บทส่งท้าย 24 พบเจอครอบครัวฝ่ายสามีกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา! แต่งให้ผีผี
หรงอี้ที่เดิมยังถือสาอยู่หากเห็นเช่นนี้แล้ว มุมปากก็โค้งขึ้นทันที นัยน์ตาดุจหยกม่วงฉายประกายสุกใสออกและรู้สึกว่าน่ารักยิ่ง!
“พรืด!” เยี่ยเชียนหลีก็รู้สึกว่าปฏิกิริยาตอบสนองของลูกสะใภ้น่ารักมากเช่นกัน ถึงกับเหมือนหลานชายตัวน้อยอย่างกับแกะจึงหอมแก้มด้วยความชอบยิ่งขึ้นไปอีกทันที “ทายสิว่าข้าคือใคร”
เยี่ยนอวี๋ “?”
นางยังไม่ได้สติจริงๆ
ดังนั้นนางจึงทำได้แค่เอียงคอมองสตรีที่ถามนางตามสัญชาตญาณ สิ่งที่ปรากฏในครรลองตาคือนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มดุจไข่มุกที่ด้านในเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสนิทสนมระคนซุกซนหลายส่วน ทั้งยังฉลาดเฉลียวยิ่ง
แค่นี้…
เยี่ยนอวี๋ก็เอ่ยเดาอย่างกล้าหาญ “พี่สาวสามีเหรอ”
“พรืด!” เยี่ยเชียนหลีหลุดหัวเราะออกมาเพราะกลั้นไม่อยู่ และหอมลูกสะใภ้ไปอีกครั้งหนึ่ง “ปากหวานจริงๆ!”
“แล้วข้าเล่า?” อวิ๋นจื่อซีที่เอียงดวงหน้าของภรรยาหลานชายให้หันกลับมาอย่างเบามือ นางมองภรรยาหลานชายที่ดูโง่งมคนนี้อย่างเฝ้ารอ “ข้าล่ะ ข้าล่ะ?”
คราวนี้เยี่ยนอวี๋ประสานสายตากับดวงตาคู่งามที่ร้อนแรง เฝ้าคอยและแฝงไปด้วยความเกียจคร้าน จริงใจหลายส่วนคู่หนึ่งจึงทายว่า “ท่านแม่?”
อวิ๋นจื่อซีไม่ยอม “ทำไมถึงไม่ใช่พี่สาวล่ะ”
“…ก็ ท่านแม่ค่อนข้างจิ้มลิ้มพริ้มเพรา ร้อนแรงและมีท่าทางเกียจคร้านของสตรีที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว พี่สาวค่อนข้างร่าเริงและปราดเปรียว มีความบอบบางงดงามของสาวน้อย” เยี่ยนอวี๋ตอบตามตรง ที่สำคัญก็คือสมองยังงุนงงอยู่เล็กน้อย
แม้จะกล่าวว่าตัวแม่ทัพเยี่ยนก็เคยเจอเหตุการณ์สำคัญมามากมาย แต่นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่นางลืมตาขึ้นมาแล้วก็ถูกสาวงามสองคนซ้ายโอบ ขวากอดและถูกระดมหอมแก้มอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้!
นี่…
ไม่เคยประสบมาก่อนจริงๆ
ในอดีตคนที่เคยหอมแก้มนางก็มีแค่สามีและบุตรชายของนางเช่นกัน
ดังนั้นแม่ทัพเยี่ยนในตอนนี้และเวลานี้จึงงุนงงอยู่บ้างจริงๆ
อวิ๋นจื่อซีเหรอ นางยิ้มกริ่มแล้วหอมแก้มภรรยาหลานชายปู่อีกครั้ง “แม้ว่าจะทายผิด แต่ปากก็หวานจริงๆ ให้รางวัลเป็นจุ๊บๆ ครั้งหนึ่ง”
เยี่ยนอวี๋ที่ถูกหอมแก้มหลายต่อหลายครั้งจึงถามว่า “ดังนั้น เป็นพี่สาวเหมือนกันเหรอเจ้าคะ”
“ฮ่าๆๆ…” อวิ๋นจื่อซีหัวเราะเสียงดัง “ไม่ใช่ ข้าคือท่านย่า”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
เยี่ยนอวี๋เบิกดวงตาคู่สวยกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ท่านย่าซีเหรอเจ้าคะ” ไม่ค่อยเหมือนกับที่นางจินตนาการเอาไว้เลย!
แม้ว่าทุกคนล้วนเป็นผู้บำเพ็ญตน การรักษาร่างกายให้เหมือนหนุ่มสาวนั้นไม่เป็นปัญหา แต่ท่านย่าท่านนี้จะกระฉับกระเฉง เปี่ยมไปด้วยพลังงานเกินไปหน่อยหรือเปล่า
เยี่ยนอวี๋รู้สึกว่าตนเองยังแก่กว่าท่านย่าเสียอีก
นางจึงรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย…
แต่ทว่า สิ่งที่ทำให้นางยิ่งทำอะไรไม่ถูกกว่าเดิมก็คือ สาวงามอีกด้านบอกนางว่า “ข้าต่างหากที่เป็นท่านแม่เจ้า!”
เยี่ยนอวี๋ “?”
ท่านย่ายังสาวอยู่ก็ช่างเถอะ
ท่านแม่ก็ยังเป็นสาวน้อยขนาดนี้ด้วยเหรอ
เยี่ยนอวี๋รู้สึกจริงๆ ว่าตนเองต่างหากที่อายุมากที่สุด
เยี่ยนอวี๋ที่จมเข้าสู่การครุ่นคิดในตอนนั้น มองดูแล้วดู ‘โง่งม’ จริงๆ
อวิ๋นจื่อซีไตร่ตรอง เกรงว่าภรรยาหลานชายคนนี้ของนางจะถูกอี้เอ๋อร์หลอกมาสินะ น่ารักขนาดนี้ ซื่อตรงขนาดนี้ ที่สำคัญก็คือยังสวยขนาดนี้ นางไม่เคยเจอสาวงามที่เครื่องหน้าทั้งห้าประณีตงดงามเช่นนี้มาก่อน มิน่าถึงได้ทำให้ อี้เอ๋อร์ชอบได้ อี้เอ๋อร์ เจ้าเด็กแสบนี่เป็นพวกหลงใหลเรื่องหน้าตาที่สุดแล้ว
ว้าว!
หากนางมีหลานสาวที่รูปโฉมงดงามขนาดนี้ก็ดีน่ะสิ! จะต้องสวยกว่าภาพวาดแน่นอน โดยเฉพาะนิสัยจะต้องเหมือนมารดาที่ว่าง่ายและนุ่มนวลแน่ๆ
“ซี๊ด!” อวิ๋นจื่อซีที่รู้สึกว่าตนเองอาจจะน้ำลายหก กลืนน้ำอึกหนึ่งโดยไม่รู้ตัว แต่มือกลับลูบเครื่องหน้าทั้งห้าของภรรยาหลานชายอย่างอดไม่อยู่ “สะใภ้ เจ้าดูสิ เครื่องหน้าทั้งห้าของเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ งดงามกว่าพวกข้ามากเกินไปแล้ว”
“ข้าเคยศึกษามาก่อนหน้านี้ นี่คือก็ใบหน้าสัดส่วนทองคำ! แม่สามี ท่านดูปากเล็กๆ นี่สิเจ้าคะ มากขึ้นหนึ่งส่วนก็หนาเกินไป น้อยลงหนึ่งส่วนก็บางเกินไป ยังมีระยะห่างระหว่างปากกับจมูกนั่นอีก ระดับความโด่งของจมูก ระยะห่างระหว่างคิ้วและระยะห่างระหว่างดวงตาสองข้าง…ล้วนเป็นสัดส่วนทองคำ! แน่นอนเจ้าค่ะ!”
“ใช่ๆๆ! เฆี่ยนตีผู้ที่ถูกเลือกให้ชนะเลิศนางงามทุกคนได้เลย”
“ไม่ใช่แค่นั้นนะ เฮปเบิร์นกับไดอาน่าอะไรนั่นล้วนห่างชั้นทั้งนั้น ความงดงามนี้ บุคลิกนี้ ผิวพรรณนี้ แม่สามี! ข้าอิจฉาอี้เอ๋อร์อยู่บ้าง เหตุใดในปีนั้นท่านจึงไม่ให้กำเนิดข้ากัน”
“…อยากจะถีบหวงหวงแล้ว”
“นั่นไม่ได้นะเจ้าคะ แม่สามี ท่านก็เพลาๆ ลงหน่อย อย่าทำให้ลูกสะใภ้ข้าตกใจ ดูสิ นางไม่พูดอันใดแล้ว” เยี่ยเชียนหลีรีบดึงมือที่อยู่ไม่สุขของแม่สามีออก “แม่สามี ท่านไปหาพ่อสามีเถอะเจ้าค่ะ อย่าได้ลงมือกับลูกสะใภ้ข้าเลย”
“ข้า…” เดิมอวิ๋นจื่อซีอยากจะเอ่ยว่า “ข้าเปล่า” แต่ผู้แซ่หวงบางคนทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วจึงได้โอบเอวนางขึ้นมา “ซีเอ๋อร์ เมื่อครู่นี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ”
อวิ๋นจื่อซีที่สะดุ้งตกใจรีบแกล้งโง่ในทันที “อะไรหรือ ข้าไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น ข้าก็แค่พูดว่าภรรยาหลานชายงดงามมาก หรือท่านไม่รู้สึกว่างาม?”
หรงหวงเลิกคิ้วยาวและรู้สึกได้อย่างลึกซึ้งว่า นี่คือคำถามที่ไม่ว่าจะตอบอย่างไรก็ล้วนล่วงเกินผู้อื่นทั้งนั้นข้อหนึ่งจึงรีบตอบว่า “ในสายตาสามี ซีเอ๋อร์งามที่สุด”
อวิ๋นจื่อซี “?”
ไม่จำเป็นต้องเตือนกันเช่นนี้ก็ได้…
แต่ก็ยังรู้สึกว่าในใจหวานล้ำ!
แต่แบบนี้ นางก็ไม่สะดวกจะจิกกัดกลับ
เช่นนั้นก็ทำได้แค่แกล้งโง่จนถึงที่สุด “หวงหวงดีจริงๆ!”
หรงหวงหัวเราะเยาะเบาๆ ด้วยสีหน้าท่าทางสูงศักดิ์
อวิ๋นจื่อซีก็กลัวแล้ว นางลูบใบหู ขณะลุกขึ้นยืนตรงอย่างไม่กล้าบุ่มบ่ามอีก
และในเวลาเดียวกันกับที่อวิ๋นจื่อซีถูกหิ้วขึ้นมา รัชทายาทมั่วก็ลงมือแล้ว ทว่าเขากวาดตามองเจ้าเสือดาวน้อยของเขาก่อนแวบหนึ่ง
หรงอี้ที่เข้าใจชัดเจนก็ก้าวเข้าไปดึงภรรยาออกมาจากอ้อมแขนของท่านแม่ “ท่านแม่ ท่านก็พอได้แล้วเช่นกัน อย่างไรเสียนี่ก็คือภรรยาของข้า”
“นั่นก็เป็นลูกสะใภ้ข้านะ!” เยี่ยเชียนหลีคิดจะแย่งมา
แต่ทว่า ฝ่าบาทของนางที่อยู่ด้านข้างถามว่า “เช่นนั้นหลีเอ๋อร์คิดว่าสามีน่ามอง หรือว่าลูกสะใภ้ของพวกเราน่ามองล่ะ”
เยี่ยเชียนหลี “?”
นี่เกรงว่าจะเป็นคำถามที่ไม่ว่าจะตอบอย่างไรก็ล้วนล่วงเกินผู้อื่นทั้งนั้นข้อหนึ่งสินะ
ฝ่าบาท ท่านหึงกระทั่งลูกสะใภ้ด้วยหรือ
“หืม?” รัชทายาทมั่วผู้หยิ่งยโสที่ไม่ได้คำตอบในทันทีก็เอ่ย “หืม” เสียงสูงวนอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชวนให้ใจเต้น ทำให้ใจของเยี่ยเชียนหลีสะเทือนไปรอบหนึ่ง!
หรงอี้เอ่ยขึ้นอย่างเอาใจใส่มารดา “ท่านพ่อ ท่านถามไม่ถูกต้องนะขอรับ ความงามระหว่างบุรุษและสตรีย่อมไม่เหมือนกัน”
“ถูกต้อง! ถูกต้อง” เยี่ยเชียนหลียิ้มตาหยีรับคำและคิดจะแย่งลูกสะใภ้ต่อ
แต่รัชทายาทมั่วย่อมไม่อนุญาต เขาโอบนางไว้ข้างกาย “เช่นนั้นที่เจ้าพูดว่าอิจฉาอี้เอ๋อร์นั้นมันอย่างไรกันแน่”
คราวนี้เยี่ยเชียนหลีแน่ใจแล้วว่า ฝ่าบาทของนางกำลังหึงจริงๆ ทั้งยังเป็นการหึงลูกสะใภ้ด้วย จึงกลอกตามองบนใส่เขารอบหนึ่ง ส่งสัญญาณให้เขาว่า “แค่พอประมาณก็พอ อย่าทำตัวน่าขายหน้า เป็นถึงปู่คนแล้วนะ!”
หรงมั่วน่ะหรือ เขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะคิดบัญชีตอนนี้ แต่เบนสายตามองไปทางลูกสะใภ้ “ลำบากอวี๋เอ๋อร์แล้ว นิสัยอี้เอ๋อร์ของพวกเราไม่ค่อยดี หวังว่าอวี๋เอ๋อร์จะไม่รังเกียจ”
ความจริงแล้วเยี่ยนอวี๋ยังคงงุนงงอยู่! เพราะท่านพ่อท่านนี้กับท่านปู่คนเมื่อครู่ก็เหมือนสามีของนางมากเกินไปแล้ว! ทว่าเมื่อพิจารณาถึงความคล้ายคลึงกันอย่างยิ่งของบุตรชายและสามีตนเองจึงสามารถยอมรับได้เช่นกัน
สำหรับปัญหานี้ เยี่ยนอวี๋ไม่ต้องครุ่นคิดจึงพูดโพล่งรับคำทันที “ท่านพ่อเกรงใจแล้ว สามีปฏิบัติต่อข้าดีมาก ทั้งยังปกป้องข้าและรักข้า”
เพราะคำว่า ‘ท่านพ่อ’ แววตาหรงมั่วจึงมีประกายใกล้ชิดสนิทสนมมากขึ้นหลายส่วน “ไม่ต้องระมัดระวังขนาดนั้น หากอี้เอ๋อร์รังแกเจ้าก็ไปบอกแม่เจ้า พ่อคงไม่ละเว้นเขา”
เยี่ยนอวี๋ “?”
หรือว่านี่คือท่านพ่อแท้ๆ ของข้ากัน
แต่ทว่า…
หรงหวงก็เอ่ยขึ้นมาเช่นกัน “พูดได้ถูกต้อง หากอี้เอ๋อร์ปฏิบัติกับเจ้าไม่ดี พวกเราจะซ้อมเขา”
อวิ๋นจื่อซีที่พยักหน้ารัว เอ่ยสำทับอย่างว่าง่าย “ถูกต้องๆ! ต้องเป็นเช่นนี้!”
เยี่ยเชียนหลียื่น “กรงเล็บปีศาจ” ออกมาดึงมือเล็กๆ ของลูกสะใภ้เอาไว้อีกครั้ง พร้อมกับเอ่ยรับรองว่า “ดังนั้นเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ไม่ต้องกลัว ในตระกูลหรงของพวกเรา สตรีใหญ่สุด”
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางที่ตะลึงไปครู่หนึ่ง ถึงได้เข้าใจอย่างสมบูรณ์แบบในที่สุด ภายใต้สายตาเป็นมิตรและปรารถนาดีแต่ละคู่
ที่แท้ นี่ก็คือคนในครอบครัวที่สามีมักจะคิดถึง รักใคร่กลมเกลียว เป็นมิตร อบอุ่น และกระตือรือร้น
เยี่ยนอวี๋จึงยิ้มรับคำทันที “ได้เจ้าค่ะ เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์จำเอาไว้แล้ว ขอบคุณท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านปู่หวงและท่านย่าซีนะเจ้าคะ”
“ขอบคุณอะไร! ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ตามหลักก็ควรจะเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว” เยี่ยเชียนหลียื่นมือออกไปอย่างต้องการจะหยิกแก้มสวยของลูกสะใภ้ แต่น่าเสียดายที่มือถูกฝ่าบาทของนางรั้งกลับมา
รอยยิ้มบนใบหน้าของเยี่ยนอวี๋กว้างขึ้น แต่นางก็ยังถอยไปก้าวหนึ่ง และโค้งเคารพหรงมั่วกับหรงหวง “ก่อนหน้านี้ ขอบคุณท่านพ่อกับท่านปู่หวงที่ช่วยเหลือนะเจ้าคะ”
เยี่ยนอวี๋รู้สึกได้ว่า ตอนที่นางดึงสวรรค์เก้าชั้นฟ้ามาที่โลกนี้ ก็ได้รับความช่วยเหลือจากท่านพ่อกับท่านปู่ทำให้นางได้รับประโยชน์มากมาย ไม่พูดถึงเรื่องที่นางทุ่นความคิดไปได้มากและยิ่งไม่จำเป็นต้องเดินอ้อมอะไร
หรงมั่วย่อมไม่ต้องการคำขอบคุณของนาง “แม่ของเจ้ากล่าวได้ถูกต้อง ครอบครัวเดียวกัน ตามหลักแล้วควรเป็นเช่นนั้น ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ”
หรงหวงก็พยักหน้าแสดงท่าทีไม่จำเป็นต้องขอบคุณจริงๆ
เยี่ยนอวี๋ยิ้มรับคำอีกครั้งและเอ่ยเชิญอย่างใจกว้าง “หากว่าสะดวก ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านปู่หวงและ ท่านย่าซีไปดูสวรรค์เก้าชั้นฟ้าที่ข้าเกิดและเติบโตมาด้วยกันไหมเจ้าคะ ท่านพ่อ ท่านแม่และพี่ชายสองคนของข้าล้วนอยู่นั่น”
“หือ” หรงหวงประหลาดใจหลายส่วน “เจ้ามีพ่อแม่ด้วยหรือ”
“เจ้าค่ะ” เมื่อเอ่ยถึงคนในครอบครัว เยี่ยนอวี๋ก็หรี่ตาคู่งามลง ในใจเกิดความรู้สึกคิดถึงครอบครัวขึ้นมา
หรงหวงประหลาดใจมากจริงๆ เพราะเขารู้สึกได้ว่า อุปนิสัยภรรยาของหลานชายคนนี้ของเขาน่าจะพอๆ กับเขา แต่เขาเป็นผู้ที่เกิดเองแตกดับเอง ไม่มีบิดามารดาแต่กำเนิด
แต่ก็เข้าใจความสงสัยของหรงอี้จึงอธิบายสิ่งที่ภรรยาตัวเองประสบมาทันที
หรงหวงถึงได้รู้ว่า ที่แท้ก็เป็นบิดามารดาที่เกิดใหม่ แต่เขาก็ไม่มี เขาหลังจากร่วงหล่นและกลับชาติมาเกิดใหม่ก็เป็นผู้ที่เกิดเอง แตกดับเองและเขาก็ไม่ได้แบ่งวิญญาณด้วยจริงๆ
“ทุกอย่างก็ราบรื่นดีแล้ว ไปกันตอนนี้เลยแล้วกัน!” อวิ๋นจื่อซีคิดจะทำอะไรสักหน่อย เพื่อให้สามีใจแคบลืมประโยคนั้นไปจึงเปลี่ยนความคิดทันที “พอดีเลย ไม่ต้องจัดงานครบขวบปีของเสี่ยวเป่าที่เขาพระสุเมรุแล้ว ไปจัดที่ตระกูลฝ่ายหญิงแล้วกัน”
อวิ๋นจื่อซีเอ่ยจบก็ไม่รอให้สามีตัดสินใจ รีบเอ่ยเรียก “เจ้าสี่!”
หรงหลินที่รับคำก็จนใจอยู่บ้าง “เจ้าสี่ที่ท่านแม่เรียกไม่อยู่ในสถานะที่จะให้บริการได้ขอรับ”
เมื่ออวิ๋นจื่อซีหันหน้าไปดูก็เห็นเจ้าสี่หรงที่กำลังนอนหลับสนิทอย่างมีความสุขจึงขมวดคิ้วเอ่ยว่า “ปลุกคนขึ้นมา เป็นถึงผู้อาวุโสกันแล้ว ยังไม่รีบมาเจอหลานสะใภ้ของพวกลูกอีก”
หรงหลินไม่มีทางเลือก การที่เขาไม่ได้เข้าไปทันทีก็ไม่ใช่เพราะปลุกเจ้าสี่หรงอยู่ตลอดหรือ! น่าเสียดายที่ปลุกไม่ตื่น
อวิ๋นจื่อซีเอ่ยจบก็เข้าใจ คนงามน้อยปลุกซาลาเปาจอมขี้เกียจไม่ตื่นก็ทำได้เพียงลุยด้วยตนเองแล้ว
หรงอี้เห็นว่านี่คือโอกาสเหมาะจึงเอ่ยแนะนำกับภรรยา “คนที่นอนหลับอยู่คืออาเล็กของข้า อีกคนคืออาสามของข้า”
เยี่ยนอวี๋พยักหน้า รู้ว่าไม่ควรให้ท่านอาทั้งสองมาพบนางจึงลากสามีเดินตามท่านย่าที่ยังสาวไปด้วยกันด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติยิ่ง
เยี่ยเชียนหลีที่เห็น ดวงตาก็โค้งเป็นเสี้ยว นางนึกว่าลูกสะใภ้เป็นคนขี้อาย ตอนนี้ดูแล้วไม่อาจหักห้ามใจได้จากอี้เอ๋อร์ได้เลย
เยี่ยเชียนหลีครุ่นคิด บุตรชายสามารถทำให้ลูกสะใภ้ที่หยิ่งในศักดิ์ศรีและซื่อตรงเป็นฝ่ายรุกได้เช่นนี้ เห็นได้ว่าชอบยิ่ง ความรู้สึกระหว่างสามีภรรยาก็ต้องดียิ่งแน่นอน
เดิมที เยี่ยเชียนหลียังกังวลเล็กน้อย เพราะนางรู้สึกว่าลูกชายไม่ใช่คนที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน ส่วนลูกสะใภ้ ดูแล้วก็ไม่ใช่คนที่จะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนเช่นกันจึงกลัวว่า แม้สองสามีภรรยาจะรักกันลึกซึ้ง แต่สภาพในการอยู่ร่วมกันกลับไม่ได้ดีมากนัก
ตอนนี้ดูท่า นางจะคิดมากเกินไปแล้ว
ขอแค่มีความรักลึกซึ้ง จะมีนิสัยเก็บตัวทั้งคู่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร!
แต่ว่า…
เมื่อมองเจ้าเสือดาวน้อยในอ้อมแขนกับหรงมั่วที่ยังคงจ้องลูกสะใภ้เขม็ง เขาก็ไม่พอใจจึงฉวยโอกาสที่ไม่มีใครมองมาแอบหยิกแก้มแม่เสือดาวที่ไม่เห็นใครในสายตาสักคนไปครั้งหนึ่ง “มองอะไร”
“ซี๊ด!” เยี่ยเชียนหลีเจ็บจนต้องกุมใบหน้าทันที “ทำอะไรน่ะ! ข้าเป็นย่าคนแล้วนะ ท่านยังจะหยิกแก้มข้าอีก”
“หยิกไม่ได้แล้วเหรอ” หรงมั่วเลิกคิ้วเล็กน้อย “พอเห็นคนที่งามกว่า ก็คิดจะทำตัวได้แล้วทิ้ง หยิกก็ไม่ยอมให้หยิกแล้ว”
เยี่ยเชียนหลี “?”
ฝ่าบาทของนางมีทักษะใน ‘การจิกกัดกลับ’ เพิ่มตั้งแต่เมื่อไรกัน
หรงมั่วที่ไม่ได้คำตอบแค่นเสียงเย็น “ทำไม เจ้ามีความคิดเช่นนั้นจริงๆ หรือ”
“ไม่มีเรื่องนั้นสักหน่อย!” เยี่ยเชียนหลีที่ปฏิเสธการแบกรับความผิดข้อนี้มึนงงแล้ว “ท่านอย่าพูดเหลวไหล!”
หรงมั่วเลิกคิ้วด้วยสีหน้าท่าทาง ‘รีบโอ๋ข้าเร็วเข้า‘ ต่อไป
เยี่ยเชียนหลีทั้งโมโห ทั้งขบขันในใจจึงเอ่ยเสียงเบาว่า “ท่านหึงลูกสะใภ้ท่าน ท่านคิดว่าหากพูดเรื่องนี้ออกไป ท่านยังจะมีเกียรติอีกไหม”
หรงมั่วที่นิ่งเงียบแสดงสีหน้าว่า เขาไม่สนใจเกียรตินั่น
เยี่ยเชียนหลีเห็นแล้วเข้าใจทันทีจึงหยิกเอวสอบแข็งแกร่งไปครั้งหนึ่ง “อย่าชวนทะเลาะโดยไร้เหตุผล!”
“รังเกียจอย่างที่คิดเอาไว้เลยจริงๆ” หรงมั่วหลุบตาลงเล็กน้อย ทั้งยังถอนหายใจกับเรื่องนี้อย่างหนักหน่วง
เยี่ยเชียนหลีใกล้จะหัวเราะแล้วจึงจุมพิตเขาไปครั้งหนึ่ง “เรียบร้อยแล้ว เด็กดี ความงามของท่านยังไม่โรยรา ข้าจะแข็งใจรังเกียจท่านได้อย่างไร วางใจเถอะ ตอนนี้ท่านยังเป็นคนที่ข้ารัก!”
หรงมั่วที่ถูกมองเป็น ‘สาวน้อย‘ ก็ไม่สนใจ เพียงแค่เอ่ยว่า ”จุมพิตตรงไหน“
เยี่ยเชียนหลีกวาดตามองรอบด้านทันที เมื่อเห็นว่าไม่มีใครมองมา ถึงได้รีบจุมพิตลงบนกลีบปากบางดุจดอกอิงฮวาของเขาไปครั้งหนึ่ง
หรงมั่วซึ่งเห็นว่าสถานที่ไม่เหมาะสมถึงได้เอ่ยอย่างพอใจว่า “จะละเว้นเจ้าไปก่อน”
“ขอบคุณแม่นางที่ไม่คิดเล็กคิดน้อย!” เยี่ยเชียนหลีที่กลั้นหัวเราะจึงลากคนไปรวมกับหลายคนทางด้านนั้น
คราวนี้เยี่ยนอวี๋ก็ได้พบกับท่านอาทั้งสองอย่างเป็นทางการเรียบร้อย หรงหวงทนเห็นท่าทางเกียจคร้านของบุตรชายไม่ได้จึงเอ่ยไล่คนว่า “ไปดินแดนเสวียนเทียนเชิญตระกูลท่านตาท่านยายเจ้ามา“
“อ้อ” เจ้าสี่หรงขยับตัวอย่างเกียจคร้าน
หรงหลินกลับถูกอวิ๋นจื่อซีสั่งให้ไปเชิญคนฝั่งตระกูลมารดาของเยี่ยเชียนหลี
เสร็จแล้ว อวิ๋นจื่อซีก็ยังเอ่ยว่า “ทางด้านหลงตี้ หวงหวง ท่านก็ส่งข่าวไปหน่อย ตอนที่มันมาให้พาเจ้าอ้วนมาด้วย อ้วนคิดถึงอี้เอ๋อร์แล้ว”
“ใช่แล้ว ทุกวันเจ้าอ้วนต้องถามข้าว่า อี้เอ๋อร์กลับมารึยัง” เมื่อเยี่ยเชียนหลีเอ่ยถึงมังกรน้อยตัวอ้วนพีตัวนั้นของตนเองก็ปวดหัวอยู่บ้าง
“ข้าก็คิดถึงเหมือนกัน!” ดอกไม้น้อยไท่อี่ที่กระโดดออกมาด้วยตนเองกลายร่างเป็นสาวน้อยทันที และกำลังยิ้มให้หรงอี้
หรงอี้ยกมือขึ้นลูบศีรษะของสาวน้อย “ไม่เจอกันนานเลยนะ”
“ปิ้ว!”
ทันใดนั้น ดอกไม้รสหมาล่าผลิบานออกจากร่างเล็กๆ เอง มันดูจะอยากรู้อยากเห็น! และมองสาวน้อยไท่อี่อย่าง “อึ้ง” อยู่นาน นานมากๆ
สาวน้อยดอกไม้ยื่นมือเล็กๆ ไปทางมัน ฝ่ายหลังร่วงลงบนฝ่ามือพี่สาวไท่อี่ทันทีแล้วโยกซ้ายโยกขวาแลดูเบิกบานใจอย่างเห็นได้ชัด
เยี่ยเชียนหลีกำลังยิ้ม “ดูท่าดอกไม้สองดอกนี้จะมีอะไรเล่นแล้ว”
“ไปเถอะขอรับ” หรงอี้เอ่ย “เป็นเพราะทางด้านสวรรค์เก้าชั้นฟ้าไม่มีผู้ใหญ่อะไร ตอนนี้อาจจะวุ่นวายอยู่บ้าง ข้ามไปดูเร็วหน่อยเถอะ”
พวกหรงหวงย่อมไม่มีความเห็นอะไร คนทั้งขบวนเดินทางไปยังสวรรค์เก้าชั้นฟ้าทันที
ในเวลาเดียวกันนั้น…
สวรรค์เก้าชั้นฟ้าที่ไม่ได้เกิดเหตุร้ายอะไรก็นับว่าสงบนิ่ง
และที่ไม่สงบยังคงเป็นแดนทางเหนือ…
แอนนาซึ่งปรับลมหายใจเสร็จเรียบร้อยแล้วเพิ่งจะลืมตาก็สบเข้ากับดวงตาน้ำหมึกคู่งามที่ดูจะเป็นห่วงคู่หนึ่ง ขนตายาวเป็นแพทำให้แอนนามองดูด้วยความตะลึงงันครู่หนึ่ง
อย่างไรก็ตาม เจ้าของดวงตาคู่นี้ได้เอ่ยว่า “ภรรยารู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง”
แอนนา “!” อยากจะหลับตาปรับลมหายใจต่อไป!
แต่ทว่า…
เซ่าเฮ่าที่อยู่อีกด้านเอ่ยขึ้นว่า “ผู้อาวุโสแอนนา ไม่เคยคิดเลยว่าท่านกับเราจะมีวาสนาต่อกันเช่นนี้ กลายเป็นสะใภ้ของตระกูลหรงแล้ว หากอิงตามลำดับอาวุโส ก็สามารถเป็นอาสะใภ้ของนายท่านได้เลย“
“อาสะใภ้อะไรกัน” เทียนตี้ที่เพิ่งลืมตาขี้นงุนงงเล็กน้อย ทว่าเขาก็นึกถึงคำพูดที่ได้ยินก่อนจะปรับลมหายใจรักษาอาการบาดเจ็บขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วจึงมองไปทางบุรุษแปลกหน้าตรงหน้าด้วยความเข้าใจทันที “ดังนั้นท่านคือ ท่านอาของอาจารย์พ่อหรือ”
“ถูกต้อง” หรงเจ๋อพยักหน้า เมื่อครู่เขาได้สนทนากับเซ่าเฮ่าแล้ว รู้ว่าหนุ่มสาวสองคนที่มาทีหลังนี้คือลูกศิษย์ของผู้ใต้บังคับบัญชาของหลานสะใภ้
สีหน้าท่าทางของเทียนตี้พูดยากอยู่บ้าง “เช่นนั้นลำดับอาวุโสของข้าก็ต้องลดลงขั้นหนึ่งอย่างไม่มีสาเหตุน่ะสิ ในภายภาคหน้าก็ต้องเรียกแอนนาว่าอาสะใภ้หรือ” ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรเลย…
แต่ทว่า แอนนาตะคอกอย่างไม่พอใจ “พูดเหลวไหลอะไรกัน! อย่ามานับญาติซี้ซั้วนะ! เห็นอยู่ชัดๆ ว่าข้าอายุเท่ากับเยี่ยนอวี๋ อาศัยอะไรให้นางมาเรียกข้าว่าอาสะใภ้ ไม่ถูกต้อง นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องลำดับอาวุโสด้วยซ้ำ! ข้าไม่เคยคิดจะแต่งงานนะ!”
“จะไม่แต่งได้อย่างไรกัน พวกเราล้วนกระทำเช่นนั้นแล้ว! ไม่แต่งงานได้อย่างไร!?” หรงเจ๋อก็โมโหเช่นกัน ทำไมแม่นางผู้นี้ถึงได้เป็นเช่นนี้นะ จะไม่รับผิดชอบหรือ
แอนนาบันดาลโทสะกว่าเดิม “เช่นนั้นเจ้าบอกมาสิว่า พวกเราทำไมกัน ก็แค่เจ้าทับข้าเล็กน้อยไม่ใช่เหรอ! มีอะไรร้ายแรงกัน เหตุใดถึงได้วุ่นไปถึงเรื่องแต่งงานได้!?”
“ทำไมจะไม่ต้อง!? ข้านอนบนตัวเจ้าแล้ว! อีกทั้งอะไรที่เรียกว่าเล็กน้อย นั่นเรียกเล็กน้อยหรือ!?” หรงเจ๋อโมโหมาก
ส่วนอวิ๋นจื่อซีที่เพิ่งร่วงลงมา นาง นาง…
นางรู้สึกเหมือนตนเองโดนฟ้าผ่า!
นี่นาง…
นี่นางได้ยินวาจาอนาจารอะไรกัน!?