เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน – บทส่งท้าย 23 แม่สามีและสะใภ้ข้ามมิติลักพาตัวเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

บทส่งท้าย 23 แม่สามีและสะใภ้ข้ามมิติลักพาตัวเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์

เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ล้มตัวอวบอ้วนลงบนพื้นในทันทีและยังรับเจ้าเหมียวสีขาวไว้อย่างแม่นยำ ขณะที่เขารับเจ้าเหมียวสีขาวไว้ได้ก็หัวเราะ ‘ฮ่า’ ขึ้นมา “เป่า เก่ง!”

เสี่ยวไป๋ “…”

มันที่ยังเหม่อรู้สึกงงงันมาก อาจจะเป็นเพราะยังไม่รู้ว่าเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น เหตุใดเพียงแค่พริบตา มันยังอยู่ในฝ่ามือน้อยๆ ที่นุ่มนิ่มคู่นั้นอยู่นะ

ในความเป็นจริงแล้ว อย่าว่าแต่เจ้าเหมียวสีขาวที่ประสบเหตุตกตะลึงเลย ผู้ที่เห็นเหตุการณ์นี้ก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน ครานี้ยังตั้งสติไม่ได้ด้วยซ้ำ

ช่าง…

เด็กน้อยว่องไวมากจริงๆ!

ร่างกายน้อยๆ นั่นของเขา เจ้าเหมียวสีขาวร่วงลงมาจากมือของเขาใช้เวลาเพียงไม่นาน อาจจะไม่ถึงพริบตาด้วยซ้ำ แต่เขากลับยังคงรับเจ้าเหมียวสีขาวไว้ได้

ถึงแม้เรื่องจะเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ถึงแม้เขาจะยังเด็กมาก ถึงแม้เวลาจะกระชั้นชิด เขายังคงปกป้องเจ้าเหมียวสีขาวไว้ในอุ้งมือได้สำเร็จ ไม่ได้ปล่อยให้มันตกลงไป

สัญชาติญาณและไหวพริบนี้ทำให้หรงหวงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีดำปรากฏแววภาคภูมิ

หรงอี้ผู้เป็นพ่อคนนี้เดินขึ้นไปอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาและช่วยปัดฝุ่นให้เด็กน้อย ก่อนจะรวบตัวเด็กน้อยที่ยังยิ้มเซ่อกลับมาในอ้อมอก ชมเขาว่า “เสี่ยวเป่าเก่งจริงๆ”

“ฮี่…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูกชมหัวเราะอย่างมีความสุขกว่าเดิม และยังนำเสี่ยวไป๋เข้ามาใกล้ปากก่อนจะ ‘จุ๊บ’ ทีหนึ่ง “ไป๋ไป๋ ตื่นแล้วหรือ…”

“เหมียว…” เจ้าเหมียวสีขาวที่ในที่สุดก็เรียกสติกลับมาได้ตอบ แม้เสียงจะเบาแต่ก็มีชีวิตชีวามาก เห็นได้ชัดว่าอาการดีขึ้นแล้ว

อวิ๋นจื่อซีกลัวว่าจะรบกวนหลานสะใภ้ที่กำลังจำศีล จึงไม่ได้รีบเข้าไปร่วมวงด้วย ได้แต่ยืนมองเจ้าเหมียวสีขาวที่ตื่นแล้วจากที่ไกล

“เหมียว!” เจ้าเหมียวสีขาวที่รู้สึกถึงสายตาของอวิ๋นจื่อซี เห็นได้ชัดว่ามันอยากจะหายตัวไปหานาง!

ทว่า… เด็กน้อยสังเกตเห็นท่าทางของมันก่อนจึงจับมันไว้แน่น “ไป ไม่ ได้… ไป๋ไป๋ เด็กดี นะ”

“เหมียวๆๆ…” เจ้าเหมียวสีขาวบอกว่าตนเองไม่ได้จะหนีไปไหน แค่อยากไปหาเสี่ยวซีซี! ไม่ได้เจอตั้งนาน คิดถึงมากเลยเหมียว…

น่าเสียดายที่เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่ยอมปล่อยมือและยังพูดอย่างจริงจังว่า “ยังไม่หาย ไม่ไป”

เจ้าเหมียวสีขาวพยายามโก่งตัวทำตัวออดอ้อนในอ้อมอกของเด็กน้อย น่าเสียดายที่มันถูกจับไว้แน่น ไม่มีพื้นที่ให้ขยับตัวเลย ได้แต่มองเจ้าตัวน้อยตาละห้อย

“เด็กดี!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่สะทกสะท้าน

เจ้าเหมียวสีขาวจึงยอมแพ้แต่โดยดี มันรู้ว่าตอนที่มันกำลังจะตาย เด็กๆ หรงเหล่านี้ รวมถึงท่านนั้นทำอะไรเพื่อมันบ้าง ดังนั้นมันนอนอยู่นิ่งๆ ก่อนดีกว่าเหมียว… หายดีแล้วค่อยว่ากันเหมียว… จะว่าไปแล้วเหตุใดจู่ๆ ข้าจึงจะตายนะ

เจ้าเหมียวสีขาวที่ไม่รู้เลยว่าเหตุใดตนเองจึงเกือบตาย มันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็คิดไม่ออก…

ก่อนหน้านี้ อันที่จริงเจ้าเหมียวสีขาวก็รู้สึกว่าตัวมันเองไม่มีปัญหาเรื่องอายุขัยสั้นยาว เว้นแต่ว่าจะตายในภัยพิบัติที่ไม่คาดคิด มิเช่นนั้นมันจะมีชีวิตอมตะ

สุดท้าย… ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อยเหมียว แปลกจริงๆ เหมียว…

ไม่รู้ว่าเสี่ยวจีจื่อของเสี่ยวซีซีจะรู้สาเหตุหรือไม่

เจ้าเหมียวสีขาวคิดว่าหลังจากกลับแดนสวรรค์เสวียนเทียนแล้วมันจะไปหาเสี่ยวจีจื่อ และแวะไปเล่นกับเจ้าเหมียวตัวเมียตัวนั้นสักเล็กน้อย หากเจ้าแมวเหมียวตัวนั้นยินยอมเป็นเมียมันก็คงจะดีเหมียว…

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เจ้าเหมียวสีขาวก็ยิ่งมีพลัง มันเลียเด็กน้อยที่มืออุ้มมันไว้อีกครั้ง

“ฮี่…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าจักจี้ หัวเราะและพูดว่า “ไม่ เลียนะ”

“เหมียว…” เจ้าเหมียวสีขาวยังคงเลียต่อไป เลียจนเมือของเยี่ยนเสี่ยวเป่าสั่น เขาจะทนไม่ไหวแล้ว “เลีย อีก จะ ร่วงแล้วนะ!”

เจ้าเหมียวสีขาวฉีกยิ้ม “เหมียว…” ข้าหายแล้ว ตกไปก็ไม่เป็นไรนะเหมียว…

เหมือนกับว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่าจะเข้าใจสิ่งที่เจ้าเหมียวสีขาวต้องการจะบอก แต่เขากลับหันไปหาหรงหวงที่อยู่ไม่ไกลอย่างต้องการคำยืนยันอีกครั้ง ฝ่ายหลังเห็นว่าในที่สุดเขาก็มองมาจึงพยักหน้าให้ “ใช่แล้ว มันไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ”

“เย้…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ยินดีปรีดาทิ้งเจ้าเหมียวสีขาวในมือทันทีโนเวลพีดีเอฟ

ใช่แล้ว… ทิ้งไปเลย

เจ้าเหมียวสีขาวถูกทิ้งอย่างไม่ทันตั้งตัว มันร่วงลงบนพื้นดัง ตุบ

ส่วนเยี่ยนเสี่ยวเป่า เขาไม่มองเจ้าเหมียวสีขาวด้วยซ้ำ เขาเกาะแผ่นอกของท่านพ่อและหลับไปทันที

เจ้าเหมียวสีขาวที่ถูกทิ้ง “…”

ที่คุยกันไว้ว่าจะปกป้องมันไว้ในมือดั่งสมบัติล้ำค่าเล่า

คิดก็ส่วนของคิด เจ้าเหมียวสีขาวที่หันไปเห็นเด็กน้อยนอนหลับไป มันรู้ว่าตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ เจ้าตัวน้อยหลับไม่สนิทเพราะมัน

เจ้าเหมียวสีขาวที่ลอยมาอยู่บนไหล่ของเยี่ยนเสี่ยวเป่าอย่างระมัดระวัง มันเลียใบหน้าของเจ้าตัวน้อยเบาๆ จากนั้นก็ไม่ไปหาเสี่ยวซีซีอะไรแล้ว มันขดตัวในซอกคอของเด็กน้อย นอนหลับไปพร้อมเขา

หรงอี้ที่หลุบตาลงมองเด็กน้อยในอ้อมอก ใบหน้าเขาอ่อนโยนลงไม่น้อย มือข้างหนึ่งยังลูบหลังนุ่มนิ่มของเขาเบาๆ “นอนเถอะ…”

อวิ๋นจื่อซีมองภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างอบอุ่นใจ ใบหน้าเผยรอยยิ้มอบอุ่น “เสี่ยวไป๋สนิทสนมกับเด็กน้อยบ้านเรามาโดยตลอด เป็นเช่นนี้ทุกรุ่นเลย”

“อืม” หรงหวงโอบเอวของภรรยาไว้ ให้นางพิงแผ่นอกของตนเอง เขาไม่ได้มองเหลนหลานคู่นั้นอีก เอาแต่มองรอยยิ้มที่อบอุ่นและงดงามดั่งดอกโบตั๋นที่บานสะพรั่งของคนตรงหน้า ดวงตาดำขลับของเขาเหลือเพียงความอ่อนโยนลุ่มลึก

แม้แต่ราชาแห่งเขาพระสุเมรุผู้สูงส่ง อิสระและสง่างามไร้ผู้ใดเทียบเคียงก็ตกอยู่ในตัณหาทางโลกเพียงเพราะสตรีในอ้อมอกและรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าของนาง กลายเป็นปุถุชนบนโลกา อ่อนโยนเหมือนคู่รักที่รักใคร่กันทุกคู่ในโลกเช่นนี้ทุกๆ ปี

พวกเขาเลี้ยงสายเลือดตระกูลหรงที่แข็งแกร่งที่สุดมาด้วยกัน แม้ทายาทจะไม่มาก แต่ก็ถือว่าเป็นครอบครัวใหญ่แล้ว สี่รุ่นแล้ว มีถึงสี่รุ่นแล้ว

เมื่ออวิ๋นจื่อซีมองกลับมา นางเงยหน้าขึ้นและสบตาคู่นั้นที่อยู่ตรงนั้นมานานนับพันปี เป็นดวงตาที่แสดงความรักใคร่ลึกซึ้ง อ่อนโยน และเต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับอยู่เสมอ ซึ่งทำให้นางรู้สึกสบายใจ มีความสุข และชื่นมื่น

“หวงหวง…” อวิ๋นจื่อซีเรียกด้วยน้ำเสียงกึ่งอ้อนกึ่งตำหนิ ใบหน้าปรากฏความเขินอายโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นอาการที่แสดงต่อหน้าชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าเท่านั้น

“อืม” หรงหวงที่กอดคนในอ้อมอกไว้แน่นกว่าเดิมจูบไรผมของนาง เสียงดังกังวาน ราวกับพระพุทธเจ้าผู้มีจิตเมตตาและเทพที่ฝึกฝนบำเพ็ญ

อวิ๋นจื่อซีเผลอหลับไประหว่างเสียงตอบที่คุ้นเคยนี้ บริเวณจมูกและหัวใจของนางถูกห้อมล้อมไปด้วยกลิ่นหอมของความศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้นางสบายใจและพึงพอใจ

หรงหวงกอดคนในอ้อมอกไว้อย่างดี เพื่อให้นางหลับอย่างสบาย ไม่มองคนรอบๆ ด้วยซ้ำ ราวกับว่าหลังจากที่เห็นรอยยิ้มนั่นแล้ว ในสายตาของเขาก็เหลือเพียงนาง

ไม่สิ

ต้องพูดว่าก่อนหน้านี้ที่เขามีคนอื่นในสายตาล้วนเป็นเพราะนาง

ไม่ว่าจะเป็นลูก ลูกสะใภ้ หลาน หลานสะใภ้ รวมถึงเหลน สำหรับเขาแล้วล้วนเป็นความอบอุ่นที่นางนำพามาให้เขา เขาจึงคำนึงถึงพวกเขา

บัดนี้ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรแล้ว โลกในดวงตาของเขาจะกลับไปอยู่ที่ภรรยาอันเป็นที่รักคนนี้ เป็นเช่นนี้ตลอดมา

ถึงอย่างไรหรงหลินและหรงซีที่ถูกป้อนอาหารสุนัข[1]อีกครั้ง พวกเขาก็ชินแล้ว ครานี้กำลังนอนมองท้องฟ้า “ตาไม่เห็นนับว่าสะอาด”…

ทว่าหรงหลินยังถามว่า “น้องสี่ เจ้าว่าข้าควรไปผ่านด่านเคราะห์สักหน่อยหรือไม่ จะได้หาคู่แท้เจอเหมือนกับพ่อแม่ พี่ใหญ่พี่สะใภ้ และอี้เอ๋อร์ภรรยาอี้เอ๋อร์”

“ฟี้…” สิ่งที่ตอบหรงหลินมีเสียงหายใจยาว

หรงหลินไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าน้องสี่จอมขี้เกียจคนนี้นอนหลับไปแล้ว เขากลับนอนไม่หลับ เหม่อมองไปไกล

แม้จะยังไม่เคยเจอหลานสะใภ้ ‘อย่างเป็นทางการ’ แต่หรงหลินสัมผัสได้ว่าความรักระหว่างหลานและหลานสะใภ้เหมือนกับท่านพ่อท่านแม่และท่านพี่ พี่สะใภ้ที่รักใคร่มิอาจแยกจากกันได้

ทว่าหรงหลินที่ถูกท่านแม่เร่งเร้าแต่งงานตลอดเวลาแม้จะรู้สึกว่ามีความรักเช่นนี้ก็ไม่เลว แต่เขากลับรู้ว่าวาสนาของเขายังไม่มา คู่แท้ ‘ที่ไม่ปกติ’ คนนั้นยังไม่ปรากฏตัว

ดังนั้นหรงหลินจึงไม่รีบและไม่พะวงที่จะตามหา เพราะรู้สึกว่ายังไม่ถึงเวลา หวังเพียงว่าท่านแม่จะไม่เร่งเขาแต่งงานอีก ทางที่ดีไปเร่งผีผีก่อน ใครให้ผีผีเกิดก่อนเขาเล็กน้อยเล่า

หรงหลินที่กำลังคิดเช่นนี้ก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว

ส่วนหรงผีผีพี่ชายที่ถูกเขาพูดถึง ครานี้ ‘มีความคืบหน้าไปมาก’ เขากำลังตามจีบผู้หญิง! แม้ฝ่ายตรงข้ามจะยืนหยัดปฏิเสธการสู่ขอของเขา

แต่หรงผีผีก็ไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่ายๆ เขาถามว่า “ทำไมเล่า”

“ไม่มีทำไม” แอนนาที่ปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้าคิดในใจว่า ตอนนี้ข้าอยากจะต่อยเจ้าอย่างเดียว! แต่รู้ว่าสู้เจ้าไม่ได้จึงได้แต่อดทน เจ้ายังคิดมาสู่ขอข้า ฝันไปเถอะ!

หรงเจ๋อเห็นเปลวไฟสีทองเล็กๆ ที่ยังไม่สลายไปในดวงตาของแอนนา รู้ว่านางยังไม่หายโกรธ จึงพูดขึ้นว่า “เรื่องก่อนหน้านี้ ข้าขอโทษจริงๆ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษก็พูดแล้ว แม่นางแอนนาหากยังโมโห ข้าให้เจ้าต่อยสักยก ข้าจะไม่สู้กลับเป็นอย่างไร”

แอนนายิ้มหยันหรี่ตามองหรงเจ๋อ ท่าทางเหมือนกำลังบอกว่า ‘เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือไง’ ทำเอาหรงเจ๋อรู้สึกผิด “ร่างกายข้าแข็งแรงเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้นี่”

จู่ๆ แอนนาก็รู้สึกว่าคนๆ นี้กำลังโอ้อวดว่าตนเองแข็งแกร่งเพียงใด! นางไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลยจริงๆ! ครานี้จึงโมโหจนควันจะออกหูแล้ว ทว่านางจำใจต้องยอมรับว่านี่คือความจริง! จากนั้นนางก็ยิ่งโมโห

“ออกไป! อย่ามายุ่งกับข้าอีก!” แอนนาอยากจะเมินเฉยเขาอย่างเดียว

ทว่าหรอเจ๋อกล่าวว่า “ไม่ได้หรอก ท่านแม่ข้าเคยพูดว่าเป็นบุรุษต้องรับผิดชอบ ในเมื่อข้านอนกับเจ้าแล้ว ย่อมต้องสู่ขอเจ้าเข้าเรือน ไม่เช่นนั้นท่านแม่ไม่ปล่อยข้าแน่!”

คำพูดนี้…

นอกจากหรงเจ๋อจะพูดออกมาอย่างมีเหตุมีผลแล้ว กระทั่งเสียงก็ดังขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว ทำเอาคิเมียราที่ยืนอยู่ข้างนอกกระโจมของแอนนาได้ยินจนนางตะลึงงัน เดิมทีมันมีเรื่องมารายงานท่านบรรพบุรุษแต่กลับเห็นว่าข้างกายบรรพบุรุษมีชาย ‘ประหลาด’ คนหนึ่ง

ท่านบรรพบุรุษจึงให้มันรอข้างนอก ค่อยเข้าไป สุดท้าย…

มารดามันเถอะ! นี่มันได้ยินอะไรเข้าไปนะ

นี่มันตาทึ่มจากไหนบังอาจมาสู่ขอบรรพบุรุษของเรา!?

คิเมียรารู้สึกว่าเรื่องนี้เหลือเชื่อยิ่งกว่าเรื่องที่มันได้ยินว่าปฐมราชินีแต่งงานกับจักรพรรดิมารเสียอีก! ช่าง…

มีใครไม่รู้บ้างว่าท่านบรรพบุรุษเป็นปีศาจที่โหดเหี้ยมและดุร้ายแข็งแกร่งกว่าหัวหน้าเผ่ายักษ์เสียอีก!

ถึงแม้ว่าหลังจากท่านบรรพบุรุษเกิดใหม่เหมือนกับว่าจะอ่อนโยนลง แต่บันทึกเกี่ยวกับท่านบรรพบุรุษ คิเมียรายังจำได้แม่น! ครานั้นนางเล่นงานบุรุษสง่างามของเผ่าเทพจนพิการไปนับไม่ถ้วน บัดนี้… กลับมีตาทึ่มกล้ามาสู่ขอถึงที่!?

คิเมียรางงงันไปหมด! ทำเอามันฟังไม่ออกว่าท่านบรรพบุรุษในดวงใจของมันกล้ำกลืนฝืนทนเพียงใด นางไม่ได้รับเขาไว้ใช้ประโยชน์และไม่ได้ไล่เขาออกมา

“…”

คิเมียราที่ตกอยู่ในภวังค์ลืมไปนานแล้วว่าตนเองมาทำอะไร ยิ่งไม่ได้ยินเสียงที่ดังขึ้นมากมายในกระโจม จนเมื่อพิกซีน้อยปรากฏตัว มันยังเหม่ออยู่เช่นนั้น

ทว่าเมื่อพิกซีปรากฏ มันก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรแล้ว เพราะว่าแอนนาปิดกั้นเสียงในกระโจมไว้แล้ว…

ดังนั้นพิกซีน้อยที่เห็นคิเมียราเหม่อลอยก็ประหลาดใจ “คิเมียรา เจ้าทำอะไรน่ะ ถูกท่านบรรพบุรุษดุหรือ!?”

“หา?” คิเมียรายังคงงุนงง

พิกซีน้อยกระพือปีก คิดว่ามันคงไม่สามารถเรียกสติคิเมียรากลับมาได้ภายในเวลาอันสั้น จึงรายงานนอกกระโจมว่า “ท่านบรรพบุรุษ ไป๋ตี้มาที่นี่ด้วยตนเองฝากบอกว่าเมื่อท่านกลับมาแล้วขอเชิญท่านไปตำหนักสวรรค์”

ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ในกระโจม…

แอนนายังคงมองชายตรงหน้าที่ไม่ยอมไปไหน! ยิ่งโมโหกว่าเดิม “เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่!”

“สู่ขอเจ้าไง” หรอเจ๋อตอบอย่างงงงวย เขาพูดเรื่องนี้ตั้งหลายครั้งแล้ว ทำไมยังถามอีก

แอนนาแทบจะระเบิดเมื่อเห็นท่าทีพูดอย่างเต็มปากเต็มคำของหรอเจ๋อ “ข้าไม่ตกลง! ข้าบอกให้เจ้าออกไป!”

“ไม่ได้หรอก” หรงเจ๋อยืนหยัด “เจ้าแค่เขิน ข้าจะรอให้เจ้าตั้งสติได้ เมื่อหายโกรธแล้ว จะสู่ขอเจ้าต่อ”

แอนนา “…”

นางที่รู้สึกปวดศีรษะมากอยากรู้เพียงว่าจะไล่ผู้ชายดื้อรั้นและพูดไม่รู้เรื่องคนนี้ไปอย่างไร!

นางดูเหมือนคนที่ต้องให้เขามารับผิดชอบหรือ

ถุ้ย! ไม่ใช่แล้ว! จริงๆ ก็ไม่มีอะไรอยู่แล้ว รับผิดชอบกะผีน่ะสิ

แอนนานวดระหว่างคิ้วเบาๆ รู้สึกว่าตนเองจะเสียสติเพราะชายประหลาดตรงหน้าคนนี้ รู้เช่นนี้นางควรจะออกไปตั้งแต่ที่ยังไม่ตื่น มัดเขาทำไมกัน สนใจเขาทำไมกัน

เพราะเยี่ยนอวี๋แท้ๆ!!!

หากไม่ใช่เพราะชายคนนี้หน้าตาคล้ายชายของเยี่ยนอวี๋ นางคงไม่จู่ๆ เกิดความเมตตาและอยากรู้อยากเห็นหรอก นางแค่คิดว่ามัดเขาไว้รอเขาตื่นขึ้นมาค่อยถามและคิดบัญชีกับเขา

สุดท้าย… นี่มันคือขนมหนิวผีถังที่ติดหนึบจะสลัดทิ้งก็สลัดไปไม่ได้ และยังสู้ไม่ได้ด้วยเสียอย่างนั้น!

แอนนาโมโหมาก แอบสาปแช่งอดีตศัตรูหลายร้อยรอบ ปฐมราชินีเยี่ยนสมควรตายนั่น! จากไปแล้วยังอยู่ไม่สุข ยังส่งเจ้าขนมหนิวผีถังนี่มาเกาะแกะนาง แอนนาที่ยิ่งคิดยิ่งโมโห สิ่งเดียวที่นางอยากทำคือหาเรื่องดวลกับปฐมราชินี!

“ท่านบรรพบุรุษ?”

พิกซีน้อยที่ไม่ได้รับคำตอบเสียทีเพิ่มระดับเสียงขึ้น น้ำเสียงไม่ได้มีความกังวลใดๆ เพียงแค่ไม่เข้าใจ ถึงอย่างไรมันก็เชื่อมั่นว่าในโลกปัจจุบันนี้ ท่านบรรพบุรุษแข็งแกร่งที่สุด! ดังนั้นพิกซีน้อยไม่ได้คิดว่าแอนนาจะถูกทำร้าย หรือถูกเอารัดเอาเปรียบเลย ไม่เคยมีความคิดเช่นนั้น! ตอนนี้ก็เช่นกัน

น่าเสียดาย… แอนนาที่ถูกความเดือดดาลครอบงำยังคงไม่ได้ตอบอะไร นางถึงกับไม่ได้ยินเสียงเรียกของพิกซีน้อยด้วยซ้ำ นางโมโหจนในหัวมีแต่เสียง หึ่งๆ

หรงเจ๋อจึงอดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “ลูกน้องเจ้าเรียกเจ้าหลายครั้งแล้ว เจ้าออกไปพบพวกเขาก่อนดีหรือไม่ เรื่องของเราไม่รีบ ค่อยๆ ปรึกษากันได้”

“ปรึกษาบ้านเจ้าน่ะสิ! ข้าบอกให้เจ้าออกไป…” แอนนาปรี๊ดแตก!

ครานี้เอง… กระโจมระเบิดเป็นชิ้นๆ เนื่องจากเสียงคำรามของนาง!

คิเมียราเรียกสติกลับมาได้ทันที! พิกซีน้อยชะงักงัน!

ในขณะเดียวกัน…

เทียนตี้ที่มาถึงจักรวาลทางเหนือพอดีตะลึงงัน “เสี่ยวเฮ่าเฮ่า แอนนาคงไม่ได้หมายถึงเราหรอกนะ”

“…ไม่ใช่หรอกมั้ง” เซ่าเฮ่าไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่นัก เพราะเสียงนี้ดังขึ้นประจวบเหมาะจริงๆ

เทียนตี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง คิดว่าตนเองไม่ได้ทำให้บรรพบุรุษรุ่นเดียวกับอาจารย์คนนี้ไม่พอใจจึงสบายใจขึ้น และเหินไปทางค่ายที่เผ่าปีศาจเพิ่งสร้างขึ้นต่อไป

แอนนาและหรงเจ๋อในครานี้ ‘เปิดเผยตัว’ ต่อหน้าคิเมียราและพิกซีน้อย ทำเอาทั้งสองชะงักงัน เห็นได้ชัดว่าพวกมันตกใจกับความเดือดดาลที่ปะทุออกมาของแอนนา

เดิมทีหรงเจ๋ออยากจะพูดอะไร ทว่า…

เอื้อก!

จู่ๆแอนนาก็กระอักเลือด

หรงเจ๋อตะลึงงัน…

พิกซีน้อยกลับตั้งสติได้ “ปกป้องท่านบรรพบุรุษ!”

เทียนตี้และเซ่าเฮ่าที่มาเพราะได้ยินเสียงปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน! เพียงแต่ว่าพวกเขาเพิ่งลงมา เทียนตี้ก็กระอักเลือดออกมาเช่นกัน เอื้อก !?

เซ่าเฮ่าตะลึงงัน…

หึ่ง!

สวรรค์เก้าชั้นฟ้ารวมถึงแอนแลนและบริเวณจักรวาลทางเหนือสั่นสะเทือนอีกครา!

ในขณะเดียวกัน…

ทหารสุเมรุที่ประจำการอยู่บนท้องฟ้าแดนจิ่วเหลียนล้วนรับรู้ได้ว่า ‘ม่าน’ ที่แต่เดิมห่อหุ้มแดนจิ่วเหลียนกำลังสลายไป

ทหารชั้นผู้น้อยรีบมาถามแม่ทัพเหยียนฟู่เฉิน “แม่ทัพเหยียน ย้ายค่ายเข้าแดนจิ่วเหลียนหรือไม่ขอรับ”

“ไม่ต้อง กษัตริย์ พระมเหสี องค์รัชทายาทและพระชายาในองค์รัชทายาท อยู่ในแดนจิ่วเหลียนแล้ว เราไม่จำเป็นต้องกังวล บัดนี้หน้าที่ของพวกเราคือดูแลแดนจิ่วเหลียนต่อไป อย่าให้บริเวณรอบนอกได้รับความเสียหายใดๆ ก็พอ” เหยียนฟู่เฉินตอบชัดเจน

“ขอรับ แม่ทัพเหยียน!” ทหารชั้นผู้น้อยออกไป

กองกำลังสามหมื่นคนยังคงประจำการนอกเมืองจิ่วเหลียน คุ้มกันแรงสั่นสะเทือนทั้งหมดจากเมืองจิ่วเหลียน แยกแดนจิ่วเหลียนและแดนพระสุเมรุออกจากที่อื่น

ดังนั้นแม้แดนจิ่วเหลียนจะสะเทือนไหวถี่ๆ แต่สิ่งมีชีวิตแดนอื่นๆ ไม่รู้สึกอะไร

ส่วนการสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นก่อนห้านี้ เนื่องจากมีเขาพระสุเมารุปกปักษ์รักษา นอกจากเขาพระสุเมรุแล้ว สิ่งมีชีวิตในเขตแดนต่างๆ อันที่จริงก็ไม่สามารถรับรู้อะไรได้

เขาพระสุเมรุคือศูนย์กลางของโลก! คือต้นกำเนิดของทุกอย่าง คือจุดเริ่มต้นของกฎระเบียบ คอยควบคุมการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด และสามารถ ‘ยับยั้ง’ การเคลื่อนไหวทั้งหมด

ดังนั้นแม้การสั่นสะเทือนของแดนจิ่วเหลียนเริ่มถี่และรุนแรงอีกครั้ง แต่ก็ยังคงไม่กระทบตำแหน่งอื่นๆ ในแดนสุเมรุ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขาพระสุเมรุ

เพียงแต่ว่า…

หึ่ง!

เขาพระสุเมรุสั่นสะเทือนอีกครั้งในครานี้! หลงตี้รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย

แต่นี่ก็เป็นเพียงเพราะหลงตี้ไม่ได้อยู่ด่านหน้า ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น หากมันรู้ว่าการสั่นสะเทือนในครานี้ล้วนเป็นเพราะจักรวาลที่มั่นคงอีกหนึ่งจักรวาลกำลังถือกำเนิด และบุคคลที่สร้างจักรวาลนี้เป็นยังภรรยาของอี้เอ๋อร์ มันคงไม่กลัว ถึงอย่างไรก็เป็นครอบครัวเดียวกัน!

ทว่าทางฝั่งสวรรค์เก้าชั้นฟ้ายังคงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หรงอี้รู้สึกเป็นห่วงเล็กน้อย ครุ่นคิดว่าควรจะกลับสวรรค์เก้าชั้นฟ้าด้วยตนเองหรือไม่ กลัวว่าเทียนตี้พวกเขาเอาไม่อยู่

ตูม!

แดนจิ่วเหลียนกลับสะเทือนไหวอย่างรุนแรง! ราวกับกลับไปสู่ตอนที่ถังเหิงกังก่อเรื่องครานั้น

เอื้อก!

สิ่งมีชีวิตไม่น้อยในแดนจิ่วเหลียนล้วนบาดเจ็บสาหัส! โชคดีที่ครานี้ไม่มีผู้ใดเสียชีวิต

ในขณะเดียวกัน…

ซู่!

แสงหมอกหลากสีปกคลุ่มทั่วแดนจิ่วเหลียนและสวรรค์เก้าชั้นฟ้า แอตแลนรวมถึงจักรวาลทางเหนือ

อี้เอ๋อร์สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ากฎของสวรรค์เก้าชั้นฟ้าและแดนจิ่วเหลียนเริ่มผสานกันแล้ว! ต่างจากการ ‘เข้าหา’ ซึ่งกันและกันก่อนหน้า ครานี้มันกำลังผสานกัน

แดนจิ่วเหลียนไม่ใช่… ‘กระจก’ ที่กั้นระหว่างสวรรค์เก้าชั้นฟ้าและแดนสุเมรุอีกต่อไป!

ความสัมพันธ์ของทั้งสองใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น! ผลกระทบระหว่างทั้งสองก็รุนแรงมากขึ้นเช่นกัน!

แต่เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดนี้อยู่ในการควบคุมของเยี่ยนอวี๋

นางที่ทำความเข้าใจสิ่งที่ราชาแห่งพระสุเมรุมอบให้อย่างแตกฉานแล้ว ‘นำพา’ สวรรค์เก้าชั้นฟ้าสู่แดนจิ่วเหลียน และเป็นการนำแดนสุเมรุเข้ามาเช่นกัน ภายใต้การผสานด้วยพลังหยวนชูของนาง พลังแดนพระสุเมรุหลั่งไหลสู่จักรวาลสวรรค์เก้าชั้นฟ้า แอตแลน และจักรวาลทางเหนือไม่ขาดสาย

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสองโลก!

กรร!

หวีด!…

เทพจตุรทิศทั้งสี่ฟื้นฟูอย่างรวดเร็วอีกครา! พวกมันระงับความไม่มั่นคงที่เกิดขึ้นจากผลกระทบของทั้งสองโลกอย่างต่อเนื่อง

หึ่ง!

พลังไร้ที่สิ้นสุด ‘ขยาย’ แดนจิ่วเหลียนอย่างต่อเนื่อง และยังผสานกับสวรรค์เก้าชั้นฟ้า แอตแลน และจักรวาลทางเหนืออย่างสมบูรณ์ กลายเป็นการผสานครั้งใหญ่… กลายเป็นจักรวาลสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอันยิ่งใหญ่

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยและสงบลง… เยี่ยนอวี๋ลืมตาทั้งคู่ที่แพรวพราวไปด้วยแสงดาว โดยที่ทุกคนไม่ทันตั้งตัว

หรงอี้ที่มองนางตลอดเวลาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พวกเขาสบตากันเงียบๆ

เยี่ยนอวี๋ดูเหมือนจะตะลึงในตอนแรกเนื่องจากจำศีลเป็นเวลานาน เมื่อนางตั้งสติได้กำลังจะลุกขึ้น เงาร่างดุจเสือดาวและเสือร่างหนึ่งกระโจนเข้ามาหาเยี่ยนอวี๋ จากนั้น…

เยี่ยนอวี๋ไม่ทันตั้งตัว…

จุ๊บ!

เยี่ยเชียนหลีผู้เป็นย่าคนนี้ นางจูบสะใภ้ของนางต่อหน้าต่อตาฝ่าบาทและบุตรชายของนาง นางจูบลงบนใบหน้างดงามของลูกสะใภ้

หรงมั่ว “…”

หรงอี้ “?”

เยี่ยนอวี๋ “???”

คนหนึ่งอ้ำอึ้ง อีกสองคนตะลึงงัน

ทว่าเยี่ยเชียนหลีจูบเสร็จยังไม่ปล่อยมือ นางยังกอดมนุษย์คนงามที่ยังอยู่ในท่าขัดสมาธิ “ลูกสะใภ้ของข้าสวยจังเลย!”

หรงมั่ว “…”

เขาควรรู้แต่แรกว่าคน ‘อันธพาล’ อย่างภรรยาต้องยื่น ‘กรงเล็บ’ กับลูกสะใภ้แน่ เขาต้องจับเสือดาวตัวเมียตัวนี้กลับมา นี่มันไม่เข้าท่าเลย!

ทว่า… หรงมั่วยังไม่ทันทำอะไร มีเงาร่างสีแดงอีกร่างหนึ่งแวบออกไป!

จากนั้น…

อวิ๋นจื่อซีเองก็จูบหลานสะใภ้ของตนเองทีหนึ่งต่อหน้าหรงหวงสามีของนางที่ยังอ้ำอึ้งอยู่เช่นกัน “สวยจริง! สวยมากๆ!”

เยี่ยนอวี๋ที่ถูกกอดจากด้านซ้ายและขวา นางมองสามีนางตาปริบ ดวงตาเต็มไปด้วยความงงงัน สีหน้าเหมือนกับตอนที่เจ้าตัวน้อยเห็น ‘พ่อ’ สี่คนไม่มีผิด

[1] เป็นคำแสลง หมายความว่าเห็นคนอื่นอวดความรัก

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

Status: Ongoing
แม้จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่นางก็ยังคงเป็นเทพธิดาอันดับหนึ่งของสวรรค์ชั้นเจ็ด ผู้มีความสามารถแกร่งเกินผู้ใดไม่เปลี่ยนแปลง “ผู้ชายอะไรนั่นน่ะ กินได้หรืออย่างไร ข้าไม่เห็นจะอยากได้”เยี่ยนจื่ออวี๋ แม้มีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของประมุขสำนักชางอู๋แห่งแคว้นแต่กลับไร้พลังแต่กำเนิด แถมยังทำเรื่องงามหน้าอย่างการปีนขึ้นเตียงผู้ชาย!เพราะเรื่องฉาวโฉ่เกินทนทำให้หญิงสาวหายหน้าไปกว่าครึ่งปี แต่เมื่อกลับมาอีกครั้งสำนักชางอู๋ก็ถึงคราวสั่นสะเทือนจากหญิงสาวที่ไม่อาจฝึกพลังกลายเป็นปรมาจารย์มากสามารถ พลังสูงส่งเกินใครโอสถใดที่ว่ายาก นางกระดิกนิ้วเดียวก็สำเร็จสมบูรณ์ วิชาใดที่ฝึกไม่ได้นางล้วนทำได้จากหญิงสาวที่ทุกคนต่างเมินหน้าหนีกลายเป็นผู้สูงส่งที่ทุกคนต้องการประจบประแจงชายหนุ่มทั่วหล้าล้วนอยากเป็นพ่อเลี้ยงของเจ้าตัวเล็กกันทั้งนั้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท