เยี่ยนฉี่ซานสมองตื้อและขนหัวลุกไปหมด! เขารู้ดีว่าไม่สามารถรักษาแขนของเขาไว้แล้ว เขาจึงยื่นมือข้างขวาที่กำลังสั่นระริกไปข้างหน้าแต่โดยดี
แสงสีดำวาบตัดผ่าน ฉึบ แขนของเยี่ยนฉี่ซานหลุดจากหัวไหล่ทันที เขาเจ็บปวดจนกุมบาดแผลไว้แล้วกลิ้งตัวไปมา พร้อมเสียงร้องอันเจ็บปวดดังขึ้นไม่ขาดสาย โอย โอย…
บาดแผลของเยี่ยนฉี่ซานไม่เหมือนกับคนก่อนหน้าที่ถูกตัดแขนไป บาดแผลของเขายังมีควันสีดำกัดกร่อนคละคลุ้ง นี่คือผลของการคิดหลบหนีของเขา
“…” ทุกคนในนั้นเสียวสันหลังวาบ โดยเฉพาะคนที่ร่วมกระทำรุนแรง แต่ยังไม่ถูกตัดแขน พวกเขาต่างหวาดกลัวจนถอยหนีเข้าไปในกลุ่มคน
เม่ยเอ๋อร์ไม่คิดจะปล่อยแม้เพียงคนเดียวอยู่แล้ว “มีใครทำอีก ยกมือและยื่นออกมาข้างหน้าเองเสีย”
“…” คนที่ร่วมกระทำ ไม่มีผู้ใดยอมเดินออกมา! และไม่ยอมยกมือสารภาพอย่างโง่เขลา
แต่แล้ว
“ออกมา!” รังสีอสุรีของเม่ยเอ๋อร์ที่จู่ๆ ก็แผ่ซ่านออกมา ทำเอาคนที่ร้อนตัวต่างปล่อยโฮ ร้องไห้เสียงดังทันที
“ข้า ข้า ไม่ไม่ได้ตั้งใจนะ!”
“คืนกลับไปได้หรือไม่ ฮือๆๆ…” เหล่าผู้คนที่ก่อนหน้านี้ดึงทึ้งกันสนุกสนานเพียงใด ก็ยิ่งร้องไห้ระทมมากเพียงนั้น มิน่าโลภมากเลย! ของได้เปล่าไม่มีในโลกจริงๆ!
แน่นอนว่ามีคนจำนวนหนึ่งยังคงพูดอย่างกล้าหาญว่า “สัตว์ประหลาดตัวนี้คือมนุษย์วานรหวาไหว พวกเราลงมือไปแล้วอย่างไรเล่า เหตุใดจึงต้องมาตัดมือพวกเราด้วย”
“นั่น…” ครั้นมีคนจะพูดเห็นด้วย ทว่าคนคนนี้พูดออกมาเพียงคำเดียว ก็ไม่กล้าพูดต่อแล้ว เพราะว่าคนกล้าหาญเมื่อครู่นี้ ถูกตัดแขนทั้งสองข้างทิ้ง เลือดที่ยังอุ่นอยู่นั้นยังสาดกระเซ็นมาถูกใบหน้าของเขา
“ข้า…”
ฟุบ
ผู้คนมิกล้าส่งเสียงอีก พวกเขาคุกเข่าลงด้วยความหวาดกลัว
แม่เจ้า…
โหดร้ายเช่นนี้เลยหรือ
ผู้ใดไม่ต่อต้าน ตัดแขนข้างเดียว ผู้ใดต่อต้าน ตัดแขนสองข้าง หากผู้ใดคิดหนี เพิ่มโทษ
นี่ยังไม่นับรวม…
หลังจากที่คนที่ร้องไห้ถูกตัดแขนแล้ว เม่ยเอ๋อร์ก็ถามต่อว่า “ยังมีใครอีก พวกเจ้าจงชี้ตัวมา”
นี่มัน…
คนที่ถูกตัดแขนไปชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว และชี้ไปที่คนนั้นที คนนี้ที “มีเขา! เขา และเขาอีก” ให้ตายเถอะ ในเมื่อทุกคนลงมือด้วยกัน เหตุใดข้าต้องถูกตัดแขนคนเดียว แล้วเจ้ากลับไม่ถูกตัดเล่า
เหล่าคนที่ถูกตัดแขนที่มีความคิดเช่นนี้ ต่างชี้ตัวผู้สมรู้ร่วมคิด ก็ไม่น่าแปลกใจหรอก ย่อมไม่มีคำว่ามิตรภาพและความละอายใจในหมู่คนที่กระทำความรุนแรงเพราะถูกยุยงด้วยคำพูดเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ พวกเขาชี้ตัวกันอย่างไร้ซึ่งความรู้สึกผิดใดๆ
ลูกศิษย์ทั้งสี่นายของหอเจ้าสำนักที่ปรากฏตัวอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก พวกเขาก็พบว่าตนเองช่างไร้ประโยชน์เสียจริง เพราะว่าวีรสตรีชุดดำที่เพิ่งมาถึง ได้ตัดแขนเหล่าคนหัวรุนแรงหมด ไม่เหลือแม้เพียงคนเดียว
นี่มัน…
ง่ายดายเช่นนี้เลยหรือ
ศิษย์ทั้งสี่นายของหอเจ้าสำนักตะลึงงัน
เหล่าคนดูคนอื่นๆ ต่างเงียบกริบราวกับจักจั่นในช่วงเหมันตฤดู แม้พวกเขาไม่ได้เข้าไปและมิได้ใช้ความรุนแรง แต่พวกเขาก็ส่งเสียงร้องส่งเสริมและด่าว่าอย่างสาดเสียเทเสีย พวกเขาจึงกลัวว่าจะถูกล้างแค้น!
นี่ก็เป็นสิ่งที่บรรดาศิษย์หอเจ้าสำนักไม่เข้าใจเหมือนกัน กลุ่มคนผู้ใสซื่อเหล่านี้ เหตุใดจึงเชื่อฟังนัก พวกเขาถือตนเป็นคนหมู่มาก มักจะร้องโหวกเหวกไม่หยุดหย่อน เพราะต่างรู้ว่ากฎหมายไม่ลงโทษคนหมู่มาก
แต่เหล่าผู้คนตรงหน้านี้ กลับเชื่อฟังราวกับนกกระทา มิกล้าลุกฮือต่อต้าน
จนเมื่อมีเสียงดัง แซด กลางอากาศ คนมุงดูที่กลัวจนตัวสั่นงันงกก็รู้ว่ายอดฝีมืออีกคนมาเยือนแล้ว พวกเขาจึงโล่งใจเล็กน้อย
“เกิดอะไรขึ้น” คนที่ปรากฏตัวอยู่กลางอากาศคือผู้อาวุโสเก้าและเยี่ยนชิง พวกเขาส่งขันทีคัดเลือกหญิงงามให้ผู้อาวุโสรองรับรองต่อแล้ว เพียงแต่ว่าทั้งสองคนและเหล่าผู้ติดตามรีบเร่งมาถึง กลับตกตะลึงกับภาพเบื้องหน้า แม้ผู้อาวุโสเก้าจะรู้ว่าเยี่ยนอวี๋และสาวใช้ของนางเป็นตัวก่อเรื่องหลัก แต่ว่า…
ทั้งสองคนนี้เพิ่งออกมานี่ เหตุใดเยี่ยนฉี่ซานก็เหมือนไม่มีชีวิตแล้ว เหล่าผู้คนใสซื่อที่ต้องฮือฮากับเรื่องที่เยี่ยนชิงมีส่วนเกี่ยวพันกับมนุษย์วานรหวาไหวกลับเงียบกริบ พวกเขายืนนิ่งงันอย่างเป็นระเบียบอยู่เช่นนั้น
ทั้งหมดนี้ไม่เหมือนกับภาพที่ผู้อาวุโสเก้าคิดไว้เลย! เขาถามตวาดไปที่เยี่ยนฉี่ซานที่กำลังงึนงันว่า “เกิดอะไรขึ้น”
เยี่ยนฉี่ซานที่กำลังส่งเสียงร้องและกลิ้งไปมาบนพื้นไม่ได้ยินสิ่งที่ผู้อาวุโสเก้าถาม เขาเจ็บปวดมากเกินกว่าจะสนใจสิ่งอื่นใด
นายท่านเหอทำท่าจะฟ้อง แต่สายตาของเม่ยเอ๋อร์ที่สาดมองมาทางเขา ทำให้เขาไม่กล้าปริปาก แล้วเขาจะกล้าฟ้องได้อย่างไร ผู้อาวุโสเก้าจึงรู้สึกเก้อเขินเมื่อพบว่าไม่มีผู้ใดสนใจเขา!
เมื่อเยี่ยนชิงมาถึง สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาของเขาก็คือรถคุมนักโทษที่อาบโชกไปด้วยเลือด “จื่อเสา?”
“…” มีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ
เนื่องจากเยี่ยนจื่อเสาที่อยู่ในรถคุมนักโทษนั้น แม้แต่ลมหายใจก็แผ่วเบามากแล้ว เขาจะส่งเสียงขานตอบได้อย่างไรอีกเล่า เลือดยังคงไหลซิบทั่วทั้งลำตัวของเขา จนเหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้าย และเลือดของเขาก็ได้ย้อมผืนหิมะกลายเป็นสีแดงฉานรอบรถคุมนักโทษเป็นวงกว้างแล้ว
“จื่อเสา!” เยี่ยนชิงแสดงสีหน้าผวาทันที แต่กลับไม่กล้าแหกรถคุมนักโทษคันนั้นเพื่อช่วย ‘นักโทษ’ ที่เป็นลูกชายรองของเขา เขากลัวว่าหากเขาลงมือ จะทำให้ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของลูกชายหมดไป
นี่ก็เป็นเหตุผลที่เยี่ยนอวี๋ไม่ขยับ นางเห็นแจ่มชัดกว่าเยี่ยนชิง เยี่ยนจื่อเสาในรถคุมนักโทษนั้นมิสามารถแตะต้องได้ นางกำลังคิดว่าจะช่วยเขาอย่างไร
หากมีแค่บาดแผลก็คงเป็นเรื่องง่าย แต่สิ่งสำคัญคือ เยี่ยนอวี๋พบว่าเยี่ยนจื่อเสายังถูกวางยาพิษด้วย ซ้ำร้ายยังเป็นพิษแปลก ยารักษาบาดแผลที่นางมีในตอนนี้ ยังเป็นตัวกระตุ้นประสิทธิภาพของยาพิษให้ทำงานได้ดีขึ้น
“ร้ายนัก” เยี่ยนอวี๋พึมพำ มองความเหี้ยมโหดของผู้วางยาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง หากนางมาช้าไป และหมอท่านอื่นมาถึงก่อนและรักษาเขาในทันที อาจทำให้เขาตายได้ อีกทั้งยังเป็นการตายชนิดที่ระเบิดตายได้
สิ่งมีชีวิตตัวน้อยมองเยี่ยนจื่อเสาที่เลือดไหลไม่หยุด เขาก็ส่งเสียงร้องขึ้นราวกับอยากมีส่วนร่วม และยังพยายามเกี่ยวมือน้อยๆ ของตนไปบนรถคุมนักโทษคันนั้น เพื่อลูบท่านลุงที่อยู่ในนั้น
“เสี่ยวเป่าอย่าดื้อ” เยี่ยนอวี๋หอมหน้าผากของเด็กน้อย จากนั้นจึงสั่งขึ้นว่า “เม่ยเอ๋อร์ ค้นตัวหายาแก้พิษเดี๋ยวนี้”
“เจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่” เม่ยเอ๋อร์ได้รับคำสั่ง ก็ใช้พลังจากฝ่ามือดูดตัวเยี่ยนฉี่ซานที่ยังกลิ้งไปมาอยู่บนพื้นมาข้างกาย ผู้อาวุโสเก้าตาเหลือกตาพองอีกครั้ง
เมื่อเห็นเม่ยเอ๋อร์กำลังจะค้นตัว ผู้อาวุโสเก้าก็เพิ่งตั้งสติได้ รีบดุว่า “บังอาจ!”
“ไสหัวไป!” เม่ยเอ๋อร์สาดสายตาเลือดเย็นใส่ ครั้นกำลังจะลงมือ เยี่ยนชิงกลับเร็วกว่านาง เขากดตัวผู้อาวุโสเก้าไว้ทันที “ผู้อาวุโสเก้า ทางที่ดีเจ้าอย่าขยับเลย”
“หมายความว่าอย่างไร” ผู้อาวุโสเก้าโกรธกริ้วจนตาถลนใส่ราวกับกบ พลังที่กำลังจะระเบิดเพราะความอดกลั้นไม่ไหวกำลังจะปะทะกับเยี่ยนชิง
เม่ยเอ๋อร์กลับพบปัญหา จึงพูดว่า “คุณหนูใหญ่ ไม่มียาแก้พิษเจ้าค่ะ”
“ไม่มีอย่างนั้นหรือ” เยี่ยนอวี๋เองก็ไม่รู้สึกแปลกใจนัก ทำได้เพียงถอนหายใจ แล้วพูดว่า “เช็ดเสียสะอาดจริงเชียว” ในเมื่อไม่มีประโยชน์แล้ว “เช่นนั้นก็ฆ่าทิ้งเสียเถิด”
“เจ้าค่ะ! คุณหนูใหญ่” เม่ยเอ๋อร์น้ำเสียงตื่นเต้น ฝ่ามือหนึ่งพุ่งตรงไปทางสันหลังของเยี่ยนฉี่ซานดัง ตุบ
ผู้อาวุโสเก้าชะงัก เขาไม่คิดเลยว่าเยี่ยนอวี๋จะเป็นคนประเภทบอกว่าฆ่าก็ฆ่าทิ้งเสียเช่นนี้ จากนั้นเขาก็รีบตะโกนเกรี้ยวกราดว่า “หยุดเดี๋ยวนี้!”
ตุบ!