…
เวลาหนึ่งถ้วยชาผ่านไป
วิหารปรุงยาอันกว้างใหญ่ก็คลาคล่ำไปด้วยผู้คน มีเพียงหออัญเชิญเท่านั้นที่ไม่มีผู้ใดมา เนื่องจากท่านประมุขหอกำลังเก็บตัว จึงไม่สามารถเรียกคนของหออัญเชิญมาได้
ส่วนเหล่าลูกศิษย์ของหอต่างๆ ที่อยู่ในวิหารทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วต่างก็กำลังวิพากวิจารณ์กันระเบ็งเซ็งแซ่
“เริ่มเลยเถิด” ผู้อาวุโสรองเอ่ยขึ้น คนทั้งวิหารจึงสงบลง
ทุกคนมองไปข้างบนพร้อมกัน พบเพียงเยี่ยนอวี๋กำลังอุ้มทารกที่ห่อด้วยผ้าห่อตัวเดินไปทางหม้อยาใบมโหฬารที่อยู่ตรงกลางวิหาร ทุกคนมองการกระทำอัน ‘ทะลึ่ง’ ของนางอย่างตะลึงงัน ประมุขแห่งหอสัตว์บรรพกาลตกตะลึงยิ่งกว่า เขาถามขึ้นว่า “นังหนูอวี๋ เจ้า…จะอุ้มตัวน้อยไปปรุงยาด้วยอย่างนั้นหรือ”
“อืม” เยี่ยนอวี๋พยักหน้า ทุกคนพลันรู้สึกเหมือนกำลังดูการละเล่นของเด็กน้อย คนจำนวนไม่น้อยต่างพากันคิดว่าคงได้ดูละครไร้สาระอีกแล้ว
ผู้อาวุโสรองบัญชาเสียงขรึม “ท่านประมุขหอโอสถ เปิดหม้อยา”
ท่านประมุขหอโอสถเปิดหม้อยาตามคำสั่ง กลิ่นยาหอมตลบอบอวลลอยออกมาจากหม้อยาสีดำสนิทขนาดสูงสามคนกว้างสิบคนกอด กลิ่นนั้นช่างน่าหลงใหลเมามาย
พรึ่บ…หลังจุดไฟบนหม้อยา ไฟสีแดงอำพันก็ลุกในทันที
ราวกับสิ่งมีชีวิตตัวน้อยตื่นเต้น ร่างของเขาดิ้นและส่งเสียงอ้อแอ้อีกครั้ง
เยี่ยนอวี๋ก้มศีรษะลงไปหอมแก้มเขา มืออีกข้างหนึ่งก็เลือกสมุนไพรยาพยัคฆ์เม็ดหนึ่งออกมาอย่างไม่สนใจนัก “เข้า”
ฟุบ!
สมุนไพรตกเข้าไปในหม้อทีละเม็ดตามคำสั่งอย่างเป็นระเบียบ
ฝูงชนที่คิดว่ามาดูละครไร้สาระตกตะลึงกับท่าทางคล่องแคล่วชำนาญของนางจนต้องอ้าปากค้างและเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตาราวกับเห็นพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกอย่างไรอย่างนั้น
นี่มัน…
“เรื่องอะไรกัน” เยี่ยนอู้ชะงัก
ผู้อาวุโสรองพยักหน้าเล็กน้อยอย่างคนรู้ล่วงหน้าแล้ว “ดูท่าแล้วนังหนูเยี่ยนจะเป็นนักปรุงยาจริงๆ”
ท่านประมุขหอโอสถกลับตื่นตกใจนัก “แต่ แต่วิธีการปรุงยาเช่นนี้มิใช่ธรรมเนียมปฏิบัติของสำนักข้า นี่มันสืบทอดจากสำนักหมอหลวง!”
เยี่ยนอู้ตาเหลือกตาพองแล้วนึกถึงรถม้าคันหรูที่ผู้อาวุโสรองบอกเขา
ไม่เพียงแต่เขาที่นึกขึ้นได้ ผู้อาวุโสเก้าก็นึกขึ้นได้เช่นกัน เขายังนึกขึ้นได้ด้วยว่ารถม้าคันนั้นมาจากที่ใด “ตามตำนานเล่าขาน ในศักราชหยวนคัง จักรพรรดิหยวนคังได้สร้างรถม้าสิบแปดคันมอบให้สำนักหมอหลวงเพื่อใช้เป็นพาหนะขนย้ายพืชสมุนไพรล้ำค่าและแร่ธาตุหายากอันมีชื่อเรียกว่า…วิหคสุริยัน”
“?”
ทุกคนตะลึงงัน เพราะผู้คนในนั้นต่างไม่เคยพบเห็นรถม้าหรูคันนั้น
ผู้อาวุโสรองกล่าวอย่างมั่นใจว่า “เป็นไปตามคาด นังหนูอวี๋เป็นผู้สืบทอดของสำนักหมอหลวงแห่งราชสำนักจริงๆ ด้วย”
“ว่าอย่างไรนะ!”
วิหารปรุงยาโกลาหลขึ้น!
เยี่ยนอู้โมโหเลือดขึ้นหน้า “เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้แน่นอน! ข้าไม่เชื่อ!” หลานสาวคนนี้ของเขาไร้พลังตั้งแต่กำเนิดมิใช่หรือ!
แต่แท้จริงแล้ว
“แยก” เยี่ยนอวี๋ใช้พลังจิต สมุนไพรที่เข้าไปในหม้อแล้วกระจายตัวออกเป็นหยดน้ำยาบริสุทธิ์ไม่กระเด็นออกมาข้างนอกเลยแม้หยดเดียว
“นี่คือวิชาลับเฉพาะของสำนักหมอหลวงเทียนเลี่ยน!” ท่านประมุขแห่งหอโอสถตกตะลึง
ต้องทราบเสียก่อนว่าวิชาลับเฉพาะอย่างเทียนเลี่ยนมีเพียงญาติสืบสกุลของสำนักหมอหลวงเท่านั้นที่จะสามารถฝึกฝนได้ หมอธรรมดาทั่วไปของสำนักหมอหลวงไม่มีสิทธิ์ได้รับมรดกเช่นนี้!
ให้ตายเถิด…
“ท่านเจ้าสำนักปิดบังข้าเสียเหนื่อยเลย!” ประมุขแห่งหอโอสถแทบจะคุกเข่าลง
สายตาทุกคู่ในนั้นที่จับจ้องเยี่ยนอวี๋ก็แปรเปลี่ยนไป
“หึ” ผู้อาวุโสเก้าพ่นหัวเราะอย่างเย็นชา “เสี่ยวเย่า เจ้าพูดเกินจริงไปหรือไม่ เจ้าดูให้ดีวิชาปรุงยาของนางได้รับการสืบทอดจากสำนักหมอหลวงจริงหรือ”
ประมุขแห่งหอโอสถชะงัก ผู้อาวุโสเก้าพูดชัดถ้อยชัดคำว่า “ตามที่ข้ารู้ การปรุงยาของลัทธิเซิ่งเหลียนและสำนักหมอหลวงมีวิธีต่างกัน แต่ก็ได้ผลเช่นเดียวกัน ส่วนวิชาของลัทธิเซิ่งเหลียนมาจากสำนักจิ่วหลีผู้ก่อกบฏ”
“น้องเก้า!” ผู้อาวุโสรองตวาด “ระวังคำพูดด้วย! ลัทธิเซิ่งเหลียนกลับไปอยู่ภายใต้ราชสำนัก มิใช่กบฏแล้ว”
“หึ!” ผู้อาวุโสเก้าไม่พอใจ “พี่รองรู้ดี บัดนี้จิ่วหลีไม่มีที่ยืนแล้วย่อมจะถูกทำลายในไม่ช้า”
“น้องเก้า!” ผู้อาวุโสรองเสียงดุ นัยน์ตาปรากฏความน่าเกรงขาม
เมื่อผู้อาวุโสเก้าหยุดโต้เถียง คำพูดของเขาก็เตือนสติท่านประมุขหอโอสถและเตือนสติทุกคนในนั้น ทำให้ทุกสายตาที่มองเยี่ยนอวี๋ฉายแววประหลาดมากขึ้นเล็กน้อย
“ไม่ว่าอย่างไร นังหนูอวี๋ก็คือนักปรุงยาผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศ!” ประมุขแห่งหอสัตว์บรรพกาลยังคงยืนหยัดดังเดิม “รถม้าวิหคสุริยันก็มีเพียงสำนักหมอหลวงเท่านั้นที่ได้ครอบครอง”
“เกรงว่าจะมาจากที่ใดก็มิอาจรู้ได้” ผู้อาวุโสเก้าเย้ยหยัน
เยี่ยนอู้ตั้งสติได้ “ใช่แล้ว! หากนังหนูคนนี้เป็นศิษย์ของสำนักหมอหลวงจริงๆ เหตุใดสำนักหมอหลวงจึงมิได้ส่งสาส์นให้กับสำนักข้า ฎีกาแต่งตั้งก็ไม่มี!”
แต่แล้ว จู่ๆ ผู้อาวุโสรองก็ลุกพรวด ทำเอาทุกคนตกใจ เขาจ้องเขม็งไปที่จุดศูนย์กลางของวิหารปรุงยาแล้วมองเยี่ยนอวี๋ที่กำลังปรุงยาอยู่
เพราะว่าเยี่ยนอวี๋ในบัดนี้ กำลังส่งพลังจิตไปที่สวนสมุนไพรที่ปลูกหญ้าสมุนไพรเทียนหลิงอยู่
“มา” เยี่ยนอวี๋ส่งพลังจิตอีกครั้ง ชั่วขณะที่มือเรียวงามนั้นผายออกไปก็ดึงยันต์อักษรรูนสายยาวออกมากด้วย กลิ่นอายหญ้าสมุนไพรเทียนหลิงโชยอบอวลออกมาทันที
พลังสีเขียวอ่อนกลุ่มหนึ่งพุ่งตรงจากสวนสมุนไพรตรงนั้นไปยังหม้อยาที่อยู่ตรงหน้าเยี่ยนอวี๋ต่อหน้าทุกคนราวกับดวงดาวที่ตัดผ่านท้องฟ้าปานนั้น!
ฟิ้ว!
ทุกคนในหอโอสถลุกพรวด พวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังของหญ้าสมุนไพรเทียนหลิง แต่ในสำนักไม่มีสมุนไพรเทียนหลิงเลยแม้ต้นเดียว
“นี่มัน…” ในหอโอสถที่สับสนอลหม่าน ทุกคนเหม่อมองหญ้าสมุนไพรชิงหมังที่ตกลงไปในหม้อยาจนนิ่งงันไป