บทส่งท้าย 12 ตระกูลหรงทั้งหมดกำลังจะมา
ถังผิงมั่วรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย แต่ก็ตื่นเต้นมากเช่นกันเพราะเขาได้เห็นสตรีที่เขาตามหาแล้ว เขาไม่คาดคิดจริงๆ ว่าทุกอย่างจะราบรื่นขนาดนี้ เพียงแค่เขามองหาก็พบตัวคนจริงๆ
เถ้าแก่คนนั้นพูดขึ้นว่า “ท่านผู้นำตระกูลถังท่านดู ไม่ผิดตัวกระมัง”
“…ไม่ผิด” ถังผิงมั่วฝืนระงับความตื่นเต้นไว้ น้ำเสียงของเขาสั่นเล็กน้อย ลมหายใจของเขาก็หอบกระชั้นขึ้นเช่นกัน
สิ่งนี้ทำให้เถ้าแก่เหลาอาหารที่นำทางมาสบายใจขึ้นมาก เขาคิดว่าผู้นำตระกูลถังตื่นเต้นมากขนาดนี้ หมายความว่าตำแหน่งของสตรีนางนี้ในใจของผู้นำตระกูลถัง ไม่ได้ด้อยไปกว่าถังเสวี่ยคนนั้นเลย
ดีแล้ว เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว
เถ้าแก่ลอบถูมือ ในใจก็คิดว่าน่าจะสร้างความชอบชดเชยความผิดได้แล้วกระมัง หลังจากนี้แม้ว่าตระกูลถังจะคิดบัญชีย้อนหลังก็ไม่น่าจะตกมาถึงหัวของเขา
ดังนั้น เถ้าแก่จึงรีบประสานมือและกล่าวคำอำลาทันที “เช่นนั้นข้าน้อยก็ขอตัวก่อน ไม่รบกวนท่านพบปะกับบุตรีแล้ว”
ถังผิงมั่วไม่ตอบ เขากำลังถูกความประหลาดใจครั้งใหญ่เข้าจู่โจม ไม่ได้ยินว่าเถ้าแก่กำลังพูดอะไรสักนิด
อย่างไรก็ตาม พ่อบ้านที่ตามหลังถังผิงมั่วมากลับจัดการไปว่า “เจ้าไปรับรางวัล”
“ข้าน้อยไม่กล้า” เถ้าแก่ไหนเลยจะกล้ารับรางวัลรีบคารวะและจากไปทันที
พ่อบ้านถังไม่ได้หยุดเขา เขาแค่สั่งให้คนประโคมข่าวอย่างยิ่งใหญ่และตกรางวัลให้เขาย้อนหลัง ส่งไปยังเหลาอาหารของเถ้าแก่คนนี้
แม้ว่าพ่อบ้านตระกูลถังจะไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ ผู้นำตระกูลของเขาถึงมีบุตรีคนหนึ่งโผล่มา ผู้อาวุโสทั้งสิบคนเองก็ออกตามหานางด้วยตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุตรีของผู้นำตระกูลคนนี้ดูเหมือนจะไม่มีฌานตบะ?
เป็น เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง?
นี่…พ่อบ้านถังแสดงออกว่าไม่เข้าใจอย่างยิ่ง
เขารู้สึกแปลกใจมาก เพราะเมืองถังแห่งนี้ไม่มีมนุษย์ธรรมดา
อย่างที่ทุกคนรู้…
ถังผิงมั่วยิ่งประหลาดใจมากขึ้นไปอีก
แม้แต่จิตของถังเหิงที่ล่วงหน้ามาก็ตื่นเต้นมากจนไม่อาจดึงสติกลับมาได้
เพราะ…ถังเหิงคิดไม่ถึง สตรีนางนี้จะไร้ฌานตบะจริงๆ
ท้ายที่สุดแล้ว ‘ระยะทาง’ ก่อนหน้านี้ค่อนข้างไกลเกินไป ทำให้จิตของเขาไม่อาจกำหนดระดับฌานตบะของสตรีนางนี้ซึ่งอยู่ในสภาวะหยั่งรู้ได้อย่างชัดเจน
อันที่จริง ก่อนหน้านี้ เขาเองก็คาดไม่ถึง
จักรวาลโกลาหลนั้นที่เขาเคยสร้างขึ้น เห็นได้ชัดว่าตกอยู่ในวังวนที่ไม่รู้จบแล้ว แต่สุดท้ายก็พัฒนาไปสู่จักรวาลที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ โดยเฉพาะผู้สร้างจักรวาลในยุคสมัยนี้ ยิ่งทำให้เขาประหลาดใจเกินกว่าจะเอื้อนเอ่ยได้
เด็กคนนี้ไม่เพียงแต่ทำให้โลกแห่งความโกลาหลที่เขาสร้างขึ้นมั่นคงเท่านั้น ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ที่ถือกำเนิดขึ้นมาเอง นางยังสามารถแยกตัวเองออกมาจากโลกนั้นได้ แถมยังได้ถือครองพลังแห่งอนันต์อีกด้วย
พลังแห่งอนันต์คืออะไร?
มันคือพลังวิเศษที่ทำให้โลกพระสุเมรุขยายกว้างขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นโดยไม่รู้จบ
สาวน้อยคนนี้ไม่เพียงแต่จะครอบครองมัน แต่ยังมีแนวโน้มว่าจะปรับตัวเข้ากับมันได้อีกด้วย
สิ่งนี้ทำให้ถังเหิงในเวลานั้นตระหนักได้อย่างชัดเจนว่า…
เมื่อสตรีนางนี้ถูกหลอมรวมเข้ากับเมืองจิ่วเหลียน
เมืองจิ่วเหลียนจะแยกตัวออกจากโลกพระสุเมรุได้อย่างแน่นอน เหมือนกับจักรวาลสวรรค์เก้าชั้นฟ้าที่พัฒนาอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นดินแดนที่คล้ายกับอาณาจักรทั้งปวง มีความสัมพันธ์เชิงหล่อเลี้ยงและสนับสนุนซึ่งกันและกันกับโลกพระสุเมรุ
กระทั่ง…ในอีกหมื่นปีนับจากนี้
เมืองจิ่วเหลียนก็คือโลกพระสุเมรุใบถัดไป
การอนุมานทั้งหมดนี้ทำให้ถังเหิงตื่นเต้นจนแทบระงับตัวเองไว้ไม่อยู่ เนิ่นนานก็ไม่อาจสงบใจลงได้
ต้องรู้ก่อนว่าในตอนที่เขาพระสุเมรุยกเลิกการปิดผนึกภูเขา อันที่จริงถังเหิงถอดใจแล้ว นั่นเป็นความเพ้อฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงได้และเขาก็เกือบจะเสียสติไปจริงๆ แต่เขาไม่คาดคิดมาก่อน ความเพ้อฝันของเขาจะกลายเป็นความจริง
ในตอนที่เขาเกือบจะกลับคืนสู่ธรรมชาติ เมื่อจิตสำนึกทั้งหมดกำลังสลายไป มันก็กลายเป็นความจริง
นี่ยังไม่ใช่ทั้งหมด…
เวลานี้ดวงตาของถังเหิงเป็นประกายแวววาว เขารู้สึกตื่นเต้นมากจนเริ่มพึมพำกับตัวเอง “นางถึงกับสมบูรณ์แบบถึงเพียงนี้ ไม่อาจต่อต้านและไร้พลังที่จะต่อต้าน”
เนื่องจากการกลืนกินก่อนหน้านี้ไม่ราบรื่น ถังเหิงยังคิดว่ามันจะตึงมือมากกว่านี้
ผลลัพธ์คือ…ไม่ตึงมือเลยสักนิด?
ความโชคร้ายก่อนหน้านี้ อาจได้รับผลกระทบมาจากกฎของมิติเวลา?
ความเข้าใจแบบนี้ ทำให้ถังเหิงกระทั่งอยากแสดงตัวและพาคนไปทำสิ่งต่างๆ โดยตรง
แต่ความระมัดระวังของขิงแก่เผ็ดร้อน ยังคงทำให้ถังเหิงสามารถระงับความตื่นเต้นและซ่อนตัวอยู่ในความมืดต่อไปเผื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
ถังเหิงบอกกับตัวเองไม่หยุดว่าให้ใจเย็น ถ้าสามารถต้มกบในน้ำอุ่น[1] ได้ มีแต่จะเป็นผลดีต่อเมืองจิ่วเหลียน
……
ในระหว่างที่ถังเหิงดีใจจนเนื้อเต้น ลูกชายของเขาถังผิงมั่วเองก็ฝืนระงับความตื่นเต้นและความยินดีลงไปได้บ้างแล้ว เขาตะโกนเรียกเยี่ยนอวี๋ทั้งน้ำตาว่า “ลูกพ่อ”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าชะงักกึก เขาไม่กินข้าวแล้ว เอาแต่เบิกตาจ้องไปด้วยดวงตากลมโต
รอจนกระทั่งถังผิงมั่วปรี่ขึ้นมากำลังจะจับมือของเยี่ยนอวี๋ เด็กน้อยก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว รีบโผกอดมารดาของเขา แถมยังปัดมือของถังผิงมั่วดัง เพียะ กล่าวว่า “ไม่ ใช่”
ถังผิงมั่วตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นเยี่ยนเสี่ยวเป่าในอ้อมแขนของเยี่ยนอวี๋และหรงอี้ที่นั่งอยู่ข้างๆ รู้สึกอึ้งนิดหน่อย…
ท้ายที่สุด ตามข้อมูลที่เขาทราบมา เยี่ยนอวี๋มาจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้าและไม่มีคนรู้จักในเมืองจิ่วเหลียนแห่งนี้อย่างแน่นอน แล้วหนึ่งผู้ใหญ่หนึ่งเด็กนี้เป็นใคร
ถังผิงมั่วในใจฉงนสงสัย แต่เขาไม่ได้ถามอะไรมาก เพียงแสดงละครต่อไปว่า “ลูกพ่อ นี่คือบุตรชายและสามีของเจ้าหรือ”
“…” เยี่ยนอวี๋มองไปที่ถังผิงมั่วด้วยความสงสัยและระมัดระวัง
หรงอี้เม้มริมฝีปากเล็กน้อยแล้วหัวเราะในใจ เขารู้ว่าภรรยาของเขาก็เริ่มแสดงละครแล้วเหมือนกัน
ถังผิงมั่วที่ได้รับสายตาสับสนจากเยี่ยนอวี๋ กลับถามต่อว่า “ลูกพ่อ เจ้าคงไม่รู้ว่าทำไมถึงมายังสถานที่แห่งนี้ใช่หรือไม่”
“…” เยี่ยนอวี๋ยังคงเงียบ เพียงจ้องไปที่ถังผิงมั่วอย่างระมัดระวังมากขึ้นโนเวลพีดีเอฟ
ถังผิงมั่วแสดงสีหน้าโศกเศร้าอย่างยิ่ง “ต้องโทษพ่อ พ่อไม่ได้ดูแลเจ้าให้ดี ไม่เพียงแต่ให้เจ้าถือกำเนิดนอกคฤหาสน์ตระกูลถัง ยังประสบอุบัติเหตุตกลงไปในช่องว่างมิติอีกด้วย
ตลอดหลายปีมานี้ พ่อตามหาเจ้าไม่เคยหยุดแต่ก็ไร้ประโยชน์ใดๆ ไม่คาดคิดว่าเมื่อสักครู่นี้มิติเวลาเกิดผันผวน ทำให้พ่อรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของเจ้า น่าเสียดายที่มันหายวับไปในพริบตา
พ่อจึงระดมคนทั้งตระกูลเพื่อตามหาเจ้าในทันที คิดว่าอาจจะต้องใช้เวลานานกว่านี้กว่าจะพบเจ้า ไม่คิดไม่ฝันว่าเจ้าจะอยู่ในเมืองถัง ได้เจอเจ้าเร็วขนาดนี้ นี่จะต้องเป็นเพราะสายสัมพันธ์ทางโลหิตเชื่อมโยงเราไว้แน่ๆ”
หลังจากพูดถ้อยคำที่ลึกซึ้งกินใจเหล่านี้จบ ถังผิงมั่วก็เอื้อมมือไปหมายจับมือเยี่ยนอวี๋อีกครั้ง แต่…
เพียะ
เจ้าตัวเล็กบางคนที่ทำหน้าที่เป็นองครักษ์พิทักษ์มารดา ตบมือถังผิงมั่วอีกครั้งไม่พูดอะไรสักคำ
เด็กน้อยยังหันไปกอดมารดาไว้แน่นแล้วพูดว่า “ไม่ ใช่ โกหก”
“เจ้าตัวเล็กนี่…” ใบหน้าของถังผิงมั่วไม่มีร่องรอยของความโกรธหรือรำคาญใจ ตรงกันข้ามกลับยิ่งโศกเศร้ามากขึ้นไปอีก “ถ้าไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุครั้งนั้น เจ้าตัวเล็กนี่ก็คงไม่มีทางจำปู่คนนี้ไม่ได้”
“ไม่ใช่” เยี่ยนเสี่ยวเป่าโต้กลับทันควัน “ท่าน ไม่ใช่” อย่าคิดโกหกเป่า เป่ารู้ทุกอย่าง
เยี่ยนอวี๋ลูบเด็กน้อยที่รู้ทุกอย่างและในที่สุดก็เปิดปากพูดไปว่า “ข้าไม่รู้จักท่าน ไม่มีทางที่ท่านบอกว่าข้าเป็นบุตรีของท่านและข้าก็จะเชื่ออย่างนั้น”
“คุณหนู ท่านผู้นำตระกูลไม่มีความจำเป็นต้องโกหกท่าน” พ่อบ้านถังอดไม่ได้ก้าวออกมาพูด “สถานะของตระกูลถังในเมืองจิ่วเหลียนนั้นสูงส่งเพียงใด หากไม่ใช่เพราะท่านเป็นบุตรีแท้ๆ ของผู้นำตระกูล ผู้นำตระกูลไหนเลยจะออกมาพบท่านด้วยตัวเอง”
“ตระกูลถังหรือ” เยี่ยนอวี๋เน้นย้ำ
“ถูกต้อง” พ่อบ้านถังกล่าวต่อว่า “ตระกูลถังของเราปกครองเมืองจิ่วเหลียน มีสตรีกี่นางที่อยากเป็นญาติกับตระกูลถัง ทำไมต้องเสียเวลามาเกลี้ยกล่อมเด็กสาวคนหนึ่งอย่างท่านด้วย แถมยังบังคับท่านให้รับตำแหน่งคุณหนูสายตรงของตระกูล? นี่มีเพียงความเป็นไปได้เดียวนั่นก็คือท่านคือบุตรีของผู้นำตระกูลจริงๆ”
“ไม่ ใช่” เยี่ยนเสี่ยวเป่าตะโกนกลับ เขาโกรธมากๆ แล้ว “โกหก”
พ่อบ้านถังไม่ได้สนใจเด็กน้อย แต่พูดกับคุณหนูสายตรงผู้งดงามต่อว่า “ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตา ตลอดหลายปีมานี้คุณหนูท่านลำบากแล้วจริงๆ ตอนนี้ดีแล้ว ท่านกลับมาได้เสียที”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าโกรธมากจนเรียกเสี่ยวฮวาฮวาออกมาแล้ว
แต่เยี่ยนอวี๋ก้มลงจุมพิตศีรษะโล้นๆ ของเจ้าตัวเล็ก ปลอบประโลมเขาและมองไปที่ถังผิงมั่วด้วยความฉงนเล็กน้อย
ถังผิงมั่วร้องไห้ต่อไป “ลูกพ่อ เจ้าระมัดระวังแบบนี้ก็ดีจะได้ไม่ถูกคนชั่วหลอกเอาง่ายๆ แต่สิ่งที่พ่อบ้านพูดนั้นก็เป็นความจริง ถ้าเจ้ามีคำถามใดไม่สู้กลับจวนไปพร้อมพ่อ รอจนกระทั่งเจ้าปลุกสายเลือดและพรสวรรค์ในตัวแล้ว เจ้าก็จะเข้าใจทุกสิ่ง”
“ถูกต้อง สายเลือดไม่มีทางโกหก คุณหนูหากท่านไม่เชื่อกลับไปลองที่คฤหาสน์ตระกูลถังได้” พ่อบ้านถังโน้มน้าวตาม ขณะเดียวกันเขาก็เข้าใจแล้วว่าการไม่มีฌานตบะในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ รอจนกระทั่งนางปลุกสายเลือดในตัวแล้ว ปัญหาทั้งหมดก็จะถูกแก้โดยปริยาย เมื่อสักครู่นี้เป็นเขาที่คิดฟุ้งซ่านไปจริงๆ
ทายาทสายตรงของตระกูลถัง
จะเป็นขยะได้อย่างไร
ปรากฏว่านางยังไม่ได้ปลุกสายเลือด
พ่อบ้านถังคิดว่าตัวเองเข้าใจทุกอย่างแจ่มแจ้งแล้ว
เยี่ยนอวี๋กลับหันไปมองบุรุษที่อยู่ข้างๆ โดยไม่รู้ตัว “สามี ท่านว่า…”
ถังผิงมั่วมองไปที่หรงอี้ตาม “ลูกเขยใช่หรือไม่ กลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลถังด้วยกันกับพ่อเถิด”
หรงอี้ยกเปลือกตาขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็จ้องถังผิงมั่วอย่างจริงจัง
ถังผิงมั่วขมวดคิ้วเบาๆ เขารู้สึกว่าลูกเขยปลอมๆ คนนี้หยาบคายมาก เป็นเพียงเซียนตัวเล็กๆ แต่กลับวางมาดกล้าใช้สายตาและทัศนคติแบบนี้มองเขา
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าถังผิงมั่วจะไม่สบอารมณ์ แต่เขาก็ยังอดทนไว้ “ลูกเขยไม่ต้องกังวล ในเมื่อเจ้าแต่งบุตรีของผู้นำตระกูลอย่างข้าเป็นภรรยาแล้ว ดังสุภาษิตที่ว่า ‘เป็นสามีภรรยาหนึ่งวัน บังเกิดสายสัมพันธ์ลึกซึ้ง’[2] ข้าผู้นำตระกูลย่อมไม่ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างเลวร้าย”
“ไม่ ไป” เยี่ยนเสี่ยวแสดงการมีอยู่ของตัวเองอีกครั้ง พูดอย่างดุร้ายว่า “ไม่ไป ทั้งหมด”
ถังผิงมั่วยิ้มเล็กน้อย ในดวงตายังคงมีน้ำตาเอ่อคลออยู่ “เจ้าตัวเล็กนี่อารมณ์ร้ายจริงๆ พ่อกับแม่เจ้ายังไม่ได้พูดอะไร เจ้าที่ยังพูดไม่ชัดกลับตัดสินใจแทนทั้งคู่แล้ว”
“ใช่” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพูด ข้ารู้ว่าท่านไม่ใช่คนดี ข้าไม่อยากไปกับท่าน
อย่างไรก็ตาม–
หรงต้าซือมิ่งกลับแสดงออกว่า “ไปก็ไม่เป็นไร”
“อ้า” เยี่ยนเสี่ยวเป่าร้อนใจแล้ว เขาคลานไปหาบิดาของเขา “ไป ทำ ไม” ท่านพ่อไม่รู้หรือว่าเขาเป็นคนไม่ดี ท่านพ่อไม่ฟังที่เป่าพูดหรือ
หรงอี้ฉวยโอกาสนี้อุ้มเจ้าตัวเล็กไว้ในอ้อมแขน เพียงลูบหลังน้อยๆ ของเขาและบอกให้เด็กน้อยอย่าเพิ่งกังวล ขณะเดียวกันเขาก็พูดขึ้นอย่างช้าๆ ว่า “สายเลือดไม่หลอกลวงคนจริงๆ ไปก็จะรู้เอง”
คำพูดนี้เหมือนว่าจะคล้อยตามคำพูดของพ่อบ้านถัง แต่เยี่ยนอวี๋รู้ว่าสามีนางตั้งใจบุกเข้าไปสำรวจถ้ำเสือ เห็นได้ชัดว่าชายชราคนนั้นมาจากตระกูลถัง
ในเมื่อเป็นแบบนี้…
เยี่ยนอวี๋ก็พยักหน้าตามเช่นกัน “เช่นนั้นก็ลองไปดู”
“อ้า” เยี่ยนเสี่ยวเป่าร้อนใจมากขึ้นไปอีก
แต่ต้าซือมิ่งยัดลูกกวาดเข้าไปในปากของเขา เพียงเข้าปาก มันก็ละลาย อร่อยที่สุดดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
เจ้าตัวเล็กบางคนถูกติดสินบนทันทีและเริ่มดูดปากเล็กๆ ของเขา แก้มยุ้ยเผยรอยยิ้มกว้าง
จิ่วอิงมีความสุขมากเมื่อได้เห็นภาพนี้ “เสี่ยวเป่าน่ารักมากจริงๆ”
ถังผิงมั่วถามอย่างเสแสร้งว่า “ผู้นี้คือ…”
หลังจากเข้ามาได้ไม่นาน ถังผิงมั่วก็สังเกตเห็นจิ่วอิงแล้ว เป็นเพราะฝ่ายหลังดุร้ายมากจึงยากที่จะเมินเฉย ไม่เหมือนกับเจ้าตัวเล็กบางคนและบิดาที่ ‘ไร้เดียงสาและไม่เป็นอันตราย’ ของเขา
เพียงแต่เป้าหมายของถังผิงมั่วก็คือเยี่ยนอวี๋ ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจจิ่วอิงมากนัก ตอนนี้ถึงเพิ่งถามออกไป
เยี่ยนอวี๋อธิบายว่า “ผู้อาวุโสในตระกูลของข้าเอง”
ถังผิงมั่วรู้สึกแปลกๆ แต่เขาก็ไม่ได้ถามมากเกินไป เพียงพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ตามไปด้วยกันเถิด”
“แน่นอน” เยี่ยนอวี๋ลุกขึ้นหลังจากพูดจบ “รบกวนผู้นำตระกูลถังช่วยนำทางแล้ว ข้าไม่คุ้นเคยกับเมืองถังสักเท่าไหร่นัก”
“ลูกพ่อ…” ถังผิงมั่วแสดงสีหน้าเจ็บปวดใจเมื่อบุตรีของเขาเหินห่างกับเขา เขาถอนหายใจหนักๆ “เอาเถิด กลับไปกันก่อน แล้วเจ้าจะเข้าใจเอง”
ถ้าเยี่ยนอวี๋ไม่แน่ใจว่าตระกูลถังกำลังวางแผนชั่วร้าย นางอาจจะสงสัยตัวเองเพราะการแสดงของถังผิงมั่วจริงๆ ท้ายที่สุดตั้งแต่นางเข้ามาในเมืองถัง นางก็ได้ยินตำนานมากมายเกี่ยวกับตระกูลถัง
เมืองจิ่วเหลียน…จะพูดว่าอย่างไรดี ดูเหมือนว่าจะสูงกว่าสวรรค์เก้าชั้นฟ้าหนึ่งระดับจริงๆ…
สมมติว่านางเป็นคุณหนูสายตรงของตระกูลถังที่บังเอิญตกลงไปในช่องว่างมิติและตกลงสู่โลกเบื้องล่าง ดูเหมือนจะสมเหตุสมผลอยู่บ้าง?
เห็นได้ชัดว่าเพื่อหลอกนาง ตระกูลถังพยายามมากจริงๆ คำพูดเหล่านี้ไม่สำคัญว่านางจะมีสถานะแท้จริงแบบไหน ด้วยตำแหน่งของตระกูลถัง พวกเขาล้วนทำให้มันเป็นไปตามนั้นได้
แต่เยี่ยนอวี๋รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ทำไมพวกเขาถึงสุภาพขนาดนี้
ท้ายที่สุด…
ตระกูลถังแข็งแกร่งมากและดูเหมือนว่าพวกเขาจะมองไม่เห็นผ่านฌานตบะที่สามีนางซ่อนไว้จึงได้หวาดกลัวเขา
เยี่ยนอวี๋ตามถังผิงมั่วออกจากเหลาอาหารพร้อมกับคำถามเหล่านี้ในใจ ต้าซือมิ่งเองก็อุ้มเจ้าตัวเล็กไว้ในอ้อมแขนแล้วเดินตามไปติดๆ
ท้องถนนเต็มไปด้วยผู้คนนับไม่ถ้วน แต่ละคนแสดงสีหน้าประหลาดใจ บ้างก็มีสีหน้าแปลกๆ
“สมกับที่เป็นคุณหนูตระกูลถัง งดงามมากจริงๆ” นี่คือผู้ชมที่ไม่รู้อะไรเลย
“ผู้นำตระกูลถังมาพบนางด้วยตัวเองจริงๆ ดูเหมือนว่าเขาจะให้ความสำคัญกับบุตรีคนนี้มาก” นี่คือยอดฝีมือที่จำถังผิงมั่วได้
“นั่นไม่ใช่คนที่เพิ่งทุบตีคุณหนูถังไปหรอกหรือ” นี่คือขามุงที่วันนี้ได้ชมสองเหตุการณ์ใหญ่ และแต่ละเหตุการณ์เขาก็ไม่ได้พลาดเลย
อย่างไรก็ตาม เสียงสนทนาระหว่างเหล่าขามุงเบามาก ถังผิงมั่วที่รีบร้อนกลับคฤหาสน์จึงไม่ทันได้สังเกต
ขณะนี้เขากำลังตื่นเต้นอย่างถึงที่สุดและต้องการพาสตรีที่ยืนอยู่ข้างๆ เขานี้กลับคฤหาสน์ตระกูลถังโดยตรง
เพราะเขารู้ชัดถึง…
‘ตำแหน่ง’ ของสตรีนางนี้ แม้จะคล้ายกับพระสุเมรุ แต่กลับเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ควบคุมได้ง่าย ตราบเท่าที่นางถูกหลอมรวมเข้ากับเมืองจิ่วเหลียน เมืองจิ่วเหลียนก็จะกลายเป็นโลกพระสุเมรุใบต่อไป
ต้องรู้ก่อนว่า สาเหตุที่พระสุเมรุทรงเป็นจักรพรรดิเหนืออาณาจักรทั้งปวงก็เพราะอาณาจักรทั้งปวงที่พระองค์สร้างขึ้นแข็งแกร่งและมั่นคงมาก ดังนั้นอาณาจักรซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาพระสุเมรุจึงยิ่งใหญ่และคือที่สุด พระสุเมรุที่ควบคุมเขาพระสุเมรุจึงมิอาจเอื้อมและเกินไขว่คว้า
ดังนั้น…
การสร้าง ‘อาณาจักรทั้งปวง’ คือกุญแจสำคัญ
แม้ว่าการสร้างโลกแห่งความโกลาหลนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่เพื่อให้โลกที่เพิ่งถือกำเนิดพัฒนาไปเป็นเหมือนอาณาจักรทั้งปวงที่ทั้งมั่นคงและทรงพลังกลับเป็นเรื่องที่ยากมาก
ไม่คาดคิด…บิดาเขาจะค้นพบวิธีอื่นและมันก็ประสบความสำเร็จจริงๆ
บิดาเขามีพรสวรรค์ไม่ธรรมดา เขาถึงกับสามารถสร้าง ‘พระสุเมรุ’ ขึ้นมาได้โดยตรง แถมยังเป็น ‘พระสุเมรุ’ ที่เป็นเมล็ดพันธุ์ด้วย
ถังผิงมั่วจะไม่ตื่นเต้นได้หรือ
เขาทำไม่ได้
ดังนั้นตลอดทางเขาจึงแสดงออกว่ายินดีจนแทบหลั่งน้ำตา ตื่นเต้น อีกมากมายนับไม่ถ้วนเหมือนกับว่าเขาดีใจที่ได้รับเลือดเนื้อเชื้อไขกลับคืนสู่อ้อมอก ทำให้ดูเหมือนมาจากความรู้สึกที่แท้จริง
แน่นอนว่าผู้อาวุโสทั้งสิบที่ได้รับข่าวก็ประหลาดใจมาก ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นกันมาก
แม้ว่าก่อนหน้านี้ถังเหิงจะไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่ในฐานะผู้อาวุโสของตระกูลถัง การรับรู้และความสามารถของพวกเขาทำให้พวกเขาอนุมานได้ว่า ‘เมล็ดพันธุ์’ ที่เพิ่งหาพบนี้ จะนำการเปลี่ยนแปลงที่พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินมาสู่ตระกูลถังและเมืองจิ่วเหลียนอย่างไร
ดังนั้น…
ผู้อาวุโสทั้งสิบคนของตระกูลถังจึงออกมาต้อนรับเยี่ยนอวี๋และครอบครัวด้วยตัวเอง เวลานี้ทุกคนล้วนน้ำตาไหลพราก ทำให้ทุกคนในตระกูลถังที่มามุงดูตกใจกันมาก
“เคลื่อนไหวใหญ่โตถึงเพียงนี้ คุณหนูที่เพิ่งถูกรับกลับเข้าตระกูลนี้มีความสำคัญมากถึงขนาดนั้นเชียว”
“ดูไปก็ไม่มีอะไรพิเศษเลยนี่ ไม่เพียงแต่จะไม่พิเศษ ยังดูเหมือนว่าจะไร้ฌานตบะอีกด้วย”
“หรือข้าสายตาไม่ดี…”
ทุกคนในตระกูลถังทั้งสับสนและตกตะลึง พวกเขาถูกกำหนดให้ไม่ได้รับคำตอบที่ถูกต้อง ท้ายที่สุดนี่เป็นเรื่องใหญ่ ถังผิงมั่วและคนอื่นๆ จะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ก่อนที่มันจะสำเร็จเป็นอันขาด
ในตอนนี้เอง ผู้อาวุโสใหญ่ผมเงินมองดูเยี่ยนอวี๋ด้วยสายตารักเอ็นดูมากขึ้น “กลับมาแล้วก็ดีแล้ว กลับมาแล้วก็ดีแล้ว”
“ผู้อาวุโสใหญ่คงไม่ทราบ เด็กคนนี้ยังคงสงสัยอยู่ พวกเราพานางไปปลุกสายเลือดกันก่อนเถิด นางจะได้เข้าใจว่านางเป็นบุตรีของข้า เป็นสายเลือดของตระกูลถังของเราจริงๆ” ถังผิงมั่วกล่าว คำพูดสุดท้ายของเขานั้นฟังดูน่าประทับใจไม่น้อย
จิ่วอิงฟังแล้วไม่เหมือนเป็นเรื่องโกหก มันเริ่มสับสนเล็กน้อยแล้ว มันมองไปที่หรงอี้โดยไม่รู้ตัว แต่ก็ดูไม่ออกจึงทำได้แค่สับสนต่อไป
ผู้อาวุโสรองในชุดสีเงินไม่อาจทนต่อความตื่นเต้นได้อีกแล้ว เขาเช็ดน้ำตาแล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็รีบไปเถิด เด็กน้อยจะได้รู้สึกสบายใจ” และกลายเป็นส่วนหนึ่งของเมืองจิ่วเหลียน
“ไปกันเถอะ” ผู้อาวุโสคนอื่นๆ เองก็กระตือรือร้น ได้ยินว่าเด็กสาวต้องการ ‘ปลุกสายเลือด’ ซึ่งไม่มีความหมายอะไร แถมยังจะช่วยเร่งกระบวนการด้วย
อย่างไรก็ตาม
กลุ่มผู้ติดตามของถังเสวี่ยซึ่งในที่สุดก็อาศัยประโยชน์จากความวุ่นวายขอเข้าพบถังผิงมั่ว เวลานี้ไม่สนใจอีกแล้วว่าจะหยาบคายหรือไม่ รีบปรี่ขึ้นไปแล้วรายงานว่า “ท่านผู้นำตระกูล เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ คุณหนูนาง…”
“หุบปาก” ถังผิงมั่วตะโกนขัดจังหวะ หัวใจของเขาแทบจะระเบิด
แต่เยี่ยนอวี๋กลับกล่าวว่า “ข้าเองก็ไม่ได้รีบร้อน ท่านผู้นำตระกูลจัดการกับเรื่องเร่งด่วนในตระกูลก่อนเถิด”
เสียงนี้…
กลุ่มผู้ติดตามที่วิ่งเข้ามาตกตะลึง ท้ายที่สุด เขาจำเสียงของเยี่ยนอวี๋ได้
หารู้ไม่ว่าระหว่างที่เขาถูกขัดจังหวะ ด้านนอกเมืองจิ่วเหลียน กลิ่นอายที่ทรงพลังนับไม่ถ้วนกำลังเยื้องกรายมาถึง
[1] ต้มกบในน้ำอุ่น หมายถึง การทำให้เหยื่อตายอย่างช้าๆ โดยไม่ทันรู้ตัว
[2] เป็นสามีภรรยาหนึ่งวัน บังเกิดสายสัมพันธ์ลึกซึ้ง หมายถึง เมื่อเป็นสามีภรรยากันแล้วก็จะเกิดความรักอันลึกซึ้งต่อกัน