ประมุขแห่งหอราชทัณฑ์ที่ถูกเรียกชื่อสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะประสานมือตอบ “ขอรับ! ท่านผู้อาวุโสรอง” ถึงแม้เขายังไม่ค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของการกระทำเช่นนี้ก็ตาม
แววตาของเยี่ยนอู้ประกายฉายวาบพูดขึ้นว่า “ท่านผู้อาวุโสรอง เช่นนั้นเชิญเหล่าศิษย์สำนักและผู้ดูแลมาทั้งหมดดีหรือไม่” นางจะได้ไม่มีทางรอดตัว!
“…ก็ดีเหมือนกัน” ผู้อาวุโสรองลังเลเล็กน้อย แต่ท้ายสุดก็เห็นด้วย
หลังจากนั้น เมื่อเห็นคนของประมุขแห่งหอราชทัณฑ์จากไป นัยน์ตาของเยี่ยนอู้ก็ส่งรัศมีแรงกล้าประหนึ่งแผนการชั่วร้ายสำเร็จ แต่เขากลับไม่เห็นประกายซับซ้อนล้ำลึกฉายวาบในแววตาชราภาพคู่นั้นของผู้อาวุโสรอง
ส่วนเยี่ยนอวี๋นางได้นำทุกคนในหอโอสถให้มานั่งลงในวิหารปรุงยาแล้วกล่าวขึ้นว่า “หลังจากปรุงยาสำเร็จแล้วข้าต้องการให้สำนักจัดการกิจสองอย่าง”
จู่ๆ ทุกคนในนั้นก็ใจเต้นรัวราวกับตีกลองรัว
“อย่างแรก นำชื่อเยี่ยนอู้ออกจากคณะผู้อาวุโส”
“บังอาจ!” เยี่ยนอู้ไม่รอให้เยี่ยนอวี๋พูดจบก็ตวาดใส่ทันที “นังหนูต่ำช้า หาเรื่องตายชัดๆ! เจ้าคิดว่า เจ้าใช้ลูกเล่นมากมายเช่นนี้แล้วจะได้ผลอย่างนั้นรึ”
“อย่างที่สอง ก่อนที่บิดาของข้าจะกลับมา อำนาจสำนักจะถูกมอบให้กับผู้อาวุโสรองและต้องคืนกลับครั้นเมื่อบิดาของข้ากลับมาแล้ว” เยี่ยนอวี๋ไม่ได้สนใจเยี่ยนอู้ตัวตลกกระโดดคานคนนี้เลย
แม้กระทั่งทุกคนในสำนักชางอู๋ก็ไม่อยู่ในสายตาของนางเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะความสงสัยในใจเหล่านั้นนางคงไม่คิดจะกลับมา
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว เจ้าเด็กน้อยของนางชอบที่นี่ เช่นนั้นบิดาของ ‘เยี่ยนจื่ออวี๋’ จะต้องเป็นเจ้าสำนักดังเดิม เยี่ยนอู้และกลุ่มคนชั่วเหล่านั้นสมควรออกไปเสีย
นี่คือเหตุผลที่เยี่ยนอวี๋เสนอข้อแลกเปลี่ยนสองข้อนี้ สายตาของนางจับจ้องที่ผู้อาวุโสรองตลอดเวลา “ท่านทำได้หรือไม่”
“หากเจ้าทำสำเร็จ ข้าย่อมทำข้อสองให้ได้ แต่ข้อแรกนั้นไม่ได้อยู่ในอำนาจของข้า”
หลังกล่าวจบ…
ทุกคนตกตะลึง
เยี่ยนอวี๋พยักหน้าเล็กน้อยต่อผู้อาวุโสรอง จากนั้นก็เหลือบไปมองเยี่ยนอู้ที่อารมณ์กำลังปะทุ “หากข้าทำสำเร็จท่านจงถอนตัวออกจากคณะผู้อาวุโสเสีย แต่หากข้าทำไม่สำเร็จข้าและครอบครัวจะยอมถอนชื่อออกจากสำนักชางอู๋”
ทุกคนทำเสียงตกใจดังฮือฮา
ประมุขแห่งหอสัตว์บรรพกาลยิ่งรู้สึกเหลือเชื่อ “นังหนูอวี๋ ไม่คุ้มหรอกนะ!” ถ้าหาก… ถ้าหากไม่สำเร็จ มาแลกด้วยการถอดถอนชื่อทั้งครอบครัวนั้นหนักหนาเกินไปนัก!
แต่แล้ว…
“หึ เจ้าคิดว่าเพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วหรือ” เยี่ยนอู้ยิ้มเยือกเย็นพูดว่า “ตามกฎสำนักแล้ว หากเจ้าทำล้มเหลวเจ้าและครอบครัวจะต้องตาย! รวมถึงลูกในไส้! และสาวใช้ข้างกายทั้งสองคนของเจ้าด้วย!”
“เสี่ยวอู้…” ผู้อาวุโสรองขมวดคิ้วเอ่ยขึ้น
เยี่ยนอวี๋กลับตอบกลับอย่างนิ่งเฉย “ตกลง ตามที่ท่านปรารถนา แต่หากข้าทำสำเร็จ ท่านและครอบครัวก็ต้องตายรวมถึงผู้ติดตามของท่านด้วย”
“น่าขันนัก! เจ้าและครอบครัวต้องตาย เพราะว่าเจ้าทรยศต่อสำนัก ส่วนข้าจะเป็นอย่างไรนั้นมิจำเป็นต้องให้คำมั่นสัญญาต่อเจ้า” เยี่ยนอู้ปฏิเสธข้อเสนอของเยี่ยนอวี๋ทันที
“หึ หวังว่าท่านจะหัวรั้นเช่นนี้ได้ตลอด” เยี่ยนอวี๋มองกลับมาสายตามองไปที่เหล่าศิษย์สำนักน้อยใหญ่ที่ทยอยมาถึงวิหารปรุงยาแล้ว เยี่ยนอู้รังเกียจท่าทีเย่อหยิ่งไม่สนใจผู้ใดเช่นนี้ของนางนัก
…
ในขณะเดียวกัน ทุ่งหิมะกว้างใหญ่นอกเมืองชางอู๋ กลุ่มคนที่ประกอบด้วยยอดฝีมือแห่งสำนักชางอู๋นับร้อยนายก็ทะลักเข้าไปในสำนักราวกับกระแสคลื่นพัดกระพือฮือโหมอย่างต่อเนื่อง
ระหว่างนั้นก็มีเสียงร้อนรนดังขึ้น “รายงานท่านเจ้าสำนักขอรับ! สายสืบในเมืองแจ้งมาว่าคุณหนูใหญ่พาคุณชายน้อยกลับสำนักแล้วจริงๆ ขอรับและยังถูกข่มเหงรังแกจนเกือบถูกสังหารที่หน้าประตูใหญ่ด้วย”
“สารเลว!” เสียงชายดังก้องกังวานหนักแน่นราวกับสัตว์ร้ายร้องคำราม สะเทือนจนหิมะน้ำแข็งทั่วท้องฟ้ากลายเป็นแท่งน้ำแข็งพุ่งกระจายไปรอบทิศแล้วแตกกระจายบนท้องนภา
ครืนครืน! แสงราวสายฟ้าผ่าแลบผ่านหมู่เมฆ ตรงดิ่งลงไปสำนักชางอู๋ด้วยความเร็วที่มิอาจจินตนาการได้
“ท่านเจ้าสำนัก!”
“รีบตามไปเร็ว!”