เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน – บทส่งท้าย 16 หัวหน้าครอบครัวพระสุเมรุ!

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

บทส่งท้าย 16 หัวหน้าครอบครัวพระสุเมรุ!

เยี่ยนเสี่ยวเป่าตัวน้อย เหมือนกับบิดาเขาราวกับเคาะออกมาจากพิมพ์เดียวกัน และก็เป็นเหมือนกับประตูระบายน้ำ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับวัยเด็กของเสือดาวตัวน้อยในความทรงจำของเยี่ยเชียนหลี ทยอยปรากฏขึ้นทีละฉากๆ และถูกนำมาฉายซ้ำใหม่ทั้งหมด

เหมือนมากถึงเพียงนี้…

ยกเว้นสีตา นอกจากนั้นก็เหมือนกันทุกประการ!

ช่างบังเอิญที่อวิ๋นจื่อซีเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน แต่สิ่งที่นางคิดก็คือเด็กน้อยคนนี้ เหมือนกับมั่วมั่วในวัยเด็กราวกับแกะ หัวโล้นด้วยกันทั้งคู่ แถมยังหน้าตาประณีตราวกับรูปวาด น่ารักน่าชังมาก

“เหมือนมั่วมั่วทุกประการเลย!”

“เหมือนเสือดาวตัวน้อยทุกประการเลย!”

คำร้องอุทานและเสียงถอนหายใจที่เกือบจะพร้อมกันของมารดาทั้งสอง แสดงให้เห็นแล้วว่าพันธุกรรมของตระกูลหรงนั้นทรงพลังมากเพียงใด

หรงมั่วผู้เงียบขรึมพยักหน้าเล็กน้อย ในดวงตาที่กระจ่างของเขามีแสงระยิบระยับอยู่จางๆ “เป็นเสือดาวตัวน้อยรูปแบบจำลอง”

“หลานสะใภ้เองก็งดงามมากเช่นกัน!” หรงหลินที่อยู่ข้างๆ กลับชื่นชมปฐมราชินีเยี่ยน เพียงแต่คำพูดนี้เมื่อมันออกมาจากปากของเขากลับฟังดูแปลกเล็กน้อย

ท้ายที่สุดหรงหลินเองก็งดงามมากเช่นกัน เขาหน้าตาคล้ายกับอวิ๋นจื่อซี ถือครองความงามที่ไม่น่าเชื่อ ถ้าเขาไม่พูดอะไรเลยก็นับว่าเป็นคนงามที่หาได้ยากยิ่งโดยแท้จริง

แต่ในขณะที่ทั้งครอบครัวกำลังมองดูสองแม่ลูก เจ้าตัวเล็กบางคนดูเหมือนจะสังเกตได้ ดวงตาคู่เล็กน่ารักเบิกกว้างขึ้น ทำเอาเยี่ยเชียนหลีรู้สึกประหลาดใจมาก “เด็กน้อยจับสัมผัสถึงพวกเราได้แล้วหรือเปล่า?!”

“ไม่กระมัง!” หรงหลินคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ พวกเขาทั้งหมดอยู่นอกเมืองจิ่วเหลียน เด็กน้อยคนนี้จะหาพวกเขาเจอได้อย่างไรกัน แต่…

“เขาพบแล้ว” หรงมั่วมั่นใจในจุดนี้มาก มุมปากเขายกโค้งขึ้น ในดวงตาฉายความภาคภูมิใจอย่างปิดไม่มิด ไม่อาจลบมันออกไปได้เลย

ลูกของเสือดาวตัวน้อยตัวนี้ฉลาดและมีประสาทสัมผัสเฉียบไวมาก ไม่รู้ว่านิสัยของเขาเป็นแบบไหน จะเหมือนกับเจ้าเสือดาวตัวน้อยตอนเด็กหรือเปล่า

เมื่อหรงมั่วนึกถึงว่าทำไมบุตรชายเขาถึงได้อารมณ์รุนแรงขนาดนี้ เขาก็รู้สึกจุกในอก ขณะเดียวกันก็หันเหความสนใจไปด้านนอกแท่นบูชาและ ‘มอง’ ไปที่บุตรชายของเขา

และในเวลานี้เอง หรงอี้ก็สัมผัสได้แล้วเหมือนกันว่าครอบครัวของเขาล้วนมาถึงทั้งหมดแล้ว ดังนั้นเขาจึงเงยหน้าขึ้นท้องฟ้า รอยยิ้มในดวงตาเด่นชัดมากขึ้นทุกที

ท่านแม่ ท่านพ่อจอมปลอมของเขา ย่าซี และก็ยังมีท่านอาสาม ทุกคนล้วนมาที่นี่ทั้งหมดแล้ว

เช่นนี้…

เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นแล้ว

ตราบเท่าที่ภรรยาของเขาทำสำเร็จ พวกเขาทั้งสามคนก็จะได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง

ส่วนครอบครัวเขาจะรบกวนการตระหนักรู้ของภรรยาของเขาหรือไม่นั้น ในประเด็นนี้หรงอี้ไม่เป็นกังวล เพราะเขารู้ว่าพวกเขาจะไม่ลงมาบุ่มบ่าม คงเป็นเพราะพวกเขาสัมผัสถึงสภาวะที่ละเอียดอ่อนของเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ได้ ย่อมไม่ ‘แทรกตัว’ เข้ามาและส่งผลกระทบต่อเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์

อย่างไรก็ตาม…

ในเวลานี้หรงมั่วเองก็มีเรื่องที่กังวลอยู่เช่นกัน แต่เขาไม่อาจส่งกระแสจิตไปบอกบุตรชายได้จึงทำได้เพียงจับตาดูบุตรชายเพียงคนเดียวที่โตเต็มที่แล้วและไม่หลงเหลือความเป็นเด็กอีกต่อไปอย่างใจเย็น

เสือดาวตัวน้อยในอดีต บัดนี้เติบโตขึ้นเป็นคุณชายที่อ่อนโยนและงามสง่าดุจหยก มีกลิ่นอายรอบตัวที่ไม่ธรรมดา แตกต่างจากเขาเมื่อครั้งยังเด็กที่ทั้งอารมณ์รุนแรงและโหดร้ายป่าเถื่อนโดยสิ้นเชิง

โตขึ้นแล้ว…

โตเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้ว…

ในดวงตาของหรงมั่วมีความอบอุ่นฉายขึ้นมาจางๆ แต่ความรู้สึกผิดในใจยังคงอยู่ บุตรชายคนนี้ของเขาจะต้องประสบกับความทุกข์ทรมานมาไม่น้อยแน่ ถึงได้ราวกับเลาะเนื้อถอดกระดูกใหม่ เปลี่ยนเป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบันนี้

หรงมั่วที่อยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยวมาสิบแปดปี รู้ดีถึงความเจ็บปวดของการไม่ได้เห็นหรืออยู่ร่วมกับครอบครัวที่เขารัก แต่เขาก็ยังโชคดีที่ได้พบกับรักแท้หลังจากผ่านไปเพียงสิบแปดปี

แต่เสือดาวตัวน้อยเล่า

เมื่อพิจารณาจากอายุของเสือดาวตัวน้อย เสือดาวตัวน้อยและลูกสะใภ้น่าจะเพิ่งได้อยู่ด้วยกันไม่นานนัก แต่เสือดาวตัวน้อยกลับอยู่ในจักรวาลเก้าชั้นฟ้ามานานกว่าหนึ่งร้อยล้านปีแล้ว

เสือดาวตัวน้อย…

ลำบากมากจริงๆ

หรงมั่วที่แอบถอนหายใจในใจไม่กล้าบอกภรรยาของเขา ไม่อย่างนั้นภรรยาจะต้องร้องไห้อย่างแน่นอน อย่างไรเสียเขาและบิดาใจดำก็ได้ตกลงและทำความเข้าใจกันโดยปริยายแล้ว ให้แม่สามีและลูกสะใภ้คู่นี้คิดว่าเวลาผ่านไปเพียงแค่พันปีก็พอ

แค่พันปี…

ทั้งสองคนก็โศกเศร้ามากจนร้องไห้ตาบวมเป่ง ถ้ารู้ว่ามันไม่ใช่เช่นนั้น แต่เป็นกว่าหนึ่งร้อยล้านปี ผลที่ตามมากล่าวได้คำเดียวว่าหายนะ

แม้ว่าเขาจะรู้สึกเจ็บปวดใจแทนบุตรชายของเขาจริงๆ แต่หรงมั่วก็ยังคิดว่าภรรยาของเขามีความสำคัญมากกว่าจึงทำได้เพียงพูดกับบุตรชายในใจว่า ‘เสือดาวตัวน้อย เจ้าก็ฝืนกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมไปสักหน่อยแล้วกัน’

เมื่อคิดแบบนี้ จู่ๆ คิ้วเรียวยาวของหรงมั่วซึ่งเหมือนกับบุตรชายทุกประการก็ขมวดแน่น ทำให้หรงหลินที่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเขาถามขึ้นทันทีว่า “พี่ใหญ่ มีอะไรผิดปกติหรือ”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

จากนั้นเยี่ยเชียนหลีก็เบี่ยงความสนใจจากลูกสะใภ้และหลานชายของนางไปที่ฝ่าบาทของนาง “ตาแก่ตระกูลถังนั่นก่อเรื่องขึ้นอีกแล้วหรือ”

“อืม ข้าเกรงว่าครั้งนี้เขาจะลงมือกับลูกสะใภ้ของเรา” หรงมั่วสังเกตเห็นว่าถังเหิงใช้พลังจิตกระตุ้นค่ายกลลับที่เขาฝังไว้ยังจุดต่างๆ ในเมืองจิ่วเหลียนมานานแล้ว

สิ่งที่ตึงมือคือลูกสะใภ้ของเขายังคงตระหนักรู้ความเชื่อมโยงระหว่างเมืองจิ่วเหลียนกับสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ไม่อาจถูกรบกวนได้

แต่…

ในเวลานี้ จู่ๆ จุดเปลี่ยนก็ปรากฏขึ้น!

“เน้ะ!”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าซึ่งมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง รู้สึกว่ามีคนกำลังมองมาที่เขา ทันใดนั้นเขาก็เปล่งแสงสีขาวหมอกออกมาและส่งมันไปห่อหุ้มร่างของมารดาไว้

จากนั้น…

ภาพฉากที่น่าอัศจรรย์ใจก็เกิดขึ้นอีกครั้ง

ในตอนแรกเริ่ม กลิ่นอายของเจ้าตัวเล็กบางคนผสานไปกับกลิ่นอายของมารดาเขาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบหรือปลุกมารดาของเขาให้ตื่นขึ้น

ต่อมา พลังของดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ก็หลอมรวมเข้ากับร่างของเยี่ยนอวี๋ผ่านพลังของเจ้าตัวเล็ก แล้วแพร่กระจายไปทั่วคฤหาสน์ตระกูลถัง และแม้แต่ทั่วทั้งเมืองจิ่วเหลียนอย่างรวดเร็ว

จากนั้น ถังเหิงสีหน้าพลันเปลี่ยน

“ปิ้ว!”

จู่ๆ ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่แสนเผ็ดร้อนก็บานสะพรั่งจากทั่วทุกมุมของเมืองจิ่วเหลียน สิ่งนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อค่ายกลที่ถังเหิงกำลังกระตุ้น ทำให้หรงอี้ที่กำลังจะลงมือขมวดคิ้วเล็กน้อย

ในความเป็นจริง หรงอี้สังเกตเห็นค่ายกลเหล่านั้นมานานแล้วและเขาก็พร้อมที่จะทำลายค่ายกลเหล่านี้ทุกเมื่อถือเป็นการเล่นงานถังเหิงกลับ ไม่คาดคิดว่าเจ้าตัวเล็กจะมีประโยชน์มากกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้

หรงอี้จึงไม่จำเป็นต้องลงมือใดๆ ทำเพียงรอคอยและนิ่งเฉย

ในขณะเดียวกัน

ครืน!

ครืน ตูมตูม!…

เมืองจิ่วเหลียนทั้งเมืองประสบกับการสั่นสะเทือนอย่างเลวร้ายอีกครั้ง!

สิ่งที่ทำให้สมาชิกตระกูลถังทั้งหมดตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้นก็คือ พลังจิตวิญญาณของคฤหาสน์ตระกูลถังกำลังหลั่งไหลออกไปอย่างรวดเร็ว?!

นี่…

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย!”

“เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับแท่นบูชา เป็นไปได้หรือไม่ว่าหลังจากแท่นบูชากลืนกินโถงบรรพบุรุษเสร็จ มันก็เริ่มกลืนกินคฤหาสน์ตระกูลถังของเราต่อ?”

“ไม่จริงกระมัง…”

เหล่าสมาชิกตระกูลถังจำนวนไม่น้อยที่นึกถึงฉากเมื่อสักครู่ รู้สึกเพียงขนทั้งร่างลุกชัน แต่ละคนไม่สามารถนั่งนิ่งได้อีกต่อไป! แต่แม้ว่าพวกเขาจะนั่งไม่ติดที่ พวกเขาก็ทำได้เพียงเดินวนไปรอบๆ และรอให้ตระกูลแก้ไขปัญหานี้

ส่วนผู้อาวุโสใหญ่ผมเงิน เวลานี้เขาเองก็ไม่สามารถคุกเข่าได้อีกต่อไป “ผู้นำตระกูลเฒ่า! เราจะปล่อยให้แท่นบูชาเปิดใช้งานต่อไปแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว ไม่อย่างนั้นมันจะกลืนกินคฤหาสน์ตระกูลถังของเรา และแม้แต่เมืองจิ่วเหลียนทั้งหมด!”

“ท่านพ่อ!” ดวงตาของถังผิงมั่วมีน้ำตาไหลลงมา เขารู้สึกว่าแท่นบูชาในขณะนี้กลายเป็นหลุมลึกซึ่งกำลังโจมตีตระกูลถังอย่างต่อเนื่อง หากเป็นเช่นนี้ต่อไป…

หลังจากที่บิดาเขาประสบความสำเร็จ ตระกูลถังจะยังคงอยู่อีกหรือ? ถังผิงมั่วไม่กล้าคิดอีกต่อไป

แต่ถังเหิงไม่สนใจสิ่งอื่นใด ในขณะนี้เขาได้เปิดใช้งานค่ายกลด้วยพลังทั้งหมดของเขา พยายามทำลายพลังของค่ายกลที่ดอกไม้สีม่วงประหลาดสร้างขึ้นและกลืนกินพลังจิตของเยี่ยนอวี๋ที่กระจัดกระจายไปทั่วเมืองจิ่วเหลียน

แต่สายไปแล้ว! อีกไม่นาน

ครืน!

ทั่วทั้งเมืองจิ่วเหลียนปลดปล่อยหมอกอันศักดิ์สิทธิ์หลากสีสันออกมา

พลังจิตของเยี่ยนอวี๋ ด้วยเหตุนี้เองก็ทะลุผ่านเมืองจิ่วเหลียนและแทรกซึมเข้าไปกฏอันแสนอันวุ่นวายรอบเมืองจิ่วเหลียน ค่อยๆ แพร่กระจายไปทั่วโลกพระสุเมรุ

ทันใดนั้นดวงตาของหรงอี้ก็สว่างขึ้นจนถึงขีดสุด เหมือนกับมีดวงดาวเล็ดลอดออกมาจากในดวงตาของเขาตลอดเวลา ทั้งงดงาม พลุ่งพล่าน และไม่มีที่สิ้นสุด “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์…”

หรงอี้คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าภรรยาของเขาได้เปลี่ยนจากการตระหนักรู้ความเชื่อมโยงระหว่างสวรรค์เก้าชั้นฟ้าและเมืองจิ่วเหลียน ไปเป็นการตระหนักรู้ความเชื่อมโยงระหว่างสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เมืองจิ่วเหลียน และโลกพระสุเมรุ!

กล่าวคือ อีกไม่นานนางก็จะเข้าใจทุกอย่าง และเป็นไปได้มากที่จะแก้ไขข้อจำกัดของสวรรค์เก้าชั้นฟ้าที่ถูก ‘กระจก’ ด้านนี้จำกัดไว้ กระทั่งอาจให้สวรรค์เก้าชั้นฟ้าเข้ามาแทนที่เมืองจิ่วเหลียนและหลอมรวมเข้ากับโลกพระสุเมรุ

หากเป็นเช่นนั้น การจะกลับไปยังสวรรค์เก้าชั้นฟ้าในอนาคตก็จะสะดวกขึ้นมาก อีกอย่างปัญหาเรื่องการขาดแคลนทรัพยากรของสวรรค์เก้าชั้นฟ้าเองก็จะได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์! ท้ายที่สุดแล้ว เจ้าสามารถเพลิดเพลินไปกับทรัพยากรมากมายได้เพราะมีเขาพระสุเมรุให้พึ่งพิงอยู่

ไม่…ไม่สิ

หรงอี้ที่นึกถึงปัญหาร้ายแรงหนึ่งขึ้นมาได้ขมวดคิ้วอีกครั้ง เขากังวลว่าสวรรค์เก้าชั้นฟ้าจะไม่สามารถทนต่อการชนอันหนักหน่วงของพระสุเมรุโดยตรงได้แล้วจะเร่งการสลายไปของมันระหว่างกระบวนการนี้

ท้ายที่สุดแล้ว วิวัฒนาการของสวรรค์เก้าชั้นฟ้าแทบจะไม่เกี่ยวข้องกับโลกพระสุเมรุ หากทั้งสองถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างกะทันหัน อาจมีปัญหาและมันจะเป็นหายนะที่ทำลายล้างโลกโดยสมบูรณ์

ปัญหานี้ตึงมือมาก…

หรงอี้เม้มริมฝีปากของเขาเล็กน้อย กังวลเกี่ยวกับภรรยาของเขา แต่เขาไม่อาจช่วยนางได้เลย

สิ่งนี้ทำให้จิ่วอิงที่เห็นอารมณ์ของหรงอี้ค่อยๆ เปลี่ยนไปเริ่มร้อนรนแล้ว “เกิดอะไรขึ้น เจ้าพอจะบอกข้าได้หรือไม่”

แน่นอนว่าหรงอี้เพิกเฉยต่อจิ่วอิง จิ่วอิงเองก็ได้สติและพอจะรู้ตัวแล้ว สถานที่นี้ยังมีศัตรูอยู่! แน่นอนย่อมไม่อาจพูดอะไร ไม่อย่างนั้นหากศัตรูรู้จะทำอย่างไร นี่ไม่เท่ากับยอมศิโรราบต่ออีกฝ่ายหรือ ดังนั้นมันจึงทำได้เพียงร้อนใจเท่านั้น

เวลานี้เองเยี่ยนเสี่ยวเป่าก็กอดมารดาของเขาแล้วหลับไป แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อข่มความง่วงแล้ว เพราะเขารู้สึกได้ว่ามีคนกำลังเฝ้าดูพวกเขาอยู่ แต่เขาก็อดไม่ไหว…

“หาว~”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าหลับตาลงและหาวเล็กน้อย ‘สะลึมสะลือ’ แล้วเข้าสู่สภาวะ ‘หลับลึก’ ในพริบตา เขายังเริ่มฝันถึงสถานที่แปลกๆ มากมายด้วย

ค่ายกลแล้วค่ายกลเล่า…

ทั้งหมดล้วนอยู่ในความฝันหลังจากที่เจ้าตัวเล็กบางคนหลับสนิท

ในตอนแรกเด็กน้อยไม่ตอบสนอง เขายังคงมองดูสถานที่มากมายที่ส่องแสงที่ปรากฏขึ้นพร้อมกัน และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“กินพวกมันซะ” น้ำเสียงกระจ่างที่มาจากหรงอี้ลอยเข้ามาในหูของเจ้าตัวเล็กที่กำลังสับสน ทำให้เจ้าตัวเล็กตื่นเต้นทันที “พ่อ?!”

“อืม” หรงอี้ตอบเสียงเบา “กินพวกมันเร็วเข้า ไม่อย่างนั้นพวกมันจะรังแกมารดาเจ้าแล้ว”

“อะไร นะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าโกรธมาก เขารีบวิ่งไปยังสถานที่ที่สว่างที่สุดทันที!

จากนั้น…

ตูม!

ค่ายกลด้านล่างคฤหาสน์ตระกูลถังที่พยายามกลืนกินพลังจิตของเยี่ยนอวี๋กลับพังทลายลง!

ตูม!

คฤหาสน์ตระกูลถังทั้งหลังพังครืนลงมา เหมือนกับมันกำลังจะพลิกไปอีกด้าน ทำให้ผู้เยาว์หลายคนในตระกูลถังหวาดกลัวกันมาก

ถังเหิงยิ่งใบหน้าซีดขาว เขาตะโกนดังลั่นว่า “เริ่ม!”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

ถังเหิงที่สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ รีบกลืนกินพลังจิตของเยี่ยนอวี๋อย่างรวดเร็ว แม้ว่าสิ่งนี้จะไปรบกวนเยี่ยนอวี๋และทำให้เขาไม่สามารถกลืนพลังทั้งหมดลงไปได้ในคราวเดียว เขาก็ไม่เสียดายอีกแล้ว เพราะมีตัวแปรอยู่มากเกินไป!

อนิจจา

“อะเน้ะ!”

“อะเน้ะ!…”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าซึ่งสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าแสงจ้าเหล่านั้นกำลังพุ่งเข้าหามารดาของเขา ปลดปล่อยความเร็วและพลังแห่งการกลืนกินที่ไม่ธรรมดา เขากลืนกินพวกมันทั้งหมดจนไม่เหลือแม้แต่สถานที่เดียว!

สำหรับเจ้าตัวเล็กบางคน เขาเพียงแค่กินลูกบอลแสงในความฝันเท่านั้น!

แต่สำหรับถังเหิง ค่ายกลของเขาถูกดอกไม้หลากสีสันที่ผลิบานอย่างรวดเร็วมากกลืนหายไปอย่างต่อเนื่อง! มันเร็วมากจนเขาไม่มีเวลาได้ตอบสนอง

ทันใดนั้นถังเหิงก็ตกใจเมื่อพบว่าค่ายกลทั้งหมดของเขาถูกทำลายและหายไปแล้ว

ไม่มีแล้ว…

มันไม่มีแล้ว!

ทำไมถึงหายไปหมดแล้วเล่า?!

ถังเหิงไม่อาจยอมรับความจริงข้อนี้ได้เลย หัวสมองของเขาขาวโพลนและว่างเปล่า

แต่เด็กน้อยเล่า? ปากเล็กๆ ส่งเสียง “จ๊อบแจ๊บ” ทั้งที่เจ้าตัวกำลังหลับฝันอยู่ เหมือนกับว่าเขากำลังเคี้ยวแสงและร่างเล็กๆ ของเขาเองก็ค่อยๆ เติบโตขึ้นระหว่างกระบวนการนี้~

หรงอี้สัมผัสได้ ใจในเขาเองก็กำลังรอให้เรื่องนี้จบลง เจ้าตัวเล็กน่าจะกลับสู่ ‘สภาวะสูงสุด’ ของตัวเองก่อนหน้านี้แล้วกระมัง เขาจะไม่ตัวเล็กกว่าเด็กคนอื่นๆ ในวัยเดียวกันแล้ว และเขาก็สามารถไปอวดบิดาปลอมๆ คนนั้นของเขาได้แล้วด้วย

พอคิดแบบนี้ หรงอี้ก็ยกมุมปากขึ้นอย่างพึงพอใจอีกครั้ง และในเวลาเดียวกัน

พรวด!

ถังเหิงกระอักเลือดออกมาคำโต!

ผลที่ได้รับจากการถูกพลังของค่ายกลตีกลับ กำลังบดขยี้จิตวิญญาณของเขาทีละนิด ทำให้เขากระอักเลือดในชั่วพริบตาที่เขากลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง

“ท่านพ่อ!” ถังผิงมั่วปรี่ขึ้นไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

สีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่ยิ่งจริงจังมากขึ้น “ผู้นำตระกูลเฒ่า ท่าน…” ล้มเหลวหรือ! หลังจากที่เสียสละดวงวิญญาณของวีรชนทั้งหมด รวมถึงพลังจิตวิญญาณกว่าครึ่งของคฤหาสน์ตระกูลถังและสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ยังล้มเหลวหรือ!

ถังเหิงที่ล้มเหลวจริงๆ ข่มกลั้นอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง เขาออกคำสั่งด้วยความยากลำบากและเร่งรีบว่า “เร็ว ไประเบิดแท่นบูชาซะ! ไม่ว่าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนเท่าไหร่ก็ตาม!”

สีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่เปลี่ยนไปอีกครั้ง เขารีบออกจากโถงบรรพบุรุษเพื่อไประดมคน ไม่มีเวลามานั่งเสียใจหรือคับแค้นใจในตอนนี้

ถังผิงมั่วป้อนยาให้กับถังเหิงอย่างรวดเร็ว อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ท่านพ่อ! นี่เป็นการล้มเหลวโดยสิ้นเชิงใช่หรือไม่ขอรับ”

“ไม่!” ถังเหิงที่พยายามฟื้นฟูทะเลจิตปฏิเสธเด็ดขาด “เรายังเหลือความหวังสุดท้ายอยู่!” คราวนี้เขาจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน!

ถังผิงมั่วยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่ ถามว่า “จริงหรือขอรับ”

ถังเหิงไม่ตอบ แต่เดินลงไปยังชั้นล่างของห้องโถงบรรพบุรุษ เตรียมพร้อมเข้าสู่แท่นบูชาและเสี่ยงชีวิตเพื่อยึดร่างและทุกสิ่งของเยี่ยนอวี๋!

แม้ว่าถังเหิงจะรู้ดีว่าด้วยสภาพปัจจุบันของเขา โอกาสที่เขาจะยึดร่างได้สำเร็จนั้นมีน้อยมาก! แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

อย่างไรก็ตาม

“!”

หรงอี้ที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ด้านหน้าทางเข้าแท่นบูชา ปิดกั้นเส้นทางของถังเหิง

“ไสหัวไป!”

ถังเหิงยื่นมือข้างหนึ่งออกไปผลักหรงอี้ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เห็นหรงอี้อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ผลลัพธ์คือ…

หรงอี้ปลดปล่อยเชือกสีม่วงเส้นหนึ่งออกมามัดถังเหิงไว้แน่น

ฉากดังกล่าว…

ทำให้ถังผิงมั่วที่ไล่ตามหลังมา ได้แต่ตกใจและไม่อยากจะเชื่อ “เป็นไปได้อย่างไร!” ลูกเขยปลอมๆ คนนี้มัดบิดาของเขาอย่างง่ายดายได้อย่างไรกัน!

จากนั้นถังผิงมั่วก็รู้แล้วว่าเขามองพลาดไป “เจ้าเป็นใคร ยังไม่รีบปล่อยบิดาข้าอีก”

“เจ้าโง่หรือ” จิ่วอิงบ่นอย่างพูดไม่ออก “เจ้าคิดว่าอี้เอ๋อร์ของเราจะฟังคำสั่งเจ้าหรือเปล่าเล่า”

ถังผิงมั่วก็พูดไม่ออกเหมือนกัน อันที่จริงตอนที่เขาพูดคำพูดนี้ออกไป เขาก็ตระหนักแล้วว่าตัวเองพูดอะไรโง่ๆ เนื่องจากอีกฝ่ายสามารถจับบิดาของเขาได้อย่างง่ายดาย เขาย่อมไม่หวาดกลัวเขา! ยิ่งไม่หวาดกลัวตระกูลถัง! จะปล่อยคนเพียงเพราะคำพูดของเขาได้อย่างไร

แต่…

ถังผิงมั่วก็ยังอยากรู้ว่า “เจ้าเป็นใครกันแน่”

“เจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะรู้!” จิ่วอิงพูดอย่างเย่อหยิ่ง

สีหน้าของถังผิงมั่วดูน่าเกลียดอย่างมาก เขาไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะไม่เปิดเผยตัวตนของตัวเองด้วยซ้ำ แต่จู่ๆ ความเป็นไปได้หนึ่งก็ผุดเข้ามาในความคิด “พวกเจ้าเป็นคนของเขาพระสุเมรุกระมัง”

“โอ้ว หัวไวดีนี่!” จิ่วอิงเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อถังผิงมั่วเล็กน้อย

“อย่างที่คิดไว้…” ถังผิงมั่วเหม่อลอย เขามีความรู้สึกว่า ‘เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ’ คิดที่จะกบฏต่อเขาพระสุเมรุ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ต่อให้บิดาเขาจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ไม่ธรรมดา โดดเด่นและพิเศษเหนือใคร ก็ยังเป็นไปไม่ได้

ถังผิงมั่วรู้สึกทั้งสิ้นหวังและตื่นตระหนก แต่ถังเหิงกลับเยาะเย้ยไปว่า “เขาพระสุเมรุหรือ ที่แท้ก็เป็นเขาพระสุเมรุที่ลงมือ มิน่าเล่าแผนการของข้าคนนี้ถึงได้ไม่ราบรื่น แต่…”

ทันใดนั้นถังเหิงก็ยิ้มแปลกๆ ทำให้หนังตาของจิ่วอิงกระตุก “ไอ้แก่สารเลวนี่ เจ้ายังคิดจะทำอะไรอีก”

ถังเหิงเพิกเฉยต่อจิ่วอิงและจ้องไปที่หรงอี้ “เจ้าคือรัชทายาทมั่ว?”

หรงอี้ไม่ตอบ แต่ถังเหิงกลับพูดต่อว่า “เจ้าไม่ตอบก็ไม่เป็นไร ข้าจะถือเสียว่าใช่ เช่นนั้นตอนนี้ข้าถังเหิงก็กำลังยึดครองร่างของลูกสะใภ้ของพระสุเมรุอยู่!”

“อะไรนะ?!” จิ่วอิงตกใจมาก “เจ้ากำลังพยายามแย่งชิงร่างของภรรยาอี้เอ๋อร์หรือ!”

ถังเหิงเผยรอยยิ้มภาคภูมิใจ เขาพูดข่าวที่ทำให้จิ่วอิงตกใจมากจริงๆ “แน่นอน เจ้าคิดว่าข้าไม่มีแผนสำรองจริงๆ หรือ ไร้เดียงสา! ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว! ฮ่าๆๆ…

เมื่อข้าได้พบกับเด็กนั่นก่อนหน้านี้ ข้าก็ได้ฝังเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของข้าลงไปในทะเลจิตของนางแล้ว ตอนนี้พลังวิญญาณของข้า ส่วนใหญ่ก็เข้าสู่ร่างนางแล้ว!”

จิ่วอิงมีสีหน้าเปลี่ยนไป! อย่างไรก็ตาม

หรงอี้กลับพูดอย่างเฉยเมยว่า “ไม่อย่างนั้น เจ้าคิดว่าอะไรคือเหตุผลที่ข้ายังเก็บเจ้าไว้อยู่”

หรงอี้ที่เป็นแบบนี้ ทำให้ถังเหิงเก็บรอยยิ้มภาคภูมิใจของเขากลับไปโดยไม่รู้ตัว “เจ้าหมายความว่าอย่างไร!”

น่าเสียดายที่หรงอี้ไม่คิดที่จะตอบคำถามเขา แต่แม้ว่าเขาไม่ตอบ ถังเหิงก็พอจะเดาได้แล้ว

เพราะอาการปวดหัวอย่างรุนแรง ทำให้ถังเหิงค้นพบว่าเศษเสี้ยวจิตวิญญาณที่เขาฝังไว้ในร่างอีกฝ่ายกำลังถูกแยกส่วน?! นี่…

เป็นความจริง

เยี่ยนอวี๋อาศัยเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของถังเหิงซึ่งฝังอยู่ในทะเลจิตทำการตระหนักรู้และหลอมรวมตัวเองเข้ากับเมืองจิ่วเหลียนแล้ว

เศษเสี้ยวจิตวิญญาณของถังเหิงที่เข้าไปในทะเลจิตของเยี่ยนอวี๋ ยังไม่ต้องพูดถึงการแย่งชิงร่าง เพราะก่อนที่เขาจะรู้ตัวเขาก็หมดสติไป ขณะเดียวกันถังเหิงตัวจริงก็หมดสติไปพร้อมๆ กัน

ต่อจากนั้น

ตูม!

สวรรค์เก้าชั้นฟ้าทั้งหมดสั่นสะเทือน!

กลิ่นอายของเยี่ยนอวี๋ก็เข้าแทนที่กลิ่นอายของถังเหิงอย่างรวดเร็ว

ไม่!

ไม่ใช่!

ครืน!

ในสวรรค์เก้าชั้นฟ้าที่ห่างไกลออกไป! ภูเขาและท้องทะเลโบราณที่แต่เดิมควบแน่นเหนือทะเลสาบสือซ่าไห่ พวกมันกำลังหลอมรวมเข้ากับเมืองจิ่วเหลียน! กระทั่ง…

ครืน!

ขณะนี้โลกพระสุเมรุทั้งใบก็กำลังสั่นสะเทือนเล็กน้อย

หรงหวง…พระสุเมรุซึ่งประทับอยู่บนยอดเขาพระสุเมรุและถูกภรรยาทอดทิ้ง เงยหน้าขึ้นมองไปทางเมืองจิ่วเหลียน “ภรรยาของเสือดาวตัวน้อย ไม่ธรรมดาจริงๆ”

“ท่านพ่อ! เราจะไปที่นั่นด้วยหรือไม่ขอรับ!”

————————————

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

Status: Ongoing
แม้จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่นางก็ยังคงเป็นเทพธิดาอันดับหนึ่งของสวรรค์ชั้นเจ็ด ผู้มีความสามารถแกร่งเกินผู้ใดไม่เปลี่ยนแปลง “ผู้ชายอะไรนั่นน่ะ กินได้หรืออย่างไร ข้าไม่เห็นจะอยากได้”เยี่ยนจื่ออวี๋ แม้มีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของประมุขสำนักชางอู๋แห่งแคว้นแต่กลับไร้พลังแต่กำเนิด แถมยังทำเรื่องงามหน้าอย่างการปีนขึ้นเตียงผู้ชาย!เพราะเรื่องฉาวโฉ่เกินทนทำให้หญิงสาวหายหน้าไปกว่าครึ่งปี แต่เมื่อกลับมาอีกครั้งสำนักชางอู๋ก็ถึงคราวสั่นสะเทือนจากหญิงสาวที่ไม่อาจฝึกพลังกลายเป็นปรมาจารย์มากสามารถ พลังสูงส่งเกินใครโอสถใดที่ว่ายาก นางกระดิกนิ้วเดียวก็สำเร็จสมบูรณ์ วิชาใดที่ฝึกไม่ได้นางล้วนทำได้จากหญิงสาวที่ทุกคนต่างเมินหน้าหนีกลายเป็นผู้สูงส่งที่ทุกคนต้องการประจบประแจงชายหนุ่มทั่วหล้าล้วนอยากเป็นพ่อเลี้ยงของเจ้าตัวเล็กกันทั้งนั้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท