ยอดฝีมือของหอเจ้าสำนักที่ถูกไถ่ถามคิดว่าคุณหนูใหญ่เป็นห่วงคุณชายรอง จึงรีบปลอบประโลมว่า “คุณหนูใหญ่อย่าได้กังวลเลย ข้าน้อยสั่งคนให้ไปปกป้องคุณชายรองแล้วขอรับ”
เยี่ยนชิงเองก็ลูบหลังลูกสาวเบาๆ แล้วปลอบว่า “พ่อจะไปดูพี่รองของเจ้าเดี๋ยวนี้ เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์รออยู่ในสำนักก่อน พ่อรับรองว่าพี่ชายรองของเจ้าต้องไม่เป็นไร”
“แต่ว่าข้าอยากไป” แววตาเป็นประกายของเยี่ยนอวี๋มองไปที่เยี่ยนชิง
เยี่ยนชิง “…”
เขาจะทำอย่างไรได้ เขามิสามารถคัดค้านได้อยู่แล้ว
ดังนั้น เยี่ยนชิงจึงทำได้เพียงพูดว่า “เช่นนั้นเจ้าไปกับพ่อ”
“อ้ะ!” สิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่แทบจะถูกลืมไปแล้วรีบส่งเสียงร้องขึ้น เพื่อบอกว่า ‘ข้าจะไปด้วย!’
เยี่ยนอวี๋ย่อมไม่ทิ้งเจ้าตัวน้อยไว้ที่นี่ จึงรีบสั่งยอดฝีมือของหอเจ้าสำนักที่มารายงานว่า “นำทางไปที”
“หืม?” ยอดฝีมือของหอเจ้าสำนักอ้ำอึ้ง เขาอยากจะบอกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น นี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย หากทำไม่สำเร็จ ความได้เปรียบที่เจ้าสำนักได้มาก่อนหน้านี้จะสูญเปล่า
“เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์อย่าให้เสี่ยวเป่าไปเลย” เยี่ยนชิงเองก็คิดว่า หากพาเจ้าตัวน้อยคนนี้ไปด้วยคงจะไม่ดีนัก
แต่แล้ว…
“ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ”
“อ้ะเนะเนะ!”
สองแม่ลูกส่งเสียงขึ้นพร้อมกัน เพื่อยืนยันว่าไม่เป็นปัญหา
เยี่ยนชิงมองสองแม่ลูกที่มองเขาด้วยดวงตาใสแป๋ว พูดขึ้นอย่างไร้หนทางว่า “ก็ได้ ไปด้วยกันก็ได้”
ยอดฝีมือของหอเจ้าสำนักไร้คำพูด เขาอยากจะบอกว่า เจ้าสำนัก! ศักดิ์ศรีของท่านเล่า
เจ้าสำนักเยี่ยนผู้ใช้เหตุผลกับทุกสิ่ง แต่มีเพียงเรื่องของลูกสาวเท่านั้นที่ไม่มีกรอบระเบียบเคร่งครัด เขาคิดว่าเรื่องเช่นนี้มิจำเป็นต้องมีศักดิ์ศรีอันใด การได้ประคบประหงมลูกสาวผู้เลอโฉมและหลานชายน้อยจิ้มลิ้มเช่นนี้ก็เป็นเรื่องน่าสุขใจมากแล้วมิใช่หรือ
เพียงแต่ว่าครั้นเยี่ยนชิงกำลังจะพาลูกสาวและหลานชายออกไปนั้นก็มีคนมารายงานว่า “รายงานท่านเจ้าสำนัก! ราชสำนักส่งขันทีคัดเลือกหญิงงามมาแล้วขอรับ ตอนนี้ถึงหน้าประตูแล้วขอรับ”
…
ในขณะเดียวกัน ขณะที่ยอดฝีมือของหอเจ้าสำนักทราบข่าว รถคุมนักโทษที่มีลักษณะเฉพาะ สูงขนาดสามถึงสี่คนก็เพิ่งถูกนำเข้าไปในเมืองชางอู๋
ในรถคุมนักโทษ นักโทษในร่างมนุษย์ แต่กลับมีขนหมูป่าขึ้นเต็มตัวอย่างน่าเกลียดน่ากลัวนั้น กลายเป็นจุดสนใจและเป็นที่วิพากวิจารณ์ของคนที่เดินผ่านไปมาในทันที
“ให้ตาย! นี่มันสัตว์ประหลาดอะไรกัน”
“แม่เจ้า…ดูเหมือนมนุษย์วานรหวาไหวสัตว์ประหลาดในตำนานเลย!”
“…”
แม้สามัญชนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่ามนุษย์วานรหวาไหวคืออะไร แต่นักปรุงยาในเมืองต่างรู้ว่านี่เป็นสัตว์ร้ายที่ไม่สมควรมีอยู่ในใต้หล้า ต้องจัดการให้สิ้นซาก! มิเช่นนั้นจะนำพามาซึ่งความโกลาหลได้
ในขณะที่นักปรุงยาบางส่วนรู้และพูดคำว่า ‘มนุษย์วานรหวาไหว’ ออกมาก็มีเสียงคนในหมู่ผู้คนดังขึ้นว่า “ไม่ใช่! พวกเจ้าดูสิ สัตว์ประหลาดตัวนั้นมีหน้าตาเหมือนคุณชายรองเสาเลย!”
“อะไรนะ คุณชายรองเสาหรือ” เสียงอื้ออึงดังขึ้นทันที ในเมื่อเยี่ยนจื่อเสาเองก็เป็นผู้มีชื่อเสียง แต่ชื่อเสียงของเขาแตกต่างจากคุณหนูใหญ่เยี่ยนจอมสำรวยอย่างสิ้นเชิง
ทุกคนในเมืองชางอู๋ต่างรู้ว่าเจ้าสำนักชางอู๋เยี่ยนมีลูกชายสองคนคือคุณชายใหญ่เยี่ยและคุณชายรองเสา ซึ่งล้วนเป็นยอดผู้อัญเชิญวิญญาณ
แน่นอนว่าเยี่ยนจื่ออวี๋ผู้มีพรสวรรค์เป็นที่รู้จักกันทั่วไปเหมือนกับพวกเขาและยังเป็นน้องสาวสุดที่รักที่พวกเขารักและเอ็นดูมาก นี่จึงเป็นความคุ้มครองชั้นที่สองของเยี่ยนจื่ออวี๋ตั้งแต่เล็กจนโต ทำให้นางสามารถทำทุกสิ่งได้ตามต้องการ ไม่เคยถูกผู้ใดรังแกเลย
ในเมื่อบิดาเป็นถึงเจ้าสำนัก พี่ชายทั้งสองก็เป็นอัจฉริยะที่รักใคร่เอ็นดูเยี่ยนจื่ออวี๋ ดูอย่างไรนางก็ไม่จำเป็นต้องกลายเป็นอัจฉริยะก็สามารถอยู่อย่างสุขสบายมิต้องมีเรื่องให้กังวลตลอดชีวิตแล้ว
ทว่าเยี่ยนจื่อเยี่ยและเยี่ยนจื่อเสามักไม่ค่อยอยู่ในสำนัก พวกเขาถูกท่านพ่อหรือเจ้าสำนักเลี้ยงดูจนเติบใหญ่อย่างไม่สุขสบายนักตั้งแต่ห้าขวบและมักถูกไล่ให้ไปฝึกฝนวิชา พวกเขาได้ประสบกับคำพูดที่กล่าวว่าเด็กที่ไม่มีแม่ก็เหมือนกับหญ้าข้างทาง…
แต่บุรุษแข็งแกร่งผู้มีประสบการณ์โชกโชนสองคนนี้กลับไม่เคยคร่ำครวญเลย พวกเขากลับรู้สึกมีความสุขคิดว่าท่านพ่อจัดแจงได้ดีแล้ว มิเช่นนั้นในอนาคตพวกเขาจะปกป้องน้องสาวได้อย่างไร
แต่ตอนนี้…
“คุณชายรองเสากลายเป็นเช่นนี้เสียแล้ว”
“พวกเจ้าไม่เคยได้ยินหรือ ตระกูลฝั่งมารดาของคุณชายรองมีสายเลือดมนุษย์วานรหวาไหวกากเดนของราชสำนัก” บุรุษผู้มีน้ำใจเผยแพร่ ‘ความจริง’ ไม่หยุด
เมื่อเยี่ยนจื่อเสาได้ยินดังนั้น เขาก็อยากจะปิดหน้าตัวเองไว้ แต่คนที่จับกุมเขาหนีบศีรษะของเขาด้วยเหล็กอย่างดีตั้งแต่แรก เพื่อป้องกันไม่ให้เขาปกปิดใบหน้าของตนเอง เขาจึงไม่สามารถขยับตัวได้แม้เล็กน้อย
เยี่ยนจื่อเสารู้ดีว่านี่คือกลอุบาย กลอุบายที่เพ่งเล็งมาที่ครอบครัวของเขา น่าคับแค้นใจนักที่ตนตกหลุมพรางของผู้อื่น เขาจ้องเขม็งไปที่เหล่าผู้ปล่อยข่าวลือด้วยแววตาเดือดดาล
เสียงผู้คนตื่นตระหนกดังเซ็งแซ่
ตุบ!
ไข่เน่าและก้อนหินถูกขว้างไปบนศีรษะของเยี่ยนจื่อเสาจนเกิดบาดแผลมากมายและเลือดไหลอาบ! พลังของเขาในตอนนี้ถูกสกัดไว้แล้ว จึงไม่สามารถป้องกันตนเองได้เลย
“สมควร! ทำชั่วดีนัก!”
“ขว้างใส่มัน ขว้างให้สัตว์ประหลาดตัวนี้ตายซะ!” กลุ่มคนที่พบว่าสัตว์ประหลาดถูกทุบตีได้ก็รู้สึกสนุกสนานขึ้นมา ความรู้สึกที่ตั้งตนเป็นใหญ่ได้ช่างร้าวใจยิ่งนัก
ทุกคนรู้ว่ามนุษย์วานรหวาไหวไม่เพียงแต่เป็นสัตว์ดุร้ายในโบราณเท่านั้น แต่ยังเป็นสัตว์ที่แข็งแกร่งมากด้วย! และความรู้สึกตอนนี้ที่ ‘มัน’ ทำได้เพียงอยู่นิ่งๆ แม้จะถูกของเขวี้ยงใส่และถูกก่นด่าเช่นนี้นั้นช่างสะใจยิ่งนัก
หลังจากนั้นเสียงขว้างก็ดังขึ้นต่อเนื่อง สิ่งของพุ่งตรงไปที่ลำตัวของเยี่ยนจื่อเสา แม้คนของหอเจ้าสำนักจะเข้ามาห้ามปรามก็ไม่สามารถขัดขวางได้
“ขว้างใส่มัน ขว้างให้มันตายซะ!” กลุ่มคนผู้ไม่รู้ความจริงที่กำลังเหิมเกริมยิ่งทำร้ายก็ยิ่งรู้สึกสะใจ ต่างกรูกันเข้าไปทุบตี ‘สัตว์ประหลาด’ ในระยะประชิด
ในระหว่างนั้นก็มีผู้มีเจตนาดีพูดห้ามปราม “หยุดเดี๋ยวนี้ พวกเจ้าอย่าทำเกินเลยไปจะดีกว่า ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นถึงคุณชายรองเสาลูกชายคนรองของเจ้าสำนักชางอู๋นะ”
แต่แล้วก็มีคนตอบโต้ทันที “มนุษย์วานรหวาไหวสัตว์ร้ายเช่นนี้สมควรถูกทุบตีอยู่แล้ว เป็นเจ้าสำนักชางอู๋แล้วอย่างไรกัน เขาให้กำเนิดสัตว์ร้ายอย่างหวาไหวแล้วน่าอัศจรรย์มากอย่างนั้นหรือ”
“นั่นน่ะสิ! เจ้าสำนักชางอู๋คลุกคลีกับมนุษย์วานรหวาไหวก็สมควรทุบตีให้ตาย!”
“ใช่แล้ว! เจ้าสำนักชางอู๋กำลังทำร้ายเมืองชางอู๋ของเรา…” ผู้คนจำนวนมากขึ้นไม่เพียงทุบตีเยี่ยนจื่อเสาต่อไป แต่ยังเริ่มพาลไปถึงเยี่ยนชิงด้วย
“เมื่อก่อนคิดว่ามีเพียงเยี่ยนจื่ออวี๋คนไม่รักดีคนเดียวในครอบครัวนี้ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นพวกสารเลวทั้งตระกูล! ไม่มีคนดีเลย มิน่าเยี่ยนจื่ออวี๋เศษสวะคนนั้นถึงทำเรื่องสกปรกอย่างขึ้นเตียงผู้ชายได้ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ” มีคนแสดงความรู้สึกเช่นนี้
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว!” ผู้คนต่างเห็นด้วย
คำพูดเช่นนี้ การเหยียดหยามเช่นนี้ ทำให้เยี่ยนจื่อเสาที่แต่เดิมเพียงแค่เก็บอารมณ์โมโหไว้ทนไม่ไหว แผดเสียงร้องออกมาทันที “หุบปาก!”
เยี่ยนจื่อเสายอมถูกด่า ยอมถูกเหยียดหยาม ยอมทนทุกสิ่งได้ สิ่งเดียวที่ไม่สามารถยอมได้คือการข่มเหงรังแกน้องสาวผู้น่ารักของเขา!
และครั้งนี้ที่เขาตกหลุมพราง อันที่จริงแล้วก็เพราะในระหว่างที่แอบฟังอยู่นั้น ได้ยิน ‘ข่าวเสีย’ ของน้องสาว เขาแทบจะคลุ้มคลั่ง! ในตอนนี้เขาอยากจะฉีกกู้หยวนเหิงออกเป็นชิ้นๆ เสีย!
กรรร… เสียงคำรามอันน่ากลัวของสัตว์ร้าย ทำให้เสียงของเยี่ยนจื่อเสาสูญเสียความน่าเกรงขามไป มีเพียงเสียงแหบแห้งอันน่าเกลียดที่เสียดแทงหู
ผู้คนต่างสะดุ้งตกใจกับเสียงคำรามที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวของเขา ในขณะนั้นเอง ก็มีจานใบหนึ่งถูกเขวี้ยงลงมาจากหน้าต่างที่อยู่ไม่ไกลออกไปนัก ทำให้เลือดไหลอาบศีรษะของเขาในทันที
“หึ!” เสียงชายชราอันหยาบกร้านก็ดังขึ้นจากหน้าต่างบานนั้นก่อนจะตามมาด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะว่า “ไอ้คนชั่ว! ยังกล้าอวดดี วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าเอง ข้าจะถอนขนของเจ้าถวายแก่ตันเถียนของลูกสาวข้าซะ!”