เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน – บทส่งท้าย 14 กลุ่มผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดจากพระสุเมรุ

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

บทส่งท้าย 14 กลุ่มผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดจากพระสุเมรุ

ตัวแท่นบูชาของตระกูลถังมีสีดำสนิท ในตอนที่เปิดใช้งานอย่างเต็มที่ จะดูประหนึ่งดอกบัวทมิฬศักดิ์สิทธิ์ที่เบ่งบานและเปล่งแสงสว่างครอบคลุมพื้นที่เกือบหนึ่งร้อยหมู่ ปกคลุมส่วนหลักของโถงบรรพบุรุษของตระกูลถังเอาไว้ทั้งหมด

นอกจากนี้ หลังจากที่แท่นบูชาเบ่งบาน รัศมีแสงที่กระจัดกระจายออกมาจากดอกบัวทมิฬ ก็ถักทอสะท้อนเป็นบัลลังก์รูปดอกบัวกลางโถงบรรพบุรุษตระกูลถัง

กลิ่นอายอันสง่างามและเคร่งขรึมนั้น ฉับพลันปกคลุมคฤหาสน์ตระกูลถังเอาไว้ทั้งหมด! สมาชิกตระกูลถังส่วนใหญ่ที่มามุงดู ล้วนคุกเข่าลงและโขกศีรษะคำนับสามครั้งด้วยความนับถือ

ถังผิงมั่วผู้เข้าอกเข้าใจผู้อื่นกำลังอธิบายให้เยี่ยนอวี๋ฟังว่า “แท่นบูชานี้คือแท่นบูชาวิญญาณที่สร้างขึ้นจากจิตวิญญาณของเหล่าผู้พลีชีพของตระกูลถังในรุ่นที่ผ่านๆ มา มันรวบรวมเจตจำนงและพลังศักดิ์สิทธิ์ของบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลเราเอาไว้

และด้วยเพราะเหตุนี้ ใครก็ตามซึ่งเป็นสมาชิกตระกูลถังที่ก้าวเข้าสู่แท่นบูชา จะสามารถปลุกสายเลือดตระกูลถังในร่างของพวกเขาได้ นับเป็นการเปิดเส้นทางไปสู่การฝึกฌาณ ทำให้ต่อจากนี้วิถีบ่มเพาะของพวกเขาราบรื่นมากยิ่งขึ้น

แน่นอนว่าถ้าสายเลือดบางเบาเกินไป แท่นบูชานี้จะไม่ยอมรับคนผู้นั้น ดังนั้นผู้ที่สามารถก้าวเข้าสู่แท่นบูชาได้ ในตัวแล้วล้วนเป็นผู้เยาว์ที่ไม่ธรรมดา”

“เป็นเช่นนั้น” ผู้อาวุโสรองที่ติดตามอยู่ด้านข้างถอนหายใจ “นี่คือรากฐานของตระกูลถังของเราในการยืนหยัดในโลกพระสุเมรุอย่างมั่นคง”

หรงอี้ที่สงบนิ่งมาโดยตลอด เวลานี้กลับพูดขึ้นว่า “แต่มันดูเหมือนไม่เก่าแก่สักเท่าไหร่เลยนะ”

ถังผิงมั่วมองไปที่หรงอี้ด้วยความประหลาดใจ “ลูกเขยเจ้าสัมผัสได้ด้วยหรือ”

“ใช่” หรงอี้ไม่ปฏิเสธ “ข้ามีภูมิหลังตระกูลที่ดี จึงเคยเห็นพวกของโบราณพวกนี้มาก่อน”

ถังผิงมั่วยิ้ม แม้ว่าเขาจะอยากถาม ‘ลูกเขย’ คนนี้ว่าเจ้ามาจากไหน หรือว่าก็มาจากเก้าชั้นฟ้าเหมือนกัน แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ถามออกไป เพียงเอ่ยชมว่า “ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินเจ้าต่ำไปสินะลูกเขย แต่ว่าแท่นบูชาของตระกูลนี้ก็ไม่ใช่ของโบราณจริงๆ มันถูกสร้างขึ้นโดยบิดาของข้าเมื่อเขายังเด็ก และก็เป็นรากฐานที่ทำให้ตระกูลถังของเราแข็งแกร่งมากจนก้าวขึ้นมาเป็นผู้ปกครองเมืองจิ่วเหลียน!”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” หรงอี้พยักหน้าและแสดงออกว่าเขาเข้าใจแล้ว แต่สีหน้าเขาสงบมาก

สิ่งนี้ทำให้ถังผิงมั่วที่ภาคภูมิใจในตัวบิดาเขามากรู้สึกไม่สบอารมณ์ แต่เขาไม่อยากสร้างปัญหาในตอนนี้จึงไม่โกรธหรงอี้ เพียงเดินไปข้างหน้าและไม่แยแสหรงอี้อีก

ถังเสวี่ยตอนนี้ก็เดินมาหยุดอยู่ด้านหน้าโถงบรรพบุรุษแล้ว นางมองกลับไปที่เยี่ยนอวี๋ “ยังไม่รีบมาอีก!”

“สาวน้อย ไปเถิด” ผู้อาวุโสรองยกแขนขึ้นส่งสัญญาณให้เยี่ยนอวี๋ สายตาเขาใกล้ชิดและอบอุ่น “ไม่จำเป็นต้องลนลานไป พวกเราตาแก่ไม่กี่คนนี้ล้วนมั่นใจในตัวเจ้า”

เยี่ยนอวี๋พยักหน้าเล็กน้อย ขณะที่นางกำลังจะขยับเท้าเดินตามถังผิงมั่ว

หรงอี้กลับรั้งนางไว้ ทว่าก่อนที่เขาจะทันได้พูดหรือทำอะไรอย่างอื่น ผู้อาวุโสรองก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “คุณชายน้อย เจ้ากำลังทำอะไร”

เยี่ยนอวี๋มองสามีนางด้วยความสับสน “มีอะไรผิดปกติหรือ” เป็นไปได้หรือไม่ว่านางเข้าไปไม่ได้ แต่นางไม่รู้สึกถึงอันตรายเลย กระทั่งรับรู้โดยสัญชาตญาณว่าการเข้าไปในแท่นบูชา ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสำหรับนาง

“ทำไม! เจ้าคิดจะถ่วงเวลาไปอีกนานแค่ไหน ถ้าเจ้ายังไม่มา หรือจะให้กูไหน่ไนคนนี้ไปลากเจ้ามาด้วยตัวเอง!” น้ำเสียงของถังเสวี่ยฟังดูเริ่มรำคาญแล้ว นางข่มขู่ ดูไม่เป็นมิตรอย่างมาก

เมื่อจิ่วอิงได้ยินคำพูดนี้ มันก็ก้าวขึ้นมายืนกั้นอยู่ตรงหน้าเยี่ยนอวี๋ ชี้นิ้วไปที่รูจมูกของถังเสวี่ยโดยตรง กล่าวอย่างรังเกียจมากว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็เข้ามาลากสิ! ดูสิว่าปู่จิ่วคนนี้จะกินหน้าอีกซีกของเจ้าหรือไม่!”

“เจ้า…” ถังเสวี่ยโกรธมาก ความรู้สึกเจ็บจนถึงกระดูกส่งมาจากแก้มฝั่งที่ถูกทำลายไปเป็นระลอกๆ ให้นางยิ่งโกรธสุดขีด แต่ก็ไม่กล้าก้าวขึ้นไปลงมือทำอะไรจริงๆ

ผู้อาวุโสใหญ่กลับเดินไปหาหรงอี้แล้วพูดอย่างมีเมตตาว่า “คุณชายน้อย หากว่าเจ้าเป็นกังวลว่าฌานตบะของตัวเองจากนี้ไปจะสู้ภรรยาไม่ได้ นี่ไม่จำเป็นเลย เนื่องจากเจ้าเป็นเขยของตระกูลเราแล้ว เจ้าสามารถเพลิดเพลินไปกับทรัพยากรชั้นสูง ในอนาคตฌานตบะเจ้าจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแน่นอน”โนเวลพีดีเอฟ

“ไม่ใช่แบบนั้น” หรงอี้ตอบอย่างใจเย็น มือยังคงจับมือภรรยาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เพราะเขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว เขารู้จุดประสงค์ของตาแก่ถังและตระกูลถังทั้งหมดแล้ว!

หากเขาเดาได้ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าตาแก่ถังอยากจะกลืนกินภรรยาของเขา แต่เขาต้องการให้เมืองจิ่วเหลียนแห่งนี้กลืนกินนาง เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการใช้จักรวาลเก้าชั้นฟ้าซึ่งอยู่อีกฟากของกระจกสะท้อนหล่อเลี้ยงเมืองจิ่วเหลียนแห่งนี้

ตั้งแต่ต้น…

หรงอี้รู้ว่าเมืองจิ่วเหลียนเป็นกุญแจสำคัญในการเชื่อมต่อสวรรค์เก้าชั้นฟ้ากับโลกพระสุเมรุ คลับคล้ายกับกระจกเคลื่อนย้ายทางเดียว…ใช่แล้ว เขารู้ว่าเมืองจิ่วเหลียนจะต้องมีอิทธิพลอย่างมากต่อเก้าชั้นฟ้า

แต่หรงอี้ไม่เคยสัมผัสถึง เขาไม่รู้ว่าเมืองจิ่วเหลียนซึ่งเป็นตัว ‘กระจก’ นี้ส่งผลต่อเก้าชั้นฟ้าอย่างไร หรือว่าควบคุมสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เพราะไม่มีความเชื่อมโยงระหว่างทั้งสองโดยตรง!

เหมือนกับเมืองจิ่วเหลียนเป็นเพียงประตูบานหนึ่งที่แยกสวรรค์เก้าชั้นฟ้าและโลกพระสุเมรุออกจากกัน

กระทั่งตอนนี้! เวลานี้

เขาถึงรับรู้อย่างคลุมเครือว่ามันไม่ใช่แค่นั้น

แม้ว่าเมืองจิ่วเหลียนจะไม่ได้ควบคุมสวรรค์เก้าชั้นฟ้าโดยตรง กระทั่งไม่สามารถควบคุมสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้เลย

แต่…ขอแค่ภรรยาเขาก้าวเข้าไปในแท่นบูชาของตระกูลถัง นางจะถูกหลอมรวมและกลายเป็นส่วนหนึ่งของเมืองจิ่วเหลียนโดยตรง!

จากนั้น ถ้าเขาวิเคราะห์ไม่ผิด…

สวรรค์เก้าชั้นฟ้าจะกลายเป็นโลกใต้อาณัติของเมืองจิ่วเหลียน กระทั่งเหมือนกับอาณาจักรทั้งปวงที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับเขาพระสุเมรุไม่หยุด ฝ่ายหลังเองก็สามารถป้อนพลังที่แข็งแกร่งและมั่นคงกว่ากลับ เสริมสร้างและผลักดันอาณาจักรทั้งปวงให้เดินไปสู่เส้นทางที่ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีวันถูกทำลายและไร้ซึ่งจุดจบ ไม่หลงเหลือปัญหาที่ว่าทรัพยากรและพลังจิตวิญญาณไม่เพียงพออีกต่อไป

ยิ่งคิดหรงอี้ก็ยิ่งแน่ใจในข้อสรุปของตัวเอง เขาดึงภรรยาเข้ามาในอ้อมแขนแล้วพูดว่า “ไม่ต้องไปแล้ว”

“ไอ้หนู!” ดวงตาของผู้อาวุโสรองเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาพร้อมเข้าโจมตีแล้ว!

ถังเสวี่ยที่ยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง เดินกลับมาทางนี้ แต่ก็ถูกจิ่วอิงขวางทางเอาไว้ก่อน “มาสิ!”

“ไสหัวไป!” ถังเสวี่ยจ้องจิ่วอิงพร้อมกับเจตนาฆ่าเต็มดวงตา นางอยากที่จะลงมืออยู่หรอก แต่ก็พยายามสงบสติและอดทนไว้!

หลายปีมานี้ สาเหตุที่ถังเสวี่ยสามารถใช้อำนาจบาตรใหญ่ในตระกูลถังและเมืองจิ่วเหลียน ไม่ใช่เพียงเพราะฌานตบะและพรสวรรค์ของนางไม่ธรรมดา และไม่ใช่เพราะวิธีการอันโหดเหี้ยมและเลือดเย็นของนาง ยังมีความอดทน อย่างน้อยๆ นางก็รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้นางจำเป็นต้องอดทนไว้

เมื่อจิ่วอิงเห็นว่านางไม่ขยับ มันก็ไม่ลงมือเช่นกัน ไม่ใช่ว่าไม่อยากทำอะไร แต่มันคุ้นชินแล้ว มีแต่ต้องรอให้ผู้อื่นยั่วยุก่อนมันถึงจะสามารถสู้กลับได้…

แต่ในเวลานี้ เยี่ยนอวี๋กลับเอ่ยปากขึ้นเองว่า “แต่ข้าอยากไป”

ผู้อาวุโสรองลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่เดิมเขาต้องการลากไอ้หนุ่มหน้าขาวที่น่ารำคาญตรงหน้านี้ออกไป!

แต่ผู้อาวุโสใหญ่ใช้สายตาของเขาหยุดความคิดที่หุนหันพลันแล่นนี้ของผู้อาวุโสรองได้ทันท่วงที และขอให้เขาอดทนต่ออีกสักหน่อย

หรงอี้เมินเฉยต่อสายตาที่มองมายังภรรยาซึ่งอยู่ในอ้อมแขนของเขา “อยากมากเลยหรือ”

“อื้ม” เยี่ยนอวี๋พยักหน้า

หรงอี้รู้ว่าภรรยาเขาไม่ใช่คนหุนหันพลันแล่น ถ้านางอยากไปมาก นั่นหมายความว่ามีบางอย่างที่นางอยากได้จากด้านในแท่นบูชา

แต่แท่นบูชาไม่เพียงแต่เชื่อมโยงกับโถงบรรพบุรุษของตระกูลถังอย่างใกล้ชิด ยังแยกออกจากคฤหาสน์ตระกูลถังไม่ได้ ยิ่งมีส่วนเกี่ยวข้องลึกซึ้งกับเมืองจิ่วเหลียน ขอแค่ภรรยาของเขาเข้าไป…

ในขณะที่หรงอี้กำลังครุ่นคิดหนัก อันที่จริงจิตเหนือสำนึกของเขาก็เคลื่อนตัวตามแสงที่ปลดปล่อยออกมาจากแท่นบูชาของตระกูลถัง รวมถึงต้นกำเนิดที่ได้รับผลกระทบจากมัน กระจายออกไปทั่วเมืองจิ่วเหลียนแล้ว

เยี่ยนอวี๋เห็นสีหน้าจริงจังของสามีนาง เดิมทีความคิดที่อยากจะต่อสู้เพื่อชิงโอกาสสักเล็กน้อยก็พลอยจางไป ขณะที่นางกำลังจะพูดว่า “หรือไม่ ข้าไม่ไปแล้ว” แต่แล้ว

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปเถอะ” หรงอี้เห็นด้วย

ดวงตาของเยี่ยนอวี๋สว่างขึ้นเล็กน้อย “เจ้าแน่ใจหรือ”

“อื้ม” หรงอี้พยักหน้าอย่างมั่นใจ

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเยี่ยนอวี๋ทันที “ถ้าอย่างนั้น ข้าจะไปแล้วนะ!”

เมื่อเห็นดวงตาของภรรยาเปล่งประกายระยิบระยับและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หรงอี้ก็ยกมุมปากขึ้นโดยไม่รู้ตัว น้ำเสียงประดุจเสียงพิณของเขาบ่งบอกถึงความสุข “ไปเถิด ทุกอย่างยังมีสามีอยู่ตรงนี้”

เยี่ยนอวี๋เขย่งปลายเท้า จุมพิตสามีของนาง จากนั้นก็หันหลังกลับและเดินไปที่แท่นบูชาของตระกูลถัง

เวลานี้หรงอี้ไม่ได้รั้งตัวภรรยาเขาไว้อีกต่อไป เพียงมองนางเดินไปที่แท่นบูชา จิตเหนือสำนึกของเขายังคงแทรกตัวและแผ่ขยายออกไปอย่างเงียบๆ

ส่วนถังเสวี่ยที่ในที่สุดก็เห็นเยี่ยนอวี๋เดินมา นางก็แค่นเสียงเหอะอย่างเย็นชา! เดินนำเข้าไปในโถงบรรพบุรุษอีกครั้ง ท้ายที่สุดทางเข้าไปยังแท่นบูชาของตระกูลถังนี้ก็ตั้งอยู่ใจกลางโถงบรรพบุรุษของตระกูลถัง

จากประตูทางเข้าโถงบรรพบุรุษของตระกูลถังไปจนถึงใจกลางซึ่งเป็นตำแหน่งหลัก มีบันไดหินตรงสีดำทอดยาวลงมาหนึ่งสาย เมื่อเดินไปตามทาง จะไม่อาจใช้ฌานตบะใดๆ ได้

ใช่แล้ว หลังจากที่ถังผิงมั่วส่งเยี่ยนอวี๋เดินขึ้นบันได เขาก็ไม่ได้ติดตามนางขึ้นไป เพราะไม่ต้องกลัวว่าถังเสวี่ยจะบ้าคลั่งและโจมตีเยี่ยนอวี๋กลางทางอีก

เพียงแต่

เยี่ยนอวี๋เพิ่งจะก้าวขึ้นบันไดหินสีดำหนึ่งขั้น หรงอี้ก็พูดขึ้นว่า “เดี๋ยวก่อน”

“จบได้หรือยัง!” ถังเสวี่ยที่ได้ยินเสียงเรียก หันกลับมาและตะโกนทันทีว่า “ยึกยักแบบนี้ เจ้ายังเป็นบุรุษอยู่หรือเปล่า!”

หรงอี้ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดเหล่านี้ เขาไม่ได้ยินด้วยซ้ำ

แต่เยี่ยนอวี๋กลับไม่พอใจมาก “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า”

“เจ้า…” ถังเสวี่ยอิจฉามากทุกครั้งที่เห็นหน้าเยี่ยนอวี๋! นางอยากจะกรีดมันออกเป็นชิ้นๆ เสียเดี๋ยวนี้

ก่อนหน้านี้เยี่ยนอวี๋ไม่เคยเห็นถังเสวี่ยอยู่ในสายตาเพราะนางอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่า แต่ถังเสวี่ยด่าหรงอี้ สิ่งนี้กระตุ้นให้เยี่ยนอวี๋โกรธเกรี้ยว ดังนั้นสายตาที่เยี่ยนอวี๋มองไปทางถังเสวี่ยยามนี้จึงไม่ได้สงบเหมือนเดิมอีกต่อไป มันเปลี่ยนเป็นเนบิวลาที่คาดเดาไม่ได้ แสงหลากสีเปล่งประกายออกมาจางๆ

สายตาแบบนี้…

ทำให้ความงามของเยี่ยนอวี๋ดูศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้นและไม่อาจย่ำกรายได้และก็ทำให้ถังเสวี่ยรู้สึกอึดอัดมากจนหายใจลำบาก

สายตาและบรรยากาศรอบตัวแบบนี้ ทำให้สมาชิกตระกูลถังทั้งหมดที่กำลังมุงดูร้องอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ!

“จุ๊ๆ! ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้นำตระกูลละทิ้งกูไหน่ไนอย่างไม่ไยดีและเลือกคุณหนูสายตรง อาศัยแค่สายตาเพียงอย่างเดียวก็ทรงพลังมากถึงเพียงนี้! นางคู่ควรกับการคาดหวังของผู้นำตระกูล ดูเหมือนว่าตระกูลถังของเราจะให้กำเนิดผู้แข็งแกร่งขึ้นอีกคนแล้ว”

“คิดไม่ถึงว่าคุณหนูสายตรงดูจากภายนอกเหมือนไร้ฌานตบะ แต่กลับสามารถปลดปล่อยแรงกดดันของราชาผู้เหนือกว่าที่สามารถสะกดข่มสรรพชีวิตทั้งมวล ถึงกับบดขยี้กูไหนไนซึ่งยืนอยู่ในจุดสูงกว่าจนดูเหมือนต่ำกว่านางขั้นหนึ่งได้”

“นั่นสิ ไม่คาดคิดจริงๆ…”

เหล่าสมาชิกตระกูลถังที่อยู่รอบๆ ล้วนถอนหายใจโดยสัญชาตญาณ ใจที่แต่เดิมแอบเอนเอียงไปทางถังเสวี่ยเล็กน้อย ย้ายไปยังคุณหนูสายตรงที่เพิ่งกลับมาโดยสมบูรณ์

แม้ว่าคุณหนูสายตรงคนนี้จะยังไม่ได้ปลุกสายเลือดของนาง แต่พวกเขาก็ไม่สงสัยเกี่ยวกับการตัดสินใจของผู้นำตระกูลถังผิงมั่วและะผู้อาวุโสทั้งสิบคนแล้ว

พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าถังผิงมั่วและผู้อาวุโสทั้งสิบคน จริงๆ แล้วพวกเขาร้อนตัวเล็กน้อย เพราะพวกเขารู้ดีว่าสตรีที่พวกเขาพามานี้ไม่ใช่สตรีของตระกูลถัง แต่พวกเขาก็เชื่อมั่นในตัวถังเหิงเช่นกัน ดังนั้นจึงทำได้เพียงกระวนกระวายและไม่พอใจต่อหรงอี้ซึ่งเป็นอุปสรรคของพวกเขาอย่างสุดซึ้ง!

แต่…

หรงต้าซือมิ่งไม่ได้คิดที่จะดึงตัวภรรยาของเขากลับ เขาส่งเจ้าตัวเล็กบางคนในอ้อมแขนให้กับภรรยาต่อหน้าทุกคนที่ประหลาดใจ “พาเสี่ยวเป่าไปด้วย”

“อ้า” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูกยัดออกไป สีหน้าดูสับสน!

จิ่วอิงยิ่งมึนงงไปอีก “อี้เอ๋อร์ เจ้ากำลังทำอะไร” ส่งผู้ใหญ่เข้าไปยังไม่พอ ยังให้นางกระเตงขวดน้ำมันน้อย[1] นี้ไปด้วยอีก?

เยี่ยนอวี๋เองก็ปฏิเสธเช่นกัน “นี่ไม่ได้ เจ้าดูเสี่ยวเป่านั่นแหละดีแล้ว”

“เชื่อข้า” หรงอี้กล่าว “ในเมื่อต้องปลุกสายเลือดของตระกูลถัง ในตัวเสี่ยวเป่าเองก็มีสายเลือดของตระกูลถังอยู่เช่นกัน ทำไมเขาจะไปกับเจ้าด้วยไม่ได้”

เยี่ยนอวี๋ “…” เจ้ารู้อยู่เต็มอกว่าข้าไม่ใช่สตรีของตระกูลถัง ดังนั้นเจ้าลืมตาพูดปดหลอกลวงข้า ข้าเชื่อเจ้าสิถึงจะแปลก

อย่างไรก็ตาม หรงอี้ทำราวกับไม่เข้าใจสายตาของภรรยาของเขา เขาดึงมือกลับแล้วพูดว่า “ไปเถิด”

เยี่ยนอวี๋ “…” จริงจังหรือ!

“ลูกพ่อ ลูกเขยพูดถูกแล้ว ไปด้วยกันเถิด!” ถังผิงมั่วไม่อยากให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็น ทั้งคิดว่ามีเจ้าตัวเล็กไปด้วยอีกคนก็คงไม่เป็นไร อย่างไรก็ไม่ส่งผลกระทบต่อแผนของบิดาของเขา

แต่เยี่ยนอวี๋ไม่เต็มใจจริงๆ…

หลังจากที่เจ้าตัวเล็กได้สติ เขาก็หัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข “คิก! แม่ ไป ไป~”

ถังเสวี่ยก็พอใจมากเช่นกัน ยอดเยี่ยม! สามารถจัดการพวกนางได้ในครั้งเดียว ดวงตาคู่นั้น อย่างไรก็ไม่มีทางรอดไปได้

ส่วนเยี่ยนอวี๋ที่มองต้าซือมิ่งบางคนอยู่นาน หลังจากยืนยันแล้วว่าคนผู้นี้จริงจัง นางก็ทำได้เพียงก้าวไปข้างหน้าโดยมีลูกชายอยู่ในอ้อมแขน ไม่อย่างนั้นเล่า?

“คิก!” เด็กน้อยบางคนดีใจมาก “รัก รัก พ่อ!” ท่านพ่อรู้จักเป่าดีที่สุดและรู้ว่าเป่าอยากตามไปด้วย โอ้ๆ~

เยี่ยนอวี๋ถูกความร่าเริงของบุตรชายทำเอาอารมณ์ดีไปด้วย นางอดไม่ได้ก้มหน้าลงจุมพิตศีรษะโล้นเล็กๆ ของเจ้าตัวเล็ก ยิ้มแล้วพูดว่า “มีความสุขมากถึงขนาดนี้เชียว”

“ใช่!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ากอดคอมารดาไว้แน่นอย่างมีความสุข จากนั้นก็มองไปที่บิดาที่ค่อยๆ ห่างไกลออกไป “พ่อ!”

หรงอี้ยิ้มและไม่พูดอะไร ก้าวถอยหลังไปอย่างโล่งใจ

……

หนึ่งเค่อต่อมา ถังเสวี่ยซึ่งเดินเร็วขึ้นเล็กน้อยก็มาถึงทางเข้าแท่นบูชา นางหันกลับไปมองเยี่ยนอวี๋สองแม่ลูก “เร็วเข้า!”

จิ่วอิงรู้สึกไม่พอใจเมื่อเห็นสิ่งนี้ “ถ้าข้ารู้ก่อนหน้านี้ ข้าคงส่งนางขึ้นไปแล้ว! นังสตรีหน้าตาอัปลักษณ์นี่สมควรถูกทุบตีจริงๆ!”

หรงอี้ไม่ได้พูดอะไร เพราะเขารู้ว่าถังเสวี่ยคนนี้จะต้องตายในไม่ช้า

แต่จิ่วอิงไม่รู้ว่า เขาเห็นถังเสวี่ยผลักเยี่ยนอวี๋สองแม่ลูกหลังจากที่พวกนางเดินเข้าไปใกล้ เขาโกรธมากจนแทบจะตามขึ้นบันไดหินไปแล้ว

เพียงแต่ว่า…

เพียะ!

เยี่ยนเสี่ยวเป่าซึ่งทำหน้าที่เป็นองครักษ์พิทักษ์มารดา ตบหน้าถังเสวี่ยไปตรงๆ หนึ่งฉาด!

แม้ว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่าจะตัวเล็กและมือของเขาก็เล็ก แต่แรงตบของเขาไม่เบาเลย อย่างน้อยๆ สมาชิกตระกูลถังที่อยู่นอกห้องโถงบรรพบุรุษก็ได้ยินเสียงตบนี้ชัดเจน

นี่ยังไม่ใช่ทั้งหมด…

เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่โกรธจัดจ้องไปที่ถังเสวี่ยแล้วพูดว่า “ถ้า รังแก แม่ ข้า อีก ข้า จะตี เจ้า!”

ถังเสวี่ยถูกตบจนเบลอไปพักหนึ่ง เพราะการตบของเจ้าตัวเล็กบางคนรุนแรงมาก นางประคองตัวไว้ไม่อยู่จึงเกือบจะล้มลง หากนางไม่ได้ยืนอยู่หน้าทางเข้าแท่นบูชา นางอาจจะกลิ้งตกบันไดไปแล้ว

จิ่วอิงสะใจมาก “ฮ่าๆๆๆ เสี่ยวเป่าตบได้ดี!”

รอจนกระทั่งถังเสวี่ยกลับมารู้สึกตัวอีกครั้งเพราะเสียงหัวเราะเยาะ นางก็จ้องไปที่เยี่ยนอวี๋สองแม่ลูกราวกับว่าต้องการจะกลืนกินพวกนางทั้งเป็น

น่าเสียดายที่ทั้งเยี่ยนอวี๋และเยี่ยนเสี่ยวเป่าไร้ความสนใจต่อสายตาของถังเสวี่ย พวกนางย่อมไม่ถูกทำให้ตกใจ

เยี่ยนอวี๋เปิดประตูทางเข้าโดยตรงและก้าวเข้าไปในแท่นบูชา

ขณะเดียวกัน

“!”

ถังเหิงที่รอขั้นตอนนี้ ในที่สุดก็รู้สึกว่าหัวใจเขากำลังเต้นแรง ร่างกายเขาสั่นเล็กน้อย เขารู้แล้ว! มันได้ผล เขาทำสำเร็จ! เขาประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์

“นังสารเลว!” ถังเสวี่ยที่ติดตามเยี่ยนอวี๋สองแม่ลูกเข้าไปในแท่นบูชา โกรธถึงขีดสุด สายเลือดตระกูลถังเข้มข้นที่ไหลเวียนอยู่ในตัวถูกกระตุ้นจนถึงจุดสูดสุดเช่นกัน!

นางคือถังเสวี่ย! จะบดขยี้นังแพศยาที่ไม่รู้ที่มาที่ไปนี้จนกว่าจะสงสัยในชีวิต จากนั้นค่อยเลาะหนังหน้ามันออกมาแล้วค่อยกรีดหน้านางทุกวันวันละครั้ง!

เมื่อคิดได้แบบนี้ ถังเสวี่ยก็ระเบิดพลังอันน่าพรั่นพรึงออกมา แท่นบูชารูปดอกบัวสีน้ำหมึก ถูกห่อหุ้มด้วยรัศมีแสงสีขาวและทองอันเป็นแสงจากพลังศักดิ์สิทธิ์ของถังเสวี่ย

“นี่คือกลิ่นอายของกูไหน่ไน!” สมาชิกตระกูลถังที่จดจำพลังของถังเสวี่ยได้ รับรู้และกำลังตั้งตารอพลังชุดที่สองและสาม

สมาชิกตระกูลถังเวลานี้ล้วนอยากรู้มากว่า คุณหนูสายตรงที่เพิ่งกลับมา จะบดขยี้กูไหน่ไนด้วยวิธีใด!

อย่างไรก็ตาม

หลังจากนั้นพักใหญ่

พวกเขาก็ยังไม่เห็นอะไร

นี่…

“เกิดอะไรขึ้น” สมาชิกตระกูลถังบางคนตั้งคำถาม ทุกคนมุ่งความสนใจไปที่ถังผิงมั่วผู้นำตระกูลถัง

แต่ถังผิงมั่วไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างไรก็ตาม คำถามก่อนหน้าของเขายังไม่ได้รับการตอบกลับจากถังเหิง ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าถังเหิงจะทำอย่างไรต่อไปกันแน่

หรงอี้รู้ว่าแท่นบูชาของตระกูลถังมีความเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับเมืองจิ่วเหลียน แต่ถังผิงมั่วเห็นได้ชัดว่าไม่รู้

อย่างไรก็ตาม…

ถังเหิงผู้ยุยงอยู่เบื้องหลัง เขาเองก็กำลังสงสัยเหมือนกัน “เกิดอะไรขึ้น”

จากการคาดการณ์ของถังเหิง เยี่ยนอวี๋ควรจะสลายไปอย่างรวดเร็วเบื้องหน้าแท่นบูชา! จากนั้นก็จะหลอมรวมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเมืองจิ่วเหลียน นำพาเมืองจิ่วเหลียนไปสู่ยุครุ่งเรืองใหม่

อย่างไรก็ตาม

มันไม่เป็นเช่นนั้น

ถังเหิงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาวางแผนที่จะไปที่แท่นบูชาเพื่อหาคำตอบ

ปิ้ว!

ขณะนี้ จู่ๆ ดอกไม้สีม่วงขนาดยักษ์ก็พลันเบ่งบาน ปากของดอกไม้เปิดออกเหนือแท่นบูชา ปิดกั้นถังเหิงที่หมายจะรุกเข้าไป

นี่ยังไม่ใช่ทั้งหมด…

“อึก!”

หลังจากที่ดอกไม้ยักษ์ส่งเสียงกลืน แท่นบูชารูปดอกบัวสีน้ำหมึกก็สั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด

ในเวลาเดียวกัน

ถังเสวี่ยซึ่งยืนอยู่ในแท่นบูชาก็โพล่งขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้น” ทำไมนางถึงได้รู้สึกว่าพลังสายเลือดของนางกำลังหดหายไปอย่างต่อเนื่อง?!

เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ภาพลวงตา เพราะดอกไม้ที่แสนเผ็ดร้อนกำลังกลืนกินแท่นบูชาของตระกูลถัง ถังเสวี่ยซึ่งยืนอยู่ในแท่นบูชาและกำลังระเบิดพลังสายเลือด ย่อมอยู่ในขอบเขตที่ถูกกลืนกินด้วย

ไม่เพียงเท่านั้น ดวงวิญญาณผู้พลีชีพของตระกูลถังทั้งหมดล้วนถูกเสี่ยวฮวาฮวาดูดซึมเข้าสู่ ‘ร่างบุปผา’ ผ่านแท่นบูชาของตระกูลถังอย่างรวดเร็ว

การกลืนกินที่เอาแต่ใจและเผด็จการและวิธีการที่กวาดทุกอย่างอย่างรวดเร็วนี้ ทำให้หรงมั่วที่เวลานี้อยู่นอกเมืองจิ่วเหลียนรับรู้ได้อย่างชัดเจน ริมฝีปากบางยกขึ้น น้ำเสียงกระจ่างที่ราวกับน้ำค้างแข็งกล่าวว่า “เสือดาวน้อยนี่ไม่เลวเลย”

“องค์ชาย! พระองค์ ตรัสว่าอย่างไรนะพ่ะย่ะค่ะ!”

“พี่ใหญ่ ท่านก็สัมผัสถึงลูกของเสือดาวน้อยได้แล้วใช่หรือไม่!”

“มั่วมั่ว รีบแจ้งท่านแม่ ตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว!”

[1] ขวดน้ำมันน้อย หมายถึง ลูกติด อุปมาว่าเป็นตัวภาระ

******************************

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

Status: Ongoing
แม้จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่นางก็ยังคงเป็นเทพธิดาอันดับหนึ่งของสวรรค์ชั้นเจ็ด ผู้มีความสามารถแกร่งเกินผู้ใดไม่เปลี่ยนแปลง “ผู้ชายอะไรนั่นน่ะ กินได้หรืออย่างไร ข้าไม่เห็นจะอยากได้”เยี่ยนจื่ออวี๋ แม้มีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของประมุขสำนักชางอู๋แห่งแคว้นแต่กลับไร้พลังแต่กำเนิด แถมยังทำเรื่องงามหน้าอย่างการปีนขึ้นเตียงผู้ชาย!เพราะเรื่องฉาวโฉ่เกินทนทำให้หญิงสาวหายหน้าไปกว่าครึ่งปี แต่เมื่อกลับมาอีกครั้งสำนักชางอู๋ก็ถึงคราวสั่นสะเทือนจากหญิงสาวที่ไม่อาจฝึกพลังกลายเป็นปรมาจารย์มากสามารถ พลังสูงส่งเกินใครโอสถใดที่ว่ายาก นางกระดิกนิ้วเดียวก็สำเร็จสมบูรณ์ วิชาใดที่ฝึกไม่ได้นางล้วนทำได้จากหญิงสาวที่ทุกคนต่างเมินหน้าหนีกลายเป็นผู้สูงส่งที่ทุกคนต้องการประจบประแจงชายหนุ่มทั่วหล้าล้วนอยากเป็นพ่อเลี้ยงของเจ้าตัวเล็กกันทั้งนั้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท