เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน – บทส่งท้าย 18 สมาชิกตระกูลหรงพร้อมหน้า!

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

บทส่งท้าย 18 สมาชิกตระกูลหรงพร้อมหน้า!

ฉากดังกล่าวในสายตาของหรงมั่ว…

ทำให้เขาที่แต่เดิมเป็นกังวลรู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย “เสือดาวตัวน้อยเติบโตขึ้นแล้วจริงๆ เขาฝ่าด่านเคราะห์สำเร็จแล้ว ไม่เพียงแค่นั้นยังสามารถควบคุมพลังต้นกำเนิดในร่างกายและใช้มันเพื่อปกป้องภรรยาและลูกของเขาได้ด้วย”

“เกิดอะไรขึ้นหรือ! ฝ่าบาทบอกข้าให้ชัดเจนหน่อยสิ!” เยี่ยเชียนหลีกังวลมาก นางกังวลจนไม่สนใจแม่สามีและอาสามของนางด้วยซ้ำ มือทั้งสองข้างยกขึ้นไปกอดแขนของฝ่าบาทของนาง

เมื่อรับรู้ได้ถึงสัมผัสอันนุ่มนวลบนแขนของเขา หรงมั่วก็หลุบตาลงและมองไปที่ภรรยาที่เป็นกังวลซึ่งอยู่ข้างๆ เอ่ยปลอบนางด้วยน้ำเสียงชัดเจนว่า “เมื่อสักครู่นี้เมืองจิ่วเหลียนเกือบจะพังทลายลง เดิมทีข้าคิดว่าเสือดาวตัวน้อยคงรักษาสถานการณ์ไว้ไม่ได้เลยคิดจะยื่นมือเข้าช่วย แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว ตัวเขาก็สามารถทำมันได้เอง”

เมื่อได้ยินแบบนี้…

เยี่ยเชียนหลีกลับรู้สึกปวดหนึบในอก

เพราะเยี่ยเชียนหลีรู้ดีว่าอี้เอ๋อร์ตัวน้อยของนางต้องทนทุกข์ทรมานมากมายกว่าที่เขาจะทำได้เช่นนี้ ในฐานะมารดา นางกลับไม่สามารถยืนหรือเคียงข้างเขาในตอนที่เขาลำบากได้

ไม่เพียงแต่นางเท่านั้นที่ทำไม่ได้ แม้แต่ฝ่าบาทของนาง แม่สามีและพ่อตาของนางก็ไม่มีใครทำได้

เพราะอี้เอ๋อร์ของพวกเขาไปฝ่าด่านเคราะห์ยัง ‘มุม’ ที่พวกเขาไม่อาจค้นหาเจอหรือมองเห็นได้ ‘ปิดกั้น’ ข่าวคราวจากพวกเขาโดยสมบูรณ์

ตลอดหลายปีมานี้…

ไม่ว่าพวกเขาจะหาอย่างไรก็หาไม่เจอ

จนกระทั่งอี้เอ๋อร์คล้ายกับจะฝ่าด่านเคราะห์สำเร็จแล้ว พ่อสามีและฝ่าบาทถึงได้สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของอี้เอ๋อร์

แต่พวกเขาก็ทำได้เพียงมารับเขาเท่านั้น ไม่อาจ ‘อาจย้อนกลับไป’ ฝ่าฟันร่วมกับเขา หรือสอนเขาว่าต้องทำอย่างไรถึงจะสามารถฝ่าด่านเคราะห์ และเอาชนะความยากลำบากที่อาจต้องประสบ

เมื่้อคิดถึงสิ่งเหล่านี้…

เยี่ยเชียนหลีก็อดไม่ได้น้ำตาไหลพราก นางพูดด้วยเสียงสะอื้นว่า “อี้เอ๋อร์”

หรงมั่วที่เห็นแบบนั้น รีบโอบภรรยาเข้ามาในอ้อมแขนที กดศีรษะนางให้ซบลงที่ซอกคอ “อย่าร้อง”

“ฝ่าบาท…” เยี่ยเชียนหลีอดไม่ได้ น้ำตานางซึมลงปกเสื้อของฝ่าบาทของนางจนเปียก นางก็มีแค่บุตรชายคนนี้คนเดียว หลายปีมานี้ นางกังวลมาโดยตลอดว่าจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับเขาหรือไม่

ถ้าฝ่าบาทของนางและพ่อตาไม่ได้ยืนยันซ้ำๆ ว่าอี้เอ๋อยังมีชีวิตอยู่ นางคงไม่รู้ว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ต่อมาได้อย่างไร เพราะทุกครั้งที่นางคิดถึงบุตรชายของนาง นางก็จะอดไม่ได้โทษตัวเองว่าในปีนั้นนางไม่ควรพาเจ้าตัวเล็กไปเผชิญกับการฆ่าฟันพวกนั้นด้วยกันเลย

อย่างไรก็ตาม

หรงมั่วรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ เขาอดไม่ได้เตือนนางไปว่า “กายาศักดิ์สิทธิ์ของเสือดาวตัวน้อยนั้นไม่ธรรมดา แม้ว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ต้นกำเนิดของเขาจะไม่ได้มีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนไปสู่การทำลายล้าง แต่เขาก็ยังต้องเรียนรู้เพื่อควบคุมพลังศักดิ์สิทธิ์ต้นกำเนิดนี้ให้ได้ เขาจำเป็นต้องฝ่าด่านเคราะห์กรรม”

“แต่อย่างน้อยมันก็ไม่ควรลำบากขนาดนั้นไม่ใช่หรือ” เยี่ยเชียนหลีร้องไห้

หรงมั่วที่กำลังลูบหลังอ่อนนุ่มของภรรยาเขาเบาๆ ได้แต่เพียงพูดว่า “บางที เรื่องนี้ไม่มีใครรู้หรอก เจ้าก็อย่าได้ร้องอีกเลย สุดท้ายเขาก็กลับมาอย่างปลอดภัยแล้วนี่”

เมื่อได้ยินแบบนี้ อวิ๋นจื่อซีถึงพูดขึ้นจากด้านข้างอย่างปวดใจไม่แพ้กันว่า “นั่นสิ อีกอย่างเสือดาวตัวน้อยไม่เพียงแต่สามารถควบคุมพลังที่ป่าเถื่อนในร่างกายเขาได้ เขายังสามารถใช้งานมันอย่างอิสระได้อีกด้วย”

“ใช่” หรงมั่วปลอบภรรยาเขาไปพลาง ตอบสนองต่อสิ่งที่มารดาเขาพูดไปพลาง “อีกไม่นาน ครอบครัวใหญ่ของเราก็จะกลับมาพร้อมหน้ากันอีกครั้ง”

“แล้วทำไมท่านพ่อยังไม่พาเจ้าสี่มาที่นี่อีก” หรงหลินอดไม่ได้เอ่ยถาม “มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปอีกหรือไม่”

“บางทีท่านพ่ออาจดูความปลอดภัยเป็นหลัก” หรงมั่วได้แต่พูดแบบนี้ จะให้เขาบอกน้องสามว่า เขาสงสัยว่าบิดาใจดำทำให้ท่านแม่โกรธ เพราะฉะนั้นก่อนที่เรื่องราวทุกอย่างจะจบลงจริงๆ เขาย่อมไม่กล้ามา แบบนี้ก็คงไม่ได้กระมัง

“อ้อ!” หรงหลินไม่ได้คิดอะไรมาก เขาแค่มองไปยังเมืองจิ่วเหลียนด้านล่างอย่างคาดหวัง “ข้าสงสัยว่าตอนนี้อี้เอ๋อมีหน้าตาอย่างไร”

“ข้าแน่ใจว่าเขาต้องเหมือนกับพี่ใหญ่เจ้าแน่และก็เหมือนกับบิดาของพวกเจ้าด้วย” อวิ๋นจื่อซีไม่ได้คาดหวังอะไรนักกับเรื่องนี้ นางแค่ขมวดคิ้วและพูดความจริงที่นางไม่ค่อยอยากจะพูดเท่าไหร่ “ดูเหมือนว่า หลานสะใภ้เองก็คลอดบุตรชายเหมือนกัน?”

“…”

หรงมั่วสองสามีภรรยาและหรงหลินฉับพลันเงียบกริบ ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ คู่หนึ่งกลัวว่าจะถูกเร่งให้ท้องลูกคนที่สองอีก ส่วนอีกคนกลัวถูกจับแต่งงาน ท้ายที่สุด…

อวิ๋นจื่อซีคิดว่าในบรรดาแฝดทั้งสามคน หรงหลินไม่เหมือนกับหรงหวงที่สุดแล้ว เขาน่าจะให้กำเนิดบุตรสาวกับลูกสะใภ้สามที่ยังไม่ปรากฏตัวออกมาได้ หรงเจ๋อเองก็เป็นไปได้ ส่วนหรงซีมีโอกาสน้อยที่สุดโนเวลพีดีเอฟ

ดังนั้น…

อวิ๋นจื่อซีค่อนข้างคิดตก “เอาเถิด อี้เอ๋อร์เหมือนกับมั่วมั่วถึงเพียงนั้น ข้าก็คิดไว้แต่แรกแล้วล่ะว่าเขากับหลานสะใภ้จะต้องให้กำเนิดบุตรชายแน่นอน เอาแบบนี้แล้วกัน หลินเอ๋อร์~”

“ท่านแม่ ท่านรีบดูตรงนั้นเร็วเข้า ข้างล่างเหมือนจะเคลื่อนไหวแล้ว!” หรงหลินชี้ลงไปทันทีและเปลี่ยนเรื่องพูดอย่างเด็ดขาด ท้ายที่สุดทุกครั้งที่ มารดาเขาเรียกเขาว่า ‘หลินเอ๋อร์’ แทนที่จะเป็น ‘คนงามตัวน้อย’ หมายความว่านางกำลังจะเร่งเขาให้แต่งงานอีกแล้ว!

อวิ๋นจื่อซีถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปจริงๆ ท้ายที่สุดนางกังวลเกี่ยวกับหลานชายตัวน้อยๆ ภรรยาของหลานชาย และเหลนชายของนางมากกว่า! แต่เดี๋ยวก่อน…

“จะว่าไปแล้ว ข้ากลายเป็นย่าทวดทั้งที่ยังอยู่ในวัยประหนึ่งบุปผาบานสะพรั่งเช่นนี้จริงๆ?” อวิ๋นจื่อซีกะพริบดวงตาที่เกียจคร้านของนางปริบๆ นางรู้สึกว่าชีวิตคนนั้นช่างผ่านไปรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบจริงๆ!

“ไม่ใช่หรือ!” หรงหลินรีบประจบนางอย่างจริงใจ “ท่านแม่งดงามที่สุด!”

อวิ๋นจื่อซียื่นมือออกไปหยิกบุตรชายที่ช่างพูด มีหรือนางจะไม่รู้ว่าเขากำลังหลีกเลี่ยงไม่ให้นางเร่งให้เขาแต่งงาน แต่วันนี้นางอารมณ์ดี จะไม่เปิดโปงเขาก็แล้วกัน

นอกจากนี้ ตอนนี้นางเองก็มีเรื่องที่เป็นกังวลมากกว่า “จากที่ข้าดูหลานสะใภ้ไม่เพียงแต่กลืนกินเมืองจิ่วเหลียนเท่านั้น?” ไม่อย่างนั้น โลกพระสุเมรุจะสั่นสะเทือนได้อย่างไร แต่นางไม่รู้ต้นสายปลายเหตุที่แท้จริง น่าเสียดายที่หวงหวงไม่อยู่ตรงนี้ ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องรู้ทุกอย่างแน่ๆ

แต่…

หรงมั่วกลับรู้ “นางไม่เพียงแต่กลืนกินเมืองจิ่วเหลียนจริงๆ พูดให้ชัดเจนยิ่งขึ้น นางไม่มีความตั้งใจที่จะกลืนกินเมืองจิ่วเหลียนตั้งแต่แรก นางกำลังรังสรรค์”

“รังสรรค์หรือ” เยี่ยเชียนหลีกะพริบตาและมองไปที่สามีของนาง ไม่ร้องไห้อีกต่อไป

หรงมั่วลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรีบอธิบายต่อไปว่า “นางกำลังหลอมรวมสวรรค์เก้าชั้นฟ้าเข้ากับโลกพระสุเมรุครึ่งหนึ่ง”

“ครึ่งหนึ่งหรือ” อวิ๋นจื่อซีจับคำสำคัญได้

หรงมั่วพยักหน้าแล้วพูดต่อว่า “ขอรับ ภรรยาของเสือดาวตัวน้อย น่าจะกังวลว่าถ้านางแทนที่เมืองจิ่วเหลียนด้วยสวรรค์เก้าชั้นฟ้าโดยตรง สวรรค์เก้าชั้นฟ้าอาจจะได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง”

ท้ายที่สุดแล้ว สวรรค์เก้าชั้นฟ้าและโลกพระสุเมรุไม่มีการเชื่อมต่อกันโดยตรง ถ้าฝืนผสานสวรรค์เก้าชั้นฟ้าเข้ากับโลกพระสุเมรุตรงๆ อาจนำพาทั้งสองโลกก้าวไปสู่ความวุ่นวาย

เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับโลกพระสุเมรุ สวรรค์เก้าชั้นฟ้ายังคงอยู่ในสถานะจักรวาลเริ่มต้นเท่านั้น การฝืนหลอมอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง มีแต่จะนำภัยพิบัติร้ายแรงมาสู่สวรรค์เก้าชั้นฟ้าและทำลายสวรรค์เก้าชั้นฟ้าที่ไม่ง่ายเลยกว่าที่จะกลับมาสงบสุขและเสถียรให้สิ้นซาก

เนื่องจากแสงศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ของเขาเคยเข้าไปในสวรรค์เก้าชั้นฟ้ามาก่อน หรงมั่วจึงค่อนข้างเข้าใจสถานการณ์ของสวรรค์เก้าชั้นฟ้าดี เขารู้ว่าจักรวาลนี้เพิ่งหลุดพ้นจากการถูกจิตวิญญาณหนึ่งควบคุม และกำลังพัฒนาไปสู่วัฏจักรที่ไม่รู้จบ

จักรวาลสวรรค์เก้าชั้นฟ้าแบบนี้คล้ายกับอาณาจักรทั้งปวงที่สูญเสียการประคับประคองจากเขาพระสุเมรุ มักจะเกิดปัญหาทรัพยากรขาดแคลนและมีแนวโน้มที่จะให้กำเนิดจิตวิญญาณที่มีสติแต่วิปริตและบ้าคลั่ง

ก่อนหน้านี้ ความคิดของลูกสะใภ้คือใช้พลังเก่าแก่ที่สุดของโลกสวรรค์เก้าชั้นฟ้าเป็นระบบสร้างสมดุลให้กับสวรรค์เก้าชั้นฟ้าก่อนชั่วคราว เพื่อสร้างสายสัมพันธ์ที่คล้ายกับของเขาพระสุเมรุและอาณาจักรทั้งปวง แต่ยังไม่สุกงอมดี

แต่ตอนนี้…

ลูกสะใภ้กำลังปรับเมืองจิ่วเหลียนให้กลายเป็น ‘เขาพระสุเมรุ’ อีกลูกหนึ่ง ใช้มันแทนที่พลังที่เก่าแก่ที่สุดในสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เพื่อที่พวกมันจะสามารถประคับประคองและพัฒนาไปพร้อมกับสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้

ดังนั้น…

“ภรรยาที่อี้เอ๋อร์แต่งกลับมานี้ไม่เพียงแต่ฉลาด แถมยังเก่งกาจในเรื่องทำการใหญ่ ช่างยากที่จะจินตนาการว่านางเพิ่งมาโลกพระสุเมรุเป็นครั้งแรก นางฉลาดกว่าตาแก่ถังเหิงนั่นมากนัก” หรงมั่วกล่าวชื่นชมในเรื่องนี้ไม่หยุด

“แน่นอนอยู่แล้ว ตาแก่ถังนั่นจะมาเทียบกับหลานสะใภ้ของเราได้อย่างไร!” หรงหลินพูดตามความจริง แต่เขาก็ยังกังวลอยู่เรื่องหนึ่ง “ถ้าอย่างนั้นหลานสะใภ้จะทำให้เมืองจิ่วเหลียนและโลกพระสุเมรุเผลอตัดขาดความสัมพันธ์จากกันหรือไม่”

ต้องรู้ก่อนว่า ขอแค่เมืองจิ่วเหลียนและสวรรค์เก้าชั้นฟ้าถูกรังสรรค์ขึ้น มันจะเป็นเหมือนกับเขาพระสุเมรุและอาณาจักรทั้งปวง นี่คือการแยกตัวออกไปตั้งตัวเอง เพราะฉะนั้น เพราะฉะนั้น…

หรงหลินเป็นกังวลเล็กน้อย

หรงมั่วกลับไม่ยี่หระ “แล้วจะอย่างไรเล่า”

“ถูกต้อง” อวิ๋นจื่อซีไม่คิดว่านี่เป็นปัญหาใดๆ “แผ่นดินของหวงหวงกว้างใหญ่ไพศาล แบ่งออกไปสักส่วนหนึ่งให้เป็นของขวัญพบหน้าแก่หลานสะใภ้ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ยิ่งไปกว่านั้นนี่คือสิ่งที่หลานสะใภ้ข้าต่อสู้แย่งชิงมาด้วยตัวของนางเอง”

“เอาแบบนั้นก็ได้!” หรงหลินพูดได้เพียงว่า คนในครอบครัวกับคนนอกแตกต่างกันจริงๆ! แต่แบบนี้ดีมาก!

เอาจริงๆ ระหว่างคนในครอบครัวกับคนนอกย่อมแตกต่างกันอยู่แล้วไหม! ถ้าคนนอกทำแบบนี้ นั่นคือการก่อกบฏ แต่พอเป็นคนในครอบครัว กลับบอกว่านางเก่งกาจ พึ่งพาตัวเอง และไม่เกาะบิดามารดากินเสียอย่างนั้น!

ถ้าหากถังเหิง ‘สหายเก่า’ รู้เกี่ยวกับความสองมาตรฐานนี้ กว่าครึ่งคงโกรธมากจนกระอักเลือดตายดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

ใครจะคิดว่าตระกูลหรงซึ่งเป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งยอดเขาพระสุเมรุ จะเป็นสุนัขสองมาตรฐานแบบนี้

แต่…

“เอ๋”

จู่ๆ หรงมั่วก็ส่งเสียงอุทานออกมา

ในเวลาเดียวกัน

“เอ๊ะ”

หรงอี้ซึ่งยืนอยู่บนแท่นบูชาของตระกูลถังเองก็เปล่งเสียงร้องอุทานด้วยความตกใจเหมือนกัน

เพราะพวกเขาสัมผัสได้ว่าเยี่ยนอวี๋เหมือนกับจะไม่ได้พัฒนาไปอย่างที่พวกเขาคาดการณ์ไว้!

นี่…

หรงอี้ส่งจิตเหนือสำนึกไปหาภรรยาเขาซึ่งอยู่ในแท่นบูชาของตระกูลถังโดยไม่รู้ตัว

และในเวลานี้เอง ตัวของเยี่ยนอวี๋เองก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีขาวที่ปลดปล่อยออกมาจากเจ้าตัวเล็ก รอบตัวของนางยังเปล่งแสงสุกใสหลากสีและกระจายออกมาห่อหุ้มร่างเจ้าตัวเล็กบางคนไว้ด้วย

ใช่แล้ว

ครืน!

ครืน!…

ภาพเงาของขุนเขาและท้องทะเลโบราณที่มารวมตัวกันเหนือศีรษะของเยี่ยนอวี๋ไม่หยุด กำลังถูกแสงสีขาวดูดกลืนไปทีละนิด

และแสงเหล่านี้ก็มาจากเจ้าตัวเล็กบางคน!

อาจเป็นเพราะมีความเชื่อมโยงระหว่างมารดาและบุตร และอาจเป็นเพราะเยี่ยนอวี๋ในฐานะมารดา ได้ให้คำแนะนำบางอย่างกับเขา และอาจเป็นเพราะ ‘ความไม่รู้’ ของเจ้าตัวเล็กบางคน สรุปคือ…

ในขุนเขาและท้องทะเลโบราณที่มาจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ตอนนี้มันเริ่มสร้างพลังศักดิ์สิทธิ์ของพระสุเมรุขึ้นมาอย่างหนาแน่นเองแล้ว

ไม่

ไม่เพียงเท่านั้น!

พลังศักดิ์สิทธิ์ของพระสุเมรุที่สร้างขึ้นโดยขุนเขาและท้องทะเลโบราณที่มาจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เห็นได้ชัดว่ายังคงหลอมเข้ากับกฎของสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอย่างรวดเร็ว ไม่มีการทำร้ายซึ่งกันและกัน พวกมันกำลังส่งเสริมและเปลี่ยนแปลงซึ่งกันและกัน!

สิ่งนี้ทำให้สวรรค์เก้าชั้นฟ้าค่อยๆ เคลื่อนออกจาก ‘กระจก’ ขณะเดียวกันก็หลอมรวมเข้ากับเมืองจิ่วเหลียนเดิม เริ่มปะทะกันซึ่งหน้า และรวมเข้ากับโลกพระสุเมรุไปพร้อมๆ กัน!

สิ่งที่สำคัญคือ

แม้ว่ากระบวนการทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นเร็วมาก แต่ก็ไม่วุ่นวาย! มันทั้งเสถียรและมีระบบ

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เมื่อสวรรค์เก้าชั้นฟ้าหลอมรวมเข้ากับเมืองจิ่วเหลียนโดยสมบูรณ์ สวรรค์เก้าชั้นฟ้าก็จะถูกหลอมเข้ากับโลกพระสุเมรุด้วย จะไม่หลงเหลือ ‘กระจก’ ที่มาแยกพวกมันออกจากกันอีกต่อไป นอกจากนี้

โลกที่ถูกรังสรรค์ขึ้นจากการหลอมสวรรค์เก้าชั้นฟ้าและเมืองจิ่วเหลียน จะเข้ามาตั้งอยู่ในโลกพระสุเมรุและพัฒนาและเติบโตไปพร้อมๆ กับโลกพระสุเมรุอย่างมั่นคง กลายเป็นโลกในโลกที่แม้จะเป็นเอกเทศต่อกัน แต่ก็ไม่ได้ตัดขาดจากกันโดยสิ้นเชิง!

“เด็กคนนี้” หรงอี้ไม่คาดคิดจริงๆ ว่าหลังจากที่เขาเขายัดเจ้าตัวเล็กให้กับภรรยา พวกเขาจะได้รับกำไรมหาศาล เดิมทีเขาแค่ต้องการขุดหลุมดักตระกูลถัง ใช้ตระกูลถัง ‘หล่อเลี้ยง’ ลูกน้อยของเขา

นี่ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีที่คิดไม่ถึง เพียงพอให้หรงอี้หัวเราะเบาๆ “กลับไปข้าจะให้รางวัลเสี่ยวเป่าหนักๆ”

“เสี่ยวเป่าทำอะไรหรือ” จิ่วอิงซึ่งยืนอยู่ด้านข้างอยากรู้อยากเห็น

“เขาช่วยมารดาเขาปรับสมดุลระหว่างสวรรค์เก้าชั้นฟ้าและโลกพระสุเมรุ” หรงอี้ตอบอย่างกระชับ “แต่ก็มีเพียงเขาเท่านั้นจริงๆ ที่สามารถทำแบบนี้ได้”

มิฉะนั้น แม้ว่าปู่หวงของเขาจะมา ก็ไม่แน่ว่าจะบรรลุขั้นตอนนี้

ท้ายที่สุดแล้วเจ้าตัวเล็กของเขามีสายเลือดของสวรรค์เก้าชั้นฟ้าไหลเวียนอยู่ครึ่งหนึ่ง เขาคือลูกน้อยของเขาหรงอี้และภรรยาที่ให้กำเนิดด้วยกัน ถือได้ว่าเป็นกระดุมที่เชื่อมติดจักรวาลสวรรค์เก้าชั้นฟ้าและโลกพระสุเมรุ

ไม่มีอะไรราบรื่นและดีไปกว่าการใช้เจ้าตัวเล็กนี้แก้ไขจุดขัดแย้งระหว่างสวรรค์เก้าชั้นฟ้ากับโลกพระสุเมรุอีกแล้ว

ใช่แล้ว–

เยี่ยนอวี๋ที่รับรู้ถึงสิ่งนี้ได้อย่างคลุมเครือ ก็ฟื้นฌานตบะของนางกลับมาแล้วเหมือนกัน!

เยี่ยนอวี๋ซึ่งเห็นได้ชัดว่าระมัดระวังมากในตอนแรก ไม่กล้าฟื้นฟูฌานตบะของนาง เพราะนางกังวลว่าหากนางเลื่อนระดับพลังระหว่างกระบวนการหลอมสวรรค์เก้าชั้นฟ้าเข้ากับเมืองจิ่วเหลียน นางจะไม่สามารถก้าวออกจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้อีกตลอดไป

แต่ตอนนี้…

ในเมื่อโลกทั้งสองใบไม่ขัดแย้งกันอีกแล้ว นางย่อมไม่มีอะไรให้ต้องระวังอีก

ดังนั้น

ครืน!

ภาพเงาของภูเขาและทะเลโบราณขนาดจิ๋วที่ปรากฏเหนือศีรษะของเยี่ยนอวี๋ ได้หลอมรวมเข้ากับร่างของเยี่ยนอวี๋ในทันที

ครืน!

โลกพระสุเมรุสั่นสะเทือนอีกครั้ง ขณะเดียวกันแสงหลากสีสันก็ล้นทะลักออกมาจากความว่างเปล่า

ด้วยเหตุนี้ หรงมั่วและคณะของเขาที่อยู่นอกเมืองจิ่วเหลียนจึงสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามีพลังที่แปลกหน้าแต่กลับให้ความรู้สึกว่าคุ้นเคยมากกลุ่มก้อนหนึ่งกำลังขยายตัว

“พลังของหลานสะใภ้หรือ” หรงหลินถามด้วยดวงตาวาววับ “ให้ความรู้สึกมหัศจรรย์มาก ทระนงสมกับที่สวรรค์ประทาน เอื่อยเฉื่อยแต่ก็มั่นคง”

“อืม” หรงมั่วพยักหน้าและกล่าว “เป็นนาง”

“ถ้าอย่างนั้นข้าก็พอเดาได้แล้วล่ะว่าลูกสะใภ้ข้าเป็นสตรีแบบไหน” เยี่ยเชียนหลียิ้มตาหยี “นางต้องเป็นสตรีที่ตรงไปตรงมาและเด็ดขาดมาก มีความคิดและนิสัยเป็นของตัวเอง”

“นางยังเป็นราชินีอีกด้วย” อวิ๋นจื่อซียิ้มจาง รับช่วงต่อบทสนทนาว่า “ภรรยาของอี้เอ๋อร์คนนี้นิสัยค่อนข้างแกร่ง ข้ายังคิดว่าอี้เอ๋อร์จะหาคนงามตัวน้อยที่อ่อนหวานมาเป็นหลานสะใภ้เสียอีก เพราะอย่างไรเขาก็อารมณ์ร้อนและขี้หงุดหงิดถึงเพียงนั้น”

“เปลี่ยนไปแล้ว” ดวงตาของหรงมั่วฉายแววลึกซึ่งแต่ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้เขาเป็นชายหนุ่มที่อ่อนโยนและหล่อเหลามาก”

“อะไรนะ!” หรงหลินแสดงออกว่าเขานึกภาพไม่ออก

หรงมั่วยิ้มและไม่พูดอะไรๆ เพียงมองดูครอบครัวที่อยู่ด้านล่างต่อไป

ในเวลานี้ ระดับฌานตบะของเยี่ยนอวี๋กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ส่วนเจ้าตัวเล็กบางคน กำลังกอดเอวของมารดาไว้แน่นและจมอยู่ในห้วงฝัน ราวกับว่าไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ลูกน้อยคนนี้ก็จะปกป้องท่านแม่ของเขา!

อย่างไรก็ตาม ที่นี่ทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดี แต่สวรรค์เก้าชั้นฟ้าซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ตอนนี้โกลาหลแล้ว!

เพราะภูเขาและท้องทะเลโบราณได้หายไปโดยสมบูรณ์แล้ว! นี่…

“นี่ นี่คือสวรรค์เก้าชั้นฟ้าของข้าถูกกำหนดให้ล่มสลายแล้วหรือ” อินหลิวเฟิงไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีแล้ว

เอ้อร์เหมารีบตบไหล่นายน้อยของตัวเอง “นายน้อย ท่านรีบถุยเร็วเข้า!”

“อ่าถุย!” อินหลิวเฟิงที่ได้สติกลับมาตอบสนองอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “คำพูดของเด็กอย่าถือเป็นจริงเป็นจัง! คำพูดของเด็กอย่าถือเป็นจริงเป็นจัง! ข้าอินหลิวเฟิงล้วนพูดไร้สาระ ไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นอย่างแน่นอน”

เอ้อร์เหมากลัวจะตายแล้ว “นายน้อย ทำไมท่านถึงเปลี่ยนไม่ได้เสียที” มันแค่หวังว่าในครั้งนี้ปากอีกา[1] ของเขาจะไม่ทำงาน!!!

อย่างไรก็ตาม

ครืน!

สวรรค์เก้าชั้นฟ้าทั้งหมดสั่นสะเทือนรุนแรง

สีหน้าของเทียนตี้และเซ่าเฮ่าดูน่าเกลียดอย่างมาก พวกเขาจ้องไปที่อินหลิวเฟิงพร้อมๆ กัน และหวังว่าฝ่ายหลังจะให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผล ทำให้ผู้คนไม่ตื่นตระหนกจนเกินไป

อินหลิวเฟิงถูกมองจนลนลานแล้ว เขาพูดอย่างชาญฉลาดแม้จะร้อนใจมากว่า “บางทีอาจเป็นกูไหน่ไน อา! นายท่านจะพาพวกเราสวรรค์เก้าชั้นฟ้าเข้าสู่โลกใบที่นายท่านกำลังอยู่แล้ว!”

คำพูดนี้…

ในตอนแรกไม่มีใครเชื่อ ทุกคนคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้

ท้ายที่สุดในตอนที่เยี่ยนอวี๋จากไป นางได้สลายฌานตบะของนางไปจนหมดแล้ว

นี่เพิ่งผ่านไปนานแค่ไหนกัน เพียงไม่กี่วันเองกระมัง

ด้วยเวลาเพียงไม่กี่วัน ในความคิดของเทียนตี้และคนอื่นๆ แค่เวลาให้เยี่ยนอวี๋ใช้ฟื้นฟูพลังยังไม่พอเลย นางจะเคลื่อนย้ายสวรรค์เก้าชั้นฟ้าไปหานางได้อย่างไร

แต่…

เอ้อร์เหมายังคงพูดอย่างจริงใจว่า “คราวนี้ข้าหวังว่านายน้อยจะพูดถูก” ท้ายที่สุดนี่เป็นเรื่องดี!

อย่างไรก็ตาม

ครืน!

ครืน!

ต้นกำเนิดกฎของสวรรค์เก้าชั้นฟ้ากำลังเปลี่ยนแปลง

และการเปลี่ยนแปลงนี้ ยังมาพร้อมกับแรงกดดันมหาศาลและการบิดเบือนที่ทำให้สรรพชีวิตทั้งมวลในสวรรค์เก้าชั้นฟ้ารู้สึกแย่มากอีกด้วย

ในหมู่พวกเขา เทียนตี้ เซ่าเฮ่า และเหล่าขุนเขาและท้องทะเลโบราณ รวมถึงเทพเจ้าในยุคแรกๆ ทั้งหมดล้วนสัมผัสได้ถึงสิ่งนี้อย่างลึกซึ้ง

“จบแล้ว มันจบสิ้นแล้วจริงๆ!” เอ้อร์เหมาตื่นตระหนกเล็กน้อย

สีหน้าของกู้จื่อเฟิงที่เงียบมาโดยตลอดเองก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียดมาก “ปากอีกาของอินหลิวเฟิงนี้ เรื่องดีไม่เคยเป็นจริง เรื่องแย่ๆ กลับสำแดงฤทธิ์ไม่เคยพลาด”

เทียนตี้ที่แต่เดิมต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าทันทีที่เขาอ้าปาก “พรวด” เลือดก็กระอักออกมาคำโต!

“เทียนตี้!” เซ่าเฮ่ารีบปรี่ขึ้นไปประคองเขา ยื่นยาเม็ดหนึ่งให้กับเขา

เทียนตี้กลับไม่มีแรงที่จะกลืนยาแล้ว “พรวด”

เทียนตี้กระอักเลือดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ล้มหมดสติไปในทันที

นี่ยังไม่ใช่ทั้งหมด…

เซ่าเฮ่าและคนอื่นๆ ซึ่งอาการดีขึ้นกว่าเทียนตี้เพียงเล็กน้อยก็เริ่มกระอักเลือดทีละคนเช่นกัน

“จบสิ้นแล้ว…” เอ้อร์เหมาร้องไห้ “คราวนี้พวกเราไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะต้านทาน และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้านทานอย่างไร มีแต่จบสิ้นไปด้วยกัน…”

ซีหวังหมู่ปล่อยโฮออกมาทันที ขณะที่อาเจียนเป็นเลือดนางก็ร้องไห้ไปด้วย “ไม่คิดว่าการจากกันครั้งสุดท้ายก่อนหน้านี้ จะเป็นการอำลาจากนายท่านชั่วชีวิต อีกหน่อยข้าไม่อาจได้พบกับนายท่านอีกแล้ว”

การเปลี่ยนแปลงนี้มาเร็วเกินไป!

สรรพชีวิตทั้งมวลทุกระดับในสวรรค์เก้าชั้นฟ้าล้วนได้รับผลกระทบและต้องทนทุกข์ทรมานจากการกระอักเลือด คนที่หมดสติก็หมดสติ ไม่มีใครเป็นข้อยกเว้นเลย

สวรรค์เก้าชั้นฟ้าทั้งหมดฉับพลันโกลาหล วุ่นวายยุ่งเหยิง!

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น กฎของมิติที่แปลกประหลาดและคลื่นความปั่นป่วนนี้มาจากที่ไหนและจะต้านทานมันได้อย่างไร ไม่มีใครรู้ พวกเขาทำได้เพียงนั่งอยู่เฉยๆ และรอความตายเท่านั้น

“เกิดอะไรขึ้น” สรรพชีวิตทั้งมวลในสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ลนลานและตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกัน แต่…

หลังจากนั้นเนิ่นนาน พวกที่เหมือนกับเยี่ยนชิงที่รับรู้เพียงแรงกดดันเท่านั้นแต่ไม่มีความรู้สึกไม่สบายทางกายเหมือนกับสรรพชีวิตอื่นๆ พวกเขาก็ค้นพบว่า สถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายไปมากกว่านี้

“ยังมีความหวัง!” เยี่ยนชิงแห่งสำนักชางอู๋ป้อนยาให้กับภรรยาของเขาที่หมดสติเช่นกัน หัวใจของเขาทั้งเจ็บปวด กระสับกระส่ายและเป็นกังวล

“แค่ก” เม่ยเอ๋อร์ได้สติกลับมา นางสัมผัสได้ว่าแรงกดดันและการบิดเบือนที่กดทับลงมาเมื่อสักครู่นี้ได้หายไปแล้ว

หลังจากนั้น กู้จื่อเฟิง เอ้อร์เหมา เทพอัสนี ซีหวังหมู่ที่อยู่เหนือทะเลสาบสือซ่าไห่ก็ทยอยฟื้นขึ้นมาทีละคน เซ่าเฮ่าและเทียนตี้เองก็ได้สติกลับมาแล้วเช่นกัน

ทั้งสองคนอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหน้ากัน แต่ละคนต่างมองเห็นเครื่องหมายคำถามโตๆ ในดวงตาของอีกฝ่าย

และในเวลานี้เอง

ครืน!

เมืองจิ่วเหลียนถูกขุนเขาและท้องทะเลโบราณที่มาจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้าเข้าหลอมรวมโดยสมบูรณ์!

บนท้องฟ้าเหนือเมืองจิ่วเหลียนทั้งหมด ปรากฏภาพขุนเขาและท้องทะเล ต้นไม้โบราณ วิหค ฯลฯ พวกมันช่างคล้ายภาพลวงตาแต่ก็มีอยู่จริง พวกมันเดินเหิน แหวกว่าย พัวพัน และช่างยิ่งใหญ่ตระการตา ทำให้ทุกชีวิตในเมืองจิ่วเหลียนที่รอดชีวิตมาได้มองจนตาค้าง ชาติภพนี้พวกเขาคงไม่อาจลืมเลือนภาพตรงหน้านี้ได้อีกแล้ว

ในเวลาเดียวกัน

ครืน!

กฎของมิติเวลาของเมืองจิ่วเหลียนทั้งหมดก็ค่อยๆ ฟื้นตัวเช่นกัน

เมื่อมันรวมกับการลงมือของหรงอี้ก่อนหน้านี้ เมืองจิ่วเหลียนเวลานี้ก็เหมือนถูกพัดเมฆหมอกที่ปกคลุมออกไป กลับมาอยู่ในห้วงมิติเดียวกับโลกพระสุเมรุ เชื่อมต่อและเติบโตไปพร้อมๆ กันอีกครั้ง

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้อวิ๋นจื่อซี เยี่ยเชียนหลี และหรงหลินที่จิตเหนือสำนึกถูกปิดกั้น สามารถส่งกระแสจิตเข้าไปในเมืองจิ่วเหลียนได้แล้ว! อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้รีบร้อนเข้าไปข้างใน เพราะเยี่ยนอวี๋ยังไม่ตื่นจากการตระหนักรู้ และการหลอมรวมของสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เมืองจิ่วเหลียน และโลกพระสุเมรุเองก็ยังไม่สิ้นสุดลงโดยสมบูรณ์

แต่นี่เป็นปรากฏการณ์ที่ดี! เยี่ยเชียนหลีร้องไห้ด้วยความดีใจ “ฝ่าบาท! อีกไม่นานเราก็จะได้พบกับอี้เอ๋อร์ ภรรยาของอี้เอ๋อร์ และเด็กน้อยแล้ว”

“ใช่” เขายกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าภรรยา ใช้นิ้วหัวแม่มือปาดน้ำตาจากดวงตาของนาง กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เพราะฉะนั้นอย่าร้องไห้อีกเลย ร้องจนใบหน้าเจ้าจะกลายเป็นเสือดาวอยู่แล้ว”

ดวงตาของเยี่ยเชียนหลีเป็นประกายสดใส นางไม่สนใจคำล้อเลียนของฝ่าบาทของนาง แต่ก้มลงมองเมืองจิ่วเหลียน ดวงตาคู่นั้นตัดผ่านห้วงมิติแล้วตกไปที่ร่างของเสือดาวตัวน้อยที่นางรอคอยมาเนิ่นนาน

ส่วนหรงมั่ว เขาปล่อยมือที่จับมือภรรยาของเขา บินไปหยุดอยู่กลางท้องฟ้าเหนือเมืองจิ่วเหลียน จากนั้น…

“สี่สัตว์เทพ”

“พระสุเมรุ”

“ร่วมกำเนิด”

เมื่อหรงมั่วเปล่งคำพูดเหล่านี้ออกมา เขากำลังเตรียมจะให้ของขวัญพบหน้าแก่ลูกสะใภ้

“ลี่!”

“โฮก!…”

สัตว์เทพทั้งสี่ที่ถือกำเนิดมาพร้อมกับหรงมั่ว ปลดปล่อยพลังอันทรงพลังออกมาควบคุมสถานการณ์ทันที

ครืน!

เงาอสูรแห่งเขาพระสุเมรุ ก็มาถึงตามการอัญเชิญของหรงมั่ว

ตูม!

แสงศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วนตกลงสู่เมืองจิ่วเหลียนจากในมือของหรงมั่ว

จากนั้น–

ครืน!

ไม่เพียงแต่ทำให้เมืองจิ่วเหลียนสงบลงอย่างรวดเร็ว แต่พลังอันไม่มีที่สิ้นสุดและอุดมสมบูรณ์ของโลกพระสุเมรุก็เริ่มหลั่งไหลเข้าสู่เมืองจิ่วเหลียนช้าๆ

นี่ยังไม่ใช่ทั้งหมด…

“หมื่น ปรากฏ กำเนิด”

เสียงภาษาสันสกฤตอันบริสุทธิ์ที่ดังมาจากที่ไกลแสนไกล ทะลักเข้าไปในเมืองจิ่วเหลียนในขณะนี้ ตกลงไปในแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ล่องลอย ข้างในนั้นดูเหมือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงนับพันหมื่น! มันคือภาพการถือกำเนิดของโลกพระสุเมรุและการเกิดขึ้นมาของอาณาจักรทั้งปวง!

เห็นได้ชัดว่านี่คือของขวัญพบหน้าที่พระสุเมรุผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวมอบให้กับหลานสะใภ้ของเขา!

ขณะที่เยี่ยนอวี๋หลอมรวมสวรรค์เก้าชั้นฟ้าเข้ากับเมืองจิ่วเหลียน มันก็หลอมรวมเข้ากับโลกพระสุเมรุไปพร้อมๆ กัน!

พ่อตาซึ่งไม่เคยพบหน้าของนาง มอบพลังวิญญาณที่เสถียรและอุดมสมบูรณ์ซึ่งจำเป็นสำหรับการให้กำเนิดโลกใบใหญ่แก่นาง!

และท่านปู่ของนาง! (คงใช่กระมัง) มอบ ‘ประสบการณ์’ อันล้ำค่าและพรอันยิ่งใหญ่ให้แก่นาง

[1] ปากอีกา หมายถึง คนที่ชอบพูดอะไรที่ไม่เป็นมงคล ทว่าหลายครั้งกลับกลายเป็นเรื่องจริงเสียอย่างนั้น

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

Status: Ongoing
แม้จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่นางก็ยังคงเป็นเทพธิดาอันดับหนึ่งของสวรรค์ชั้นเจ็ด ผู้มีความสามารถแกร่งเกินผู้ใดไม่เปลี่ยนแปลง “ผู้ชายอะไรนั่นน่ะ กินได้หรืออย่างไร ข้าไม่เห็นจะอยากได้”เยี่ยนจื่ออวี๋ แม้มีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของประมุขสำนักชางอู๋แห่งแคว้นแต่กลับไร้พลังแต่กำเนิด แถมยังทำเรื่องงามหน้าอย่างการปีนขึ้นเตียงผู้ชาย!เพราะเรื่องฉาวโฉ่เกินทนทำให้หญิงสาวหายหน้าไปกว่าครึ่งปี แต่เมื่อกลับมาอีกครั้งสำนักชางอู๋ก็ถึงคราวสั่นสะเทือนจากหญิงสาวที่ไม่อาจฝึกพลังกลายเป็นปรมาจารย์มากสามารถ พลังสูงส่งเกินใครโอสถใดที่ว่ายาก นางกระดิกนิ้วเดียวก็สำเร็จสมบูรณ์ วิชาใดที่ฝึกไม่ได้นางล้วนทำได้จากหญิงสาวที่ทุกคนต่างเมินหน้าหนีกลายเป็นผู้สูงส่งที่ทุกคนต้องการประจบประแจงชายหนุ่มทั่วหล้าล้วนอยากเป็นพ่อเลี้ยงของเจ้าตัวเล็กกันทั้งนั้น!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท