เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน – บทส่งท้าย 21 ปีศาจสาว! ภูมิหลังของเสี่ยวไป๋

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

บทส่งท้าย 21 ปีศาจสาว! ภูมิหลังของเสี่ยวไป๋

หลงตี้ตะลึงทันทีที่สบตา จู่ๆ มันคิดว่าตนเองได้เห็นนายน้อยสมัยเด็ก แต่หลงตี้ก็ตั้งสติและรู้ตัวว่าไม่ใช่ ทว่า…

“ฮ่า…”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ยิ้มร่าให้หลงตี้ทำให้หลงตี้ตกอยู่ในภวังค์ครู่หนึ่ง มันอดสงสัยไม่ได้ว่าตนเองคงเข้าใจผิดไป

ทว่าหลังจากที่เจ้าตัวน้อย ‘เย้าแหย่’ หลงตี้ครู่หนึ่งแล้ว เขาก็หายไป

หลงตี้ “…”

หรือว่ามันแก่แล้วจริงๆ นะ สายตาถึงได้พร่ามัวเช่นนี้!?

หลงตี้ตกอยู่ในความสับสน…

เด็กน้อยที่อันที่จริงยังอยู่ในแดนจิ่วเหลียน เขาก็หัวเราะ ‘ฮ่า’ ขึ้นในขณะที่กำลังหลับ แต่ครั้งนี้กลับไม่ได้สะดุ้งตื่น

ในขณะเดียวกัน… หรงซีผู้ที่อยู่ใกล้เด็กน้อยเป็น ‘คนที่สอง’ เขาเองก็สัมผัสถึงกลิ่นอายบางเบาโอบรัดตนเองไว้

หรงซีตกใจก่อนจะรับรู้ว่าหลานชายน้อยของเขากำลัง ‘สัมผัส’ เขา จึงไม่ได้ต่อต้านใดๆ

จากนั้น เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็ฝันเห็นม่านหมอกสีขาว เหมือนกับกลุ่มเมฆหมอกขนาดใหญ่เป็นวงๆ

“เนะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่จับใบหน้าน้อยๆ ของตนเองไม่รู้ว่านั่นคืออะไรจึงเหม่อมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะ ‘ถอย’ กลับไป

จากนั้นหรงมั่วผู้ซึ่งเป็นท่านตาโดยแท้ก็รับรู้ถึงกลิ่นอายจากหลานชายน้อย ทำให้ดวงตาที่สุกใสราวกับถูกชำระล้างมาและมีสีดำขลับคู่นั้นปรากฏระลอกคลื่นอันอ่อนโยนด้วยสัญชาติญาณ

จากนั้น ชิงหลงผู้มีไหวพริบก็พบเด็กน้อย “มั่วน้อยตัวจิ๋ว!”

“?!” พยัคฆ์ขาว หงส์แดงจูเชวี่ยและเต่าดำเสวียนอู๋ชะงัก เพราะว่าพวกมันอยู่ในร่างของหรงมั่วในบัดนี้ ยังไม่ได้ออกไป แต่พวกมันกลับเห็นเจ้ามั่วน้อยตัวจิ๋ว!?

นี่มัน…

เดิมเทพจตุรทิศทั้งสี่คิดว่าพวกมันออกมาช้าสักเล็กน้อยน่าจะเหมาะสมกว่า กลับคิดไม่ถึงว่าเจ้าตัวน้อยจิ้มลิ้มคนนี้กลับ ‘เข้ามา’ หาพวกมันเสียก่อน!?

เด็กน้อยที่ถูกจับได้ นอกจากเขาจะไม่ตกใจแล้ว ยังพูดแก้ว่า “ไม่ใช่! นี่ เป่า…”

“ใช่ๆๆ นี่คือเป่า!” เทพจตุรทิศทั้งสี่ที่อันที่จริงยังงุนงงอยู่นั้นสำทับด้วยสัญชาติญาณ

เจ้าตัวน้อยจึง ‘ถอย’ กลับไปอย่างมีความสุข ผ่านไปครู่หนึ่ง…

“เนะ!”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ขยี้ตาเล็กน้อยและตื่นขึ้นมา เขายังรู้สึกตื่นเต้นไม่หายพร้อมกับยื่นมือไปหาท่านพ่อเขาด้วยสัญชาติญาณ “พ่อ! พ่อ เห็น เห็นใหญ่ๆ…”

หรงอี้เห็นเด็กน้อยไม่ได้ยื่นมือไปผิดทางจึงเดาได้ว่าเด็กน้อยคงทำความเข้าใจได้แล้วจึงอุ้มเด็กน้อยกลับมาถามว่า “เห็นอะไรใหญ่ๆ หรือ”

“มังกร! ดำๆ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่หันกลับไปมองหรงหวงตื่นเต้นมาก “ใหญ่ๆ! ใหญ่ๆ! สวย!”

หรงหวงยกมุมปากเล็กน้อย รู้ว่าเจ้าตัวน้อยกำลังพูดถึงหลงตี้ เขายกมือขึ้นลูบศีรษะโล้นๆ ของเจ้าตัวน้อยกล่าวแนะนำว่า “นั่นคือปู่น้อยหลงของเจ้า มันอยู่กับข้ามาหลายปีแล้ว ส่วนข้าคือปู่ทวดหวงของเจ้า”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ฟังรู้เรื่องก็เรียกเสียงหน่อมแน้ม “ปู่ทวด หวง!”

“เก่งจริงๆ” ขณะที่หรงหวงชมเด็กน้อยยังโอบภรรยาที่อยู่ข้างกายเข้ามาและพูดต่อไปว่า “คนนี้คือภรรยาของปู่ทวดหวง ซึ่งก็คือย่าทวดซีของเจ้า”

“ย่า ทวด ซี!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเรียกเสร็จยังทำท่าจะยื่นมือไปหาย่าทวดซีที่งดงามของเขาอย่างมีความสุข เพียงแต่ว่าน่าเสียดายที่… ราชาแห่งเขาพระสุเมรุหันไปด้านข้างยกแขนขึ้นเงียบๆ มองบุตรชายคนโตที่อยู่ข้างหน้าและถามว่า “แล้วเสี่ยวเป่ารู้หรือไม่ว่าท่านนี้คือใคร”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปทันที เขาหยุดยื่นมืออวบอ้วนออกไปและหันไปมองหรงมั่ว เขาไม่ลืมคำพูดก่อนหน้านี้ของท่านพ่อเขาจึงยิ้มตาหยีตอบว่า “ท่านปู่!”

“อื้อ” หรงมั่วที่กล่าวชมผ่านสายตายื่นมือไปหาหลานชายเป็นครั้งแรก รู้สึกแปลกประหลาดเล็กน้อยอย่างไม่มีสาเหตุ ถึงอย่างไรเขาก็รู้สึกว่าตนเองยังหนุ่ม ราวกับเพิ่งแต่งงานไม่นาน กลับมีลูกมีหลานเสียแล้ว

เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็เล่นด้วย เขาโถมตัวน้อยๆ เข้าหาท่านปู่ของเขาอย่างดีอกดีใจ เขาถูกรับตัวไปทันทีและยังถูกหรงมั่วลูบและอุ้มไว้ในอ้อมอก

ทันใดนั้น… หรงมั่วที่เป็นท่านปู่เป็นครั้งแรกก็รู้สึกซับซ้อน รู้สึกว่าเหมือนกับว่าตนเองเพิ่งเป็นพ่อคน เจ้าตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมอกยังเป็นเสือดาวน้อยที่ตนเองและภรรยามีด้วยกัน

ส่วนเยี่ยเชียนหลี หัวใจของนางละลายเป็นน้ำไปนานแล้ว ครานี้ยังลูบหลานชายน้อยในอ้อมอกของสามีนางด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยน “เสี่ยวเป่า แล้วข้าล่ะ”

“ท่าน ย่า!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเรียกพลางจับมือของท่านย่าหลีของเขา และยังถูฝ่ามือของท่านย่าหลีของเขาด้วยสัญชาติญาณ

เยี่ยเชียนหลีอดใจรอไม่ไหว นางอุ้มหลานชายน้อยจากอ้อมอกของสามีนาง จากนั้นก็ ‘จุ๊บ! จุ๊บ!…’ ไม่หยุด

“ฮี่…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เคอะเขินถูกจูบจนหน้าแดง เขามุดเข้าไปที่ซอกคอของท่านย่าหลีของเขาเพื่อแอบตนเองไว้…

เยี่ยเชียนหลีทนความน่ารักของหลานชายน้อยคนนี้ไม่ไหว นางรู้สึกเอ็นดูมาก “เสี่ยวเป่าน่ารักจริงๆ! ย่าชอบเสี่ยวเป่ามากๆ เลย โอ้ย! เสี่ยวเป่าน่ารักขนาดนี้ได้อย่างไร!”

หรงมั่ว “…”

เขาอยากจะคืนหลานชายน้อยคนนี้ให้เจ้าเสือดาวน้อยจริงๆ แต่เมื่อคิดถึงภรรยาที่ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ทุกข์ทรมานใจอย่างมากก็ข่มอารมณ์ไม่พอใจไว้

เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูกเอ็นดูก็ยิ่งเขิน ปากก็ยิ่งหวาน “รัก! เป่าก็ รัก ย่า!”

“ฮ่าๆๆๆ…” เยี่ยเชียนหลีหัวเราะอย่างสดใส รู้สึกมีความสุขมาก เหมือนกับว่าหัวใจของนางถูกหลานชายน้อยเติมเต็ม

อวิ๋นจื่อซีเห็นสองย่าหลานก็รู้สึกเมื่อครู่นี้ตนเองสำรวมเกินไป! ช่างเถอะๆ ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนระดับย่าทวดแล้ว จะ แค่ก ร่าเริงเช่นนั้นคงไม่ดี

แต่ทว่า… อวิ๋นจื่อซีที่แสดงออกชัดเจนว่าอยากจะจูบหลานชายน้อยมากเช่นกันก็มองลูกสะใภ้อย่างอิจฉา

เยี่ยนเสี่ยวเป่าเองก็มีความสุขมากกับความรักของท่านย่าที่มีให้เขา “ฮ่า…”

“พี่สะใภ้ใหญ่ ให้ข้าอุ้มด้วยได้หรือไม่” หรงหลินคันมือมาก หลานชายน้อยคนนี้น่ารักมากจริงๆ!

หรงซีเองก็จ้องเจ้าตัวน้อยตลอดเวลาด้วยความกระตือรือร้นอย่างที่นานๆ ทีจะได้เห็น เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็อยากจะอุ้ม

ทว่าเยี่ยเชียนหลีปฏิเสธอย่างไร้ความปรานี “รอก่อน ให้ข้าอุ้มอีกหน่อย”

“เช่นนั้นคืนนี้ให้เสี่ยวเป่านอนกับข้าได้หรือไม่” จู่ๆ หรงซีก็พูดขึ้น เขาคิดว่าข้อเสนอของตนเองน่าจะได้รับอนุมัติจากพี่ใหญ่ ท่านพ่อและหลานชาย!

ทว่าหรงหลินไม่เห็นด้วย “ไม่ได้! นอนกับข้า!”

“เจ้าไม่นอนไม่ใช่หรือ” หรงซีย้อนถาม

“คืนนี้นอน”

“…” หรงซีพูดไม่ออก

ทว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่ามีจุดยืนของตนเองมาก “ไม่! เป่า นอน กับพ่อ!”

เยี่ยเชียนหลียิ่งเอ็นดูหลานชายน้อยคนนี้ จากนั้นก็จูบเขาไม่หยุดอีกครั้ง “เหมือนท่านพ่อเจ้าเลย ติดพ่อแต่เด็ก” น่ารักจริงๆ!

หรงซีที่รู้สึกเสียดายอย่างยิ่ง ในที่สุดเขาก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองยังไม่ได้ทักทายหลานชายอี้เลย! เขาจึงเดินไปต่อยแผ่นอกของหลานชายทีหนึ่ง “เป็นอย่างไรบ้าง”

หรงอี้ที่ยกมือขึ้นจับหมัดของอาน้อยไว้ดวงตาปรากฏรอยยิ้ม “ดีมาก” ดีมากจริงๆ ได้เจอเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ผู้น่ารัก และยังมีเด็กน้อยจอมเซ่อ

หรงซีเห็นความหวานในรอยยิ้มในดวงตาของหลานชายก็รู้สึกเลี่ยน ได้แต่บีบจมูกกล้ำกลืนน้ำผึ้งที่ถูกป้อน กล่าวยินดีว่า “ยินดีกับเจ้าที่ผ่านด่านเคราะห์สำเร็จ”

“นี่คือเรื่องน่ายินดีจริงๆ เมื่อกลับเขาพระสุเมรุแล้วต้องจัดงานเลี้ยงสามวันสามคืน! ท่านแม่ เรื่องนี้ข้าจัดการเอง” หรงหลินยืดอกรับงานใหญ่ อยากจะหลีกเลี่ยงการเร่งเร้าแต่งงานตลอดเวลา

น่าเสียดายที่เขาถูกปฏิเสธ…

อวิ๋นจื่อซีพูดว่า “เรื่องนี้ข้าจัดการเอง ต้องจัดพร้อมกับงานครบรอบหนึ่งขวบของเสี่ยวเป่า ต้องจัดให้ยิ่งใหญ่! และเชิญญาติทุกคนมา”

“ท่านแม่ ข้าทำได้!”

“เจ้าทำไม่ได้ เจ้าแต่งงานมีเมียเมื่อไรค่อยมาบอกแม่ว่าเจ้าทำได้ มิเช่นนั้นเจ้าก็ทำไม่ได้”

หรงซีที่พูดไม่ออกได้แต่คิดในใจว่าเรื่องทำได้หรือทำไม่ได้ตัดสินจากแต่งงานมีเมียอย่างเดียวได้ตั้งแต่เมื่อใดกัน นี่มันเผด็จการเกินไปแล้ว!

ทว่าหรงซีไม่กล้าเถียง ได้แต่พึมพำว่า “ท่านแม่ มีแม่ว่าลูกชายของตนเองแบบนี้ที่ไหนกัน”

“หลินเอ๋อร์…” อวิ๋นจื่อซีที่เห็นบุตรชายรูปงามของตนมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อการแต่งงานปริปากสั่งสอน ตอนนี้นางอยากให้พ่อหนุ่มรูปงามรีบแต่งงานและมีหลานสาวให้นางสักหนึ่งคน!

อวิ๋นจื่อซีคิดว่าเหลนชายน้อยของนางอ่อนโยนและน่ารักเช่นนี้ หากเป็นหลานสาวต้องยิ่งอ่อนโยนและน่ารักแน่นอน ท่าทางนั่นน่ะ… โอ้ย!

อวิ๋นจื่อซีแค่คิดก็ทนไม่ไหวแล้ว เร่งเร้าให้บุตรชายรูปงามที่มีโอกาสมีหลานสาวให้นางได้มากที่สุดแต่งงานต่อไป “หลินเอ๋อร์ เจ้าฟังแม่นะ…”

หรงหลิน “…”

ตอนนี้เขาอยากจะหนีไปจากที่นี่อย่างเดียว ไป ‘ผ่านเด่านเคราะห์’ สักไหนสักที่ได้หรือไม่! ให้ท่านแม่เขาไปเร่งผีผีแทน โอ้ ไม่สิ!

“ผีผีล่ะ!” หรงหลินที่พูดขัดเรื่องแต่งงานก็รีบถามขึ้นว่า “ทำไมผีผีหายไปเล่า เขาควรจะอยู่ในแดนจิ่วเหลียนไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงไม่เห็นเขาเลย!?”

อวิ๋นจื่อซีชะงักเล็กน้อย ในที่สุดก็เงียบลงและมองไปที่สามีนาง “หวงหวง เจ้ารู้ว่าผีผีอยู่ที่ไหนหรือไม่”

หรงหวงกลับรู้จริงๆว่า “สวรรค์เก้าชั้นฟ้า”

“เอ๋?” หรงอี้เลิกคิ้ว “อารองไปสวรรค์เก้าชั้นฟ้าทำไมหรือ”

“คงจะร่วงไปผิดที่กระมัง” หรงซีขี้เกียจพูด คิดว่าจะไปนอนเล่นข้างๆ สักครู่ ถึงอย่างไรวันนี้ก็แย่งหลานชายน้อยมาอุ้มไม่ได้ นอนเก็บแรงดีกว่า

ณ สวรรค์เก้าชั้นฟ้า

หรงเจ๋อที่ในที่สุดก็ถูกใครบางคนนึกถึง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เพียงแต่ว่าทันทีที่เขาตื่นก็พบว่า… เขาถูกมัดไว้!?

หรงเจ๋อตกใจพยายามขยับตัว เขาค่อยๆ ลืมตาทั้งคู่ขึ้น สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือ แผ่นหลัง… ของสตรีนางหนึ่ง

แอนนาที่รู้สึกได้ว่าเขาตื่นแล้วหันกลับมา “ตื่นแล้วหรือ”

หรงเจ๋อตกใจอีกครั้ง ตกใจเพราะสตรีตรงหน้า ตกใจกับแสงที่ลุกโชนราวกับเปลวไฟสีทองดวงเล็กๆ ในดวงตาที่สวยงามของเธอที่ดูทั้งเย็นชาและชวนหลงใหล

เพียงแต่ว่า… เขาเพิ่งจะมองแอนนาอย่างงงงันก็ถูกตบอย่างไร้ความปรานี!

ซู่!

หรงเจ๋อสัมผัสได้ถึงลมจากฝ่ามืออันรุนแรง เขาก็ทำลายเชือกนิรนามที่มัดเขาไว้ทันที มือข้างหนึ่งยังจับฝ่ามือที่ซัดมาที่ใบหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว

สุดท้าย…โนเวลพีดีเอฟ

“!”

นางกลับประชิดตัวเข้าใกล้เขา เรือนร่างที่อ่อนนุ่มและอวบอิ่มแทบจะแตะแผ่นอกของเขาแล้ว! ทำเอาเขาตื่นเต้นจนแทบจะระเบิด

ทว่าในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกว่าระหว่างขาของตนเองเย็นยะเยือกเล็กน้อย เย็นจนเขายื่นมืออีกข้างหนึ่งออกไปด้วยสัญชาติญาณและจับโดนขาข้างหนึ่งของสตรีอย่างไม่ต้องสงสัย!

ครานี้เอง…

“ปล่อยมือ!”

แอนนาโมโหมาก! เจ็บใจที่ไม่ได้กระทืบเขาสักหนึ่งยกก่อนที่เขาจะตื่น แต่ก่อนหน้านี้ตอนที่นางมัดเขา ไม่รู้ว่าเขาจะรับมือด้วยยากเช่นนี้! เพราะว่า ‘ใบหน้า’ ของเขา นางจึงระวังเป็นพิเศษ และใช้วิชาต้องห้ามมากมายมัดเขาไว้

แต่เจ้าบัดซบนี่กลับยังคงสามารถทำลายวิชากักขังที่นางสร้างขึ้นในพริบตา! ที่สำคัญคือ นี่เป็นเพียงพลังจากร่างกายของเขาเท่านั้น เขาไม่ได้ใช้ตบะเลย

แอนนา “…”

นางที่เคร่งขรึมรู้ว่าเจอของยากเข้าให้แล้ว

หรงเจ๋อที่ยังคงจับน่องของนาง เขามองแม่นางดุดันที่กำลังจ้องตนเองเงียบๆ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดแม่นางคนนี้จึงลงไม้ลงมือทันทีโดยไม่พูดไม่จาสักคำ!?

แอนนาไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร คิดว่าเขากำลังโมโห คิดจะเอาเปรียบนาง

แอนนาที่คิดดังนั้นก็ถามว่า “เจ้ากับหรงอี้เป็นอะไรกัน”

หรงเจ๋อที่แสดงสีหน้าประหลาดใจจึงเอ่ยขึ้นว่า “เจ้ารู้จักหลานข้าหรือ”

“…” แอนนาคิดไม่ถึงว่าตนเองทายถูกจริงๆ ด้วย เจ้าคนๆ นี้มีความสัมพันธ์กับสามีของเยี่ยนอวี๋ ทว่านางก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจมากนัก ถึงอย่างไรใบหน้าของคนๆ นี้ก็คล้ายกับหรงอี้สามถึงสี่ส่วน สิ่งที่ไม่เหมือนกันของทั้งสองก็คือใบหน้าของคนๆ นี้วิจิตรกว่าเล็กน้อย

ทว่าเดิมทีแอนนาคิดว่าทั้งสองน่าจะเป็นพี่น้องกัน หรงอี้เป็นพี่ คนนี้เป็นน้อง สุดท้ายกลับเป็นอาหลาน!? และเจ้าคนนี้ยังเป็นอา?

แอนนา “…”

จู่ๆ นางก็หยุดต่อสู้ ถึงอย่างไรแม้แต่หลานของเขานางยังสู้ไม่ได้เลย มิน่าเล่าเจ้าคนนี้ใช้แค่แรงจากร่างกายก็สามารถทำลายเชือกปีศาจของนางได้

มารดามันเถอะ…

พวกคนสกุลหรงนี่ไม่ปกติสักคน! เป็นตัวประหลาดทั้งนั้น

ทว่าแอนนาที่เพิ่งนินทาในใจเสร็จกลับได้ยินคนตรงหน้าพูดขึ้นว่า “ช่างเถอะ เห็นแก่เจ้าที่รู้จักหลานข้า ข้าจะไม่ถือสาเอาความเรื่องที่เจ้าลงไม้ลงมือซี้ซั้ว”

“ไม่ถือสาเอาความ?” น้ำเสียงแอนนาแสดงความพิลึก นัยน์ตาเคร่งขรึม หากไม่ใช่เพราะสู้คนตรงหน้าไม่ได้ นางคงฆ่าเขาไปแล้ว! มาเอาเปรียบแล้วยังแสร้งเป็นคนดี ไร้ยางอายยิ่งกว่าเผ่ามารเสียอีก!

ส่วนหรงเจ๋อ แม้เขาจะเป็นคนที่ใสซื่อที่สุดในบรรดาสามพี่น้อง แต่ครานี้กลับฟังออกว่าคำพูดของสตรีมีความนัย เขาขมวดคิ้วทันที “เจ้าไม่ยอม?”

“เจ้าปล่อยมือก่อน!” แอนนารู้สึกว่าท่าทางตอนนี้ไม่เอื้อต่อการสนทนา

ทว่าหรงเจ๋อกลับไม่ยอมปล่อยมือ “ในเมื่อเจ้าไม่ยอม หากข้าปล่อยมือ เจ้าก็จะลงมือต่อน่ะสิ”

เพียะ! แอนนาตบคนไร้ยางอายด้วยมืออีกข้างหนึ่งทันที นางชะงักเล็กน้อย เพราะคิดไม่ถึงว่าจะโดนอย่างจัง

หรงเจ๋อ “…”

สะเพร่าไปแล้ว ไม่ทันตั้งตัวเพียงครู่เดียวก็ถูกตบเสียได้ เพราะฉะนั้นปล่อยแม่นางคนนี้ไม่ได้จริงๆ มิเช่นนั้นไม่จบแน่

ทันทีที่คิดเช่นนี้ หรงเจ๋อก็เปลี่ยนท่า นอกจากจะจับมือที่แข็งทื่ออยู่กลางอากาศของแอนนาไว้ ยังอ้อมมือไปด้านหลังของแอนนาตามมือข้างก่อนหน้าและโอบนางเข้ามาไว้ในอ้อมอก

เพียงแค่ครู่หนึ่ง แอนนาที่ดึงสติกลับมาได้ก็พบว่านอกจากตนเองจะถูกเจ้าคนไร้ยางอายกอดไว้ในอ้อมอก เจ้าคนบัดซบนี่ยังใช้ขาที่เรียวยาวกว่าของตนหนีบขาของนางไว้?!

ปีศาจสาวแอนนาระเบิดอารมณ์ทันที “ปล่อยข้า!”

“…”

หรงเจ๋อกลับไม่ได้ปริปาก เพราะว่าความรู้สึกอ่อนนุ่มเต็มอกนี้ทำให้เขาคิดถึงสัมผัสอ่อนนุ่มตอนที่เขาเพิ่งตื่นมาครั้งแรก จากนั้นเหมือนกับว่าจู่ๆ เขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดแม่นางคนนี้จึงลงไม้ลงมือกับเขา

หรงเจ๋ออดถามไม่ได้ว่า “ตอนที่ข้าตกลงมา ทับโดนตัวเจ้าหรือ”

“ฮึ!” แอนนาที่โมโหจนหัวเราะดวงตาเต็มไปด้วยความแค้นเคือง “เจ้าว่าไงล่ะ”

หรงเจ๋อทำอะไรไม่ถูก แต่เขาก็รู้ผิด “ขอโทษ”

“ขอโทษแบบนี้หรือ” แอนนาหัวเราะอย่างเยือกเย็น เปลวไฟสีทองที่ลุกโชนในดวงตาราวกับจะแผดเผาสิ่งของได้แล้ว

หรงเจ๋อรีบปล่อยมือ “ข้า…”

เพียะ! แอนนาตบด้วยหลังมืออีกที! ตบเสร็จก็เดินจากไปทันที

หรงเจ๋อ “…”

เขาที่ถูกตบอีกครั้ง รู้สึกใบหน้าเจ็บชาไปหมด

แต่เขาหนังหนา ไม่มีรอยมือทิ้งให้เห็นบนใบหน้า ที่เขารู้สึกหน้าชาเป็นเพราะความรู้สึกผิดมากกว่า ทว่า… รอก่อน!

หรงเจ๋อในฐานะที่เป็นคนที่ได้รับการสั่งสอนมาอย่างดี เขาก็วิ่งตามไปทางที่แอนนาจากไป “นี่! แม่นางอย่าเพิ่งไป! ข้าจะสู่ขอเจ้า!”

ณ แดนจิ่วเหลียน

เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ในที่สุดก็รู้จักญาติกลุ่มแรกเสร็จแล้ว เขาก็เริ่มหาพ่ออีกครั้ง “พ่อ…”

“เรียกท่านพ่อเจ้าทำไม ย่าอุ้มไม่ดีหรือ” เยี่ยเชียนหลีไม่อยากปล่อยหลานชายน้อยไป

หรงมั่วกลับอุ้มหลานชายน้อยในอ้อมอกของภรรยามา “เขาหิวแล้ว”

“ปู่ รู้?!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าประหลาดใจปนดีใจ คิดไม่ถึงว่าท่านปู่รูปงามของเขารู้ว่าตนเองหิวแล้ว! ดีใจจัง…

หรงมั่วพยักหน้าอย่างราบเรียบ “อืม”

ในความเป็นจริงแล้ว หรงมั่วไม่รู้ว่าหลานชายหิว แต่เขาเคยเลี้ยงลูกมาก่อน เสือดาวน้อยตัวนี้ของเขาในครานั้นเจริญอาหารมากจริงๆ หิวบ่อยมาก ดังนั้นหรงมั่วที่เอาใจเขามาใส่ใจเราคิดว่าเสี่ยวเป่าก็คงต้องเป็นแบบนี้เช่นกัน

ความจริงพิสูจน์ว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ด้วย

หรงมั่วจึง ‘ฉุด’ หลานชายน้อยในอ้อมอกของภรรยามาอย่างไร้ความรู้สึกผิดและส่งไปให้ลูกชาย

หรงอี้ที่รับลูกไว้ก็หยิบขนมที่เตรียมไว้ออกมาอย่างคล่องแคล่ว ให้เด็กน้อยทานรองท้อง ในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะมองไปที่ท่านปู่หวงของเขาด้วยสายตา ‘แจ่มชัด’

หรงหวงเหล่มองไปทางอื่นเพราะรู้สึกเหมือนงานจะเข้า เขาแสดงสีหน้าเหมือนกำลังบอกว่า ‘ลูกตัวเองก็เลี้ยงเองสิ’

“ท่านปู่หวง” หรงอี้พยายามอีกครั้ง

อวิ๋นจื่อซีเริ่มหางานให้สามีนาง “อี้เอ๋อร์วางใจเถอะ ปู่หวงของเจ้าต้องลงครัวแน่นอน”

“ซีเอ๋อร์…” หรงหวงนวดระหว่างคิ้วเบาๆ อย่างปวดศีรษะ “ข้าเป็นปู่ทวดแล้ว ขออยู่สบายๆ หน่อยไม่ได้หรือ”

“ปกติเจ้าอยู่สบายๆ ไม่ใช่หรือ น่า นี่คือเสี่ยวเป่าเชียวนะ เจ้าไม่รักหรือ” อวิ๋นจื่อซีพูดพลางกอดสามี “อีกอย่าง ฝีมือเจ้าดีขนาดนี้! ทำให้ข้ากินด้วยสิ!”

หรงหวง “…”

ในเมื่อภรรยาอยากกินก็ต้องลงมือเองจริงๆ แล้วล่ะ

ครานั้นเองทุกคนก็เริ่มช่วยกันลงมือทำเพราะเด็กน้อยหิว

เยี่ยนเสี่ยวเป่าเฉลียวฉลาดนัก รู้ว่าท่านปู่ทวดหวงของเขากำลังจะทำอาหารให้เขาทานจึงเดินเข้าไปกอดขาของปู่ทวดหวงไว้อย่างมีความสุขในขณะที่ปู่ทวดหวงของเขาเริ่มถลกแขนเสื้อขึ้นมาล้างวัตถุดิบ “ของ เป่าหรือขอรับ?”

หรงหวงที่เห็นเจ้าตัวน้อยเกาะตรงขา หัวใจก็อ่อนยวบ เขาอุ้มเด็กน้อยขึ้นมานั่งบนบ่าของตน ในขณะเดียวกันก็ตอบว่า “ใช่แล้ว บำรุงเสี่ยวเป่าให้ตัวสูงๆ”

“ให้ผมๆ งอก!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเน้นย้ำ

“ฮ่า!” เยี่ยเชียนหลีหัวเราะ ทำเอารัชทายาทคนหนึ่งเหลือบมอง

“ฮ่าๆๆๆ…” อวิ๋นจื่อซีหัวเราะตัวโยน! ไม่ว่าจะเป็นมั่วมั่วหรืออี้เอ๋อร์ หรือแม้แต่เสี่ยวเป่าล้วน ‘ปรารถนาแต่ไม่ได้ดั่งหวัง’ เหมือนกันจริงๆ

“ไม่! ไม่หัวเราะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าโมโหเล็กน้อย “ห้าม หัวเราะเป่า ไม่มีผม!” น่าโมโหจริงๆ!

หรงหวงยังคงหัวเราะ “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเราหัวเราะเจ้าที่ไม่มีผม”

“เชอะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าทำหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจ “ก็ รู้น่า!”

“จ้าๆๆ ไม่หัวเราะ ฮ่าๆๆ…” อวิ๋นจื่อซีที่บอกว่าไม่หัวเราะแต่ยังคงหัวเราะอย่างหนัก นางขำจะตายแล้ว

เยี่ยนเสี่ยวเป่าหน้าแดง “ย่าทวด ซี ไม่ดี! หัวเราะ เป่า!”

“ไม่ๆๆ ย่าทวดไม่ได้หัวเราะเสี่ยวเป่าที่ไม่มีผม แต่หัวเราะเสี่ยวเป่าที่เวลาโมโหแล้วน่ารักจริงๆ” อวิ๋นจื่อซีคิดว่าเรื่องแบบนี้ต้องคุยกันให้ชัดเจน อย่าปล่อยให้เสี่ยวเป่ามีปมด้อยเรื่องผม แม้จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยก็ตาม

เยี่ยนเสี่ยวเป่ากลับถามอย่างจริงจังว่า “จริง หรือ”

“แน่นอน!” อวิ๋นจื่อซีตอบอย่างจริงจังเช่นกัน

เยี่ยนเสี่ยวเป่ายิ้มทันที “งั้นก็ อภัยได้!”

“ว้าว!” อวิ๋นจื่อซีโถมไปข้างหน้าสามีอุ้มเด็กน้อยไปอีกครั้งและยังจูบอีกสองสามที “ทำไมเสี่ยวเป่าของเราน่ารักเช่นนี้นะ!” ถึงกับพูดว่าอภัยให้นางอย่างจริงจังได้ ช่างน่าเอ็นดูจริงๆ

“ฮี่…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูกชมมีความสุขมาก พูดอย่างเขินอายเล็กน้อยว่า “เป่า น่ารักที่สุด!”

อวิ๋นจื่อซีแทบจะละลายอยู่แล้ว “โอ้ย!” สวรรค์ ช่วยนางด้วย

อวิ๋นจื่อซีที่เล่นกับเด็กน้อยอยู่ครู่หนึ่งก็สอดมือเข้าไปในเสื้อผ้าของเหลนชายน้อย

ทว่า…

“อ้ะ!”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าปิดเสื้อของตนเองไว้ทันที “ไม่ ได้!”

อวิ๋นจื่อซีกลั้นหัวเราะอธิบายว่า “ย่าทวดไม่ได้จะลวนลามเสี่ยวเป่า แค่อยากดูเจ้าเหมียวสีขาวในอกของเจ้า”

“เป่า จับเอง!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่จับมือของย่าทวดซีไว้ยืนหยัดมาก

อวิ๋นจื่อซีพ่นหัวเราะออกมาอีกครั้งอย่างกลั้นไม่อยู่ เหตุใดเหลนชายน้อยของนางจึงน่ารักเช่นนี้นะ ทำเอาแม้จะเป็นแม่ที่มีลูกสี่คนแล้ว และยังเคยเลี้ยงหลานยังรู้สึกเอ็นดูเช่นนี้!

ทว่าหัวเราะก็ส่วนของหัวเราะ อวิ๋นจื่อซีชักมือของตนกลับมาอย่างว่านอนสอนง่าย ให้เด็กน้อยจับเจ้าเหมียวสีขาวออกมาเอง เพียงแต่ว่า…

อวิ๋นจื่อซีที่เห็นเจ้าเหมียวสีขาวก็ต้องตะลึงและร้องเรียก “หวงหวง!”

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

Status: Ongoing
แม้จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่นางก็ยังคงเป็นเทพธิดาอันดับหนึ่งของสวรรค์ชั้นเจ็ด ผู้มีความสามารถแกร่งเกินผู้ใดไม่เปลี่ยนแปลง “ผู้ชายอะไรนั่นน่ะ กินได้หรืออย่างไร ข้าไม่เห็นจะอยากได้”เยี่ยนจื่ออวี๋ แม้มีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของประมุขสำนักชางอู๋แห่งแคว้นแต่กลับไร้พลังแต่กำเนิด แถมยังทำเรื่องงามหน้าอย่างการปีนขึ้นเตียงผู้ชาย!เพราะเรื่องฉาวโฉ่เกินทนทำให้หญิงสาวหายหน้าไปกว่าครึ่งปี แต่เมื่อกลับมาอีกครั้งสำนักชางอู๋ก็ถึงคราวสั่นสะเทือนจากหญิงสาวที่ไม่อาจฝึกพลังกลายเป็นปรมาจารย์มากสามารถ พลังสูงส่งเกินใครโอสถใดที่ว่ายาก นางกระดิกนิ้วเดียวก็สำเร็จสมบูรณ์ วิชาใดที่ฝึกไม่ได้นางล้วนทำได้จากหญิงสาวที่ทุกคนต่างเมินหน้าหนีกลายเป็นผู้สูงส่งที่ทุกคนต้องการประจบประแจงชายหนุ่มทั่วหล้าล้วนอยากเป็นพ่อเลี้ยงของเจ้าตัวเล็กกันทั้งนั้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท