บทส่งท้าย 15 เด็กน้อยนุ่มนิ่มและมารดาผู้แสนเผ็ดร้อนกลายเป็นที่รัก
ครอบครัวของพระสุเมรุซึ่งพักอยู่ในเมืองจิ่วเหลียนล้วนถูกคำพูดของหรงมั่วทำให้ระเบิด พวกเขาแทบทนรอไม่ไหวที่จะไปดู ‘เสือดาวตัวจิ๋ว’ ในคำพูดของหรงมั่วให้เห็นกับตาตัวเอง รีบร้อนมากๆ
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายคนที่วิตกกังวลมากกว่าพวกเขามาก ยกตัวอย่างเช่นถังเสวี่ย และยกตัวอย่างเช่นถังเหิง…เพียงแต่ว่าทั้งสองมีความวิตกกังวลที่แตกต่างกัน และเป้าหมายเองก็ไม่เหมือนกันด้วย
หนึ่งในนั้น คนที่รีบร้อนที่สุดเป็นใครไม่ได้อีกนอกจากถังเสวี่ย เพราะระดับฌานตบะของนางคือระดับสื่อเสินและตอนนี้ด้วยเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจมันก็หายไปเกือบสี่ส่วนแล้ว!
“เกิดอะไรขึ้น!” ดวงตาของถังเสวี่ยฉายแววตื่นตระหนก นางมองไปที่สองแม่ลูกที่อยู่ไม่ไกลโดยไม่รู้ตัว เดิมทีคิดว่าสองคนนี้จะต้องมีสภาพน่าอนาถและไร้หนทางมากกว่านางแน่ แต่เห็นได้ชัดว่านางคิดผิด
เยี่ยนอวี๋สองแม่ลูกในเวลานี้ไม่เพียงแต่ไม่ได้ดูอับจนหนทางและอนาถ หนึ่งในนั้นกำลังตระหนักรู้ ขณะที่อีกคนสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ซึ่งแตกต่างจากสภาพหวาดกลัวของถังเสวี่ยโดยสิ้นเชิง
“อะเน้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเงยหน้าขึ้นมองดอกไม้สีม่วงของเขา เพราะเขาสามารถรับรู้ได้ชัดเจนว่าฮวาฮวากำลังกินข้าวอยู่ แถมยังปันพลังบางส่วนมาให้กับเขาด้วย เขาย่อมมีความสุขมากเป็นธรรมดา
ในช่วงแรกๆ เจ้าตัวเล็กบางคนไม่เข้าใจว่า ‘การป้อนกลับ’ หมายถึงอะไร แต่ต่อมาพอท่านพ่ออธิบายให้เขาฟังแล้ว…ก็คือในตอนที่ฮวาฮวากำลังกินอาหาร ร่างกายของเขาเองก็จะรู้สึกอบอุ่นและเบาสบายด้วย นี่ก็คือการป้อนกลับของฮวาฮวา! จากนั้นเขาก็จะโตขึ้น~
เมื่อคิดถึงว่าตัวเองโตขึ้น…
“คิก!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่ามีความสุขมากจนเผลอกรีดร้องเสียงแปลกๆ ด้วยความดีใจ เขายกมือขึ้นไปลูบศีรษะเล็กๆ ของตัวเอง คิดถึงว่าหลังจากโตแล้วเส้นผมก็จะกลับมายาวอีกครั้ง เขาก็ปรื้มปริ่มมาก~
“รัก! รัก ฮวาฮวา~” เยี่ยนเสี่ยวเป่าอดไม่ได้ที่จะแสดงความรักต่อฮวาฮวา ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของเขาเปลี่ยนเป็นสีชมพูเนื่องจากความตื่นเต้นที่มากเกินไป ทำให้เขาดูน่ารักมากขึ้นเหมือนเด็กน้อยจ้ำม่ำในภาพวาด
ในตอนแรก ถังเสวี่ยรู้สึกตะลึงกับรูปลักษณ์ที่น่ารักของเยี่ยนเสี่ยวเป่าจนลืมตื่นตระหนกไป ผลคือถูก ‘คำสารภาพรัก’ ของเยี่ยนเสี่ยวเป่าต่อดอกไม้ที่แสนเผ็ดร้อน ‘โจมตี’ เข้าอย่างจัง! ทั้งยังส่งผลให้พลังแห่งการกลืนกินไต่ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดด้วย
จากนั้น…
ถังเสวี่ยกลับมามีสติทันใด!
เนื่องจากฌานตบะในร่างของถังเสวี่ย ถูกดอกไม้ที่แสนเผ็ดร้อนซึ่งระเบิดศักยภาพในการกลืนกินทั้งหมดกลืนหายไปอีกสามส่วน ทำให้พลังนางตกลงมาอยู่ในขั้นสื่อเสินโดยตรง
“บัดซบ!” ถังเสวี่ยที่ทั้งหวาดกลัวและตื่นตระหนก เวลานี้ถึงเพิ่งตระหนักว่าดอกไม้แปลกๆ ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นบนแท่นบูชานั้น แท้จริงแล้วคือดอกไม้ของเด็กน้อยที่นางหมายตาไว้!
ถังเสวี่ยตกตะลึงและไม่แน่ใจ สัญชาตญาณของนางสั่งให้นางปฏิเสธการอนุมานนี้ แต่นางไม่อาจไม่สรุปอย่างชัดเจนว่านี่คือข้อเท็จจริง!
ในเมื่อเป็นเช่นนี้…
หมายความว่าถ้าฆ่าเจ้าสารเลวตัวน้อยนี้ สถานการณ์ยากลำบากที่ประสบอยู่ในตอนนี้จะถูกแก้ไขใช่หรือไม่
ถังเสวี่ยที่ปรับสภาพจิตใจให้กลับสู่สภาวะมั่นคง ยิงลูกดอกสีดำไปยังเจ้าตัวเล็กบางคนอย่างไม่ลังเลทันที
“ฟิ้ว!”
ลูกดอกเหมือนแสงที่วิ่งตัดผ่านอากาศ ตรงไปยังหว่างคิ้วของเจ้าตัวเล็กบางคนอย่างแม่นยำ
น่าเสียดาย…
แม้ว่าถังเสวี่ยจะรู้ว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่าคือกุญแจสำคัญ นางเองก็โจมตีอย่างรวดเร็วและแม่นยำมาก แต่นางประเมินความสามารถของดอกไม้ที่แสนเผ็ดร้อนต่ำเกินไป
ดังนั้นเมื่อลูกดอกเล็กพุ่งไปที่เจ้าตัวเล็ก ดอกไม้สีม่วงดอกหนึ่งก็ร้อง “ปิ้ว” พุ่งนำไปอยู่ข้างหน้า กลืนกินลูกดอกนั้นเข้าไปโดยตรง
อย่างไรก็ตาม การโจมตีถัดมาของถังเสวี่ยก็มาถึงแล้วเช่นกัน!
ถังเสวี่ยคลับคลัายกับจะเดาได้ว่าการโจมตีครั้งแรกจะไม่ประสบความสำเร็จ ถึงได้ชักกระบี่อ่อนออกมาจากเอว แสงเย็นเยียบของกระบี่ฟันไปที่เจ้าตัวเล็กอย่างเหี้ยมโหดและตะโกนขึ้นตามอย่างดุร้ายว่า “ตาย!”
“อ้า!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าสะดุ้งเมื่อสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่า เขาเรียกค้อนสีดำอันเล็กๆ ออกมาตามสัญชาตญาณและก่อนที่เขาจะรู้ตัว มันก็ถูกเหวี่ยงขึ้นไปรับกระบี่อ่อนที่ฟันลงมาของถังเสวี่ยอย่างแม่นยำ
ในเวลาเดียวกัน เยี่ยนอวี๋ซึ่งแต่เดิมเหมือนกำลังจมอยู่ในภวังค์ความคิด รีบอุ้มเจ้าตัวเล็กเบี่ยงหลบอย่างคล่องแคล่ว นัยน์ตาสีม่วงเข้มคู่หนึ่งที่ประหนึ่งจุทะเลดวงดาวทั้งหมดเอาไว้ ฉับพลันมืดมิด นางหรี่ตาลงจ้องถังเสวี่ยที่ปรี่เข้ามาหมายจะสังหาร
พริบตานั้น
แกรก”
ค้อนสีดำขนาดเล็กของเยี่ยนเสี่ยวเป่าทุบกระบี่อ่อนของถังเสวี่ยจนแหลกเป็นชิ้นๆ กวาดเอาไอสังหารและพลังของดาบทั้งหมดมลายหายไปด้วยการทุบครั้งเดียว!
“เป็นไปได้อย่างไร!” ถังเสวี่ยที่ถูกทำให้ตกใจจ้องไปที่เด็กน้อยตามสัญชาตญาณ แต่กลับเผลอไปสบตากับเยี่ยนวี๋และเพียงการสบตากันนี้ ก็ทำให้ทั้งตัวของถังเสวี่ยเย็นเยียบ
“ตาย”
แตกต่างจากความโหดเหี้ยมของถังเสวี่ย เยี่ยนอวี๋เผยอริมฝีปากแดงของนางออกเพียงเล็กน้อย เปล่งเสียง “ตาย” และราวกับมีเสียงของธรรมชาติขับร้องตาม ในดวงตานางเผยให้เห็นถึงความไม่สนใจไยดี
ทว่าผลลัพธ์กลับเป็น
ฉึบ!
เสียงนี้ของเยี่ยนอวี๋เพิ่งจะเปล่งออกไป ถังเสวี่ยก็รู้สึกเหมือนว่ามีบางอย่างเจาะเข้าไปในทะเลจิตของนาง ทำให้หวาดกลัวและตามการล่าถอยโดยสัญชาตญาณ น่าเสียดาย…
ไม่ทันแล้ว
ตูม!
ทะเลจิตของถังเสวี่ยระเบิดออกทันที!
จากนั้น…
ไม่มีจากนั้นแล้ว
ถังเสวี่ยซึ่งเลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด ล้มลงและเสียชีวิตทันที
ก่อนตาย ถังเสวี่ยยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางกำลังจะตาย ดังนั้นดวงตาข้างเดียวที่โผล่พ้นออกมาจึงเบิกกว้าง เผยให้เห็นแสงที่ไม่อยากจะเชื่อที่ค่อยๆ จางลงไป
เยี่ยนอวี๋จ้องไปที่ถังเสวี่ยที่กำลังจะตายอย่างเย็นชา มือข้างหนึ่งยังไม่ลืมยกขึ้นปิดตาเจ้าตัวเล็ก ป้องกันไม่ให้เจ้าตัวเล็กถูกภาพถังเสวี่ยตรงหน้าที่เลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดทำให้ตกใจกลัว
เหอะ
กล้าที่จะแตะต้องลูกของนาง?
เยี่ยนอวี๋เรียกโดยไม่กะพริบตา “ฮวาฮวา กลืนลงไป”
ปิ้ว”
ดอกไม้ใหญ่อีกดอกบานออกมาจากร่างของเจ้าตัวเล็กบางคน และรีบกลืนถังเสวี่ยที่ตายไปแล้วลงไปอย่างรวดเร็ว
“อะเน้ะ?”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าซึ่งมองไม่เห็น พยายามคว้ามือมารดาของเขา อยากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนขี้เหร่คนนั้นที่ต้องการรังแกเขา
น่าเสียดายที่เมื่อเขาปัดมือของมารดาออกไปได้ในที่สุด ฮวาฮวาก็กลืนร่างนั้นไปแล้ว กำลังบีบตัวและย่อยสลายร่างของถังเสวี่ย
ไม่ว่าอย่างไร นี่ก็เป็นร่างของผู้ฝึกยุทธ์ระดับสื่อเสินเชียวนะ! เพราะร่างหลักของดอกไม้ที่แสนเผ็ดร้อนกำลังกลืนกินแท่นบูชาของตระกูลถัง ดังนั้นดอกไม้ที่แยกออกมาดอกนี้ตอนนี้จึงย่อยยากนิดหน่อยดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
เยี่ยนเสี่ยวเป่าเบิกตากว้าง จ้องไปที่ฮวาฮวา จากนั้นก็มองไปรอบๆ แล้วถามว่า “ฮวาฮวา กินไปแล้ว?”
“อืม” เยี่ยนอวี๋ลูบลูกน้อยที่แสนน่ารัก จากนั้นก็ก้มลงจุมพิตศีรษะโล้นเล็กๆ ของเจ้าตัวเล็ก “นางจะได้ไม่มาโผล่ให้รำคาญใจอีก ตอนนี้ที่นี่ปลอดภัยแล้ว แม่ถึงจะวางใจได้”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าเกาใบหน้าอวบอ้วนเล็กๆ ของเขาแล้วพูดว่า “น่าเกลียด ทำไม ถึงกิน” เขารู้สึกว่าถังเสวี่ยอัปลักษณ์เกินไปและไม่คู่ควรที่จะถูกฮวาฮวากินจึงเริ่มลังเลใจนิดหน่อย!
เยี่ยนอวี๋บีบหน้าที่เต็มไปด้วยไขมันของเขาด้วยความโกรธแล้วพูดว่า “เมื่อก่อนตอนที่เจ้าเคี้ยวกระดูกนิ้วเท้าของแอนนา ทำไมถึงไม่รังเกียจว่าทั้งอัปลักษณ์และสกปรกเล่า” ตอนนี้กลับรังเรียจฮวาฮวาเสียแล้ว
เยี่ยนเสี่ยวเป่าพูดอย่างมีเหตุผลฉะฉาน “แอนนา งาม!”
เยี่ยนอวี๋อยากจะหัวเราะ “กระดูกกองหนึ่ง เจ้ายังมองออกว่างามอีก”
“มองออก!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าตอบอย่างตรงไปตรงมามาก
เยี่ยนอวี๋มองไปที่เจ้าตัวเล็กที่จริงจัง และคิดในใจว่าเจ้าตัวเล็กได้รับสืบทอดความสามารถในการปั่นหัวผู้อื่นของสามีมาอย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ อย่างที่คิดมีบิดาอย่างไรก็มีบุตรอย่างนั้น
“ได้ เจ้าบอกว่าทำได้ก็ทำได้” หลังจากเยี่ยนอวี๋กล่อมเจ้าตัวเล็กแล้ว เวลานี้ถึงนั่งขัดสมาธิแล้วอธิบายว่า “ถ้าอย่างนั้นแม่จะปิดด่านสักหน่อย เจ้าช่วยอารักขาให้แม่ได้หรือไม่”
“ขอรับ~” เยี่ยนเสี่ยวเป่าขานรับอย่างเชื่อฟัง
เยี่ยนอวี๋วางลูกน้อยของนางไว้บนตักอย่างสบายใจ จากนั้นก็หลับตาลงและสัมผัสถึงแท่นบูชา เมื่อสักครู่นี้นางก็สัมผัสได้แล้วว่าแท่นบูชาตรงหน้านี้คล้ายกับจะมีความเชื่อมโยงกับสวรรค์เก้าชั้นฟ้า
เยี่ยนอวี๋ซึ่งไม่ค่อยแน่ใจนัก วางแผนที่จะสำรวจมันอย่างถี่ถ้วน ขณะเดียวกันก็มองหาคำตอบว่าทำไมแท่นบูชานี้ถึงได้ให้ความรู้สึกใกล้ชิดมาก หรือว่ามันจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับกลิ่นอายนี้
ด้วยคำถามสองข้อนี้ ไม่นานนักเยี่ยนอวี๋ก็ส่งกระแสจิตเข้าไปในแท่นบูชา จากนั้นก็เคลื่อนจิตไปตามแสงที่ปลดปล่อยออกมาจากแท่นบูชา ค่อยๆ เข้าปกคลุมแท่นบูชาและโถงบรรพบุรุษของตระกูลถังทั้งหมด รวมถึงเมืองจิ่วเหลียนและขยายตัวออกไปยังสถานที่ที่ห่างไกลออกไปเรื่อยๆ
แน่นอนว่านางไม่ลืมที่จะทิ้งพลังจิตของตัวเองเอาไว้ส่วนหนึ่งเพื่อปกป้องลูกน้อยของนาง
แม้ว่าความปลอดภัยของเจ้าตัวเล็กบางคนจะได้รับการรับประกันจากดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ แต่ในฐานะมารดา เป็นไปไม่ได้ที่นางจะเลินเล่อถึงขั้นในระหว่างปิดด่านฝึกฌาณก็ทิ้งเจ้าตัวเล็กบนตักไปโดยสิ้นเชิง
ส่วนเจ้าตัวเล็กบางคน เขาประพฤติตัวดีมาก ท่านแม่ขอให้เขาอารักขาระหว่างที่นางปิดด่าน เขาก็นอนนิ่งอยู่บนตักของมารดา ดวงตากลมโตน่ารักที่แวววาวเหมือนเม็ดองุ่นสีดำนั้นจ้องมองไปรอบๆ ด้วยความระมัดระวัง
ส่วนความวุ่นวายด้านนอกแท่นบูชา เห็นได้ชัดว่าสองแม่ลูกไม่รู้สักนิด
……
ถังเหิงในเวลานี้เอง หลังจากที่ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นเหนือแท่นบูชาของตระกูลถัง กล้ามเนื้อบนใบหน้าชราก็กระตุกยิก ทำให้ถังผิงมั่วที่เห็นสีหน้าของเขาอย่างชัดเจนรับรู้ได้ทันทีว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว!
ถังผิงมั่วคุกเข่าลงกับพื้น หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้น “ท่านพ่อ!”
“คารวะผู้นำตระกูลเฒ่า!” ผู้อาวุโสทั้งสิบคนเองก็ทยอยประสานมือคารวะ ทุกคนล้วนรู้สึกไม่สบายใจ ไม่รู้ว่าเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น ถึงทำให้ผู้นำตระกูลเหิงสีหน้าเปลี่ยนไปมากขนาดนี้
หรือว่าจะเป็น…
สาวน้อยคนนั้นเสียชีวิตในแท่นบูชาแล้ว?!
หัวใจของผู้อาวุโสทั้งสิบคนจมดิ่ง พวกเขาอยากจะถามคำถามแต่ก็ทำไม่ได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงอดกลั้นไว้ สักพักหนึ่ง พวกเขารู้สึกว่ามันยากลำบากมาก
ในเวลานี้ถังเหิงกลับไม่สนใจคนอื่นอีกต่อไป เขากำลังมุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ดอกไม้สีม่วงแปลกๆ ที่อยู่ตรงหน้าเขา
เพียงแต่ไม่รอให้ถังเหิงค้นหาสาเหตุพบ ดอกไม้ที่แสนเผ็ดร้อนที่ถูกเจ้าตัวเล็กบางคนยกยอก็แสดงพลังของมันอีกครั้ง! ใช่แล้ว ในตอนที่ถังเสวี่ยลงมือกับเจ้าตัวเล็ก ตระกูลถังทั้งหมดก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย!
เนื่องจากการกลืนกินอย่างดุเดือดของดอกไม้ที่แสนเผ็ดร้อน ดวงวิญญาณของผู้พลีชีพทั้งหมดที่อยู่ในห้องโถงก็ถูกดึงเข้าไปในแท่นบูชา ฉากนั้น…
ตอนนั้นสมาชิกตระกูลถังหลายคนยังไม่ทันคุกเข่าให้ถังเหิง พวกเขาก็ถูกภาพตรงหน้าทำให้ตกใจจนโง่งม เพราะพวกเขาเห็นว่าวิญญาณที่อัดแน่นอยู่ในห้องโถงบรรพบุรุษ กำลัง ‘หลั่งไหล’ เข้าสู่แท่นบูชาราวกับสายน้ำที่ไหลเชี่ยว!”
“นี่…”
“นี่…”
สมาชิกตระกูลถังที่รู้สึกหวาดกลัวมากจนเกินรับล้วนพูดไม่ออก พวกเขาไม่รู้ว่าจะสรรหาถ้อยคำใดมาอธิบายฉากที่กำลังเห็นดี
ท้ายที่สุด สิ่งนี้แตกต่างจากฉากที่พวกเขาเห็นตามปกติ! ดวงวิญญาณวีรชนเยื้องย่างลงมาปรากฏเหนือแท่นบูชา จากนั้นก็เริ่มการสืบทอดอันศักดิ์สิทธิ์ แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไร ตอนนี้มันกลับเหมือน
แท่นบูชากำลังกลืนกินดวงวิญญาณของเหล่าวีรชนของพวกเขา!
นี่…
ไม่จริงกระมัง!โนเวลพีดีเอฟ
สมาชิกตระกูลถังทั้งหมด เงยหน้าขึ้นมองถังเหิงที่ปรากฏตัวออกมาแล้วตามสัญชาตญาณ พวกเขาตื่นตระหนกเกินไปจึงลืมคุกเข่าลงเพื่อคารวะผู้นำสูงสุดของพวกเขา
ในเวลานี้เอง สีหน้าของถังเหิงเองก็น่าเกลียดอย่างมาก! เพราะเขาสรุปได้แล้วว่าแท่นบูชากำลังกลืนกินดวงวิญญาณของเหล่าวีรชนจริงๆ ยิ่งมาก็ยิ่งเร็วและรุนแรงมากขึ้น
ใช่แล้ว ดวงวิญญาณของเหล่าวีรชนผู้ได้พลีชีพของตระกูลถัง เริ่มส่งเสียงคร่ำครวญอย่างน่าสังเวชแล้ว “ไม่”
“ช่วยด้วย!”
“อ้า”
วิญญาณของบรรพบุรุษตระกูลถังที่ในตอนแรกไม่ตอบสนองอะไร เห็นได้ชัดว่าเพราะก่อนหน้านี้พวกเขากำลังสับสนอยู่ จนกระทั่งพลังวิญญาณในร่างของพวกเขาถูกทำลายอย่างรวดเร็ว พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่อย่างน้อยพวกเขาเข้าใจสิ่งหนึ่ง…พวกเขากำลังจะสลายไป
บรรพบุรุษของตระกูลถังที่อยู่ในร่างวิญญาณ กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดตามสัญชาตญาณ พวกเขาหวังว่าตัวเองจะได้รับการช่วยเหลือ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาถูกกลืนกินทันทีหลังจากที่กรีดร้องเสร็จ
ทีนี้…
เหล่าสมาชิกตระกูลถังทั้งหมดที่ได้รับชมฉากตรงหน้ากับตา รวมถึงถังผิงมั่วและผู้อาวุโสทั้งสิบคนของตระกูลถัง ยังมีอะไรที่พวกเขาไม่เข้าใจอีก พวกเขาล้วนเข้าใจทั้งหมดแล้ว!
ผู้อาวุโสใหญ่เป็นคนแรกที่ตอบสนองกลับมา เขารีบตะโกนว่า “เร็วเข้า! ปิดแท่นบูชาเร็ว!”
เสียงตะโกนที่ดังขึ้น ปลุกเหล่ายอดฝีมือของตระกูลถังที่ทำหน้าที่ปิดเปิดค่ายกลของท่านบูชา พวกเขาได้สติกลับมาในทันใดและรีบตัดพลังงานของค่ายกล อนิจจา…
พวกเขาไม่อาจตัดขาดได้!
“ไม่ดีแล้ว! ค่ายกลตัดการเชื่อมต่อไม่ได้!”
“ค่ายกลควบคุมไม่ได้แล้ว!”
“…”
ยอดฝีมือของตระกูลถังที่ดูแลค่ายกลทั้งหมดเวลานี้พากันตื่นตระหนก
“ทำลายทิ้ง!” ผู้อาวุโสใหญ่ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด!
ยอดฝีมือของตระกูลถังเหล่านั้นเองก็หาจุดเคลื่อนพลังของค่ายกลและลงมือทำลายด้วยพลังมหาศาล แต่ก็น่าเสียดาย…
ตูม”
ค่ายกลอันน่าสะพรึงกลัวที่ถูกซ่อนอยู่ในค่ายกลอีกชั้นที่สะท้อนกลับมา เป่ายอดฝีมือในระดับครึ่งก้าวสื่อเสินให้ปลิวออกไปทั้งหมด
ตูม”
“พรวด!…”
เหล่ายอดฝีมือของตระกูลถังตกลงกระแทกพื้นและกระอักเลือดออกมา ทำให้สมาชิกตระกูลถังทั้งหมดหวาดกลัวจนหน้าซีด!
ที่น่ากลัวคือ
ครืน!
ครืน!…
ดอกไม้ที่แสนเผ็ดร้อนที่ระเบิดพลังของมัน ส่งให้โถงบรรพบุรุษของตระกูลถังสั่นสะเทือนเพราะความโกรธเกรี้ยว คฤหาสน์ตระกูลถังรวมถึงเมืองถังเองก็สั่นเช่นกัน
“ถอย!” ถังผิงมั่วกลับมารู้สึกตัวอีกครั้งหลังจากตื่นตระหนกและคำสั่งแรกของเขาก็คือ “สมาชิกตระกูลถังทั้งหมด ถอยออกไปจากสถานที่นี้เดี๋ยวนี้! ผู้อาวุโสอยู่ต่อ ผู้ดูแลเจ้าไประดมกำลังทหารมาที่นี่เดี๋ยวนี้!”
“ขอรับ! ผู้นำตระกูล!”
“ขอรับ! ผู้นำตระกูล!”
ผู้อาวุโสธรรมดาและเหล่าผู้ดูแลแยกย้ายกันไปอย่างเป็นระเบียบซึ่งแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัวที่เหล่าตระกูลใหญ่ควรมี น่าเสียดาย…
ตัวตนที่พวกเขาพบคือดอกไม้ที่แสนเผ็ดร้อน! แถมยังเป็นดอกไม้ที่แสนเผ็ดร้อนที่อยู่ในสภาวะที่ตื่นเต้นมากด้วย
ดังนั้นพวกเขาถึงแยกย้ายกันไป วิญญาณของบรรพบุรุษตระกูลถังที่แข็งแกร่งที่สุด ตอนนี้ก็ถูกดึงออกมาแล้ว
ดวงวิญญาณของยอดฝีมือเหล่านี้ แม้ว่าจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับตอนยังมีชีวิตอยู่และแม้ว่าพวกเขาจะตื่นตระหนก แต่พวกเขาก็ยังพยายามอย่างยิ่งเพื่อที่จะควบคุมวิญญาณของตัวเอง อนิจจาพลังที่พวกเขารักษาไว้ได้มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลายคนสบถด่าอย่างหยาบคายว่า “สารเลว! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“ถังเหิง! เกิดอะไรขึ้น!”
“ถังเหิง!…”
บรรพบุรุษหลายคนของตระกูลถังตะโกนถามถังเหิง
ถังเหิงเวลานี้คล้ายกับจมอยู่ในภวังค์ความคิด ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินคำถามและแม้แต่เสียงร้องขอความช่วยเหลือจากบรรพบุรุษที่ดังส่งมา
“ท่านพ่อ!” ถังผิงมั่วตะโกนอย่างทนมองต่อไปไม่ไหว เขาบินขึ้นไปในอากาศ พยายามปลุกถังเหิงซึ่งดูเหมือนจะตกอยู่ในความสับสน
แต่เห็นได้ชัดว่าถังเหิงมีสติดี เขาปัดถังผิงมั่วให้ออกไปให้พ้นทาง จากนั้นก็ร่อนลงไปยืนบนพื้น
ถังผิงมั่วประหลาดใจมาก “ท่านพ่อ?!”
ถังเหิงเงยหน้าขึ้นแล้วมองถังผิงมั่ว “ทุกคน ถอยไปให้หมด”
เมื่อเห็นถังเหิงกลับมามีสติแล้ว เหล่าผู้อาวุโสก็พากันถอนหายใจ ผู้อาวุโสใหญ่ถามขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “ผู้นำตระกูลเฒ่า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เกิดอะไรขึ้นหรือ
ถังเหิงเองก็ไม่ชัดเจนนัก แต่เขาไม่คิดที่จะขัดขวางการเปลี่ยนแปลงนี้ เพียงมองไปที่ผู้อาวุโสใหญ่แล้วพูดว่า “ไม่ต้องถามให้มากความ แล้วรีบไปจากที่นี่”
“แต่ว่า…” ผู้อาวุโสใหญ่อยากจะพูดอะไรบางอย่าง
ถังเหิงจ้องไปที่ดอกไม้สีม่วงเหนือแท่นบูชา ขณะเดียวกันเขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันละเอียดอ่อนที่ค่อยๆ แผ่ขยายจากแท่นบูชาไปทั่วเมืองจิ่วเหลียน
และกลิ่นอายนี้…
ถังเหิงสรุปว่ามันเป็นของสตรีจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้านางนั้น! กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ สตรีนางนี้กำลังรับรู้เมืองจิ่วเหลียนของเขา
นี่เป็นเรื่องที่ดี!
แม้ว่าเขาจะยังไม่แน่ใจว่าต้นกำเนิดของดอกไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏออกมานี้มาจากไหน และเหตุใดถึงต้องโจมตีโถงบรรพบุรุษและแท่นบูชา แต่อย่างน้อยแผนการใหญ่ก็ไม่เปลี่ยน สตรีนางนั้นเข้าไปตกหลุมพรางเองโดยสมัครใจ!
ปัจจุบัน ตราบเท่าที่สตรีนางนี้ถูกหลอมรวมเข้ากับเมืองจิ่วเหลียนโดยสมบูรณ์ เขาก็จะสามารถกระตุ้นเมืองจิ่วเหลียนโดยการกลืนพลังจิตที่เป็นส่วนของนางและเปลี่ยนมันให้เป็นพลังของเมืองจิ่วเหลียน
ใช่แล้ว ถังเหิงไม่มีวันยอมรามือ แต่เพราะกลัวว่าจะมีอะไรมาขัดขวางความคืบหน้านี้ เขาจึงสั่งให้ถังผิงมั่วและผู้อาวุโสทั้งสิบคนถอยออกไป ส่วนดวงวิญญาณของบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว เมื่อเทียบกับงานใหญ่ พวกเขามีแต่ต้องเสียสละ
สิ่งนี้ทำให้ผู้อาวุโสใหญ่ที่คาดเดาความคิดของถังเหิงอย่างคลุมเครือได้ใบหน้าซีดเผือด “ผู้นำตระกูลเฒ่า…”
“ถอยเถิด!” ผู้อาวุโสรองจับมือผู้อาวุโสใหญ่และพาเขาออกจากสถานที่เกิดเหตุ
ผู้อาวุโสใหญ่กลับไม่เต็มใจ “ข้าจะอยู่ที่นี่ พวกเจ้าแยกย้ายกันไปเถิด”
“แต่…” ผู้อาวุโสรองยังคงต้องการโน้มน้าว
“ให้ข้าส่งบรรพบุรุษของตระกูลออกเดินทางเป็นครั้งสุดท้าย” ผู้อาวุโสใหญ่มุ่งมั่นมาก หลังจากที่เขากล่าวเช่นนี้ เขาก็คุกเข่าลงแล้วคำนับ น้ำตาไหลลงมาจากดวงตาชราของเขา
ผู้อาวุโสรองที่เห็นแบบนี้ ได้แต่ไปช่วยอพยพคน แต่ถังผิงมั่วเองก็ไม่เต็มใจที่จะจากไป เขาเองก็คุกเข่าลงตรงหน้าโถงบรรพบุรุษตระกูลถังเหมือนกับผู้อาวุโสใหญ่
แน่นอนว่าตรงนี้ยังมีหรงอี้และจิ่วอิงอยู่อีกสองคน หรงอี้และจิ่วอิงไม่ได้จากไป ผู้อาวุโสรองก็มองข้ามพวกเขาโดยปริยายเช่นกัน
หารู้ไม่ว่า ค่ายกลของแท่นบูชาที่ถูกปิดไปนั้นถูกทำลายโดยตัวหรงอี้เอง และตอนนี้พลังจิตของหรงอี้ก็กำลังกระจายไปนอกเมืองจิ่วเหลียนแล้ว!
ตอนนี้…
“หืม”
จู่ๆ หรงอี้ก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ภาพนี้ทำให้จิ่วอิงสะดุ้งตกใจ “เกิดอะไรขึ้น?”
ในเวลานี้เอง
หรงมั่วซึ่งอยู่นอกเขตของเมืองจิ่วเหลียนก็ปฏิบัติตามคำขอของภรรยาเขา ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองที่กลั่นออกมาฉายภาพสามมิติของสองแม่ลูกด้านในแท่นบูชา ภาพนั้นชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง!
เด็กน้อยผู้แสนน่ารักและจ้ำม่ำ ปฐมราชินีผู้งดงาม เพียงภาพนี้ปรากฏสู่ครรลองสายตาของทุกคนที่กำลังคาดหวัง ในพริบตา…
“นี่ก็คือภรรยาและลูกน้อยของเจ้าเสือดาวตัวน้อยหรือ! ข้า หลานชายที่น่ารักและลูกสะใภ้ของข้า?!” เยี่ยเชียนหลีตกอยู่ในภวังค์ ความทรงจำฉับพลันประเดประดังเข้ามาเหมือนกระแสน้ำเชี่ยวกราก
******************************