้จักและไม่คุ้นเคยและอาจต้องประสบกับการเสื่อมถอย นางก็ยังยินดีที่จะละทิ้งทั้งหมด ทั้งตบะทั้งชีวิต สถานะที่สูงที่สุดของนางในสวรรค์เก้าชั้นฟ้า นางละทิ้งมันได้อย่างเด็ดขาด

และเพื่อไม่ให้เขาได้มีโอกาสหยุดนาง นางจึงเลือกทำมันในตอนที่เขานอนหลับสนิทและกำลังหาทางกลับบ้าน เขาไม่มีโอกาสได้ยื่นมือเข้าไปแทรกแซง คงเพราะนางกลัวว่าเขาจะเป็นทุกข์

ไม่อย่างนั้น

หากเพียงเพื่อให้สวรรค์เก้าชั้นฟ้าดีขึ้น นางสามารถ ‘แยกตัว’ ออกมาจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้โดยไม่จำเป็นต้องทำร้ายตัวเอง เพราะนางมีการตระหนักรู้ในด้านนี้แข็งแกร่งมาก

เพราะฉะนั้น…นางทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อเขา

กระทั่งนางยังต้องการทำให้ครอบครัวของนางรู้สึกว่าเขากำลังช่วยเหลือนางและพานางไปสู่ ‘โลก’ ที่ดีขึ้นและกว้างมากขึ้น ไม่ใช่เพราะนางอยากกลับบ้านไปพร้อมกับเขาจึงเสียสละตัวเอง

หรงอี้รู้ดีว่าก่อนที่นางจะสละทุกสิ่งอย่าง ภรรยาของเขารู้ว่านางจะไม่ตายแน่ๆ แต่สิ่งอื่นนางแทบไม่ได้คำนึงถึงเลย

เพื่อปกป้องเขา…นางทำทุกขั้นตอนอย่างดีที่สุด

จัดการทุกอย่างได้อย่างลงตัวไร้ที่ติ

“เจ้าปลาโง่”

หรงอี้ที่รู้ทุกอย่างแก่ใจ แน่นอนย่อมไม่คิดเปิดโปงข้อแก้ต่างของภรรยา นางทำทั้งหมดลงไปแล้ว แล้วเขาจะเปิดโปงมันไปเพื่ออะไร

นางปกป้องเขา

เขาย่อมยอมรับการปกป้องนี้อย่างเต็มที่ แม้ว่ามันจะทำให้เขารู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ทำให้เขารู้สึกมีความสุขเล็กน้อยด้วย

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ของเขา

เพื่อเขา นางกางครีบออกเพื่อปกป้องเขาอย่างสุดกำลัง

ทำไมนางถึงได้น่ารักและชวนให้คนปวดใจขนาดนี้

……

ความเข้าใจทั้งหมดนี้ ทำให้หรงอี้อดไม่ได้ก้มลงจุมพิตภรรยาของเขาอีกครั้ง

เมื่อเยี่ยนเสี่ยวเป่าที่กำลังกินขนมอยู่เงียบๆ เห็นภาพดังกล่าว เขาก็อยากจะเขยิบขึ้นไปจุมพิตมารดาของเขาด้วยเหมือนกัน น่าเสียดายที่บิดาเขาขวางเขาเอาไว้ “ขนมเปื้อนปากไปหมด สกปรก”

เจ้าตัวเล็กบางคนหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กออกมาจากอกเสื้อ เช็ดปากแล้วเขยิบไปจุมพิตมารดา อนิจจาก็ยังถูกบิดาขวางไว้เหมือนเดิม “กินของเจ้าไป อย่ารบกวนท่านแม่เจ้า”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าโกรธเล็กน้อย “เป่า ก็ อยาก จูบ ท่านแม่ เหมือนกัน”

“พ่อจูบแม่ของเจ้า ไม่ได้รบกวนแม่เจ้า แต่ถ้าเจ้าจูบนาง เจ้าจะรบกวนนาง” หรงอี้พูดอย่างเคร่งขรึม

เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่เข้าใจ “ทำไม”

ผู้เป็นบิดาเองก็อธิบายอย่างจริงจัง “ถ้าเจ้าหลับอยู่ ปลุกครั้งหนึ่งเจ้าอาจจะยังไม่ตื่นขึ้นมา แต่ถ้าปลุกสองหรือสามครั้งเล่า”

คำอธิบายนี้สมเหตุสมผล หลังจากที่เยี่ยนเสี่ยวเป่าเชื่อสนิทใจ เขาก็ก้มลงและกินขนมต่ออย่างเชื่อฟังและไม่รบเร้าที่จะจุมพิตมารดาของเขาอีก

แต่แมวขาวตัวน้อยที่มองฉากทั้งหมดจากด้านข้าง รู้สึกว่าแม้เสี่ยวอี้เอ๋อร์จะพูดมีเหตุผล แต่มันก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติตงิดๆ

จิ่วอิงไม่ได้คิดอะไรมาก มันยังคงคิดถึงโลกภาพสะท้อนในกระจกและอดไม่ได้ที่จะถามอีกครั้ง “แล้ว ‘กระจก’ ที่นำไปสู่สวรรค์เก้าชั้นฟ้าซึ่งเป็นโลกที่สะท้อนในกระจกเล่า ตอนนี้ยังอยู่ดีหรือเปล่า แข็งแกร่งพอหรือเปล่า” จิ่วอิงเป็นห่วงสวรรค์เก้าชั้นฟ้า กลัวว่ามันจะ ‘พังทลาย’ ลงโดยไม่ได้ตั้งใจ…

ต้าซือมิ่งตอบว่า “ข้าไม่รู้”

“?” จิ่วอิงคิดว่ามันได้ยินผิดไป

หลังจากนั้นไม่นาน มันก็ตระหนักได้ว่ามันมีหูถึงสิบแปดข้าง เป็นไปไม่ได้ที่มันจะฟังผิด ดังนั้นจึงถามกลับไปด้วยความไม่เชื่อ “เจ้าไม่รู้หรือ”

“อืม” หรงอี้ไม่รู้จริงๆ ดังนั้นเขาจึงไม่บุ่มบ่ามบุกเข้าไปในโลกพระสุเมรุโดยตรงแต่ไหลไปตามห้วงมิติเวลาตามลำดับ ค่อยๆ ขยับเข้าหา ‘กระจก’ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของจักรวาลสวรรค์เก้าชั้นฟ้าที่จิ่วอิงกล่าวถึงทีละก้าวๆ

แน่นอนว่าเมื่อเขาก้าวไปถึงสุดทาง เขาจะขจัด ‘ความเป็นไปได้’ ที่อาจทำลายสวรรค์เก้าชั้นฟ้าทั้งปวง

คงจะดีถ้า ‘กระจก’ แข็งแกร่งและมั่นคงพอ หากไม่มั่นคง เขาก็ไม่ถือสาที่จะทำให้มันมั่นคงขึ้น ไม่อย่างนั้นเขาจะพาภรรยากลับบ้านไปพบบิดามารดาของนางในอนาคตได้อย่างไร

ภรรยาเขาปกป้องและทำเพื่อเขามากมาย ถ้าเขาทำได้เพียงรับแต่ไม่สามารถให้ได้ เขาก็คงไม่ต่างจากเด็กโข่งอย่างเทียนตี้ เด็กเหลือขอที่ยังไม่โตคนหนึ่ง ไม่คู่ควรกับภรรยาของเขา

แต่…

เมื่อมองย้อนกลับไปยังนิสัยของภรรยาที่ชอบตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ เพียงลำพัง เขาต้องหาเวลา ‘ว่า’ นางสักหน่อยแล้ว เส้นผมสีขาวเงินนี้ ทำให้เขาทั้งตกใจและปวดใจจนเลือดในกายแทบหยุดไหล

แต่ภรรยาของเขาอยากให้เขาเงียบปาก ท้ายที่สุดเขาเองก็ไม่ได้ปรึกษานางตอนที่เขาตัดสินใจทำเรื่องก่อนหน้านี้ลงไป มันช่างน่าปวดหัวมากจริงๆ…

หรงต้าซือมิ่งที่ปวดหัวคิดก้มลงจุมพิตภรรยาอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำมัน

“ปิ้ว”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าเรียกเสี่ยวฮวาฮวาออกมาหยุดบิดาก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะแตะโดนมารดา กล่าวว่า “อย่า รบกวน”

“…” หรงอี้เหลือบมองเจ้าตัวเล็กอย่างไร้ความรู้สึก รู้สึกว่าเจ้าเด็กนี่ไม่ได้โง่เลย ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหลอกเขา

แต่เยี่ยนเสี่ยวเป่าเชื่อสิ่งที่บิดาของเขาพูดจริงๆ ดังนั้นเขาจึงจุมพิตบิดาแทนและพูดว่า “พ่อ ดี อย่า รบกวน”

หรงอี้ “…” คิ้วคมกระตุกยิก เขาสงสัยว่าเจ้าเด็กนี่กำลัง ‘เอาคืน’ เขาอยู่

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายเขาก็ตัดใจไม่ลง มือหนายกขึ้นลูบศีรษะล้านเล็กๆ ของเจ้าตัวเล็กแล้วพูดอย่างโกรธๆ “เจ้าเล่ห์เสียจริง”

“ฮี่ๆ~” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่นุ่มนิ่ม หัวเราะและยืดอกเล็กรับ ‘คำชม’ ยัดขนมก้อนสุดท้ายเข้าปากอย่างมีความสุข กลิ่นหอมหวานในปากทำให้เขามีความสุขมากจนดวงตากลมโตหยีจนเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวเล็กๆ รอยยิ้มนี้ทั้งนุ่มนวลและอ่อนหวาน

ต้าซือมิ่งที่อารมณ์เสีย ถูกรอยยิ้มแสนหวานและโง่เขลาของเจ้าตัวเล็กชโลมหัวใจ เขากระชับร่างเล็กๆ ในอ้อมแขนแล้วพูดว่า “นอนหลับเป็นเพื่อนแม่เจ้าสักพักนะ”

“ข้าไม่ง่วง~” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่กินอิ่มแล้วอยากเล่นประเดี๋ยวหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม หรงอี้รู้ว่าเจ้าตัวเล็กไม่สามารถทนได้นาน ดังนั้นเขาจึงไม่ฝืนและปล่อยให้เจ้าตัวเล็กเล่นไป

ผลลัพธ์คือ…

ทั้งแมวขาวตัวน้อยและเจ้าตัวเล็กยิ่งมายิ่งกระฉับกระเฉง ทั้งสองขยุกขยิกและปีนเล่นอยู่ในอ้อมแขนและบนไหล่ของเขา เกือบจะส่งผลต่อการตระหนักรู้ของภรรยาหลายครั้ง

หรงอี้ไม่มีทางเลือกอื่น เขาบังคับจับเจ้าตัวเล็กให้อยู่ในอ้อมแขนนิ่งๆ “เจ้ายังไม่นอนอีกหรือ”

“ไม่” เยี่ยนเสี่ยวเป่าใบหน้าแดงก่ำจากการเล่น เขาดูร่าเริง ดูเหมือนว่าจะไม่ง่วงจริงๆ

หรงอี้หยิกแก้มของเจ้าตัวเล็กแล้วพูดว่า “ไม่ง่วงก็ต้องนอน ขืนเจ้ายังกระโดดโลดเต้นแบบนี้ต่อไป เจ้าคงปลุกแม่เจ้าให้ตื่นขึ้นมา”

“เล่น เบาๆ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าแสดงออกว่าเขารู้หนักเบาดี

“…” ต้าซือมิ่งไม่ได้พูดอะไร เพียงมองเจ้าตัวเล็กเพื่อดูว่าเขาจะมาไม้ไหนอีก เกือบจะเหยียบคนสองถึงสามครั้ง แบบนี้เขายังกล้าพูดว่าตัวเองรู้หนักเบาดี?

เยี่ยนเสี่ยวเป่าค่อยๆ รู้สึกผิด เขาก้มศีรษะเล็กๆ ลงแล้วคว้าปกเสื้อของบิดาอย่างเงียบๆ ดูน่าสงสารเล็กน้อย

แค่นั้น…

หรงต้าซือมิ่งมองเจ้าตัวนุ่มนิ่มในอ้อมแขนที่ชอบใช้ไม้อ่อนแต่ไม่ชอบใช้ไม้แข็งแล้วถอนหายใจ เด็กคนนี้ชักเหมือนภรรยาของเขามากขึ้นทุกที ถึงกับเรียนรู้วิธีการของภรรยาที่ทำให้รู้สึกปวดใจแล้ว

ถ้าเขาพูดประโยคหนึ่ง เจ้าเด็กนี่จะแกล้งร้องไห้อีกหรือไม่ เอาแต่ใจจริงๆ

ทำไมลูกของเขาหรงอี้คนนี้ถึงได้เอาแต่ใจมากขนาดนี้?

อืม

ก็ใช่ว่าจะไม่ดี เหมือนภรรยา

เอาเถิด

หรงต้าซือมิ่งทอดถอนใจ พูดอย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “จะเล่นก็เล่นไป พ่อปกป้องแม่เจ้าได้”

“ขอรับ” เจ้าตัวเล็กปีนขึ้นไปบนไหล่ของบิดาทันที ไม่เพียงแต่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเท่านั้น เสียงยังดังมากด้วย

หรงอี้ “…”

เขาสงสัยว่าเจ้าตัวเล็กไม่ได้โง่จริงๆ

จิ่วอิงที่ชำเลืองมองมาเห็นภาพนี้ อดไม่ได้ชื่นชมว่า “เสี่ยวเป่าเป็นเด็กดีรู้ความมากจริงๆ รู้ความว่ากว่าอี้เอ๋อร์เจ้าตอนเด็กๆ เสียอีก”

“เหมียว เหมียว เหมียว” แมวขาวตัวน้อยพยักหน้าหงึกหงัก แถมยังตัวนุ่มนิ่มกว่ามั่วมั่ว รู้ความกว่ามั่วมั่ว เหมือนกับ…เหมือนกับที่เสี่ยวซีเอ๋อร์นิยามไว้ ลูกสาวหลานสาวตัวน้อยนุ่มนิ่ม เหมือนมากจริงๆ นะเหมียว

เอ๋า~

เสี่ยวซีเอ๋อร์จะต้องชอบเด็กน้อยที่นุ่มนิ่มอย่างเสี่ยวเป่าอย่างแน่นอน

อีกทั้ง อีกทั้ง

ตอนนี้เสี่ยวเป่ายังอายุน้อยมากขนาดนี้ ในที่สุดเสี่ยวซีเอ๋อร์ก็สมหวัง ชดเชยความเจ็บปวดที่ไม่ได้เห็นเสี่ยวมั่วมั่วเติบโตขึ้นมากับตา แต่นางสามารถมองดูเสี่ยวเป่าเอ๋อร์เติบโตขึ้นอย่างช้าๆ ได้

เมื่ออี้เอ๋อร์กลับไปในปีนั้น เขาอายุมากกว่านี้มาก ซีเอ๋อร์ยังรู้สึกเสียดายมาก

อย่างไรก็ตาม…

“เหมียว”

ทันใดนั้นแมวขาวตัวน้อยที่ทำหน้าจริงจังก็ลอยขึ้นจากแขนของเจ้าตัวเล็กบางคน ลอยไปหยุดอยู่ตรงหน้าเจ้าตัวเล็ก แล้วหันไปถามต้าซือมิ่งไม่หยุดว่า “เหมียว เหมียว เหมียว” เสี่ยวเป่าเองก็ต้องฝ่าด่านเคราะห์ด้วยหรือไม่ ในอนาคตตอนที่เขาจะแต่งงานและมีลูก ต้องออกไปข้างนอกเพียงลำพังเหมือนกันหรือเปล่า

คราวนี้หรงอี้เข้าใจความกังวลของแมวขาวตัวน้อย แต่เขากลับตอบว่า “ข้าไม่รู้”

จิ่วอิงอยากจะสบถจริงๆ “ทำไมเจ้าถึงไม่รู้อะไรเลย”

“เจ้ามีปัญหาหรือ” หรงอี้เลิกคิ้วและมองไปที่จิ่วอิง จิ่วอิงหุบปากลงทันที

ควรจะพูดว่าอย่างไรดี…

ขี้ขลาด

เจ้าเด็กนี่ ตอนที่เขายังเป็นหัวไชเท้าหัวน้อยๆ มันเกือบจะถูกเขาเขมือบลงท้องจะไม่ให้มันขี้ขลาดได้อย่างไร

นึกย้อนกลับไปถึงปีนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะ ‘ความสัมพันธ์เชิงญาติ’ ที่เหนียวแน่น ตัวมันราชาจิ่วอิงผู้อยู่ยงคงกระพันตัวนี้คงถูกทารกคนหนึ่งแทะ ตกตายลงอย่างไร้ความเป็นธรรม ไร้ศักดิ์ศรีไปนานแล้ว…

จะว่าไป

นายท่านที่สมควรถูกฟันเป็นชิ้นๆ ด้วยมีดนับพันเล่มต้องรู้ว่ามันกลัวอี้เอ๋อร์แน่ๆ ถึงได้จัดแจงให้มันไปฝ่าด่านเคราะห์ร่วมกับอี้เอ๋อร์ ทางหนึ่งเพื่อป้องกันไม่ให้มันแอบไปกัดคนตอนที่นางไม่ทันระวังด้วย

ใช่แล้ว

จะต้องเป็นแบบนี้อย่างแน่นอน

ช่างเป็นสตรีที่ใจร้ายและโหดเหี้ยมที่สุด

……

จิ่วอิงที่กำลังบ่นออดแอดอยู่ในใจ ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา

อย่างไรก็ตามแมวขาวตัวน้อยยังคงส่งเสียงร้อง “เหมียว เหมียว” เห็นได้ชัดว่ามันยังคงถามคำถามอยู่

ต้าซือมิ่งอธิบายว่า “ร่างกายแตกต่าง สิ่งที่ต้องประสบก็จะต่างกันออกไป ต่อให้เป็นปู่หวงเองก็ไม่สามารถคำนวณอย่างแม่นยำได้” ก่อนที่เขาจะเข้าสู่วัฏจักรและเกิดใหม่ ปู่หวงคงคาดไม่ถึงเช่นกันว่าเขาจะไปยังโลกสวรรค์เก้าชั้นฟ้าเพื่อฝ่าด่านเคราะห์

ในสถานที่นั้น ก็ไม่น่าแปลกใจนักหรอกที่บิดาและปู่ของเขาจะไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้กระทั่งการตอบสนองของสายเลือดก็ยังหาปัญหาไม่พบ เห็นได้ชัดว่าสถานที่นั้นผิดปกติ

แต่แบบนั้นก็ดี…

หากเขาไม่ได้ไปยังสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เขาจะพบกับภรรยาของเขาได้อย่างไร

หากไม่ได้พบกับภรรยาของเขา เขาคงไม่อาจฝ่าด่านเคราะห์ เกรงว่าวันข้างหน้าอาจต้องประสบกับเคราะห์กรรมอีกมาก

หากไม่มีภรรยาของเขา เขาคงถูกกำหนดให้ ‘ไม่สมบูรณ์’ ตลอดกาล มีแต่ต้องพบกับนางเขาถึงจะค่อยๆ ‘สมบูรณ์’ ยิ่งขึ้น

หรงอี้มั่นใจเป็นอย่างยิ่ง เขากระชับร่างภรรยาที่อยู่ในอ้อมแขนแน่นขึ้นไปอีก แต่ไม่กล้าออกแรงมากเกินไปนักเพราะกลัวจะไปรบกวนการตระหนักรู้ของภรรยา

ในเวลาเดียวกัน

เยี่ยนอวี๋ใช้จิตพิจารณาสีขาว ‘ตรงหน้านาง’ แต่ก็ยังมองไม่เห็นอะไร นางค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับการไร้ความรู้สึกรอบตัว หัวใจของนางค่อยๆ มั่นคงมากขึ้น

เพราะนางรู้ว่าสามีจะยืนอยู่เคียงข้างนาง

ด้วยความมุ่งมั่นนี้ นางจึงสงบมากขึ้นเรื่อยๆ

และแม้ว่านางจะ ‘มอง’ มานานขนาดนี้แล้ว นางก็ยังไม่อาจตระหนักรู้สิ่งใดได้ แต่นางไม่รีบร้อนหรือตื่นตระหนก กลับมั่นคงและสงบมากขึ้นทุกที

สภาพจิตใจของนางเช่นนี้…

ในไม่ช้าร่างจิตขนาดเล็กของหรงอี้ในทะเลจิตของภรรยาก็รับรู้ได้ เขารีบก้มลงสังเกตอาการของภรรยา

แล้วก็พบว่าทะเลจิตของภรรยาของเขาดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้ว

การเปลี่ยนแปลงนี้…

ค่อยๆ ชัดเจนยิ่งขึ้น ปรากฏสูครรลองสายตาของหรงอี้

ในขณะที่เยี่ยนอวี๋ไม่มีสติ ทะเลจิตของนางถูกชั้นหมอกสีสดใสห่อหุ้มเอาไว้ ทำให้หรงอี้ไม่อาจระบุแหล่งที่มาของหมอกสีได้

ท้ายที่สุดแล้ว มันไม่เหมือนกับพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาพระสุเมรุ แต่ก็แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงจากพลังศักดิ์สิทธิ์ก่อนหน้านี้ของเยี่ยนอวี๋

“นี่ก็คือวิถีเต๋าของเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์หรือ” หรงอี้ครุ่นคิดกับตัวเอง แต่เขาพยายามรับรู้ถึงหมอกหลากสีที่ยังคงปกคลุมอยู่นี้มากขึ้น

หากไม่ใช่เพราะสายตาที่ดีของเขา เขาอาจมองไม่เห็นการมีอยู่ของหมอกหลากสีเหล่านี้

แต่พวกมันก็มีอยู่จริงและก็ค่อยๆ ‘เติบโต’

ทำให้เจ้าตัวเล็กบางคนที่แอบปีนขึ้นไปบนศีรษะของบิดา ‘ตื่นตระหนก’ เขายืนอยู่บนไหล่ของบิดาแล้วก้มลงมองมารดาของเขา

“เหมียว?” แมวขาวตัวน้อยก้มมองตามเช่นกัน จากนั้นมันก็พบว่า

ดูเหมือนเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์กำลังเปล่งแสง?

แมวขาวตัวน้อยขยี้ตาแล้วมองต่อไป แต่คราวนี้มองไม่เห็นแล้ว?

เยี่ยนเสี่ยวเป่ากลับรู้ว่ามันมี

เขานั่งบนไหล่ของบิดา เฝ้าดูมารดาอย่างตั้งใจ

จิ่วอิงถูกการกระทำของเจ้าตัวเล็กบางคนดึงดูดจึงดึงสติกลับมาจากความคิดมากมาย แล้วมองไปที่เยี่ยนอวี๋

ส่วนเยี่ยนอวี๋ในเวลานี้ ไม่ได้ดูเปลี่ยนไปมากนัก หากจะให้พูด ผิวของนางดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน เปลี่ยนจากสีขาวหิมะไปเป็นขาวอมชมพู

“ได้พักผ่อนมากๆ ก็เลยดูดียิ่งขึ้น?” จิ่วอิงพูดกับตัวเอง

แมวขาวตัวน้อยเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน แต่เหมือนจะไม่ใช่แบบนั้นไปเสียทีเดียว

“สวย”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เห็นว่าทั้งร่างของมารดาเขาเปล่งแสงหลากสีสัน เขาก็ชมนางอย่างอารมณ์ดี ร่างเล็กมองดูอย่างแปลกใจอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม แมวขาวตัวน้อยและจิ่วอิงมองไม่เห็นแสงอะไร…

แต่เมื่อแสงหลากสีเปล่งประกายออกมาจากร่างของเยี่ยนอวี๋

ด้านหน้าไม่ไกลจากที่พวกเยี่ยนอวี๋อยู่มากนัก ลมหายใจแห่งชีวิตก็ปรากฏขึ้น

หรงอี้เป็นคนแรกที่สัมผัสได้ เขายังสัมผัสได้ว่าสถานที่ที่ลมหายใจแห่งชีวิตปรากฏขึ้นมานั้นคือที่ตั้งของ ‘กระจก’ ดูเหมือนว่ารากฐานของความก้าวหน้าของเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์จะเป็นมัน

ในเวลานี้ จิ่วอิงเองก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจแห่งชีวิต มันรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย “อี้เอ๋อร์ ดูเหมือนว่าจะมีจักรวาลที่คล้ายกับสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอยู่ข้างหน้าเรานะ”

“อืม” หรงอี้พยักหน้า และแน่ใจว่า ‘กระจก’ นี้ค่อนข้างมั่นคงทีเดียว

แต่…

หรงอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย กำลังจะพิจารณาสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ อย่างใกล้ชิด

ร่างกายของเยี่ยนอวี๋ก็เปล่งแสงเจิดจ้าออกมา ดูน่าตื่นตาเป็นพิเศษ

“ว้าว~”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าอุทานเบาๆ เขายื่นมือป้อมออกไปหมายให้มารดาเขาอุ้มโดยสัญชาตญาณ

แต่เกือบจะในเวลาเดียวกัน

“ฟิ้ว”

กลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาก็ปกคลุมรอบตัวเยี่ยนอวี๋

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

Status: Ongoing
แม้จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่นางก็ยังคงเป็นเทพธิดาอันดับหนึ่งของสวรรค์ชั้นเจ็ด ผู้มีความสามารถแกร่งเกินผู้ใดไม่เปลี่ยนแปลง “ผู้ชายอะไรนั่นน่ะ กินได้หรืออย่างไร ข้าไม่เห็นจะอยากได้”เยี่ยนจื่ออวี๋ แม้มีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของประมุขสำนักชางอู๋แห่งแคว้นแต่กลับไร้พลังแต่กำเนิด แถมยังทำเรื่องงามหน้าอย่างการปีนขึ้นเตียงผู้ชาย!เพราะเรื่องฉาวโฉ่เกินทนทำให้หญิงสาวหายหน้าไปกว่าครึ่งปี แต่เมื่อกลับมาอีกครั้งสำนักชางอู๋ก็ถึงคราวสั่นสะเทือนจากหญิงสาวที่ไม่อาจฝึกพลังกลายเป็นปรมาจารย์มากสามารถ พลังสูงส่งเกินใครโอสถใดที่ว่ายาก นางกระดิกนิ้วเดียวก็สำเร็จสมบูรณ์ วิชาใดที่ฝึกไม่ได้นางล้วนทำได้จากหญิงสาวที่ทุกคนต่างเมินหน้าหนีกลายเป็นผู้สูงส่งที่ทุกคนต้องการประจบประแจงชายหนุ่มทั่วหล้าล้วนอยากเป็นพ่อเลี้ยงของเจ้าตัวเล็กกันทั้งนั้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท